แชร์

บทที่ 441

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
นางตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ

ในสายตาของราชครู รอยยิ้มบางๆ นี้ ก็คือนางจะไม่ยุ่งเรื่องนี้

เจตนายิ้มที่อยู่ในดวงตาราชครูชัดเจนขึ้นหลายส่วน ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยความดูถูกที่มีต่อเฟิ่งชูอิ่ง

แม้นางเป็นตัวประหลาดเฒ่าที่อยู่มาเป็นร้อยเป็นพันปี ปัจจุบันก็ยังถูกเขาหลอกจนหัวหมุน

รองเจ้าราชทัณฑ์ให้คนหยุดเลือดให้เขาไปพลาง กล่าวกับราชครูที่อยู่ข้างๆ ไปพลาง “ท่านราชครูมาพอดี ไม่ทราบว่าราชครูมีวิธีอะไรที่สามารถหาตัวคนร้ายได้”

เวลานี้ราชครูได้วางมาดเป็นผู้วิเศษอีกครั้ง กล่าวหลังจากสะบัดแส้นักพรตเบาๆ ทีหนึ่ง “เรื่องนี้ง่ายมาก แค่อัญเชิญดวงวิญญาณขององค์ชายหนานเยว่มา”

“เขาถูกใครฆ่า ก็รู้ในทันทีแล้ว”

รองเจ้าราชทัณฑ์กล่าวด้วยสีหน้าปลื้มปีติ “หากสามารถอัญเชิญดวงวิญญาณขององค์ชายหนานเยว่มาได้ ให้เขาชี้ตัวคนร้ายด้วยตัวเอง นั่นย่อมดีที่สุดแล้ว!”

“เพียงแต่เรื่องนี้คนทั่วไปไม่อาจทำได้ ท่านราชครูโปรดลงมือด้วย”

ราชครูกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “วันนี้ข้ามาก็เพราะเรื่องนี้”

เขาพูดถึงตรงนี้ก็เหลือบมองจิ่งโม่เยี่ยแวบหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าได้ยินเรื่ององค์ชายหนานเยว่ถูกฆ่า กรมราชทัณฑ์ยังไม่สามารถสร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 442

    หลังจากราชครูอัญเชิญดวงวิญญาณของพานเหรินซิ่นมา เขาก็เอ่ยถาม “องค์ชายใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าใครฆ่าท่าน?”เวลานี้เขามั่นใจมาก เพื่อเรื่องของวันนี้ เขาได้เตรียมการไว้มากมายเขาได้วางกลอุบายที่เกี่ยวโยงกันให้วิญญาณของพานเหรินซิ่น ทำให้พานเหรินซิ่นคิดว่าตัวเองถูกจิ่งโม่เยี่ยฆ่าเรื่องเช่นนี้ เขาทำได้ชำนาญมากทุกคนที่ได้รับการเปิดตาทิพย์ล้วนมองเห็นพานเหรินซิ่นแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่เพิ่งเคยเห็นร่างวิญญาณครั้งแรก แต่ละคนกลัวจนก้าวถอยหลังราชครูเห็นภาพนี้คิดว่าเป็นเรื่องที่ปกติมาก เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณร้ายออกมา ทำให้บรรยากาศของที่นี่วังเวงมากตอนที่พานเหรินซิ่นมาถึง เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าเพราะเหตุใดตัวเองจึงมาปรากฏตัวที่นี่และทันทีที่เขามองเห็นราชครู ร่างวิญญาณก็ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นราชครูกล่าวอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อย “ท่านบอกข้ามา ใครเป็นคนฆ่าท่าน?”“ขอแค่ท่านบอกความจริงกับข้า ข้าก็สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมให้ท่าน”เขาไม่เคยเห็นร่างวิญญาณอยู่ในสายตา ร่างวิญญาณที่คนทั่วไปกลัว ในสายตาของเขา เป็นแค่ของเล่นก็เท่านั้นดังนั้น น้ำเสียงที่เขาพูดในเวลานี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 443

    ราชครูซัดฝ่ามือใส่ร่างของพานเหรินซิ่น สะกดกลิ่นอายของเขาลงพานเหรินซิ่นกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทีหนึ่ง เขากล่าวอย่างโกรธแค้น “เจ้าเป็นถึงราชครู ไม่คู่ควรเป็นมนุษย์!”“แรกเริ่มที่ข้าเข้าเมืองหลวง เจ้าเป็นคนมาหาข้า ให้ข้าร่วมมือกับแผนการของเจ้า ให้ฆ่าจิ่งโม่เยี่ยในนามของการประลอง”“ข้าอุตส่าห์คิดว่าเจ้าเป็นพรรคพวกที่ไม่เลวคนหนึ่ง กลับคิดไม่ถึงว่าเจ้ามันเป็นปีศาจ!”“เจ้าฆ่าข้าด้วยวิธีที่อัปยศอดสูเช่นนั้นก็ช่างเถอะ ข้าตายแล้วก็ยังไม่คิดจะละเว้นข้า เจ้ามันเป็นปีศาจชัดๆ!”ทุกคนได้ยินคำพูดเหล่านี้ การแสดงออกซับซ้อนเล็กน้อยรองเจ้าราชทัณฑ์กระอักกระอ่วนจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และยังด่าทอในใจว่าราชครูเป็นคนโง่เขลา!เขาไม่เคยเห็นใครโง่เขลาเช่นนี้มาก่อน คิดมุ่งร้ายผู้อื่น แต่ผลลัพธ์กลับมาตกที่ตัวเองจิ่งโม่เยี่ยหันไปมองทางเฟิ่งชูอิ่ง นางเลิกคิ้วเบาๆ ทีหนึ่ง บ่งบอกให้เขาใจเย็นๆ ดูละครไปเรื่อยๆ ก็พอความสนใจของราชครูในเวลานี้ถูกพานเหรินซิ่นดึงดูดไปหมดแล้ว แม้เขารู้สึกได้ว่าบรรยากาศโดยรอบผิดปกติ กลับไม่ได้คิดมากในใจเขาเกลียดชังแทบตาย แต่ใบหน้ากลับสงบนิ่งมากเขาหยิบแส้นักพรตขึ้นมาสะบัดเบา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 444

    เรื่องนี้ทำให้เขาตกใจมาก เขาหันไปมอง ทุกคนกำลังใช้สายตาที่แปลกประหลาดมองเขาสีหน้าของราชครูน่าเกลียด ยืนยันกับรองเจ้าราชทัณฑ์ว่า “พวกท่านสามารถมองเห็นตั้งแต่เมื่อไร?”รองเจ้าราชทัณฑ์ตอบ “พวกเราเห็นตั้งแต่ตอนที่องค์ชายหนานเยว่ปรากฏตัวแล้ว”ราชครู “...!”นี่ก็หมายความว่าบทสนทนาระหว่างเขากับพานเหรินซิ่น รวมถึงเรื่องที่เขาทำกับพานเหรินซิ่น อยู่ในสายตาของทุกคนต่อให้ราชครูหน้าด้านเพียงใด เวลานี้ก็เริ่มไม่ไหวแล้วสีหน้าของเขาบูดบึ้งมาก หันไปมองทางเฟิ่งชูอิ่ง นางมองเขาอย่างไร้เดียงสาจิ่งโม่เยี่ยหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าว “โจรตะโกนจับโจร ซ้ำยังตะโกนต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ”ราชครูไม่ได้สนใจเขา แค่เอาแต่จ้องเฟิ่งชูอิ่งเขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง กล่าวอย่างเย็นชา “เป็นฝีมือของเจ้าใช่หรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งถอนหายใจเบาๆ หนึ่งที “ข้าเป็นคนเปิดตาทิพย์ให้พวกเขาเอง”“เมื่อครู่ท่านพูดอย่างมั่นใจเช่นนั้น ข้าย่อมต้องให้พวกเขาเห็นความสามารถของท่านในทันที”“ใครจะรู้ว่าท่านจะไม่สามารถจัดการแม้แต่ร่างวิญญาณของพานเหรินซิ่นได้ แถมยังปล่อยให้เขารู้ว่าคนร้ายก็คือท่าน”“ร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 445

    เสื้อเกราะของปู๋เยี่ยโหวอาบยาพิษ!เขากล่าวอย่างโกรธแค้น “นี่ท่านโหวทำอะไร?”ปู๋เยี่ยโหวยังไม่ทันได้ตอบ ราชครูก็รู้สึกว่ามีของเย็นบางอย่างแทงทะลุจากแผ่นหลังเข้าไปที่หัวใจของเขาเมื่อเขาหันกลับไปมอง ก็เห็นใบหน้าอันเยือกเย็นของจิ่งโม่เยี่ยจิ่งโม่เยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ปรักปรำข้า โยนความผิดให้ข้า นี่คือโทษตาย ข้าอนุญาตให้เจ้าไปตั้งแต่เมื่อไร?”รองเจ้าราชทัณฑ์ “...”รองเจ้าราชทัณฑ์ “...!!!”วันนี้เป็นวันที่พิเศษที่สุดวันหนึ่งตั้งแต่เขาเคยพิจารณาคดี แล้วก็เป็นวันที่มืดมนที่สุดด้วยเช่นกันเขารู้สึกว่าตัวเองดวงซวยสุดๆ ถึงมาเจอเรื่องเช่นนี้เขาตะโกนเสียงแข็ง “ท่านอ๋อง ท่านโหว หยุดเดี๋ยวนี้!”เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นจิ่งโม่เยี่ยหรือปู๋เยี่ยโหว ล้วนไม่มีใครสนใจเขารองเจ้าราชทัณฑ์แทบเป็นบ้าแล้ว แสร้งศีรษะทิ่มพื้นเป็นลมยังดีเสียกว่าต่อให้ราชครูจะร้ายกาจเพียงใด ข้างหน้าถูกมีดแทน ข้างหลังถูกกระบี่แทง ล้วนแทงเข้าที่จุดตายและยังถูกพิษอีก ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขาเขายังอยากพูดอะไรบางอย่าง เมื่ออ้าปากก็มีเลือดกระอักออกมากองใหญ่ดวงตาของเขาเบิกกว้าง จ้องตรงไปทางปู๋เยี่ยโหวปู๋เยี่ยโหวกล

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 446

    เมื่อเล็บอันแหลมคมของราชครูกำลังจะกรีดโดนหน้าอกจิ่งโม่เยี่ย แสงสีทองสายหนึ่งวาบผ่าน ดีดเขาออกทันทีเขาเข้าใจในทันทีว่าบนตัวของจิ่งโม่เยี่ยมียันต์ที่เฟิ่งชูอิ่งวาดให้ จึงเปลี่ยนเป้าหมายทันที เล็งตรงไปที่ปู๋เยี่ยโหวเพียงแต่เขาเพิ่งเข้าใกล้ปู๋เยี่ยโหว ก็ถูกดีดจนลอยกระเด็นออกไปเช่นเดียวกันในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจปู๋เยี่ยโหวยิ้มเล็กน้อย “ข้าชอบดูเจ้าทำหน้าโง่ๆ ด้วยความตกใจยิ่งนัก!”เขาพูดจบก็ฟันกระบี่ใส่ราชครูเพียงแต่ราชครูกลายเป็นร่างวิญญาณแล้ว กระบี่ของเขาจึงไม่สามารถทำร้ายราชครูได้ราชครูเห็นสถานการณ์ผิดปกติ เตรียมหมุนกายหนีไปทันทีเพียงแต่เขาเพิ่งหมุนกาย ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสยดสยองเมื่อเขาตั้งสมาธิ ก็เห็นเฟิ่งชูอิ่งขวางทางไปของเขาไว้ด้วยท่าทางเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มเวลานี้แม่นยำจนน่ากลัว เหตุผลที่นางแม่นยำเช่นนี้ เพราะนางได้ช่วยเขาทำนายทิศทางนี้เป็นทางเดียวที่เขาสามารถหนีรอดราชครูยังค้นพบอีกหนึ่งเรื่อง หากมองนางในฐานะมนุษย์ นางฉลาดหลักแหลมและอ่อนโยน แต่หากมองเฟิ่งชูอิ่งในมุมของวิญญาณแรง บนตัวนางมีกลิ่นอายที่น่ากลัวแฝงอยู่กลิ่นอายเช่นนี้เกิดจากภายในสู่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 447

    และในระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ เฟิ่งชูอิ่งได้ติดยันต์ไว้ในทุกทิศทางของกรมราชทัณฑ์เต็มไปหมด ราชครูไม่มีทางให้หนีแล้วเฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างเย็นชา “ไปตายซะเถอะ!”นางพูดจบก็หยิบยันต์กำหนึ่งขว้างใส่ราชครู ปิดทางถอยทั้งหมดของเขาสายตาที่ราชครูมองนางแทบลุกเป็นไฟ ในระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ ราชครูที่เป็นร่างวิญญาณได้รับบาดเจ็บหนักพอสมควรราชครูเห็นยันต์ที่พุ่งมาจากทุกสารทิศทาง ก็มุดเข้าไปในดินโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเพียงแต่ชั่วพริบตาก่อนที่เขาจะมุดลงดิน เขาไม่สามารถหนีพ้นยันต์เหล่านั้นได้ ยันต์ปัญจอสนีแผ่นหนึ่งถูกกระตุ้นให้ทำงานแล้ว ยันต์แผ่นนั้นตกลงมา เพียงแค่พริบตาเดียว ก็ผ่าร่างวิญญาณของเขาขาดครึ่งท่อนเขาส่งเสียงกรีดร้องที่แสบแก้วหู แล้วหายไปต่อหน้าทุกคนเฟิ่งชูอิ่งตะลึงงันไปครู่หนึ่ง นางเพิ่งจะนึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง ร่างวิญญาณสามารถมุดเข้าไปในดินโดยทั่วไปแล้วพวกมันก็เคลื่อนไหวใต้ดิน เพียงแต่เฉี่ยวหลิงไม่เคยมุดเข้าไปในดิน ราชครูก็เพิ่งตาย ชั่วขณะนางมองข้ามเรื่องที่เขาสามารถมุดดินหนีเมื่อเฉี่ยวหลิงเห็นสถานการณ์ ก็จะมุดลงไปไล่ตามทันที กลับถูกเฟิ่งชูอิ่งคว้าเอาไว้เฉี่ยวหลิงมองไ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 448

    บนใบหน้าปู๋เยี่ยโหวยังมีคราบเลือดติดอยู่ เขาเอื้อมมือปิดจมูกแล้วกล่าว “ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาหาเจ้า แต่มาหาจิ่งโม่เยี่ย”จิ่งโม่เยี่ยกล่าวพร้อมกับมองเขาอย่างเย็นชา “เจ้ามาหาข้าทำไม?”หลังจากปู๋เยี่ยโหวยิ้มแล้วยิ้มอีก เขากล่าว “ข้าจำได้ว่าตอนยังเด็ก ความสัมพันธ์ของพวกเราดีพอสมควร ยามนี้มาระลึกถึงความหลังเสียหน่อย ไม่ใช่เรื่องที่เกินไปกระมัง?”จิ่งโม่เยี่ยสบตาเขา เขามองกลับอย่างยิ้มแย้ม ผ่านไปเนิ่นนาน จิ่งโม่เยี่ยก็ยกเท้าถีบเขาจนลอยกระเด็นออกไปปู๋เยี่ยโหว “...”เขาลุกขึ้นแล้วกล่าว “จิ่งโม่เยี่ย เจ้ารอก่อนเถอะ สักวันข้าจะฆ่าเจ้า!”เขาพูดจบก็เดินจากไปอย่างโมโหหลังจากเขาไปแล้ว เฟิ่งชูอิ่งกับจิ่งโม่เยี่ยขึ้นรถม้าเฟิ่งชูอิ่งมองแผ่นหลังปู๋เยี่ยโหวอย่างครุ่นคิด เนื่องจากปกติเขาทำตัวบ้าๆ บอๆ นางตัดสินใจไม่พูดถึงเขาต่อหน้าจิ่งโม่เยี่ยเพียงแต่นางไม่พูด จิ่งโม่เยี่ยกลับกล่าว “สมัยเด็ก ความสัมพันธ์ของข้ากับเขาดีมาก สนิทสนมกันมาก”“ตอนนั้นเขาถูกท่านป้าสอนอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่อ่อนโยนดั่งหยก”“การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเริ่มขึ้นหลังจากที่เสด็จพ่อสวรรคต เพราะท่านป้าปกป้องเสด็จพ่อ จึงถูกฮ่องเต้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 449

    “แต่ทหารยามของจวนอ๋องก็นับว่าค่อนข้างตื่นตัว รูสุนัขนั่นข้าขุดไปขุดมาสิบกว่ารอบ ถึงจะสามารถขุดรูที่ข้าสามารถลอดเข้ามาได้”เฟิ่งชูอิ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าว “ช้าก่อน เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารูนั่นเจ้าเป็นคนขุด หลังจากนั้นเจ้าก็เรียกมันว่ารูสุนัข?”ปู๋เยี่ยโหว “...”ถึงตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าวิธีเรียกนี้ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าหากนั่นเป็นรูสุนัข เขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่เข้ามา เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าเขาก็คือ…เขาถุยเบาๆ ทีหนึ่ง “พูดผิดๆ นั่นรูคน”เฟิ่งชูอิ่งทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมามุมปากจิ่งโม่เยี่ยก็กระตุกเช่นกัน เอ่ยถาม “เจ้าอุตส่าห์ลงทุนขุดรูสุนัขนั่น คิดจะทำอะไร?”ปู๋เยี่ยโหวตอบ “ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่าจะขุดฐานกำแพง[1]เจ้าไม่ใช่หรือ? ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าไม่ได้พูดลอยๆ”ปัจจุบันจิ่งโม่เยี่ยเริ่มไม่ค่อยเข้าใจความคิดของปู๋โหวเยี่ยแล้ว เขารู้สึกว่าสมองของปู๋เยี่ยโหวมีปัญหาจริงๆปู๋เยี่ยโหวขยับไปข้างกายเฟิ่งชูอิ่งแล้วกล่าว “แม่นางเฟิ่งพักเรือนไหน? กลางคืนเหงาหรือไม่? ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนหรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งชกหน้าเขาทันที ครั้งนี้เขามีการเตรียมตัวไว้แล้ว จึงชกไม่โดนเขากล่าวอย่างม

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status