แชร์

บทที่ 477

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
“ตอนนี้ลูกยังไม่เกิด ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรไป”

เฟิ่งชูอิ่ง “...”

นางไม่สามารถตอบรับคำพูดนี้ได้

นางรู้สึกเสียใจอีกครั้งที่เคยคุยโวโอ้อวดต่อหน้าเขา เวลานี้ตัวเองกลับรู้สึกอายที่ได้ยินมัน

ยันต์แคล้วคลาดที่นางให้เขาเป็นของจริง เพราะเช้าวันนี้นางรู้สึกถึงกลิ่นอายของความอันตราย

กลิ่นอายเช่นนี้ เข้มข้นขึ้นอีกหลายส่วนเมื่อนางเห็นจิ่งโม่เยี่ย

ร่างกายของนางค่อนข้างพิเศษ และการรับรู้ของนางก็แม่นยำมาก

แม้ว่านางอยากจะหนีออกจากเมืองหลวง แต่ก็ไม่ได้อยากให้จิ่งโม่เยี่ยตาย

นางไม่สามารถช่วยเหลือเขาในด้านกำลัง จึงทำได้เพียงปกป้องเขาในด้านศาสตร์ลี้ลับ ไม่ให้เขาถูกคนทำร้ายในด้านนี้

เมื่อทั้งสองเดินมาถึงประตู เสียงประทัดก็ดังสนั่น

จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อุ้มนางเข้าไปในเกี้ยว แต่กลับอุ้มนางขึ้นไปบนม้าโดยตรง

เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เหตุใดจึงไม่นั่งเกี้ยวเล่า?”

จิ่งโม่เยี่ยตอบ “นั่งเกี้ยวไม่ปลอดภัย ข้าจะพาเจ้ากลับจวนเอง”

เฟิ่งชูอิ่ง “...”

นางรู้สึกว่าวันนี้เขาทำตามประโยคที่ว่าทำทุกอย่าง เพื่อป้องกันไว้ก่อนได้อย่างถึงที่สุดแล้ว

เดิมทีนางไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเท่าไรนัก แต่ตอนนี้ท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
เจนจิรา ศรีตนันท์
รอเมื่อไหร่จะถึงตอนจบ....ติดค้างจนนอนไม่หลับ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 478

    เฟิ่งชูอิ่งเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้ทันทีว่าฮ่องเต้เจาหยวนเตรียมการไว้แล้ว และจิ่งโม่เยี่ยก็เตรียมการไว้เช่นกันวันนี้เป็นการประลองระหว่างจิ่งโม่เยี่ยกับฮ่องเต้เจาหยวน ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ ก็จะได้เห็นผลในวันนี้หากจิ่งโม่เยี่ยชนะ ฮ่องเต้เจาหยวนก็จะไม่มีข้ออ้างที่จะขัดขวางไม่ให้เขากลับไปยังเขตปกครองอีกต่อไป สำหรับฮ่องเต้เจาหยวนแล้ว นั่นก็เหมือนกับการปล่อยเสือกลับเข้าป่าหากฮ่องเต้เจาหยวนเป็นฝ่ายชนะ จิ่งโม่เยี่ยก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นตัวหายนะอย่างสมบูรณ์ และยากที่จะปักหลักอยู่ในเมืองหลวงและนางในฐานะที่เป็นหมากในการต่อสู้ของพวกเขา สถานการณ์ในวันนี้จึงอันตรายยิ่งนักนางซบเข้าไปในอ้อมแขนของเขา จากนั้นเอ่ยขึ้นเบาๆ “ระหว่างทางยังเป็นเช่นนี้ กลับไปถึงจวนอ๋องเกรงว่าจะไม่สงบสุขเช่นกัน”แม้ว่าเขาจะป้องกันได้ดีมากเพียงใด แต่วันนี้เป็นวันแต่งงานของพวกเขา จวนอ๋องก็ไม่สามารถปิดประตูไม่ต้อนรับแขกได้ และแน่นอนว่าจะมีคนมากมายที่มีจุดประสงค์แอบแฝงปะปนเข้ามาในจวน ซึ่งยากที่จะป้องกันได้ทั้งหมดจิ่งโม่เยี่ยเอื้อมมือไปโอบเอวของนางแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้ากลัวหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งตอบ “แน่นอนว่ากลัว!”จิ่งโม่เย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 479

    หลังจากพูดจบ เขาก็ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “คุณหนูเฟิ่ง...ไม่สิ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าต้องเรียกท่านว่าพระชายาแล้ว”“ต่อไปหากท่านมีเรื่องอะไร ก็สั่งข้าได้เลย”หลังจากที่เฟิ่งชูอิ่งเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องฉู่ แม้ว่าในจวนอ๋องจะไม่สงบสุขนัก แต่กลับเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับจวนอ๋องอีกหลายส่วนพวกเขารู้จักกันมาก่อน ช่วงเวลาในการปรับตัวเข้าหากันจึงผ่านพ้นไปแล้วฉินจื๋อเจี้ยนค่อนข้างต้อนรับเฟิ่งชูอิ่งในฐานะนายหญิงเฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เสนาบดีฉินวางใจ ข้าจะไม่เกรงใจท่านหรอก”เจิ้งเนี่ยนซินเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวขึ้น “พระชายา ให้ข้าช่วยประคองท่านเถิด!”ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ฉินจื๋อเจี้ยนและเจิ้งเนี่ยนซินแต่งงานกันอย่างรวดเร็ว เจิ้งเนี่ยนซินอยู่ในบ้านก็ไม่มีอะไรทำ จึงมาที่จวนอ๋องเพื่อรับงานเล็กๆ น้อยๆ นางเป็นบุตรสาวคนโตจากตระกูลผู้ดี มีทั้งความรู้และความสามารถ เดิมทีนางตั้งใจจะอยู่เคียงข้างเฟิ่งชูอิ่ง แต่เฟิ่งชูอิ่งไม่ชอบให้คนอยู่ใกล้ตัวมากนัก นางจึงช่วยจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ภายในเรือนแทนเฟิ่งชูอิ่งเคยช่วยชีวิตนางไว้ ตอนแรกนางไม่ค่อยเข้าใจนิสัยของเฟิ่งชูอิ่ง จึงเกร็งๆ อยู่บ้างหลังจาก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 480

    จิ่งโม่เยี่ยไม่สนใจเขา แล้วหันกลับไปพูดกับฉินจื๋อเจี้ยน “เจ้าไปดูหน่อยว่าขบวนแห่ด้านหลังมาแล้วหรือยัง?”ฉินจื๋อเจี้ยนรับคำ แต่เมื่อเขาเดินไปถึงทางเข้าตรอก ก็เห็นขบวนแห่เดินเข้ามาอย่างทุลักทุเลเขาถามองครักษ์ที่นำขบวน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”องครักษ์ตอบ “พวกเราถูกลอบโจมตีระหว่างทาง เสิ่นชิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เกี้ยวถูกทำลายทั้งหมด”เสิ่นชิงเป็นองครักษ์ที่ขี่ม้าแทนจิ่งโม่เยี่ยก่อนหน้านี้สีหน้าของฉินจื๋อเจี้ยนเคร่งขรึม โชคดีที่จิ่งโม่เยี่ยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าและใช้กลลวงตา มิฉะนั้นตอนนี้คงไม่สามารถทำพิธีแต่งงานได้เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”โชคดีที่เขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า นอกจากองครักษ์ที่ไปรับเจ้าสาวแล้ว ข้างๆ ยังมีองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่งเตรียมไว้สำหรับเปลี่ยนตัวเวลานี้องครักษ์ที่ไปรับเจ้าสาวได้รับบาดเจ็บและสภาพดูย่ำแย่ ก็ให้กลุ่มสำรองมาแทนโชคดีที่สินเดิมของเฟิ่งชูอิ่งถึงแม้จะได้รับความเสียหายบ้าง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรง นำผ้าไหมสีแดงมาห่อ ก็กลับมาเป็นสินเดิมที่ดูสวยงามอีกครั้งเขาให้คนขนสินเดิมเข้าไปในจวนอ๋องอย่างรวดเร็วจิ่งสือเยี่ยนเห็นฉากนี้แล้วก็เหลือบ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 481

    บุตรชายทั้งสองของนางต้องมาเข่นฆ่ากันเอง จิ่งโม่เยี่ยเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของบุตรชายคนโตของนาง นางจำเป็นต้องปกป้องเขาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตามไทเฮายิ้มพลางกล่าวว่า "มัวยืนบื้อกันอยู่ทำไม? รีบทำพิธีต่อสิ!"ทุกคนที่อยู่ในงานจึงพลันได้สติขึ้นมา พิธีกรผู้รับหน้าที่ดำเนินงานเริ่มขานพิธีต่อ เข้าสู่ขั้นตอนของการกราบไหว้ฟ้าดิน"ครั้งแรกคำนับฟ้าดิน!""ครั้งที่สองคำนับบรรพบุรุษ!”"สามีภรรยาคำนับซึ่งกันและกัน!”"พิธีการเสร็จสิ้น ส่งคู่บ่าวสาวเข้าห้องหอ!"เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย ตามความเชื่อของยุคสมัยนี้ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแต่งงาน พวกเขาก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากันแล้วมุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกสูงขึ้นเล็กน้อย สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มนับแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ต้องโดดเดี่ยวเดียวดายอีกต่อไปหลังจากนี้ไปนางจะเป็นภรรยาของเขา จะใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกับเขาจิ่งโม่เยี่ยยื่นมือออกไปประคองมือของนางเบาๆ พานางเดินตรงไปทางห้องหอไทเฮามองภาพที่พวกเขาเดินจับจูงมือไปด้วยกัน ใบหน้าพลันเต็มไปด้วยรอยยิ้มทว่ารอยยิ้มของนางกลับชะงักลงอย่างรวดเร็ว นางกำนัลข้างกาย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 482

    เพียงชั่วพริบตาเดียว งานมงคลก็กลายเป็นงานโศกเศร้าไว้อาลัยจิ่งสือเยี่ยนและปู๋เยี่ยโหวยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ยังอึ้งไม่หาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เหนือกว่าความคาดหมายของทุกคนไปมากแม้แต่ปู๋เยี่ยโหวที่ปกติไม่ค่อยทำตัวจริงจัง ยามนี้ยังมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่งหากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง ไทเฮาก็ทรงเป็นความอบอุ่นเสี้ยวสุดท้ายของราชวงศ์เขาหันมองจิ่งโม่เยี่ยแวบหนึ่ง เห็นดวงตาแดงก่ำ ความโกรธแค้นในดวงตาไม่อาจซ่อนเร้นได้เขารู้ว่าช่วงหลายปีมานี้ จิ่งโม่เยี่ยต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งและการวางแผนเอาชีวิตของฮ่องเต้เจาหยวน เหตุผลสำคัญที่เขายอมอดทนอดกลั้นมาตลอดก็เพราะไทเฮาเมื่อก่อน การตายของฮ่องเต้พระองค์ก่อนและองค์หญิงใหญ่ ทำให้ไทเฮาสูญเสียบุตรชายและบุตรสาวไปอย่างละหนึ่งคนตลอดชีวิตของไทเฮา พระนางมีบุตรธิดาทั้งหมดสามคน หลังจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนและองค์หญิงใหญ่จากไป ก็เหลือเพียงฮ่องเต้เจาหยวนเป็นบุตรชายคนเดียวและคนสุดท้ายแม้ปู๋เยี่ยโหวจะเกลียดชังฮ่องเต้เจาหยวนมากแค่ไหน แต่เพราะไทเฮายังมีชีวิตอยู่ เขาที่ไม่อยากให้ไทเฮาเสียใจ จึงพยายามอดทนกับหลายสิ่งหลายอย่างมาโดยตลอดเขาเป็นเช่นนั้น จิ่งโม่เยี่ยก็เป

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 483

    เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮ่องเต้เจาหยวนก็ไม่ต้องการรักษาหน้าตาอีกต่อไปแล้วเดิมทีจิ่งโม่เยี่ยก็ไม่ได้อยากจะแตกหักกับฮ่องเต้เจาหยวนในตอนนี้หรอก แต่ในเมื่อไทเฮาทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องไว้หน้าใครอีกหัวหน้าทหารองครักษ์หลวงเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อท่านอ๋องทรงปกป้องพระชายาถึงเพียงนี้ ก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจแล้วกัน!”เมื่อกล่าวจบ เขาก็สั่งให้คนเข้าไปจับกุมจิ่งโม่เยี่ย ทว่าพวกเขาขยับตัวได้เพียงเล็กน้อย ก็ถูกคนของอีกฝ่ายฆ่าตายทั้งหมดสีหน้าของหัวหน้าทหารองครักษ์หลวงแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก “ท่านอ๋องคิดจะก่อกบฏหรือ?”จากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ บอกให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันว่าจิ่งโม่เยี่ยเตรียมการรับมือมาเป็นอย่างดีเขาไม่คาดคิดเลยว่า จิ่งโม่เยี่ยจะซ่อนอาวุธไว้ในห้องหอของตัวเองแววตาของจิ่งโม่เยี่ยเย็นชาและดุดัน “ก่อกบฏ? ช่างหน้าด้านกันเหลือเกินนะ ยัดเยียดความผิดแล้วยังใส่ร้ายป้ายสีกันอีก!”“ข้าไม่เคยคิดที่จะก่อกบฏ แต่สำหรับคนเนรคุณอกตัญญูเช่นนั้น ข้าไม่มีทางปล่อยเอาไว้แน่!”“เสด็จอาเป็นผู้ที่มีความกตัญญูมาโดยตลอด แต่วันนี้กลับทำเรื่องที่นอกเหนือจากข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 484

    หัวใจที่โดดเดี่ยวของจิ่งโม่เยี่ยพลันไม่รู้สึกถึงความว่างเปล่าอีกต่อไป เขาพยักหน้าเบาๆ "ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย และยังจะร่วมหอกับเจ้าด้วย"เขากล่าวจบก็หันหลังเดินจากไปตอนนี้เขาเดินฝ่าแสงแดด ละอองแสงเย็นกระจ่างที่ส่องกระทบลงบนตัวเขา ทำให้เขาคล้ายมีรัศมีปกคลุมรอบร่างกาย ผสมผสานจิตสังหารและความมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยมเฟิ่งชูอิ่งมองตามแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อยปู๋เยี่ยโหวขยับมายืนอยู่ข้างนางกล่าวว่า "เฮ้อ การไปครั้งนี้ของเขา เกรงว่าคงจะอันตรายมาก""วันนี้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น ข้าว่าไม่ใช่เขาเป็นดาวหายนะหรอก แต่เป็นดวงชะตาของเขาแข็งเกินไปมากกว่า"เฟิ่งชูอิ่งเอียงศีรษะไปมองเขา ใบหน้าของเขาไม่มีท่าทางหยอกล้อเหมือนในยามปกติ ออกจะติดเย็นชาเล็กน้อยด้วยซ้ำนางกล่าวเสียงเรียบ ว่า "เขาเป็นดาวหายนะจริงหรือไม่ ข้าย่อมรู้ดีที่สุด""อย่ากล่าวว่าเขาไม่ใช่เลย ต่อให้เขาเป็นจริงๆ ข้าก็สามารถลบล้างความโชคร้ายทั้งหมดของเขา จนกลายเป็นสามีที่ดีของข้าได้"ปู๋เยี่ยโหวฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาหันมองนาง เห็นว่าสีหน้าแววตาของนางเย็นชา ไม่เหมือนในยามปกตินักเขาม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 485

    แต่เรื่องของความรู้สึก หาใช่สิ่งที่นางจะควบคุมได้เสียเมื่อไหร่?นางถอนหายใจเบาๆ "ข้าคงจะหวั่นไหวกับเขาแล้วกระมัง เมื่อครู่นี้พอเห็นเขาต้องเจ็บปวดแบบนั้น ข้าก็รู้สึกเจ็บปวดตามเขาไปด้วย""แต่สติสัมปชัญญะของข้าบอกว่า ถ้ายังฝืนอยู่ตรงนี้ต่อไป ข้าจะต้องมีชีวิตลำบากไม่มีที่สิ้นสุด""ดังนั้นแม้ว่าข้าจะสงสารเขา ไม่อยากจากเขาไปสักแค่ไหน แต่ก็ต้องไปอยู่ดี"เฉี่ยวหลิงเท้าคางด้วยมือทั้งสองข้าง กล่าวว่า "ถึงข้าจะไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร แต่ข้าก็อ่านนิยายประโลมโลกมามาก คนที่ตกหลุมรักแล้วมักจะไม่มีเหตุผลเลย"เฟิ่งชูอิ่งยิ้มและลูบหัวนาง "พวกเขาก็เป็นพวกเขา ข้าก็เป็นข้า ข้ารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร"นางรู้ว่าตัวเองคงจะเผลอใจไปชอบจิ่งโม่เยี่ยแล้ว ในเมื่อตอนนี้ความรู้สึกของพวกเขายังไม่ลึกซึ้งนัก ก็ควรรีบตัดใจจากไปเสียถ้ารอจนวันหน้าที่นางรักเขาลึกซึ้งแล้ว อาจจะไม่กล้าตัดใจลาจากเฉี่ยวหลิงมองนางแล้วกล่าวว่า "ไม่ว่าคุณหนูจะไปหรืออยู่ ข้าจะอยู่เคียงข้างคุณหนูตลอดไป"เฟิ่งชูอิ่งถอนหายใจเบาๆ ไม่กล่าวอะไรอีกเฉี่ยวหลิงเป็นวิญญาณร้าย ไม่สามารถอยู่ในโลกมนุษย์ได้ตลอดไป ในอนาคตถ้ามีโอกาส นางก็ต้องส่งเฉี่

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status