Share

บทที่ 447

Author: ดอกถังร่วงหล่น
และในระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ เฟิ่งชูอิ่งได้ติดยันต์ไว้ในทุกทิศทางของกรมราชทัณฑ์เต็มไปหมด

ราชครูไม่มีทางให้หนีแล้ว

เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างเย็นชา “ไปตายซะเถอะ!”

นางพูดจบก็หยิบยันต์กำหนึ่งขว้างใส่ราชครู ปิดทางถอยทั้งหมดของเขา

สายตาที่ราชครูมองนางแทบลุกเป็นไฟ ในระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ ราชครูที่เป็นร่างวิญญาณได้รับบาดเจ็บหนักพอสมควร

ราชครูเห็นยันต์ที่พุ่งมาจากทุกสารทิศทาง ก็มุดเข้าไปในดินโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

เพียงแต่ชั่วพริบตาก่อนที่เขาจะมุดลงดิน เขาไม่สามารถหนีพ้นยันต์เหล่านั้นได้ ยันต์ปัญจอสนีแผ่นหนึ่งถูกกระตุ้นให้ทำงานแล้ว

ยันต์แผ่นนั้นตกลงมา เพียงแค่พริบตาเดียว ก็ผ่าร่างวิญญาณของเขาขาดครึ่งท่อน

เขาส่งเสียงกรีดร้องที่แสบแก้วหู แล้วหายไปต่อหน้าทุกคน

เฟิ่งชูอิ่งตะลึงงันไปครู่หนึ่ง นางเพิ่งจะนึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง ร่างวิญญาณสามารถมุดเข้าไปในดิน

โดยทั่วไปแล้วพวกมันก็เคลื่อนไหวใต้ดิน

เพียงแต่เฉี่ยวหลิงไม่เคยมุดเข้าไปในดิน ราชครูก็เพิ่งตาย ชั่วขณะนางมองข้ามเรื่องที่เขาสามารถมุดดินหนี

เมื่อเฉี่ยวหลิงเห็นสถานการณ์ ก็จะมุดลงไปไล่ตามทันที กลับถูกเฟิ่งชูอิ่งคว้าเอาไว้

เฉี่ยวหลิงมองไ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 448

    บนใบหน้าปู๋เยี่ยโหวยังมีคราบเลือดติดอยู่ เขาเอื้อมมือปิดจมูกแล้วกล่าว “ครั้งนี้ข้าไม่ได้มาหาเจ้า แต่มาหาจิ่งโม่เยี่ย”จิ่งโม่เยี่ยกล่าวพร้อมกับมองเขาอย่างเย็นชา “เจ้ามาหาข้าทำไม?”หลังจากปู๋เยี่ยโหวยิ้มแล้วยิ้มอีก เขากล่าว “ข้าจำได้ว่าตอนยังเด็ก ความสัมพันธ์ของพวกเราดีพอสมควร ยามนี้มาระลึกถึงความหลังเสียหน่อย ไม่ใช่เรื่องที่เกินไปกระมัง?”จิ่งโม่เยี่ยสบตาเขา เขามองกลับอย่างยิ้มแย้ม ผ่านไปเนิ่นนาน จิ่งโม่เยี่ยก็ยกเท้าถีบเขาจนลอยกระเด็นออกไปปู๋เยี่ยโหว “...”เขาลุกขึ้นแล้วกล่าว “จิ่งโม่เยี่ย เจ้ารอก่อนเถอะ สักวันข้าจะฆ่าเจ้า!”เขาพูดจบก็เดินจากไปอย่างโมโหหลังจากเขาไปแล้ว เฟิ่งชูอิ่งกับจิ่งโม่เยี่ยขึ้นรถม้าเฟิ่งชูอิ่งมองแผ่นหลังปู๋เยี่ยโหวอย่างครุ่นคิด เนื่องจากปกติเขาทำตัวบ้าๆ บอๆ นางตัดสินใจไม่พูดถึงเขาต่อหน้าจิ่งโม่เยี่ยเพียงแต่นางไม่พูด จิ่งโม่เยี่ยกลับกล่าว “สมัยเด็ก ความสัมพันธ์ของข้ากับเขาดีมาก สนิทสนมกันมาก”“ตอนนั้นเขาถูกท่านป้าสอนอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่อ่อนโยนดั่งหยก”“การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเริ่มขึ้นหลังจากที่เสด็จพ่อสวรรคต เพราะท่านป้าปกป้องเสด็จพ่อ จึงถูกฮ่องเต้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 449

    “แต่ทหารยามของจวนอ๋องก็นับว่าค่อนข้างตื่นตัว รูสุนัขนั่นข้าขุดไปขุดมาสิบกว่ารอบ ถึงจะสามารถขุดรูที่ข้าสามารถลอดเข้ามาได้”เฟิ่งชูอิ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าว “ช้าก่อน เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารูนั่นเจ้าเป็นคนขุด หลังจากนั้นเจ้าก็เรียกมันว่ารูสุนัข?”ปู๋เยี่ยโหว “...”ถึงตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าวิธีเรียกนี้ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าหากนั่นเป็นรูสุนัข เขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่เข้ามา เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าเขาก็คือ…เขาถุยเบาๆ ทีหนึ่ง “พูดผิดๆ นั่นรูคน”เฟิ่งชูอิ่งทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมามุมปากจิ่งโม่เยี่ยก็กระตุกเช่นกัน เอ่ยถาม “เจ้าอุตส่าห์ลงทุนขุดรูสุนัขนั่น คิดจะทำอะไร?”ปู๋เยี่ยโหวตอบ “ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่าจะขุดฐานกำแพง[1]เจ้าไม่ใช่หรือ? ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าไม่ได้พูดลอยๆ”ปัจจุบันจิ่งโม่เยี่ยเริ่มไม่ค่อยเข้าใจความคิดของปู๋โหวเยี่ยแล้ว เขารู้สึกว่าสมองของปู๋เยี่ยโหวมีปัญหาจริงๆปู๋เยี่ยโหวขยับไปข้างกายเฟิ่งชูอิ่งแล้วกล่าว “แม่นางเฟิ่งพักเรือนไหน? กลางคืนเหงาหรือไม่? ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนหรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่งชกหน้าเขาทันที ครั้งนี้เขามีการเตรียมตัวไว้แล้ว จึงชกไม่โดนเขากล่าวอย่างม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 450

    ปู๋เยี่ยโหว “...”ปู๋เยี่ยโหว “...!”เขามองเฉี่ยวหลิงที่ไม่มีดวงตาและคางแวบหนึ่ง รู้สึกว่าตนเองพบเจอเรื่องราวที่น่าสยดสยองที่สุดในโลกนี้เฉี่ยวหลิงเห็นสีหน้าเขาก็หัวเราะ “ข้าก็รู้สึกว่าเป็นเช่นนี้”นางพูดจบ ก็เตะปู๋เยี่ยโหวลอยกระเด็นออกไปปู๋เยี่ยโหว “...”เฉี่ยวหลิงยืนอยู่ข้างกายเขา มือเท้าเอวพลางกล่าว “แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการกระทืบเจ้า”นางย่อมรู้เรื่องที่ว่าเพราะเหตุใดปู๋เยี่ยโหวสัมผัสไม่โดนราชครู กลับสามารถสัมผัสโดนนางได้ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพราะเฟิ่งชูอิ่งมอบยันต์ให้นางแผ่นหนึ่งก็เท่านั้นจิ่งโม่เยี่ยที่อยู่ข้างๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “สมควร!”ปู๋เยี่ยโหว “...”เขารู้สึกว่าวันนี้เขาไม่ควรมาจวนอ๋องฉู่จริงๆเขานอนอ้าแขนอ้าขาอยู่บนพื้น กล่าว “พวกเจ้าฆ่าข้าเถอะ ข้าไม่อยากอยู่แล้ว!”เฉี่ยวหลิงหันไปกล่าวกับเฟิ่งชูอิ่ง “คุณหนู ท่านช่วยข้าฆ่าเขาหน่อยเถิด จะได้จัดงานแต่งผีให้ข้าด้วยเลย”เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ตอบ ปู๋เยี่ยโหวสะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที “โลกมนุษย์สวยงามเช่นนี้ ข้ามีชีวิตอยู่ต่อดีกว่า!”เฉี่ยวหลิงเห็นสภาพนี้ของเขา จู่ๆ ก็รู้แล้วว่าวันข้างหน้าจะจัดการเขาอย่างไร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 451

    เมื่อก่อนเฟิ่งชูอิ่งคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยนั้นฟั่นเฟือน ทว่าตอนนี้กลับคิดว่าเมื่อเอาความบ้าดีเดือดของจิ่งโม่เยี่ยมาเทียบกับเขาแล้วไม่นับว่าคุ้มค่าให้พูดถึงนางไม่เคยพบเคยเห็นปู๋เยี่ยโหวเช่นนี้มาก่อนจิ่งโม่เยี่ยเอ่ยถาม “ท่านลุงก็ถูกราชครูสังหารหรือ?”ปู๋เยี่ยโหวพยักหน้า “หลังจากที่ท่านแม่ของข้าเสียชีวิต ท่านพ่อก็คิดแต่จะแก้แค้นให้ท่านแม่”“ผู้คนข้างนอกต่างพูดกันให้ทั่วว่าท่านพ่อพลาดตกน้ำตอนออกไปเที่ยวชมทะเลสาบ แต่ตอนนั้นท่านแม่ข้าเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ท่านพ่อไหนเลยจะมีกะจิตกะใจไปเที่ยวชมทะเลสาบได้?”“ที่จริงแล้วในคืนนั้นท่านพ่อนั่งเรือเพื่อสืบหาเบาะแส จากนั้นจึงถูกราชครูใช้มนต์ควบคุมให้กระโดดลงทะเลสาบไป”ปู๋เยี่ยโหวไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้จิ่งโม่เยี่ยฟังมาก่อน เพราะความแค้นของบิดามารดาของเขานั้น เขาจะต้องเป็นคนแก้แค้นมันด้วยตัวเองฉะนั้นแล้ว ราชครูมีแต่ต้องสิ้นชีพด้วยน้ำมือเขาเท่านั้นหลายปีมานี้นับแต่สำนักลี้ลับถูกทำลาย ราชครูก็ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้เจาหยวนอย่างรวดเร็วพระราชพิธีบูชาสวรรค์ก่อนหน้านี้ ล้วนได้ราชครูนำนักพรตของอารามเทียนอี้เข้ามาช่วยฮ่องเต้เจาหยวนประกอบพิธีจนแล้วเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 452

    เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยถามด้วยความตื่นตกใจ “ทำไมเขาจะเป็นท่านพ่อของข้าไม่ได้เล่า?”ปู๋เยี่ยโหวกับจิ่งโม่เยี่ยแลกเปลี่ยนสายตากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรเฟิ่งชูอิ่งเอ่ยถาม “ทำไมล่ะ? มีอะไรผิดปกติตรงไหน?”ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไรจิ่งโม่เยี่ยทนดูต่อไปไม่ได้ จึงพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “เขาเป็นคนที่ฝึกฝนวิถีแห่งเต๋า ไม่อาจแต่งงานได้ชั่วชีวิต”เฟิ่งชูอิ่ง “...”นางนึกถึงคำพูดที่หลินชูเจิ้งพูดกับนาง แล้วคิดถึงเครื่องมือประกอบพิธีกรรมพวกนั้นที่หลินชูเจิ้งถือ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนพูดโกหกเลยนางขมวดคิ้วพลางกล่าว “ท่านหมายความว่าข้ากำลังทำอะไรผิดหรือ?”ปู๋เยี่ยโหวมองสำรวจนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วกล่าว “ข้าเคยพบกับเจ้าสำนักลี้ลับมาก่อน เจ้ากับเขาหน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว”“หากจะบอกว่าเจ้าหน้าตาเหมือนมารดา ไม่เหมือนบิดา มันก็พอจะถูไถไปได้ อีกทั้งวิชาคาถาจากสำนักลี้ลับของเจ้าก็สูงส่งเหนือชั้น พอจะเหมือนบุตรสาวของเขาอยู่บ้าง”“แต่อย่าว่าแต่เขาไม่อาจแต่งงานได้ชั่วชีวิตเลย เขายังประพฤติได้อย่างไม่มีด่างพร้อย ไม่เข้าใกล้สตรีเพศ มันเลยดูไม่ค่อยเป็นไปได้ที่จะมีบุตรสาวที่โตขนา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 453

    ปู๋เยี่ยโหวกล่าวยิ้ม ๆ “ก็ไม่เลวนะ ข้าเองก็คิดว่าข้าเก่งกาจไม่เบาเหมือนกัน”จิ่งโม่เยี่ย “...”เขามองเฟิ่งชูอิ่ง พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “จอมโกหก”เฟิ่งชูอิ่งพูดจาโกหกพกลมต่อหน้าเขาไว้มากมาย และนางเองก็ยอมรับชื่อเสียงเช่นนี้แล้ว ยามนี้นางจึงทำราวกับไม่ได้ยินปู๋เยี่ยโหวกล่าวด้วยใบหน้าสงสัยใคร่รู้ “หากยึดตามที่เจ้าพูดมา เช่นนั้นบิดาของเจ้าก็คงจะเป็นเจ้าสำนักลี้ลับน่ะสิ แต่เรื่องนี้ก็ฟังดูไม่ถูกต้อง!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะแล้วเอ่ย “ใช่แล้ว ข้าก็ว่าว่ามันแปลกๆ”“เพราะฉะนั้นแล้ว ข้าต้องตรวจสอบเรื่องนี้ดูอีกครั้ง ไม่ว่าท่านพ่อข้าจะใช่เจ้าสำนักลี้ลับหรือไม่ แต่ข้านั้นมีความสัมพันธ์กับสำนักลี้ลับแน่นอน”ปู๋เยี่ยโหวพูดด้วยท่าทางที่ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ “หากบิดาของเจ้าเป็นเจ้าสำนักลี้ลับจริง เช่นนั้นระหว่างพวกเราก็นับว่ามีวาสนาต่อกันแล้ว”“บิดาเจ้าเคยช่วยชีวิตข้าไว้ วันนี้เขาไม่อยู่แล้ว ทั้งข้ายังไม่อาจตอบแทนคุณเข้าได้อีก คงได้แต่ตอบแทนบุญคุณนั้นกับเจ้าแล้วล่ะ”“ข้าไม่อาจหาอะไรมาตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตนี้ได้ เหลือเพียงแต่ต้องมอบกายมอบใจให้เท่านั้นแล้ว หรือไม่ก็เจ้าไม่ต้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 454

    จิ่งโม่เยี่ยมองไปทางเฟิ่งชูอิ่งด้วยความยโสเล็กน้อย “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในยามนี้หรอก”แม้ว่าเขาจะพูดออกมาเช่นนั้น ทว่ากลับยื่นมือมาตรงหน้านางอีกเจ็ดวันนางกับเขาก็จะต้องแต่งงานกันแล้ว!ไว้พอพวกเขาแต่งงานกันแล้ว เขาก็จะพานางไปยังเขตปกครองของเขาเอง หลังจากนั้นก็จะหาโอกาสกลับไปเมืองหลวง ช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่แต่เดิมควรเป็นของเขากลับคืนมา แล้วมอบเกียรติอันยิ่งใหญ่แก่นางเฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยท่าทีจริงจัง “แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด”“ท่านต้องคำสาปแช่งมาไม่น้อย มันกระทบต่อดวงชะตาของท่าน หากรั้งรอไว้นานวันเข้าก็จะยิ่งส่งผลร้ายต่อร่างกาย”ทว่าสิ่งที่นางคิดอยู่ในใจก็คือ รีบแก้คำสาปให้เขา จากนั้นก็รีบไปจากเมืองหลวงจอมปลอมนี้ให้เร็วที่สุดปู๋เยี่ยโหวเป็นคนล่องลอยไม่เอาอ่าว แต่มีคำพูดจากปากเขาที่ถูกต้องคำพูดหนึ่ง ซึ่งก็คือฮ่องเต้เจาหยวนไม่มีทางยอมให้พวกเขาได้แต่งงานกันราบรื่นแน่การที่จิ่งโม่เยี่ยต้องการกลับเขตปกครองของตนเองนั้น เป็นเรื่องที่ยากแสนยากและต่อให้เขากลับไปยังอาณาเขตของตนแล้ว ก็ไม่ใคร่จะสงบสุขนัก ทั้งยังมีศึกสงครามนับไม่ถ้วนและแผนการร้ายรอคอยเขาอยู่อีก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 455

    เฟิ่งชูอิ่งดึงของสำหรับแก้คำสาปออกมาจากกำไลมิติของตัวเอง นางวางค่ายกล แล้วให้เขาเข้าไปยืนด้านในเมื่อเขาเดินเข้าไป นางก็ขับเคลื่อนวางค่ายกลเพื่อแก้คำสาปให้เขาจิ่งโม่เยี่ยรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของค่ายกล รวมทั้งความเจ็บปวดที่สลักอยู่ในจิตวิญญาณหน้าผากของเขาผุดเหงื่อเย็นออกมาเพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทว่าตั้งแต่เริ่มจนบัดนี้เขากลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาสักนิดเดียวเฟิ่งชูอิ่งเองก็เหงื่อโซมไปทั้งกายหลังจากที่แก้คำสาปให้เขาเสร็จเรียบร้อยยามที่นางเพิ่งทะลุมิติมาใหม่ๆ นั้นไม่อาจแก้คำสาปนี้ได้ ตอนที่ราชครูยังมีชีวิตอยู่นางก็ทำไม่ได้เช่นกันเพราะวิถีเต๋าของราชครูนั้นแข็งแกร่งกว่านางเป็นเท่าตัว นางแค่แตะต้องคำสาปนี้เพียงเล็กน้อย ราชครูจะต้องรับรู้ได้ แล้วโจมตีนางผ่านคำสาปนี้แน่นอนหากนางต้องประมือกับราชครูแบบซึ่งๆ หน้า ฝ่ายที่ต้องตายตกไปต้องเป็นนางแน่นอนอีกทั้งยังเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อตัวจิ่งโม่เยี่ย ที่ถึงขั้นอาจจะทำให้ชะตาของเขาต้องสูญสิ้น จนถึงแก่ชีวิตภายในชั่วพริบตานางเอื้อมมือมาเช็ดหยาดเหงื่อพลางกล่าว “ยินดีกับท่านอ๋องด้วย ถอนคำสาปเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”“นับแต่วันนี้ไป ไม่ว

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status