แชร์

บทที่ 564

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เฟิ่งชูอิ่งกำลังดื่มน้ำ ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้นก็สำลักน้ำทันที

นางจ้องปู๋เยี่ยโหวแล้วเอ่ยว่า “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

ปู๋เยี่ยโหวจึงเอ่ยประโยคเดิมให้นางฟังอีกครั้ง “ข้าสังหารคนแคว้นซีฉู่ที่แอบลอบเข้าเมืองหลวงทั้งหมดแล้ว”

เฟิ่งชูอิ่งจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ สีหน้าสับสนเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้

นางพยายามปลอบใจตัวเอง นั่นคือนางเอก เป็นคนที่สวรรค์เจาะจงเลือกมา ปู๋เยี่ยโหวไม่มีทางฆ่านางได้หรอก

ปู๋เยี่ยโหวยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “ชูชู พวกเราสนิทสนมกันถึงเพียงนี้แล้ว หลังจากนี้ไปหากเจ้าอยากให้ข้าทำเรื่องอะไร เจ้าก็บอกข้าตรงๆ ได้เลย”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจาอ้อมค้อมกับข้าเช่นนี้ไปตลอด หากข้าช่วยอะไรได้ก็พร้อมจะทำเพื่อเจ้าเสมอ”

ใบหน้าเฟิ่งชูอิ่งเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าอยากให้เจ้าสังหารคนของแคว้นซีฉู่ล่ะ?”

ปู๋เยี่ยโหวตอบ “มารดาของเจ้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นซีฉู่ ตอนที่มารดาของเจ้าตั้งครรภ์ พวกเขาก็คิดจะฆ่าเจ้าแล้ว”

“สาเหตุที่พวกเขาลอบเข้าเมืองหลวงมาตอนนี้ จะต้องมาเพื่อสังหารเจ้าแน่นอน”

เฟิ่งชูอิ่ง “......”

ตรรกะความคิดของเขาทำให้นางอึ้งมากจริงๆ นางไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาจะเข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 565

    สตรีนางนั้นเห็นเฟิ่งชูอิ่งก็แสดงท่าทีหวาดกลัวผ่านแววตา ถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”ตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไปหมด ทว่าใบหน้ากลับสงบนิ่งอย่างมาก เอ่ยถามเสียงเย็นชาว่า “เจ้ามีนามว่าอะไร? มาจากที่ไหน?”สตรีนางนั้นแค่มองเห็นนางก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว จึงต้องยอมตอบคำถาม “ข้ามีนามว่าเฟิ่งชืออิน มาจากแคว้นซีฉู่”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางรู้สึกสับสนอย่างหนัก นางเอกในนิยายก็มีนามว่าเฟิ่งชืออินเหมือนกัน!สถานการณ์ตรงหน้าทำให้นางปวดหัวอย่างมาก นางยังคงมีความหวังเล็กๆ อยู่ในใจ หากว่าเฟิ่งชืออินคนนี้แค่มีชื่อเหมือนนางเอกในนิยายล่ะ?นางปรับสภาพจิตใจแล้วถามว่า “ในเมื่อเจ้ามาจากแคว้นซีฉู่ ถ้าอย่างนั้นเจ้ามีฐานะอะไรในแคว้นซีฉู่ล่ะ?”เฟิ่งชืออินตอบ “ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นซีฉู่”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางรู้สึกปวดขมับตุ้บๆ อย่างฉับพลัน ปวดอย่างรุนแรงมากด้วยประโยคของเฟิ่งชืออินทำให้ความหวังเสี้ยวสุดท้ายในใจของเฟิ่งชูอิ่งถูกทำลายสิ้น นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย!นางยกมือขึ้นลูบหัวใจตนเองเบาๆ หันมองปู๋เยี่ยโหวแล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะฉีกร่างเขาให้เป็นชิ้นๆนางอยากให้เขาเลิกยุ่งวุ่นวายกับตนเอง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 566

    ปู๋เยี่ยโหวถามอย่างเป็นห่วง “ชูชู เจ้าเป็นอะไรไป?”เฟิ่งชูอิ่งนวดหว่างคิ้วแล้วเอ่ย “เจ้าอย่าเพิ่งคุยกับข้า ข้าอยากอยู่เงียบๆ สักพัก”ปู๋เยี่ยโหวร้อง ‘อ้อ’ จากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ขยับเขยื้อนเฟิ่งชืออินยังอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่นางไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้สักเท่าไหร่เจ้าบุรุษชาติหมาที่ฆ่านางคนนี้ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวท่าทางแข็งแกร่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นตรงหน้าสัญชาติญาณร้องบอกนางว่าความตายของนาง จะต้องเกี่ยวข้องกับสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้แน่นางจึงถามว่า “ทำไมพวกเจ้าจะต้องฆ่าข้าด้วย?”เฟิ่งชูอิ่งสูดหายใจลึกๆ แล้วตอบ “เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกัน”“ในเมื่อเจ้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นซีฉู่ แล้วเจ้ามาที่เมืองหลวงเพื่ออะไรกันล่ะ?”เฟิ่งชืออินคิดว่าจนป่านนี้แล้วจะปิดบังไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา จึงตอบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าทำนายดวงชะตาว่าจะเกิดเหตุประหลาดขึ้นในเมืองหลวง คล้ายว่าสายเลือดในตัวลูกสาวของสตรีศักดิ์สิทธิ์คนก่อนจะตื่นขึ้น”“ข้ามาที่นี่เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”นัยน์ตาของเฟิ่งชูอิ่งล้ำลึกขึ้น นางถามว่า “หลังจากยืนยันได้แล้วเจ้าจะทำอย่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 567

    นางถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “สตรีศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นซีฉู่ถูกเลือกโดยสวรรค์อย่างแท้จริง ข้าฝีมือเทียบชั้นเจ้าไม่ได้ ตอนนี้ตายแล้วก็คงต้องยอมรับความพ่ายแพ้”ประเด็นคือถึงนางจะไม่ยอมรับก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี!ลำพังแค่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวบนร่างของเฟิ่งชูอิ่ง นางก็ตระหนักได้แล้วว่านางไม่อาจสู้รบปรบมือกับเฟิ่งชูอิ่งได้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้างกายของเฟิ่งชูอิ่งยังมีวิญญาณร้ายที่แข็งแกร่งมากอยู่อีกตัวหนึ่ง นางจะกล้าทำอะไรล่ะในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ยอมปล่อยวางไปเสียดีกว่านางคิดว่าตนเองช่างโชคร้ายเหลือเกิน ถึงได้พบเจอคู่แข่งอย่างเฟิ่งชูอิ่งเฟิ่งชูอิ่งถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าต้องการฆ่าข้า แต่เจ้ายังไม่ทันจะได้ลงมือจริงๆ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่มีหนี้แค้นต่อกัน”“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ข้าจะช่วยสวดส่งวิญญาณให้เจ้าไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีก็แล้วกัน”ปู๋เยี่ยโหวฆ่าเฟิ่งชืออินไปแล้ว เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้ว การส่งเฟิ่งชืออินไปเกิดใหม่คงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้วเฟิ่งชืออินถอนหายใจยาวเหยียด “เอาเถอะ!”หลังจากเฟิ่งชูอิ่งสวดส่งเฟิ่งชืออินเรียบร้อยแล้ว นางก็รู้สึกสับสนยิ่งกว่าเดิมปู๋เยี่ยโหวเป็นคนที่มีคว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 568

    เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยยิ้มๆ “ข้าใช้อาคมต้องห้ามแล้วยังทิ้งแผลเอาไว้นานโดยไม่ได้รักษา จะหายช้าก็ไม่แปลกหรอก”“หากไม่ใช่เพราะมีท่านพ่ออยู่ด้วย ขาข้างนี้ของข้าอาจจะต้องตัดทิ้งไปแล้ว”เหมยตงยวนบอกว่าเขารู้วิชาแพทย์เล็กน้อย แต่นั่นเป็นเพียงคำพูดถ่อมตนวิชาแพทย์ของเขาเหนือกว่าหมอทั่วไปเสียอีก เทียบเท่ากับหมอหลวงที่อยู่ในวังได้เลยช่วงที่ผ่านมาเหมยตงยวนช่วยรักษาขาของนางอย่างใส่ใจ ตอนที่ขาหักช่วงแรกๆ มันดูเหมือนจะไม่สามารถรักษาให้หายดีได้ด้วยซ้ำ เขาเป็นคนที่ทุ่มเทรักษาให้นางจนมันดีขึ้นมาได้เพราะถูกผลของอาคมต้องห้าม นางจึงฟื้นฟูบาดแผลได้เชื่องช้ามาก แล้วกว่าจะได้รักษาก็ทิ้งเอาไว้นานแล้ว แผลย่อมต้องหายช้าอยู่แล้วโชคดีที่ตรงนี้ห่างไกลและไม่มีใครมารบกวน เหมาะแก่การพักรักษาตัวมากเฟิ่งชูอิ่งคำนวณดูคร่าวๆ บาดแผลของนางคาดว่าต้องพักรักษาอีกเกือบครึ่งปีถึงจะหายดีเป็นปกติคนอื่นบาดเจ็บกระดูกเส้นเอ็นใช้เวลาหนึ่งร้อยวันในการรักษา ส่วนนางต้องใช้เวลามากกว่าสามเท่า คิดแล้วก็หนักใจเหลือเกินช่วงที่ผ่านมานี้นางว่างมากจริงๆ ถึงชวนเฉี่ยวหลิงให้ฝึกวิชากับเหมยตงยวนขาของนางยังไม่หายดี แต่วิชาของนางกลับรุดหน้าอย่างรวดเร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 569

    หลังจากจัดการเสร็จเรียบร้อย เขายังกับองครักษ์ยังช่วยกันปรับปรุงหลุมศพอย่างดี จนสภาพของมันเหมือนกับก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตนเองช่างเป็นคนที่คิดอย่างรอบคอบ รู้จักกันไว้ดีกว่าแก้หากมีศพของเฟิ่งชืออินอยู่ข้างใน หลังจากนี้ไปก็ไม่ต้องกลัวว่าจิ่งโม่เยี่ยจะมาขุดหลุมศพแล้วเขาเดินทางกลับเข้าเมืองหลวงอย่างสบายใจ ทว่าพอเขากลับมาถึงก็ถูกจิ่งโม่เยี่ยเรียกตัวไปพบทันทีเขาเห็นหน้าจิ่งโม่เยี่ยก็ถามว่า “ท่านอ๋อง คราวนี้ข้าทำงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วนะถึงได้ออกไปข้างนอก”ฉินจื๋อเจี้ยนที่อยู่ข้างๆ เสริมว่า “ท่านยัดเยียดหน้าที่ของตัวเองทั้งหมดให้ลูกน้องใต้บังคับบัญชาทำ”ปู๋เยี่ยโหวยิ้มหวาน “ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาเลยนี่ ขุนนางชั้นผู้น้อยที่แบ่งเบาภาระของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไม่ได้ ไม่นับว่าเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยที่ดี”“อีกอย่างหนึ่ง หากข้าต้องทำเองไปเสียทุกอย่าง ข้าจะมีพวกลูกน้องเอาไว้ทำไมล่ะ?”จิ่งโม่เยี่ยโกรธจนแค่นหัวเราะ “พูดแบบนี้ ก็ฟังดูมีเหตุผลเหมือนกันนะ?”ปู๋เยี่ยโหวเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “เดิมทีมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว”จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าเขามีข้ออ้างสารพัด ตอนนี้จึงขี้เกียจจะเถียงเรื่องเหตุผลกับเขา เอ่ยว่า “วัน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 570

    องครักษ์คนนั้นรายงานเสียงเบามาก ปู๋เยี่ยโหวได้ยินไม่ชัดว่าเขาพูดอะไร แต่สายตาของจิ่งโม่เยี่ยที่มองมาทางตนเองดูน่าสะพรึงกลัวมากปู๋เยี่ยโหวเกิดลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีในใจจึงรีบร้อนเอ่ยว่า “เมื่อครู่นี้ข้านึกขึ้นได้ว่ายังมีธุระที่ต้องทำให้เสร็จ”“หากท่านอ๋องไม่มีเรื่องอื่นแล้วล่ะก็ ข้าขอตัวกลับกรมคลังก่อนนะ”เขาตระหนักดีว่าช่วงนี้ถูกคนจับตามองอยู่อย่างใกล้ชิด พวกคนที่รู้ว่าเขาฆ่าคนของแคว้นซีฉู่จะต้องฉวยโอกาสนี้ก่อเรื่องแน่ตอนที่เขาจัดการคนพวกนั้นค่อนข้างระมัดระวัง จึงไม่พบเห็นอะไรผิดปกติคนทั่วทั้งเมืองหลวง ผู้ที่มีความสามารถด้านการจับตามองเช่นนี้มีไม่มาก แปดส่วนจะต้องเป็นองครักษ์ลับของฮ่องเต้เจาหยวนปู๋เยี่ยโหวนึกขึ้นได้ว่าตนเองฝังศพของเฟิ่งชืออินเข้าไปในโลงศพของเฟิ่งชูอิ่ง ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าตนเองทำเรื่องโง่เขลาอะไรลงไปคนที่จับตามองเขาจะต้องเห็นว่าเขาฝังศพคนอย่างแน่นอน หากนำเรื่องนี้มารายงานด้วย จิ่งโม่เยี่ยจะต้องสืบหาความจริง แล้วเขาก็จะต้องจบสิ้นแน่นอน!เขาคิดจะหนีออกไปให้เร็วที่สุด และขุดศพของเฟิ่งชืออินออกมาจากหลุมแห่งนั้นเพื่อปกปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะอย่างไรเสียเรื่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 571

    ปู๋เยี่ยโหวเอ่ยตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ “แน่นอนว่านางเป็นคนบอกข้าไง”นัยน์ตาของจิ่งโม่เยี่ยหม่นแสงลงฉับพลัน หัวเราะเยาะตัวเองว่า “นางบอกเจ้าไปเสียทุกเรื่องเลยนะ”เขารู้ว่าสิ่งที่ปู๋เยี่ยโหวพูดมาอาจจะไม่ใช่ความจริง แต่หากมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชูอิ่ง เขาก็ยากจะสงบใจลงได้เขาลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน แม้ว่าเขาจะกราบไหว้ฟ้าดินร่วมกับเฟิ่งชูอิ่ง แต่เขาแทบจะไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับตัวนางเลยจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ทราบว่านางไปเรียนวิชาลี้ลับพวกนั้นมากจากไหน นอกจากเรื่องที่นางเคยบอกว่าบิดาของตนเองอาจจะเป็นเจ้าสำนักลี้ลับ ตอนที่มีปู๋เยี่ยโหวอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เขาก็ไม่เคยได้ยินนางเอ่ยถึงบิดามารดาของตนเองอีกเลยทว่าเรื่องทั้งหมดนี้กลับบ่งบอกได้ดีว่า นางระแวดระวังและไม่เชื่อใจเขาในใจของนาง เขาสู้จิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ แล้วก็สู้ปู๋เยี่ยโหวไม่ได้ด้วยเขาสัมผัสความเจ็บแปลบที่หน้าอกได้ จึงแค่นเสียงเย็นชา “ข้าเป็นอะไรในใจของนางอย่างนั้นหรือ?”ปู๋เยี่ยโหวเห็นท่าทางของจิ่งโม่เยี่ยก็ไม่กล้าเติมเชื้อไฟ “ถ้างั้นข้าขอตัวก่อนนะ!”เขากล่าวจบก็หันหลังวิ่งออกไปอย่างว่องไว ครั้งนี้จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้ขัดขวางเขาอีก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 572

    หลังจากเขาเอ่ยจบ ก็บอกเล่าลักษณะของคนแคว้นซีฉู่ที่เขาฆ่าตายไปโดยที่แตกต่างจากความจริงทั้งหมด แล้วยังแนบเนียนเสียจนคนจับผิดไม่ได้เรื่องที่เขาถูกคนลอบสังหารมักจะเกิดขึ้นในเมืองหลวงอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้เขาก็เคยแจ้งเรื่องไปที่ศาลต้าหลี่เหมือนกัน เพื่อขอให้พวกเขาช่วยสืบหาตอนนี้เขาบอกว่าถูกคนแคว้นซีฉู่ลอบฆ่า ทว่ากลับเป็นฝ่ายถูกเขาฆ่าเสียเอง อย่างไรเสียคนแคว้นซีฉู่ก็ตายไปหมดแล้ว ไม่มีใครลุกมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ปู๋เยี่ยโหวสามารถใช้วิธีการดังกล่าวหลุดพ้นจากความผิดได้รองหัวหน้าศาลต้าหลี่สีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย เอ่ยว่า “เรื่องนี้ศาลต้าหลี่จะสืบหาให้ถึงที่สุด”ปู๋เยี่ยโหวเอียงศีรษะแล้วเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านก็หาให้ชัดเจนเถอะ หากว่าสืบหาไม่ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้ข้าไม่ยอมจบง่ายๆ แน่!”ฮ่องเต้เจาหยวนมีขุมอำนาจเป็นของตนเองอยู่ในเมืองหลวง ขุนนางจำนวนไม่น้อยภักดีต่อเขาตอนนี้จิ่งโม่เยี่ยกุมอำนาจเบ็ดเสร็จได้เพียงกรมคลังและกรมกลาโหม คนกรมราชทัณฑ์ครึ่งหนึ่งพักดีต่อเขา แต่ศาลต้าหลี่ยังอยู่ในมือของฮ่องเต้เจาหยวนด้วยเหตุนี้เอง ศาลต้าหลี่ถึงพยายามจะยัดเยียดค

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status