Share

บทที่ 385

Author: ดอกถังร่วงหล่น
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่วังหลังของฮ่องเต้เจาหยวนมีฮองเฮาและสนมงามอีกมากมาย นางคิดว่าตนเองจะได้รับเศษเสี้ยวความรักจากฮ่องเต้เจาหยวนมากแค่ไหนกันเชียว?

แล้วนางยังพยายามจะฆ่าบุตรชายจากสามีร่วมผูกผม ทว่าออดอ้อนเอาใจบุตรชายที่เกิดจากชู้รัก

เรื่องทั้งหมดที่พระสนมสวี่ทำลงไปหากกล่าวให้ฟังรื่นหูหน่อยก็คือลุ่มหลงมัวเมาในรัก แต่หากกล่าวให้ระคายหูหน่อยก็คือโง่เขลาเบาปัญญา

เฟิ่งชูอิ่งประจักษ์ฝีมือของพระสนมสวี่มากับตัว ตอนที่พระสนมสวี่ไม่ได้อยู่กับฮ่องเต้เจาหยวน นางลงมือโหดเหี้ยมได้แบบไม่เลือกวิธี

แต่ตอนที่อยู่กับฮ่องเต้เจาหยวน นางกลับเหมือนคนที่ไร้ซึ่งเกียรติศักดิ์ศรี หลงรักหัวปักหัวปำจนยอมเขาไปเสียทุกอย่าง

สมองนางผิดปกติอย่างมาก!

จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยเสียงเรียบ “ก่อนหน้านี้นางอาศัยรูปโฉมอันงดงามเป็นอาวุธหลัก ทว่าบัดนี้นางเสียโฉมแล้ว ไม่หลงเหลือความงาม หลังจากนี้ไปคงต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากหน่อย

“ว่านางเป็นคนทำอะไรสุดโต่งเสมอมา เรื่องในคราวนี้เกิดขึ้นเพราะเฟิ่งชูอิ่ง เกรงว่านางจะตามล้างแค้นชูอิ่งแบบไม่เลือกวิธีการ

“ชูอิ่งเติบโตมาในห้องหอไม่เคยเผชิญโลกกว้าง แล้วยังไร้เดียงสาอย่างยิ่ง ไม่รู้จักความน่ารังเกี
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 386

    ก่อนหน้านี้ยามที่เฟิ่งชูอิ่งกล่าวถึงการมีลูก นางสามารถพูดได้อย่างลื่นไหลไม่สะดุดทว่าพอถูกไทเฮาถามซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แล้วยังมองเห็นรอยยิ้มที่แฝงเลศนัยของจิ่งโม่เยี่ย นางก็รู้สึกกระอักกระอ่วนจนวางตัวไม่ถูกเลยทีเดียวนางตอบเสียงแผ่วเบา “เรื่องนี้ต้องปล่อยไปตามธรรมชาติเพคะ”ไทเฮายิ้มบางๆ “ก็จริง เรื่องแบบนี้รีบร้อนไม่ได้ ปล่อยไปตามธรรมชาติน่ะดีแล้ว”เฟิ่งชูอิ่งคิดว่าเรื่องราวจะจบแค่นั้น นางเพิ่งจะลอบพรูลมหายใจ กลับได้ยินไทเฮากล่าวกับจิ่งโม่เยี่ยว่า “เจ้าก็ต้องพยายามให้มากหน่อย!”จิ่งโม่เยี่ยเหลือบมองมาทางเฟิ่งชูอิ่งแวบหนึ่ง “เสด็จย่า ข้ากับชูอิ่งยังไม่ได้แต่งงานกันเลย”ไทเฮากล่าวกลั้วหัวเราะ “ไม่เป็นไร พวกเจ้ากำลังจะแต่งงานกันแล้ว เอาไว้เจ้าค่อยพยายามหลังจากแต่งงานก็ได้”จิ่งโม่เยี่ยยิ้มเล็กน้อยแล้วมองมาทางเฟิ่งชูอิ่ง นางนั่งก้มหน้าก้มตาไม่พูดจากับใคร พยายามแสร้งตายหากนางมีโอกาสได้แก้ตัวใหม่อีกสักครั้ง ตีให้ตายนางก็จะไม่ยอมพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าไทเฮาเด็ดขาดตอนนั้นนางกล้าพูดเพราะนางคิดว่าอย่างไรเขากับนางก็คงจะไม่ได้แต่งงานกัน อีกทั้งก่อนจะถึงงานแต่งนางก็คงหนีออกจากเมืองหลวงไปแล้ว ไม่คิดจะทำจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 387

    ซึ่งนางกับเขาถูกผูกชะตากรรมร่วมกันแล้ว หลังจากนี้ไปนางจะต้องร่วมเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ พร้อมเขาก่อนหน้านี้นางไม่ค่อยชอบใจนัก แต่วันนี้หลังจากกลับมาจากวังหลวงแล้ว นางกลับคิดว่าเรื่องทุกอย่างก็ไม่ได้เลวร้ายถึงเพียงนั้นนางเอ่ยถาม “ตอนนี้ท่านอ๋องไม่ปิดบังข้าแล้วหรือ?”จิ่งโม่เยี่ยเหล่มองนางเล็กน้อย “เพราะพวกเราทั้งสองคนต่างรู้ดีแก่ใจ ข้าต้องอาศัยเจ้าเพื่อแก้คำสาป ส่วนเจ้าก็ต้องพึ่งกำลังพลและวรยุทธ์ของข้า“หากพวกเราแยกจากกันจะต้องตาย อีกทั้งงานแต่งของพวกเราก็ใกล้จะมาถึงแล้ว อีกหน่อยเจ้าก็จะเป็นพระชายาของข้า คนกันเองทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร”เฟิ่งชูอิ่งแสร้งทำหน้าทะเล้นใส่เขา เขาจึงหัวเราะออกมาเบาๆ ระหว่างที่ทั้งสองคนมาถึงทางแยก รถม้าก็ถูกใครบางคนขัดขวางไม่ให้ไปต่อ พร้อมกับเสียงของบุรุษคนหนึ่งจากด้านนอก “ท่านอ๋องฉู่ ช่วยลงมาคุยกันหน่อยได้หรือไม่!”จิ่งโม่เยี่ยเลิกชายผ้าม่านออกและพบว่าพานเหรินซิ่นยืนอยู่ด้านหน้ารถม้าจิ่งโม่เยี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย ตอบกลับไปว่า “ข้าไม่ว่าง”เขากล่าวจบก็ปิดม่านลงเหมือนเดิมวันนี้หลางซานเป็นสารถีขับรถม้า เขาจึงบอกกับพานเหรินซิ่นว่า “องค์ชายจากแคว้นหนานเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 388

    ศึกครานั้น เรียกได้ว่าเป็นความอับอายครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของแคว้นหนานเยว่!ถึงแคว้นหนานเยว่จะเล็ก แต่ก็เป็นแว่นแคว้นแห่งหนึ่ง กระนั้นกลับถูกเด็กหนุ่มอายุสิบสี่คนหนึ่ง พากองทัพอาชาเหล็กเพียงห้าหมื่นคนบุกมาถล่มจนราบคาบ!ราชวงศ์ของแคว้นหนานเยว่ ถูกเขาฆ่าตายไปเกินครึ่ง!ตอนนั้นเสด็จปู่ของพานเหรินซิ่นต้องยอมเสี่ยงชีวิต แลกสมบัติจำนวนมหาศาลกับการติดศีลบนเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เพื่อส่งสารขอยอมแพ้ไปยังฮ่องเต้เจาหยวน ถึงได้รักษาชีวิตเอาไว้ได้จนถึงตอนนี้พานเหรินซิ่นก็ยังจดจำคำสั่งเสียก่อนตายของเสด็จปู่ที่ฝากฝังกับเสด็จพ่อได้ “จิ่งโม่เยี่ยถึงจะอายุน้อย แต่กลับเป็นอัจฉริยะด้านการนำทัพ!“หากเขายังมีชีวิตอยู่ จะต้องย้ายกลับมาที่เขตปกครองตนเองแน่ และเมื่อไหร่ที่เขาย้ายกลับมา เมื่อนั้นจะเป็นเวลาที่แคว้นหนานเยว่ของพวกเราล่มสลาย!“โชคดีที่ฮ่องเต้เจาหยวนไม่คิดจะเก็บเขาไว้ เจ้าไม่ต้องสนใจวิธีการ ไม่ต้องสนใจว่าจะต้องแลกด้วยอะไร แต่อย่าปล่อยให้เขากลับมาที่เขตศักดินาได้เด็ดขาด!”เสด็จพ่อของเขารับปากทั้งน้ำตา ช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาสองพ่อลูกช่วยกันคิดหาทางฆ่าจิ่งโม่เยี่ยอยู่ตลอดทว่าจิ่งโม่เยี่ยไม่เคยอ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 389

    แต่กลับได้ยินปู๋เยี่ยโหวกล่าวต่อว่า “หากเปลี่ยนเป็นข้า จะต้องไม่ยอมทนอยู่เฉยอย่างแน่นอน!“แค้นที่มาเหยียบย่ำแว่นแคว้นแบบนี้ หากไม่ฉีกร่างเขาให้สุนัขกิน ก็ยากจะดับความเกลียดชังในใจ!”พานเหรินซิ่นมองเขาด้วยความสงสัย สุดท้ายจึงถามว่า “หากตอนนี้ท่านโหวว่าง พอจะให้เกียรติไปดื่มชากับข้าที่โรงเตี๊ยมข้างๆ นี้ได้ไหม?”ปู๋เยี่ยโหวยิ้มจนตาเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว “ข้าว่างตลอดเวลานั่นแหละ ดังนั้นต้องให้เกียรติเจ้าอยู่แล้ว!”พานเหรินซิ่น “……”ในที่สุดเขาก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคนในเมืองหลวงถึงให้คำจำกัดความปู๋เยี่ยโหวเช่นนั้น เจ้าหมอนี่มันสมองมีปัญหาอยู่นิดหน่อยจริงๆหลังจากพวกเขามาถึงโรงน้ำชา ปู๋เยี่ยโหวก็สั่งชาต้าหงเผาที่แพงที่สุดในร้านมาแบบไม่เกรงอกเกรงใจกันสักนิดปู๋เยี่ยโหวยังดื่มน้ำชาประหนึ่งเป็นสุรา ดื่มไปเพียงไม่กี่จอกก็ทำท่าเหมือนคนเมาเขาลุกมานั่งข้างๆ พานเหรินซิ่นแล้วยกมือโอบไหล่ “องค์ชายใหญ่ หากท่านคิดจะฆ่าจิ่งโม่เยี่ยล่ะก็ ข้าพร้อมจะช่วยเหลือเจ้าเสมอนะ”พานเหรินซิ่นกำลังคิดจะปฏิเสธ ปู๋เยี่ยโหวก็ใช้ฝ่ามือทุบโต๊ะ เอ่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ “บิดามารดาของข้าตายก็เพราะเขานั่นแหละ!“ป่วยตายกะทันหัน อ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 390

    ก่อนหน้านี้เฟิ่งชูอิ่งก็เคยคิดอยู่ว่าฉินจื๋อเจี้ยนเป็นพวกชอบหาเรื่องใส่ตัว ตอนนี้นางพิสูจน์ได้แล้วว่ามันเป็นความจริงตอนนี้นางมีศัตรูอยู่ในเมืองหลวงเยอะแยะไปหมด การมีทหารองครักษ์ติดตามไปด้วยย่อมปลอดภัยกว่า ดังนั้นนางจึงยอมรับข้อเสนอของฉินจื๋อเจี้ยนทว่าแผนการกลับถูกเปลี่ยนกลางคัน หลังจากพวกเขาเดินทางออกจากจวนอ๋องอย่างมีความสุข เพิ่งจะเดินผ่านถนนมาได้เส้นเดียว ฉินจื๋อเจี้ยนก็มองเห็นคนผู้หนึ่งหลังจากเขาเห็นคนผู้นั้นก็บอกกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “ข้ามีธุระ ขอแยกตัวออกไปก่อนนะ เดี๋ยวจะตามไปสมทบกับแม่นางที่จวนสกุลหลินทีหลัง” ก่อนจะรีบร้อนจากไปเฟิ่งชูอิ่งตั้งตัวไม่ทันจึงหันไปถามองครักษ์ข้างๆ “ฉินจ๋างสื่อเขาเป็นอะไรไปหรือ?”องครักษ์ตอบว่า “แม่นางที่อยู่ตรงหน้านั้น คล้ายจะเป็นคุณหนูตระกูลเจิ้งเฟิ่งชูอิ่งนึกอยู่สักพักถึงนึกออกว่าคุณหนูตระกูลเจิ้งเป็นอดีตคู่หมั้นของเขาตอนแรกเพราะว่าเขาถูกถอนหมั้น เขาทุกข์ใจหนักมากจนดื่มเหล้าเมามายตอนนี้เขาแค่เห็นคุณหนูตระกูลเจิ้งก็เดินตามนางต้อยๆ แล้ว เฟิ่งชูอิ่งจึงกลัวว่าจะเกิดเรื่องกับเขาช่วงนี้เขาดูแลนางเป็นอย่างดีมากๆ นางลองใคร่ครวญเล็กน้อยก่อนตัดสินใจพาทหารอ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 391

    ตอนที่นางคิดว่าวันนี้คงจะไม่รอดแน่ นางก็มองเห็นสตรีรูปโฉมงดงามนางหนึ่งว่ายลงมาหานางด้วยความว่องไวเสี้ยวพริบตานั้น นางคิดว่าตัวเองมองเห็นนางเซียนผู้หนึ่งเฟิ่งชูอิ่งพอว่ายน้ำไปถึงก็เหวี่ยงแขนโอบตัวเจิ้งเนี่ยนซินแล้วพานางว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ ทว่ากลับดึงตัวของเจิ้งเนี่ยนซินไม่ขึ้นนางคิดว่ามีบางอย่างแปลกๆ จึงก้มลงไปมอง เห็นว่ามีเงาร่างสีขาวซ่อนอยู่ในกลุ่มพืชน้ำของพรรค์นี้นางเคยเห็นในชาติที่แล้ว หากกล่าวง่ายๆ ก็คือคนที่จมน้ำตายในทะเลสาบและออกไปจากตรงนี้ไม่ได้ หากคิดจะไปเกิดใหม่ก็ต้องหาตัวตายตัวแทนแม้นางจะเห็นใจวิญญาณพวกนี้ แต่ในเมื่อตนเองตายไปแล้ว การลากคนอื่นมาตายด้วยก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกหลักธรรมสักเท่าไหร่ตอนที่เงาสีขาวมองเห็นนางก็ตื่นเต้นอย่างมาก มันรีบควบคุมพืชน้ำทั้งหลายให้เคลื่อนที่มาทางนาง หวังจะลากนางลงก้นทะเลสาบไปพร้อมกันตอนแรกเฟิ่งชูอิ่งคิดจะช่วยสวดส่งวิญญาณตนนี้ให้ไปผุดไปเกิดหลังช่วยเหลือเจิ้งเนี่ยนซินออกไปแล้วแต่ดูมันทำเข้าสิ หาแค่ตัวตายตัวแทนไม่พอ ยังคิดจะฆ่าคนเพิ่มอีก แบบนี้มันมากเกินไปแล้ว!เฟิ่งชูอิ่งลองจ้องมองดีๆ พบว่าบนตัวของมันมีลวดลายสีแดงอยู่หลายแห่ง แสดงว่า

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 392

    เฟิ่งชูอิ่งที่ดูโหดร้ายป่าเถื่อนอย่างยิ่งในสายตาของพรายน้ำตัวนั้น กลับเป็นดั่งเทพธิดาผู้สูงส่งในสายตาของเจิ้งเนี่ยนซินเฟิ่งชูอิ่งจัดการพรายน้ำชั่วช้าตัวนั้นอย่างรวดเร็ว คว้าตัวของเจิ้งเนี่ยนซินหมายจะพาว่ายขึ้นฝั่ง แต่กลับพบว่าขาของนางถูกพืชน้ำพันรัดอยู่นางไม่สามารถหลุดออกจากพันธนาการได้ จึงตัดสินใจใช้เท้าถีบร่างของเจิ้งเนี่ยนซินเพื่อส่งขึ้นไปเหนือน้ำก่อนนางจะหยิบมีดสั้นออกมาตัดพืชน้ำเหล่านั้นทิ้ง แล้วว่ายตามขึ้นไปด้านบนในระหว่างที่นางว่ายขึ้นไปด้านบน ร่างของเจิ้งเนี่ยนซินก็จมดิ่งลงสู่เบื้องล่างอีกครั้ง นางจึงคว้าตัวเจิ้งเนี่ยนซินเอาไว้แล้วลากขึ้นไปเหนือน้ำตอนที่ขึ้นมาถึงขอบฝั่ง เฟิ่งชูอิ่งก็แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว โชคดีที่องครักษ์สองคนนั้นหลังจากช่วยเจิ้งเนี่ยนซินไปแล้ว ก็ว่ายมาช่วยนางต่ออีกคนหลังขึ้นมาบนบกได้ เฟิ่งชูอิ่งก็นอนแผ่หลากับพื้นโดยไม่อยากขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อครู่นี้นางต่อสู้ในน้ำอย่างดุเดือด ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีจนไม่หลงเหลือ เหนื่อยจนแทบตายทว่าตอนนี้นางยังพังไม่ได้ เพราะว่าฉินจื๋อเจี้ยนพุ่งตัวเข้ามาหาเจิ้งเนี่ยนซินแล้วเอ่ยว่า “เนี่ยนซิน เจ้าตื่นขึ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 393

    “ตอนนี้กล่าวอะไรไปก็ดูไม่น่าเชื่อถือทั้งนั้น หลังจากนี้ข้าจะต้องหาโอกาสตอบแทนคืนแน่นอนเจ้าค่ะ”เฟิ่งชูอิ่งเห็นว่าไอทมิฬตรงลัคนาของเจิ้งเนี่ยนซินสลายไปแล้ว นางไม่มีอันตรายเกี่ยวพันถึงชีวิตอีกเฟิ่งชูอิ่งตรวจสอบโหงวเฮ้งของนางแล้วพบว่านางเป็นคนนิสัยแข็งกร้าว หยิ่งทรงนงในศักดิ์ศรีและเป็นคนที่เด็ดขาดอย่างยิ่งดูจากสถานการณ์ยามนี้แล้ว ตอนแรกที่มีการยกเลิกงานหมั้นหมาย จะต้องมีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆนางคลี่งยิ้มมุมปากบางๆ เอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้าช่วยชีวิตเจ้าเพราะเห็นแก่ฉินจ๋างสื่อ หากเจ้าอยากจะขอบคุณข้า ก็ไปตอบแทนฉินจ๋างสื่อแทนเถอะ”เจิ้งเนี่ยนซินหันมองฉินจื๋อเจี้ยนแวบหนึ่ง กล่าวเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณแม่นางเฟิ่ง”หลังจากนางได้ไปเยี่ยมเยียนประตูผีมาครั้งหนึ่ง จิตใจของนางก็แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายยังอ่อนแออยู่บ้าง จึงเดินทรงตัวได้ไม่ค่อยดีนักระหว่างทางที่เดินกลับ นางบอกกับฉินจื๋อเจี้ยนว่า “ครั้งก่อนที่ยกเลิกการแต่งงาน ไม่ใช่ความตั้งใจของข้า แต่เป็นการตัดสินใจของท่านพ่อ“พวกเขาคิดว่าอย่างไรท่านอ๋องฉู่ก็ไม่รอดแน่ แล้วเจ้าก็จะต้องถูกหางเลขไปด้วย อนาคตมืดมนอับ

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status