แชร์

บทที่ 449

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
“แต่ทหารยามของจวนอ๋องก็นับว่าค่อนข้างตื่นตัว รูสุนัขนั่นข้าขุดไปขุดมาสิบกว่ารอบ ถึงจะสามารถขุดรูที่ข้าสามารถลอดเข้ามาได้”

เฟิ่งชูอิ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าว “ช้าก่อน เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารูนั่นเจ้าเป็นคนขุด หลังจากนั้นเจ้าก็เรียกมันว่ารูสุนัข?”

ปู๋เยี่ยโหว “...”

ถึงตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าวิธีเรียกนี้ไม่ถูกต้อง เพราะถ้าหากนั่นเป็นรูสุนัข เขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่เข้ามา เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าเขาก็คือ…

เขาถุยเบาๆ ทีหนึ่ง “พูดผิดๆ นั่นรูคน”

เฟิ่งชูอิ่งทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมา

มุมปากจิ่งโม่เยี่ยก็กระตุกเช่นกัน เอ่ยถาม “เจ้าอุตส่าห์ลงทุนขุดรูสุนัขนั่น คิดจะทำอะไร?”

ปู๋เยี่ยโหวตอบ “ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่าจะขุดฐานกำแพง[1]เจ้าไม่ใช่หรือ? ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าข้าไม่ได้พูดลอยๆ”

ปัจจุบันจิ่งโม่เยี่ยเริ่มไม่ค่อยเข้าใจความคิดของปู๋โหวเยี่ยแล้ว เขารู้สึกว่าสมองของปู๋เยี่ยโหวมีปัญหาจริงๆ

ปู๋เยี่ยโหวขยับไปข้างกายเฟิ่งชูอิ่งแล้วกล่าว “แม่นางเฟิ่งพักเรือนไหน? กลางคืนเหงาหรือไม่? ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนหรือไม่?”

เฟิ่งชูอิ่งชกหน้าเขาทันที ครั้งนี้เขามีการเตรียมตัวไว้แล้ว จึงชกไม่โดน

เขากล่าวอย่างม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 450

    ปู๋เยี่ยโหว “...”ปู๋เยี่ยโหว “...!”เขามองเฉี่ยวหลิงที่ไม่มีดวงตาและคางแวบหนึ่ง รู้สึกว่าตนเองพบเจอเรื่องราวที่น่าสยดสยองที่สุดในโลกนี้เฉี่ยวหลิงเห็นสีหน้าเขาก็หัวเราะ “ข้าก็รู้สึกว่าเป็นเช่นนี้”นางพูดจบ ก็เตะปู๋เยี่ยโหวลอยกระเด็นออกไปปู๋เยี่ยโหว “...”เฉี่ยวหลิงยืนอยู่ข้างกายเขา มือเท้าเอวพลางกล่าว “แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการกระทืบเจ้า”นางย่อมรู้เรื่องที่ว่าเพราะเหตุใดปู๋เยี่ยโหวสัมผัสไม่โดนราชครู กลับสามารถสัมผัสโดนนางได้ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพราะเฟิ่งชูอิ่งมอบยันต์ให้นางแผ่นหนึ่งก็เท่านั้นจิ่งโม่เยี่ยที่อยู่ข้างๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “สมควร!”ปู๋เยี่ยโหว “...”เขารู้สึกว่าวันนี้เขาไม่ควรมาจวนอ๋องฉู่จริงๆเขานอนอ้าแขนอ้าขาอยู่บนพื้น กล่าว “พวกเจ้าฆ่าข้าเถอะ ข้าไม่อยากอยู่แล้ว!”เฉี่ยวหลิงหันไปกล่าวกับเฟิ่งชูอิ่ง “คุณหนู ท่านช่วยข้าฆ่าเขาหน่อยเถิด จะได้จัดงานแต่งผีให้ข้าด้วยเลย”เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ตอบ ปู๋เยี่ยโหวสะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที “โลกมนุษย์สวยงามเช่นนี้ ข้ามีชีวิตอยู่ต่อดีกว่า!”เฉี่ยวหลิงเห็นสภาพนี้ของเขา จู่ๆ ก็รู้แล้วว่าวันข้างหน้าจะจัดการเขาอย่างไร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 451

    เมื่อก่อนเฟิ่งชูอิ่งคิดว่าจิ่งโม่เยี่ยนั้นฟั่นเฟือน ทว่าตอนนี้กลับคิดว่าเมื่อเอาความบ้าดีเดือดของจิ่งโม่เยี่ยมาเทียบกับเขาแล้วไม่นับว่าคุ้มค่าให้พูดถึงนางไม่เคยพบเคยเห็นปู๋เยี่ยโหวเช่นนี้มาก่อนจิ่งโม่เยี่ยเอ่ยถาม “ท่านลุงก็ถูกราชครูสังหารหรือ?”ปู๋เยี่ยโหวพยักหน้า “หลังจากที่ท่านแม่ของข้าเสียชีวิต ท่านพ่อก็คิดแต่จะแก้แค้นให้ท่านแม่”“ผู้คนข้างนอกต่างพูดกันให้ทั่วว่าท่านพ่อพลาดตกน้ำตอนออกไปเที่ยวชมทะเลสาบ แต่ตอนนั้นท่านแม่ข้าเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ท่านพ่อไหนเลยจะมีกะจิตกะใจไปเที่ยวชมทะเลสาบได้?”“ที่จริงแล้วในคืนนั้นท่านพ่อนั่งเรือเพื่อสืบหาเบาะแส จากนั้นจึงถูกราชครูใช้มนต์ควบคุมให้กระโดดลงทะเลสาบไป”ปู๋เยี่ยโหวไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้จิ่งโม่เยี่ยฟังมาก่อน เพราะความแค้นของบิดามารดาของเขานั้น เขาจะต้องเป็นคนแก้แค้นมันด้วยตัวเองฉะนั้นแล้ว ราชครูมีแต่ต้องสิ้นชีพด้วยน้ำมือเขาเท่านั้นหลายปีมานี้นับแต่สำนักลี้ลับถูกทำลาย ราชครูก็ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้เจาหยวนอย่างรวดเร็วพระราชพิธีบูชาสวรรค์ก่อนหน้านี้ ล้วนได้ราชครูนำนักพรตของอารามเทียนอี้เข้ามาช่วยฮ่องเต้เจาหยวนประกอบพิธีจนแล้วเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 452

    เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยถามด้วยความตื่นตกใจ “ทำไมเขาจะเป็นท่านพ่อของข้าไม่ได้เล่า?”ปู๋เยี่ยโหวกับจิ่งโม่เยี่ยแลกเปลี่ยนสายตากัน แต่ไม่มีใครพูดอะไรเฟิ่งชูอิ่งเอ่ยถาม “ทำไมล่ะ? มีอะไรผิดปกติตรงไหน?”ปู๋เยี่ยโหวหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไรจิ่งโม่เยี่ยทนดูต่อไปไม่ได้ จึงพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “เขาเป็นคนที่ฝึกฝนวิถีแห่งเต๋า ไม่อาจแต่งงานได้ชั่วชีวิต”เฟิ่งชูอิ่ง “...”นางนึกถึงคำพูดที่หลินชูเจิ้งพูดกับนาง แล้วคิดถึงเครื่องมือประกอบพิธีกรรมพวกนั้นที่หลินชูเจิ้งถือ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนพูดโกหกเลยนางขมวดคิ้วพลางกล่าว “ท่านหมายความว่าข้ากำลังทำอะไรผิดหรือ?”ปู๋เยี่ยโหวมองสำรวจนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วกล่าว “ข้าเคยพบกับเจ้าสำนักลี้ลับมาก่อน เจ้ากับเขาหน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว”“หากจะบอกว่าเจ้าหน้าตาเหมือนมารดา ไม่เหมือนบิดา มันก็พอจะถูไถไปได้ อีกทั้งวิชาคาถาจากสำนักลี้ลับของเจ้าก็สูงส่งเหนือชั้น พอจะเหมือนบุตรสาวของเขาอยู่บ้าง”“แต่อย่าว่าแต่เขาไม่อาจแต่งงานได้ชั่วชีวิตเลย เขายังประพฤติได้อย่างไม่มีด่างพร้อย ไม่เข้าใกล้สตรีเพศ มันเลยดูไม่ค่อยเป็นไปได้ที่จะมีบุตรสาวที่โตขนา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 453

    ปู๋เยี่ยโหวกล่าวยิ้ม ๆ “ก็ไม่เลวนะ ข้าเองก็คิดว่าข้าเก่งกาจไม่เบาเหมือนกัน”จิ่งโม่เยี่ย “...”เขามองเฟิ่งชูอิ่ง พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “จอมโกหก”เฟิ่งชูอิ่งพูดจาโกหกพกลมต่อหน้าเขาไว้มากมาย และนางเองก็ยอมรับชื่อเสียงเช่นนี้แล้ว ยามนี้นางจึงทำราวกับไม่ได้ยินปู๋เยี่ยโหวกล่าวด้วยใบหน้าสงสัยใคร่รู้ “หากยึดตามที่เจ้าพูดมา เช่นนั้นบิดาของเจ้าก็คงจะเป็นเจ้าสำนักลี้ลับน่ะสิ แต่เรื่องนี้ก็ฟังดูไม่ถูกต้อง!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะแล้วเอ่ย “ใช่แล้ว ข้าก็ว่าว่ามันแปลกๆ”“เพราะฉะนั้นแล้ว ข้าต้องตรวจสอบเรื่องนี้ดูอีกครั้ง ไม่ว่าท่านพ่อข้าจะใช่เจ้าสำนักลี้ลับหรือไม่ แต่ข้านั้นมีความสัมพันธ์กับสำนักลี้ลับแน่นอน”ปู๋เยี่ยโหวพูดด้วยท่าทางที่ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ “หากบิดาของเจ้าเป็นเจ้าสำนักลี้ลับจริง เช่นนั้นระหว่างพวกเราก็นับว่ามีวาสนาต่อกันแล้ว”“บิดาเจ้าเคยช่วยชีวิตข้าไว้ วันนี้เขาไม่อยู่แล้ว ทั้งข้ายังไม่อาจตอบแทนคุณเข้าได้อีก คงได้แต่ตอบแทนบุญคุณนั้นกับเจ้าแล้วล่ะ”“ข้าไม่อาจหาอะไรมาตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตนี้ได้ เหลือเพียงแต่ต้องมอบกายมอบใจให้เท่านั้นแล้ว หรือไม่ก็เจ้าไม่ต้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 454

    จิ่งโม่เยี่ยมองไปทางเฟิ่งชูอิ่งด้วยความยโสเล็กน้อย “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในยามนี้หรอก”แม้ว่าเขาจะพูดออกมาเช่นนั้น ทว่ากลับยื่นมือมาตรงหน้านางอีกเจ็ดวันนางกับเขาก็จะต้องแต่งงานกันแล้ว!ไว้พอพวกเขาแต่งงานกันแล้ว เขาก็จะพานางไปยังเขตปกครองของเขาเอง หลังจากนั้นก็จะหาโอกาสกลับไปเมืองหลวง ช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่างที่แต่เดิมควรเป็นของเขากลับคืนมา แล้วมอบเกียรติอันยิ่งใหญ่แก่นางเฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยท่าทีจริงจัง “แน่นอนว่าเรื่องเช่นนี้ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด”“ท่านต้องคำสาปแช่งมาไม่น้อย มันกระทบต่อดวงชะตาของท่าน หากรั้งรอไว้นานวันเข้าก็จะยิ่งส่งผลร้ายต่อร่างกาย”ทว่าสิ่งที่นางคิดอยู่ในใจก็คือ รีบแก้คำสาปให้เขา จากนั้นก็รีบไปจากเมืองหลวงจอมปลอมนี้ให้เร็วที่สุดปู๋เยี่ยโหวเป็นคนล่องลอยไม่เอาอ่าว แต่มีคำพูดจากปากเขาที่ถูกต้องคำพูดหนึ่ง ซึ่งก็คือฮ่องเต้เจาหยวนไม่มีทางยอมให้พวกเขาได้แต่งงานกันราบรื่นแน่การที่จิ่งโม่เยี่ยต้องการกลับเขตปกครองของตนเองนั้น เป็นเรื่องที่ยากแสนยากและต่อให้เขากลับไปยังอาณาเขตของตนแล้ว ก็ไม่ใคร่จะสงบสุขนัก ทั้งยังมีศึกสงครามนับไม่ถ้วนและแผนการร้ายรอคอยเขาอยู่อีก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 455

    เฟิ่งชูอิ่งดึงของสำหรับแก้คำสาปออกมาจากกำไลมิติของตัวเอง นางวางค่ายกล แล้วให้เขาเข้าไปยืนด้านในเมื่อเขาเดินเข้าไป นางก็ขับเคลื่อนวางค่ายกลเพื่อแก้คำสาปให้เขาจิ่งโม่เยี่ยรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของค่ายกล รวมทั้งความเจ็บปวดที่สลักอยู่ในจิตวิญญาณหน้าผากของเขาผุดเหงื่อเย็นออกมาเพราะความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทว่าตั้งแต่เริ่มจนบัดนี้เขากลับไม่ส่งเสียงร้องออกมาสักนิดเดียวเฟิ่งชูอิ่งเองก็เหงื่อโซมไปทั้งกายหลังจากที่แก้คำสาปให้เขาเสร็จเรียบร้อยยามที่นางเพิ่งทะลุมิติมาใหม่ๆ นั้นไม่อาจแก้คำสาปนี้ได้ ตอนที่ราชครูยังมีชีวิตอยู่นางก็ทำไม่ได้เช่นกันเพราะวิถีเต๋าของราชครูนั้นแข็งแกร่งกว่านางเป็นเท่าตัว นางแค่แตะต้องคำสาปนี้เพียงเล็กน้อย ราชครูจะต้องรับรู้ได้ แล้วโจมตีนางผ่านคำสาปนี้แน่นอนหากนางต้องประมือกับราชครูแบบซึ่งๆ หน้า ฝ่ายที่ต้องตายตกไปต้องเป็นนางแน่นอนอีกทั้งยังเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อตัวจิ่งโม่เยี่ย ที่ถึงขั้นอาจจะทำให้ชะตาของเขาต้องสูญสิ้น จนถึงแก่ชีวิตภายในชั่วพริบตานางเอื้อมมือมาเช็ดหยาดเหงื่อพลางกล่าว “ยินดีกับท่านอ๋องด้วย ถอนคำสาปเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”“นับแต่วันนี้ไป ไม่ว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 456

    เฟิ่งชูอิ่งรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของเขาที่เปลี่ยนแปลงไป นางคิดว่าเขาช่างคุ้มดีคุ้มร้ายเหลือเกินวันนี้นางต้องสิ้นเปลืองพลังร่ายคาถาของวิถีเต๋าเพื่อแก้คำสาปให้เขา เหน็ดเหนื่อยจนแทบไม่ไหว เขายังไม่ทันอุ้มนางไปถึงห้อง นางก็หลับสนิทไปเสียแล้วจิ่งโม่เยี่ยวางตัวนางลงบนเตียง แล้วจับจ้องนางอยู่พักใหญ่ทั้งที่นางอยู่ตรงหน้านี้แท้ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่านางอยู่ไกลแสนไกลชั่วขณะนั้น จู่ๆ เขาก็เข้าใจความรู้สึกที่ไม่ควรของฮ่องเต้พระองค์ก่อนที่มีต่อพระสนมสวี่ขึ้นมาได้เรื่องความรักเช่นนี้ หากไม่เคยประสบมาก่อน ก็ไม่อาจรู้ได้ว่ารสชาติเป็นเช่นไรไปชั่วชีวิตเขายืนมองนางพลางกล่าว “เฟิ่งชูอิ่ง ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้าจากข้าไปแน่ ชั่วชีวิตนี้เจ้ามีแต่ต้องอยู่ข้างกายข้าเท่านั้น”ยามนี้เฟิ่งชูอิ่งกำลังหลับสนิท จึงไม่ได้ยินคำพูดนี้ของเขาช่วงเวลาที่นางแก้คำสาปทั้งหมดให้จิ่งโม่เยี่ยได้แล้วนั้น ราชครูที่หลบซ่อนอยู่ในคูน้ำก็ชนเข้ากับผนังของคูน้ำดังโครมจากนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดรวดร้าวราวกับหัวใจแหลกสลายก่อนหน้านี้หนึ่งเค่อ หลังจากที่ราชครูเข้ามาหลบซ่อนอยู่ตรงนี้ได้แล้ว เขาก็รีบบำเพ็ญตบะทันทีอาการบา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 457

    เพียงแต่เมื่อเขานึกถึงพระสนมสวี่แล้ว ชั่วชีวิตนี้ของเขาจนถึงตายตกล้วนไม่เคยได้ตัวพระสนมมาครอบครองเลยเมื่อนึกถึงความเฝ้าหลงใหลของตนแล้ว ราชครูก็ไม่อยากรั้งรออีกต่อไป ยามมีชีวิตเขาไม่อาจได้นาง พอสิ้นชีพแล้วกลับอยากชดเชยให้กับความปรารถนาของตนเองดูสักหน่อยขณะที่ราชครูกำลังร่ายสัตย์สาบานอยู่นั้น จู่ๆ องค์ชายสิบสามที่อยู่ในวังหลวงก็ลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นอ้าปากหอบหายใจอย่างรุนแรงเขาอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจากที่เฟิ่งชูอิ่งช่วยถอนคำสาปให้จิ่งโม่เยี่ย แล้วช่วยดึงชะตาชีวิตของเขากลับมาได้บางส่วนนั้น องค์ชายสิบสามก็ไม่อาจทนรับได้ไหวที่เขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อมาได้ถึงทุกวันนี้ เป็นเพราะหล่อเลี้ยงด้วยชะตาชีวิตของจิ่งโม่เยี่ยหากราชครูสังหารจิ่งโม่เยี่ยได้ในตอนนี้ แล้วนำชะตาทั้งหมดของจิ่งโม่เยี่ยมามอบแก่องค์ชายสิบสาม จากนั้นก็ช่วยเขาเปลี่ยนแปลงโชคชะตา เขาก็จะสามารถมีชีวิตได้อย่างคนปกติทว่าตัวเขาในยามนี้ยังไม่ทันได้เปลี่ยนแปลงดวงชะตาเลยชั่วขณะที่ชะตาของจิ่งโม่เยี่ยถูกดึงออกไปนั้น เขาก็กลับกลายไปเป็นตัวเองอีกครั้งเขารู้สึกเพียงแค่ว่าเจ็บปวดไปทั่วทั้งกาย แรกเริ่มเป็นอาการหายใจไม่ออก

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status