แชร์

บทที่ 480

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
จิ่งโม่เยี่ยไม่สนใจเขา แล้วหันกลับไปพูดกับฉินจื๋อเจี้ยน “เจ้าไปดูหน่อยว่าขบวนแห่ด้านหลังมาแล้วหรือยัง?”

ฉินจื๋อเจี้ยนรับคำ แต่เมื่อเขาเดินไปถึงทางเข้าตรอก ก็เห็นขบวนแห่เดินเข้ามาอย่างทุลักทุเล

เขาถามองครักษ์ที่นำขบวน “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

องครักษ์ตอบ “พวกเราถูกลอบโจมตีระหว่างทาง เสิ่นชิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เกี้ยวถูกทำลายทั้งหมด”

เสิ่นชิงเป็นองครักษ์ที่ขี่ม้าแทนจิ่งโม่เยี่ยก่อนหน้านี้

สีหน้าของฉินจื๋อเจี้ยนเคร่งขรึม โชคดีที่จิ่งโม่เยี่ยคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าและใช้กลลวงตา มิฉะนั้นตอนนี้คงไม่สามารถทำพิธีแต่งงานได้

เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พวกเจ้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

โชคดีที่เขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า นอกจากองครักษ์ที่ไปรับเจ้าสาวแล้ว ข้างๆ ยังมีองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่งเตรียมไว้สำหรับเปลี่ยนตัว

เวลานี้องครักษ์ที่ไปรับเจ้าสาวได้รับบาดเจ็บและสภาพดูย่ำแย่ ก็ให้กลุ่มสำรองมาแทน

โชคดีที่สินเดิมของเฟิ่งชูอิ่งถึงแม้จะได้รับความเสียหายบ้าง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรง นำผ้าไหมสีแดงมาห่อ ก็กลับมาเป็นสินเดิมที่ดูสวยงามอีกครั้ง

เขาให้คนขนสินเดิมเข้าไปในจวนอ๋องอย่างรวดเร็ว

จิ่งสือเยี่ยนเห็นฉากนี้แล้วก็เหลือบ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
เจนจิรา ศรีตนันท์
ทำใจไปอ่านเรื่องอื่นไม่ได้จริงๆกลัวว่าจะไม่จบเหมือนเรื่องนี้
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 481

    บุตรชายทั้งสองของนางต้องมาเข่นฆ่ากันเอง จิ่งโม่เยี่ยเลือดเนื้อเชื้อไขเพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของบุตรชายคนโตของนาง นางจำเป็นต้องปกป้องเขาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตามไทเฮายิ้มพลางกล่าวว่า "มัวยืนบื้อกันอยู่ทำไม? รีบทำพิธีต่อสิ!"ทุกคนที่อยู่ในงานจึงพลันได้สติขึ้นมา พิธีกรผู้รับหน้าที่ดำเนินงานเริ่มขานพิธีต่อ เข้าสู่ขั้นตอนของการกราบไหว้ฟ้าดิน"ครั้งแรกคำนับฟ้าดิน!""ครั้งที่สองคำนับบรรพบุรุษ!”"สามีภรรยาคำนับซึ่งกันและกัน!”"พิธีการเสร็จสิ้น ส่งคู่บ่าวสาวเข้าห้องหอ!"เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย ตามความเชื่อของยุคสมัยนี้ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแต่งงาน พวกเขาก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากันแล้วมุมปากของจิ่งโม่เยี่ยยกสูงขึ้นเล็กน้อย สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มนับแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะไม่ต้องโดดเดี่ยวเดียวดายอีกต่อไปหลังจากนี้ไปนางจะเป็นภรรยาของเขา จะใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกับเขาจิ่งโม่เยี่ยยื่นมือออกไปประคองมือของนางเบาๆ พานางเดินตรงไปทางห้องหอไทเฮามองภาพที่พวกเขาเดินจับจูงมือไปด้วยกัน ใบหน้าพลันเต็มไปด้วยรอยยิ้มทว่ารอยยิ้มของนางกลับชะงักลงอย่างรวดเร็ว นางกำนัลข้างกาย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 482

    เพียงชั่วพริบตาเดียว งานมงคลก็กลายเป็นงานโศกเศร้าไว้อาลัยจิ่งสือเยี่ยนและปู๋เยี่ยโหวยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ยังอึ้งไม่หาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เหนือกว่าความคาดหมายของทุกคนไปมากแม้แต่ปู๋เยี่ยโหวที่ปกติไม่ค่อยทำตัวจริงจัง ยามนี้ยังมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่งหากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง ไทเฮาก็ทรงเป็นความอบอุ่นเสี้ยวสุดท้ายของราชวงศ์เขาหันมองจิ่งโม่เยี่ยแวบหนึ่ง เห็นดวงตาแดงก่ำ ความโกรธแค้นในดวงตาไม่อาจซ่อนเร้นได้เขารู้ว่าช่วงหลายปีมานี้ จิ่งโม่เยี่ยต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งและการวางแผนเอาชีวิตของฮ่องเต้เจาหยวน เหตุผลสำคัญที่เขายอมอดทนอดกลั้นมาตลอดก็เพราะไทเฮาเมื่อก่อน การตายของฮ่องเต้พระองค์ก่อนและองค์หญิงใหญ่ ทำให้ไทเฮาสูญเสียบุตรชายและบุตรสาวไปอย่างละหนึ่งคนตลอดชีวิตของไทเฮา พระนางมีบุตรธิดาทั้งหมดสามคน หลังจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนและองค์หญิงใหญ่จากไป ก็เหลือเพียงฮ่องเต้เจาหยวนเป็นบุตรชายคนเดียวและคนสุดท้ายแม้ปู๋เยี่ยโหวจะเกลียดชังฮ่องเต้เจาหยวนมากแค่ไหน แต่เพราะไทเฮายังมีชีวิตอยู่ เขาที่ไม่อยากให้ไทเฮาเสียใจ จึงพยายามอดทนกับหลายสิ่งหลายอย่างมาโดยตลอดเขาเป็นเช่นนั้น จิ่งโม่เยี่ยก็เป

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 483

    เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ฮ่องเต้เจาหยวนก็ไม่ต้องการรักษาหน้าตาอีกต่อไปแล้วเดิมทีจิ่งโม่เยี่ยก็ไม่ได้อยากจะแตกหักกับฮ่องเต้เจาหยวนในตอนนี้หรอก แต่ในเมื่อไทเฮาทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องไว้หน้าใครอีกหัวหน้าทหารองครักษ์หลวงเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ในเมื่อท่านอ๋องทรงปกป้องพระชายาถึงเพียงนี้ ก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจแล้วกัน!”เมื่อกล่าวจบ เขาก็สั่งให้คนเข้าไปจับกุมจิ่งโม่เยี่ย ทว่าพวกเขาขยับตัวได้เพียงเล็กน้อย ก็ถูกคนของอีกฝ่ายฆ่าตายทั้งหมดสีหน้าของหัวหน้าทหารองครักษ์หลวงแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก “ท่านอ๋องคิดจะก่อกบฏหรือ?”จากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ บอกให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันว่าจิ่งโม่เยี่ยเตรียมการรับมือมาเป็นอย่างดีเขาไม่คาดคิดเลยว่า จิ่งโม่เยี่ยจะซ่อนอาวุธไว้ในห้องหอของตัวเองแววตาของจิ่งโม่เยี่ยเย็นชาและดุดัน “ก่อกบฏ? ช่างหน้าด้านกันเหลือเกินนะ ยัดเยียดความผิดแล้วยังใส่ร้ายป้ายสีกันอีก!”“ข้าไม่เคยคิดที่จะก่อกบฏ แต่สำหรับคนเนรคุณอกตัญญูเช่นนั้น ข้าไม่มีทางปล่อยเอาไว้แน่!”“เสด็จอาเป็นผู้ที่มีความกตัญญูมาโดยตลอด แต่วันนี้กลับทำเรื่องที่นอกเหนือจากข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 484

    หัวใจที่โดดเดี่ยวของจิ่งโม่เยี่ยพลันไม่รู้สึกถึงความว่างเปล่าอีกต่อไป เขาพยักหน้าเบาๆ "ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัย และยังจะร่วมหอกับเจ้าด้วย"เขากล่าวจบก็หันหลังเดินจากไปตอนนี้เขาเดินฝ่าแสงแดด ละอองแสงเย็นกระจ่างที่ส่องกระทบลงบนตัวเขา ทำให้เขาคล้ายมีรัศมีปกคลุมรอบร่างกาย ผสมผสานจิตสังหารและความมุ่งมั่นอันเต็มเปี่ยมเฟิ่งชูอิ่งมองตามแผ่นหลังของเขาด้วยความรู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อยปู๋เยี่ยโหวขยับมายืนอยู่ข้างนางกล่าวว่า "เฮ้อ การไปครั้งนี้ของเขา เกรงว่าคงจะอันตรายมาก""วันนี้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น ข้าว่าไม่ใช่เขาเป็นดาวหายนะหรอก แต่เป็นดวงชะตาของเขาแข็งเกินไปมากกว่า"เฟิ่งชูอิ่งเอียงศีรษะไปมองเขา ใบหน้าของเขาไม่มีท่าทางหยอกล้อเหมือนในยามปกติ ออกจะติดเย็นชาเล็กน้อยด้วยซ้ำนางกล่าวเสียงเรียบ ว่า "เขาเป็นดาวหายนะจริงหรือไม่ ข้าย่อมรู้ดีที่สุด""อย่ากล่าวว่าเขาไม่ใช่เลย ต่อให้เขาเป็นจริงๆ ข้าก็สามารถลบล้างความโชคร้ายทั้งหมดของเขา จนกลายเป็นสามีที่ดีของข้าได้"ปู๋เยี่ยโหวฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาหันมองนาง เห็นว่าสีหน้าแววตาของนางเย็นชา ไม่เหมือนในยามปกตินักเขาม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 485

    แต่เรื่องของความรู้สึก หาใช่สิ่งที่นางจะควบคุมได้เสียเมื่อไหร่?นางถอนหายใจเบาๆ "ข้าคงจะหวั่นไหวกับเขาแล้วกระมัง เมื่อครู่นี้พอเห็นเขาต้องเจ็บปวดแบบนั้น ข้าก็รู้สึกเจ็บปวดตามเขาไปด้วย""แต่สติสัมปชัญญะของข้าบอกว่า ถ้ายังฝืนอยู่ตรงนี้ต่อไป ข้าจะต้องมีชีวิตลำบากไม่มีที่สิ้นสุด""ดังนั้นแม้ว่าข้าจะสงสารเขา ไม่อยากจากเขาไปสักแค่ไหน แต่ก็ต้องไปอยู่ดี"เฉี่ยวหลิงเท้าคางด้วยมือทั้งสองข้าง กล่าวว่า "ถึงข้าจะไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร แต่ข้าก็อ่านนิยายประโลมโลกมามาก คนที่ตกหลุมรักแล้วมักจะไม่มีเหตุผลเลย"เฟิ่งชูอิ่งยิ้มและลูบหัวนาง "พวกเขาก็เป็นพวกเขา ข้าก็เป็นข้า ข้ารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร"นางรู้ว่าตัวเองคงจะเผลอใจไปชอบจิ่งโม่เยี่ยแล้ว ในเมื่อตอนนี้ความรู้สึกของพวกเขายังไม่ลึกซึ้งนัก ก็ควรรีบตัดใจจากไปเสียถ้ารอจนวันหน้าที่นางรักเขาลึกซึ้งแล้ว อาจจะไม่กล้าตัดใจลาจากเฉี่ยวหลิงมองนางแล้วกล่าวว่า "ไม่ว่าคุณหนูจะไปหรืออยู่ ข้าจะอยู่เคียงข้างคุณหนูตลอดไป"เฟิ่งชูอิ่งถอนหายใจเบาๆ ไม่กล่าวอะไรอีกเฉี่ยวหลิงเป็นวิญญาณร้าย ไม่สามารถอยู่ในโลกมนุษย์ได้ตลอดไป ในอนาคตถ้ามีโอกาส นางก็ต้องส่งเฉี่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 486

    เฟิ่งชูอิ่งยกมือนวดขมับ ศีรษะปวดร้าวไปหมดเฉี่ยวหลิงเห็นสีหน้าซีดเซียวของนางก็กล่าวด้วยความเป็นห่วง "คุณหนู ถ้ารู้สึกไม่สบาย ก็พักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ"เฟิ่งชูอิ่งรู้สึกเหนื่อยจริงๆ สมองนางก็สับสนไปหมด ต้องพักผ่อนสักหน่อยจริงๆ นั่นแหละแต่พอเอนตัวนอนลงก็รู้สึกว่าเตียงขรุขระไม่สบายตัว นางเรียกเฉี่ยวหลิงมาเปิดผ้าปูที่นอนดู พบว่าข้างใต้เต็มไปด้วยพุทรา ถั่วลิสง และลำไยเฟิ่งชูอิ่ง “......”นางรู้ว่านี่เป็นของจำเป็นในห้องหอของคู่แต่งงานในยุคสมัยนี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความสิริมงคลแต่ระหว่างนางกับจิ่งโม่เยี่ย......นางสูดหายใจลึกๆ ยกมือกดระหว่างคิ้วการตายของไทเฮาวันนี้ เป็นเรื่องที่อยู่เกินความคาดหมายของนางนางรู้ว่าไทเฮาเป็นญาติคนสุดท้ายที่จิ่งโม่เยี่ยยอมรับนับถือในใจ การที่ไทเฮาถูกฆ่าตายแบบนี้ จิ่งโม่เยี่ยจะต้องเสียใจมากแน่ๆและการที่ฮ่องเต้เจาหยวนกล้าลงมือฆ่าแม้แต่ไทเฮาเพียงเพื่อกำจัดจิ่งโม่เยี่ย แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมสุดขีดและความมุ่งมั่นที่จะฆ่าจิ่งโม่เยี่ยให้ได้ดังนั้น การก่อกบฏครั้งนี้จะต้องอันตรายมาก เลือดจะต้องนองแผ่นดินแน่วันนี้ตอนที่จิ่งโม่เยี่ยมารับตัวเจ้าสาวก็ไม่ได

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 487

    ดังนั้นแม้วันนี้ใจนางจะสับสนปั่นป่วน แต่นางรู้ว่านางช่วยอะไรไม่ได้มาก จึงช่วยดูแลจวนอ๋องฉู่และคอยดูแลเฟิ่งชูอิ่งแทนเฟิ่งชูอิ่งรู้ว่านางเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งและเฉลียวฉลาด จึงหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย "ดีแล้วล่ะ"เจิ้งเนี่ยนซินจัดอาหารให้นาง ตอนนี้นางหิวพอดีจึงกินข้าวไปสองชามเต็มๆนางเพิ่งกินเสร็จ ก็ได้ยินเสียงตะโกนให้ฆ่าดังมาจากข้างนอกสีหน้าของเจิ้งเนี่ยนซินซีดลงเล็กน้อย เฟิ่งชูอิ่งกล่าวกับเฉี่ยวหลิงว่า "เจ้าไปดูทีว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก"เฉี่ยวหลิงรับคำและรีบออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วย้อนกลับมาเร็วมาก "มีคนนำทหารมาโจมตีจวนอ๋องฉู่เจ้าค่ะ"เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้แปลกใจมากนัก จิ่งโม่เยี่ยยกพลไปก่อกบฏในวัง จวนอ๋องฉู่ย่อมต้องกลายเป็นเป้าโจมตีอยู่แล้วช่วงหลังมานี้จิ่งโม่เยี่ยปกป้องนางแทบทุกอย่าง แถมยังปักใจจะแต่งงานกับนางโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ในสายตาคนอื่น เขาต้องเห็นนางเป็นคนสำคัญแน่นอนวันนี้ทหารองครักษ์หลวงที่ฮ่องเต้เจาหยวนส่งมาก็อ้างเรื่องของนาง คงหวังจะใช้ชีวิตนางข่มขู่จิ่งโม่เยี่ยคนที่มาโจมตีวังตอนนี้ เกรงว่าจะมีความคิดเช่นเดียวกันแต่เฟิ่งชูอิ่งไม่เคยเป็นดอกไม้บอบบาง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 488

    ฉินจื๋อเจี้ยนกล่าวต่อว่า "ตามกฎระเบียบแล้ว จวนของอ๋องสามารถมีทหารรักษาจวนได้เพียงแปดร้อยนาย จวนของอ๋องฉู่มีทหารรักษาความปลอดภัยแปดร้อยนาย และองครักษ์อีกหนึ่งร้อยนาย""ดังนั้นตอนนี้ในจวนจึงมีทหารรักษาจวนทั้งหมดประมาณหกร้อยกว่านาย คนเหล่านี้ล้วนจงรักภักดีต่อจวนอ๋องอย่างยิ่ง และทุกคนล้วนถูกคัดเลือกโดยท่านอ๋อง""แม้จำนวนคนจะไม่มากนัก แต่ทุกคนล้วนเป็นยอดฝีมือที่สามารถสู้คนได้หนึ่งต่อสิบ""แม้คนข้างนอกจะมีจำนวนมากกว่าเรามาก แต่เราก็ยังสามารถต้านทานเอาไว้ได้"เฟิ่งชูอิ่งมองประตูวังที่กำลังโยกคลอนอย่างรุนแรง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย "อย่างนั้นหรือ! งั้นก็ฆ่าพวกเขาให้หมดเลย!"ฉินจื๋อเจี้ยน “......”เขามองไปที่นาง นางวางมือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง สายตาจ้องมองไปทางประตูใหญ่ในขณะนั้น ฉินจื๋อเจี้ยนรู้สึกอย่างประหลาดว่าเฟิ่งชูอิ่งดูคล้ายกับจิ่งโม่เยี่ยมากพวกเขามีความเยือกเย็นและความสงบนิ่งเหมือนกัน เมื่อถึงเวลาที่ต้องลงมือฆ่า ก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยเขาถามออกไปโดยไม่รู้ตัว "จะฆ่าอย่างไร?"มุมปากของเฟิ่งชูอิ่งยกขึ้นเล็กน้อย แต่แทนที่จะตอบ นางกลับถามว่า "ข้าสามารถสั่งการองครักษ์ของจวนอ๋องได้ไหม?"ฉิ

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status