Share

บทที่ 560

Author: ดอกถังร่วงหล่น
ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะเบาๆ ช่างนี้พวกเขามักจะใช้เวลาร่วมกันแบบนี้ตลอด

ตอนแรกเขาถูกเฉี่ยวหลิงทุบตีอยู่บ่อยๆ แต่พักหลังมานี้เขาเริ่มจะโดนน้อยลงแล้ว

เขาคิดว่าการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ น่าจะเพราะเฟิ่งชูอิ่งยอมรับตนเองเป็นคนสนิทแล้ว

นางอาจจะยังไม่ได้เปลี่ยนใจมาชอบเขา แต่อย่างน้อยนางก็ไม่ได้เกลียดเขา

เขายิ้ม “ข้าไม่ได้อยากโดนตีนะ ข้าแค่พูดตามความจริงเอง”

เขากล่าวจบก็บอกว่า “ข้าถูกจิ่งโม่เยี่ยไล่มาจากทางโน้น ตอนนี้เจ้าจะไล่ข้ากลับออกไปไม่ได้”

“คินนี้ข้าจะต้องนอนที่นี่ไปก่อน เจ้าอย่าให้เฉี่ยวหลิงทุบตีข้าเลย!“

เฟิ่งชูอิ่งอยู่กับปู๋เยี่ยโหวมานาน จึงเริ่มเข้าใจนิสัยของเขา

เจ้าหมอนี่เป็นพวกอยู่นิ่งไม่เป็น ชอบขยันหาเรื่องวุ่นวาย แล้วยังคารมคมคายมากเสียด้วย

แต่เขาก็รู้จักประมาณตน ไม่ทำอะไรที่เกินควรทำ

เขามีขอบเขตของตัวเอง ไม่ทำให้คนอื่นรำคาญ

คนแบบนี้ ถ้าเป็นสหายก็นับว่าดีทีเดียว

แต่เขาก็แสดงความรู้สึกที่มีต่อนางอย่างชัดเจน ทำให้นางรู้สึกลำบากใจ

ตอนนี้นางหวังแค่ว่านางเอกในนิยายจะรับเขาไว้พิจารณา แล้วพวกเขาก็จะได้เป็นเพื่อนกันดีๆ

พอคิดถึงเรื่องนี้ นางก็นึกขึ้นได้ว่านางเอกในนิยายน่าจะมาถึงเมืองหล
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 561

    “เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจเลย มีข้าอยู่ตรงนี้ทั้งคน ไม่มีใครรังแกเจ้าได้หรอก”เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกว่าเขาจับประเด็นสำคัญผิดไปเล็กน้อย นางจึงเหลือบมองเขาแล้วเอ่ยว่า “ช่างเถอะ เจ้าดีใจก็พอแล้ว”ตอนแรกนางคิดจะให้เขาไปนอนที่ห้องข้างๆ สักคืน แต่หลังจากลองใคร่ครวญสักพัก หากนางพูดแบบนั้นออกไปจริงๆ เขาจะต้องหลงคิดไปเองอีกแน่ๆ ในเมื่อเป็นแบบนั้น ก็เมินเขาไปเลยจะดีกว่านางไม่สนใจเขา แต่เฉี่ยวหลิงกลับไม่ยอมให้เขาอยู่ในห้องเดียวกันกับนาง ไล่ตะเพิดเขาไปยังห้องที่อยู่ติดกัน จากนั้นก็ยัดผ้านวมผืนบางให้เขาหนึ่งผืนถึงปู๋เยี่ยโหวจะถูกไล่ตะเพิดออกไป แต่เขาก็ดูไม่ใส่ใจแม้แต่น้อยหลังจากเขาสงบใจลงสักพักก็เริ่มใคร่ครวญถึงความหมายของคำพูดที่เฟิ่งชูอิ่งกล่าวเมื่อครู่นี้คนจากแคว้นซีฉู่อย่างนั้นหรือ?นางต้องการให้เขาทำอะไรกันแน่?แคว้นซีฉู่ตั้งอยู่ติดชายแดนของทิศตะวันตก ห่างไกลจากเมืองหลวงมาก พวกเขาดั้นด้นเดินทางรอนแรมมาไกลถึงเพียงนี้จะต้องมีจุดประสงค์บางอย่างแน่มารดาของเฟิ่งชูอิ่งก็เคยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นซีฉู่ ทว่าสุดท้ายก็เกือบจะถูกเผาตายทั้งเป็นเพราะตั้งครรภ์ เรื่องนี้หากมองจากมุมของปู๋เยี่ยโหวแล

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 562

    เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะเบาๆ แล้วรับก้อนน้ำตาลมาอมไว้ในปากเฉี่ยวหลิงเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็เอ่ยถามว่า “คุณหนู ท่านนอนไม่หลับเพราะเจ้าจิ่งโม่เยี่ยคนนั้นใช่หรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งก็ไม่คิดปิดบังนาง “ใช่แล้วล่ะ ข้าไม่คิดฝันเลยว่าวันนี้เขาจะมา”“พอเขามาถึง ข้าก็อดคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้”เฉี่ยวหลิงเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้าไม่ชอบขี้หน้าเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขา คุณหนูก็คงไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะเบาๆ “หากไม่ใช่เพราะเขา ท่านพ่อของข้าก็คงจะหลุดออกมาไม่ได้”“ช่วงที่ผ่านมานี้ ข้าใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างสงบสุขมาก เป็นประสบการณ์ที่หายากมากเลยล่ะ แล้วมันก็มิเลวเลย”เฉี่ยวหลิงมองนางด้วยสายตาเป็นห่วง นางจึงตอบพร้อมรอยยิ้มในแววตา “เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ข้าสบายดีมาก”“ตอนนี้ข้าเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วล่ะ เจ้าประคองข้าไปที่เตียงเถอะ!”เฉี่ยวหลิงตอบรับเบาๆ หนึ่งคำเฟิ่งชูอิ่งเอนตัวนอนบนเตียงแล้วแหงนหน้ามองเพดาน ส่งยิ้มเย้ยหยันให้ตัวเอง จากนั้นจึงปิดเปลือกตาลงเพื่อนอนหลับในขณะเดียวกัน จิ่งโม่เยี่ยที่อยู่เรือนด้านหน้ายังไม่ได้เข้านอน ข้างกายเขามีทหารองครักษ์สองสามคนกำลังเอ่ยรายงานเรื่องที่เกิดข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 563

    เฟิ่งชูอิ่งถอนหายใจเบาๆ ถือว่านางยังเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ชั่วคราวจิ่งโม่เยี่ยเดินเล่นอยู่ภายในจวนตากอากาศเกือบครึ่งคืน จนกระทั่งรู้สึกเหนื่อยสุดขีดถึงได้กลับห้องไปงีบหลับช่วงสั้นๆ ฟ้าเพิ่งสาง จิ่งโม่เยี่ยก็พาองครักษ์ทั้งหมดออกจากจวน ไม่แม้แต่จะปลุกปู๋เยี่ยโหวขึ้นมาตอนที่ปู๋เยี่ยโหวตื่นขึ้นมาก็พบว่าจิ่งโม่เยี่ยจากไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงรู้สึกเบิกบานใจอย่างยิ่ง “ในที่สุดก็ไปเสียที ทำเอาข้าตกใจแทบแย่!”เหมยตงยวนที่กลับมาถึงแล้วจึงเอ่ยถามว่า “เมื่อคืนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมแถวนี้ถึงมีแต่วิญญาณเต็มไปหมด?”ศพของมือสังหารเหล่านั้นถูกองครักษ์จัดการเรียบร้อยไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ภายในจวนตากอากาศไม่มีเลือดให้เห็นสักหยดทว่าพวกองครักษ์จัดการได้เพียงซากศพและทำความสะอาดเลือด ไม่สามารถจัดการวิญญาณของคนตายเหล่านั้นได้ตอนที่เหมยตงยวนกลับมาถึงก็พบวิญญาณเร่ร่อนอยู่ทั่วจวน จึงทราบว่าต้องเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นปู๋เยี่ยโหวเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้เขาฟังแบบคร่าวๆ เหมยตงยวนพลันขมวดคิ้ว เอ่ยถามเสียงเย็นชาว่า “เขาช่างเลือกมาได้ถูกเวลาเสียจริง นับว่าเขายังโชคดี!”เขารับปากเฟิ่งชูอิ่งว่าจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 564

    เฟิ่งชูอิ่งกำลังดื่มน้ำ ได้ยินเขาเอ่ยเช่นนั้นก็สำลักน้ำทันทีนางจ้องปู๋เยี่ยโหวแล้วเอ่ยว่า “เจ้าว่าอย่างไรนะ?”ปู๋เยี่ยโหวจึงเอ่ยประโยคเดิมให้นางฟังอีกครั้ง “ข้าสังหารคนแคว้นซีฉู่ที่แอบลอบเข้าเมืองหลวงทั้งหมดแล้ว”เฟิ่งชูอิ่งจ้องมองเขาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ สีหน้าสับสนเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้นางพยายามปลอบใจตัวเอง นั่นคือนางเอก เป็นคนที่สวรรค์เจาะจงเลือกมา ปู๋เยี่ยโหวไม่มีทางฆ่านางได้หรอกปู๋เยี่ยโหวยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “ชูชู พวกเราสนิทสนมกันถึงเพียงนี้แล้ว หลังจากนี้ไปหากเจ้าอยากให้ข้าทำเรื่องอะไร เจ้าก็บอกข้าตรงๆ ได้เลย”“เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดจาอ้อมค้อมกับข้าเช่นนี้ไปตลอด หากข้าช่วยอะไรได้ก็พร้อมจะทำเพื่อเจ้าเสมอ”ใบหน้าเฟิ่งชูอิ่งเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าอยากให้เจ้าสังหารคนของแคว้นซีฉู่ล่ะ?”ปู๋เยี่ยโหวตอบ “มารดาของเจ้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นซีฉู่ ตอนที่มารดาของเจ้าตั้งครรภ์ พวกเขาก็คิดจะฆ่าเจ้าแล้ว”“สาเหตุที่พวกเขาลอบเข้าเมืองหลวงมาตอนนี้ จะต้องมาเพื่อสังหารเจ้าแน่นอน”เฟิ่งชูอิ่ง “......”ตรรกะความคิดของเขาทำให้นางอึ้งมากจริงๆ นางไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาจะเข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 565

    สตรีนางนั้นเห็นเฟิ่งชูอิ่งก็แสดงท่าทีหวาดกลัวผ่านแววตา ถามว่า “เจ้าเป็นใคร?”ตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไปหมด ทว่าใบหน้ากลับสงบนิ่งอย่างมาก เอ่ยถามเสียงเย็นชาว่า “เจ้ามีนามว่าอะไร? มาจากที่ไหน?”สตรีนางนั้นแค่มองเห็นนางก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว จึงต้องยอมตอบคำถาม “ข้ามีนามว่าเฟิ่งชืออิน มาจากแคว้นซีฉู่”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางรู้สึกสับสนอย่างหนัก นางเอกในนิยายก็มีนามว่าเฟิ่งชืออินเหมือนกัน!สถานการณ์ตรงหน้าทำให้นางปวดหัวอย่างมาก นางยังคงมีความหวังเล็กๆ อยู่ในใจ หากว่าเฟิ่งชืออินคนนี้แค่มีชื่อเหมือนนางเอกในนิยายล่ะ?นางปรับสภาพจิตใจแล้วถามว่า “ในเมื่อเจ้ามาจากแคว้นซีฉู่ ถ้าอย่างนั้นเจ้ามีฐานะอะไรในแคว้นซีฉู่ล่ะ?”เฟิ่งชืออินตอบ “ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นซีฉู่”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางรู้สึกปวดขมับตุ้บๆ อย่างฉับพลัน ปวดอย่างรุนแรงมากด้วยประโยคของเฟิ่งชืออินทำให้ความหวังเสี้ยวสุดท้ายในใจของเฟิ่งชูอิ่งถูกทำลายสิ้น นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย!นางยกมือขึ้นลูบหัวใจตนเองเบาๆ หันมองปู๋เยี่ยโหวแล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากจะฉีกร่างเขาให้เป็นชิ้นๆนางอยากให้เขาเลิกยุ่งวุ่นวายกับตนเอง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 566

    ปู๋เยี่ยโหวถามอย่างเป็นห่วง “ชูชู เจ้าเป็นอะไรไป?”เฟิ่งชูอิ่งนวดหว่างคิ้วแล้วเอ่ย “เจ้าอย่าเพิ่งคุยกับข้า ข้าอยากอยู่เงียบๆ สักพัก”ปู๋เยี่ยโหวร้อง ‘อ้อ’ จากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่เฉยๆ โดยไม่ขยับเขยื้อนเฟิ่งชืออินยังอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่นางไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้สักเท่าไหร่เจ้าบุรุษชาติหมาที่ฆ่านางคนนี้ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวท่าทางแข็งแกร่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นตรงหน้าสัญชาติญาณร้องบอกนางว่าความตายของนาง จะต้องเกี่ยวข้องกับสตรีที่อยู่ตรงหน้านี้แน่นางจึงถามว่า “ทำไมพวกเจ้าจะต้องฆ่าข้าด้วย?”เฟิ่งชูอิ่งสูดหายใจลึกๆ แล้วตอบ “เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกัน”“ในเมื่อเจ้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นซีฉู่ แล้วเจ้ามาที่เมืองหลวงเพื่ออะไรกันล่ะ?”เฟิ่งชืออินคิดว่าจนป่านนี้แล้วจะปิดบังไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา จึงตอบว่า “ก่อนหน้านี้ข้าทำนายดวงชะตาว่าจะเกิดเหตุประหลาดขึ้นในเมืองหลวง คล้ายว่าสายเลือดในตัวลูกสาวของสตรีศักดิ์สิทธิ์คนก่อนจะตื่นขึ้น”“ข้ามาที่นี่เพื่อยืนยันให้แน่ใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”นัยน์ตาของเฟิ่งชูอิ่งล้ำลึกขึ้น นางถามว่า “หลังจากยืนยันได้แล้วเจ้าจะทำอย่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 567

    นางถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “สตรีศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นซีฉู่ถูกเลือกโดยสวรรค์อย่างแท้จริง ข้าฝีมือเทียบชั้นเจ้าไม่ได้ ตอนนี้ตายแล้วก็คงต้องยอมรับความพ่ายแพ้”ประเด็นคือถึงนางจะไม่ยอมรับก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี!ลำพังแค่กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวบนร่างของเฟิ่งชูอิ่ง นางก็ตระหนักได้แล้วว่านางไม่อาจสู้รบปรบมือกับเฟิ่งชูอิ่งได้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ข้างกายของเฟิ่งชูอิ่งยังมีวิญญาณร้ายที่แข็งแกร่งมากอยู่อีกตัวหนึ่ง นางจะกล้าทำอะไรล่ะในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ยอมปล่อยวางไปเสียดีกว่านางคิดว่าตนเองช่างโชคร้ายเหลือเกิน ถึงได้พบเจอคู่แข่งอย่างเฟิ่งชูอิ่งเฟิ่งชูอิ่งถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าต้องการฆ่าข้า แต่เจ้ายังไม่ทันจะได้ลงมือจริงๆ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่มีหนี้แค้นต่อกัน”“ในเมื่อเป็นแบบนั้น ข้าจะช่วยสวดส่งวิญญาณให้เจ้าไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีก็แล้วกัน”ปู๋เยี่ยโหวฆ่าเฟิ่งชืออินไปแล้ว เรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้ว การส่งเฟิ่งชืออินไปเกิดใหม่คงเป็นวิธีการที่ดีที่สุดแล้วเฟิ่งชืออินถอนหายใจยาวเหยียด “เอาเถอะ!”หลังจากเฟิ่งชูอิ่งสวดส่งเฟิ่งชืออินเรียบร้อยแล้ว นางก็รู้สึกสับสนยิ่งกว่าเดิมปู๋เยี่ยโหวเป็นคนที่มีคว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 568

    เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยยิ้มๆ “ข้าใช้อาคมต้องห้ามแล้วยังทิ้งแผลเอาไว้นานโดยไม่ได้รักษา จะหายช้าก็ไม่แปลกหรอก”“หากไม่ใช่เพราะมีท่านพ่ออยู่ด้วย ขาข้างนี้ของข้าอาจจะต้องตัดทิ้งไปแล้ว”เหมยตงยวนบอกว่าเขารู้วิชาแพทย์เล็กน้อย แต่นั่นเป็นเพียงคำพูดถ่อมตนวิชาแพทย์ของเขาเหนือกว่าหมอทั่วไปเสียอีก เทียบเท่ากับหมอหลวงที่อยู่ในวังได้เลยช่วงที่ผ่านมาเหมยตงยวนช่วยรักษาขาของนางอย่างใส่ใจ ตอนที่ขาหักช่วงแรกๆ มันดูเหมือนจะไม่สามารถรักษาให้หายดีได้ด้วยซ้ำ เขาเป็นคนที่ทุ่มเทรักษาให้นางจนมันดีขึ้นมาได้เพราะถูกผลของอาคมต้องห้าม นางจึงฟื้นฟูบาดแผลได้เชื่องช้ามาก แล้วกว่าจะได้รักษาก็ทิ้งเอาไว้นานแล้ว แผลย่อมต้องหายช้าอยู่แล้วโชคดีที่ตรงนี้ห่างไกลและไม่มีใครมารบกวน เหมาะแก่การพักรักษาตัวมากเฟิ่งชูอิ่งคำนวณดูคร่าวๆ บาดแผลของนางคาดว่าต้องพักรักษาอีกเกือบครึ่งปีถึงจะหายดีเป็นปกติคนอื่นบาดเจ็บกระดูกเส้นเอ็นใช้เวลาหนึ่งร้อยวันในการรักษา ส่วนนางต้องใช้เวลามากกว่าสามเท่า คิดแล้วก็หนักใจเหลือเกินช่วงที่ผ่านมานี้นางว่างมากจริงๆ ถึงชวนเฉี่ยวหลิงให้ฝึกวิชากับเหมยตงยวนขาของนางยังไม่หายดี แต่วิชาของนางกลับรุดหน้าอย่างรวดเร

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status