Share

บทที่ 198

Penulis: ดอกถังร่วงหล่น
ตอนแรกจิ่งโม่เยี่ยรู้สึกหงุดหงิดมาก แต่พอเห็นท่าทางตื่นเต้นของนางแล้ว กลับรู้สึกว่ามันดูน่าตลกดี

เขาถาม “เจ้าจะจัดการนางอย่างไร?”

เฟิ่งชูอิ่งตอบ “ยังไม่ได้คิดเลย แต่ข้ามั่นใจว่าสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ได้”

จิ่งโม่เยี่ย “......”

เขารู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

เขาเตือนนางว่า “เจ้าอย่าลืมนะ ข้างกายนางมีคนที่เชี่ยวชาญวิชาเต๋าอยู่ ครั้งก่อนเจ้าก็แอบเสียเปรียบไปทีหนึ่งแล้ว”

เฟิ่งชูอิ่งระบายยิ้มบางๆ “ก็เพราะครั้งที่แล้วเสียเปรียบไงเพคะ ครั้งนี้ถึงต้องทวงคืน

“เล่นอุบายสกปรก ข้าก็ทำเป็นเหมือนกันนั่นแหละ!”

ตอนนี้นางเสียเปรียบที่ร่างกายนี้ยังอ่อนแออยู่มาก ประกอบกับเพิ่งจะเรียนวิชาเต๋าได้เพียงไม่นาน ยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับนักไสยเวทที่เชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งแบบนั้น

มิฉะนั้น นางคงบุกไปถึงที่แล้ว

จิ่งโม่เยี่ยสาดน้ำเย็นดับฝันนาง “ข้าไม่เคยเห็นใครใช้กลอุบายสกปรกเล่นงานคนอื่นได้ โดยที่ไม่เตรียมรับมือมาล่วงหน้าเลย”

เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะแห้งๆ “ไม่จริงเพคะ ท่านอ๋องเคยเจอ แล้วก็ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วย”

นางกล่าวจบก็เขียนคำว่า ‘หวางปา’ กลางอากาศ

จิ่งโม่เยี่ย “......”

ก็จริง นางแปะยันต์ใส่เขาโดยที่ไม่ทันตั้งตัวมาตั้
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 199

    “ต่อให้มีผีไปตามรังควาน เขาก็มองไม่เห็นอยู่ดี”เจ้าอาวาสถาม “แล้วถ้าหากเจอผีแบบเฉี่ยวหลิงที่มีร่างจริง แล้วยังใช้พลังทำเรื่องต่างๆ ได้อีกล่ะ เขามองไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้นะ!”เฟิ่งชูอิ่งมองเขาเหมือนเป็นคนโง่แล้วบอกว่า “งั้นเจ้าก็บอกเขาไปว่าเขาเจอวิญญาณร้ายที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง ต้องทำพิธีปัดเป่าครั้งใหญ่ จากนั้นก็ขึ้นราคายันต์คุ้มครองให้สูงกว่าเดิม“ถึงตอนนั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย รับรองว่าวิญญาณร้ายตัวนั้นจะยอมเชื่อฟังแต่โดยดี แล้วเจ้ายังจะได้เงินมหาศาลอีกด้วย ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจหรอกหรือ?”เจ้าอาวาส “......”เขาเกือบลืมไปแล้ว ว่าตอนนี้เขาผู้มีช่วยที่เก่งกาจอย่างยิ่งอยู่ด้วยทั้งคนเขายกนิ้วโป้งให้นาง “สุดยอด!”เฟิ่งชูอิ่งยกยิ้มมุมปาก “หากข้าออกโรงจะต้องจ่ายค่าเสียเวลามาด้วย ข้าเจ็ดเจ้าสาม”เจ้าอาวาส “....ได้!”จิ่งโม่เยี่ยเห็นทั้งสองคนคุยกันท่าทางสนุกสนานก็แอบหงุดหงิด เขาจึงคว้าตัวของเฟิ่งชูอิ่งออกมาเขาเอ่ยถามเสียงเย็นชา “เจ้าต้องไปเตรียมตัวก่อนมิใช่หรือ?”เฟิ่งชูอิ่งสะบัดมือเขาออก แต่สะบัดอย่างไรก็ไม่หลุด จึงเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าก็กำลังเตรียมอยู่ไงเพคะ!”นางกล่าวจบก็หันไปถามเจ้าอาวาส “คนที่ทำร้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 200

    จิ่งโม่เยี่ยไม่อยากเสวนากับนางจึงเอ่ยอย่างเย็นชา “ตอนนี้เจ้าก็ได้พบข้าสมใจแล้ว เพราะฉะนั้นกลับไปซะ”ตั้งแต่พระสนมสวี่ใช้มีดแทงหัวใจเขาวันนั้น เขาก็มองนางไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปนางไม่มองจิ่งโม่เยี่ยและหันไปทางเฟิ่งชูอิ่งแทน “เยี่ยเอ๋อร์เป็นคนปากร้ายใจดี เจ้าไม่ต้องหวาดกลัวเขาหรอก ความจริงแล้วเขาเป็นคนดีมากเลยล่ะ”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้าเบาๆ “อื้อ ข้ารู้ว่าท่านอ๋องเป็นคนดีมากเพคะ”นางกล่าวจบก็ทำหน้ามีความสุข “ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านอ๋องมาก หากไม่มีเขาอยู่ด้วย ข้าคงถูกคนฆ่าตายกลางถนนไปแล้ว“นอกจากเขาจะช่วยเหลือข้าแล้ว ยังพาข้ามาปกป้องคุ้มครองถึงที่จวนอ๋อง ข้ามีความสุขมากเพคะ”นางเอ่ยจบก็หันมองจิ่งโม่เยี่ยด้วยท่าทางเขินอายในมุมมองของพระสนมสวี่ นางคิดว่าเฟิ่งชูอิ่งน่าจะหลงรักจิ่งโม่เยี่ยแบบหัวปักหัวปำนางรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก จิ่งโม่เยี่ยควรจะโดดเดี่ยวไปชั่วชีวิต ไม่มีใครรัก ไม่มีใครต้องการกระนั้นใบหน้านางกลับมีรอยยิ้มบางๆ “เยี่ยเอ๋อร์ที่เป็นเหมือนท่อนไม้ซื่อบื้อก็หัดมีความรักกับเขาแล้วสินะ รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นด้วย”“ก่อนหน้านี้ข้าเป็นห่วงเขามากที่สุดเลยล่ะ ตอนนี้เห็นพวกเจ้าสองคนรั

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 201

    นางคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ดูท่าทางไร้เดียงสาอย่างเฟิ่งชูอิ่ง จะกล้าดึงปิ่นออกจากศีรษะของนางโดยตรงเช่นนี้นางพลันตวาดด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “เจ้าไร้การอบรมหรืออย่างไร? มีอย่างที่ไหนมาหยิบฉวยสิ่งของของผู้ใหญ่เช่นนี้?”นางกล่าวจบก็ทำท่าจะคว้าปิ่นคืนมาจากมือของเฟิ่งชูอิ่งจิ่งโม่เยี่ยกลับคว้ามือของนางเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “ไหนว่าท่านชื่นชมชูอิ่งนักหนาไง? แล้วท่านก็เป็นคนถามนางเองว่าอยากได้อะไรเป็นสินสอด“ทำไมล่ะ? ผ่านไปพริบตาเดียวก็คิดจะกลืนน้ำลายตัวเองแล้วหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งทำท่าตื่นตระหนกเสียขวัญ นางยื่นปิ่นคืนให้พระสนมสวี่แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพระสนมสวี่ตัดใจจากปิ่นชิ้นนี้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่ต้องการมันแล้วเพคะ”พระสนมสวี่แค่นเสียงในลำคอ ยื่นมือออกไปรับปิ่นชิ้นนั้นคืนมา ทว่ามือของนางยังไม่ทันจะได้สัมผัสปิ่น เฟิ่งชูอิ่งก็เผลอปล่อยมือเสียก่อนปิ่นจึงตกลงพื้นจนเกิดเสียงดัง ‘กริ๊ง’ใบหน้าพระสนมสวี่บึ้งตึงขึ้นมาทันที เฟิ่งชูอิ่งกระวีกระวาดเก็บปิ่นแล้วยื่นให้นางอีกครั้ง “คืนพระสนมเพคะ”พระสนมสวี่รับปิ่นคืนมามองตรวจดูอย่างละเอียด เมื่อไม่มีปัญหาหรือสิ่งผิดปกติอะไร นางก็เสียบปิ่นไว้บนศีรษะเหมือนเดิมน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 202

    ทันทีที่พระสนมสวี่ถูกไม้เท้าฟาดศีรษะ นางก็รู้สึกวิงเวียนเหมือนโลกหมุน!ในสมองของนางมีเสียง ‘วิ้ง วิ้ง’ ดังก้อง ภาพเบื้องหน้าคล้ายมีดวงดาวระยิบระยับนางยกมือขึ้นจับศีรษะ ปรากฏว่ามีเลือดติดมาเต็มมือนางกรีดร้องเสียงแหลมออกมาอย่างเหลืออด “เลือด!”เจ้าอาวาสกรอกตาไปมาเล็กน้อย แสร้งทำทีเป็นพะว้าพะวงว่า “ขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายท่าน!”“เจ้าปีศาจ จงตายเสียเถอะ!”เขากล่าวจบก็วิ่งผ่านพระสนมสวี่ ห้อตะบึงไล่ตามไปทางเฉี่ยวหลิงเฉี่ยวหลิงเก็บลูกตาของตนเองขึ้นมาแล้วเขวี้ยงใส่เขา “มารดาเจ้าสิปีศาจ ไสหัวไป!”เจ้าอาวาส “!!!!!!”ความจริงแล้วดวงตาของนางไม่สามารถสัมผัสร่างกายคนได้ แต่มันสามารถเบี่ยงเบนความสนใจได้อย่างดีเยี่ยมเลย!เจ้าอาวาสตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องเกลี้ยกล่อมเฟิ่งชูอิ่ง ให้ส่งเฉี่ยวหลิงกลับสู่วัฏสงสารให้ได้ จากนั้นค่อยกำราบวิญญาณร้ายที่มีสามัญสำนึกมากกว่านี้หน่อยเฟิ่งชูอิ่งเห็นการกระทำของเฉี่ยวหลิงก็แอบปวดหัวเบาๆ นังเด็กคนนี้ชอบทำลูกตากับคางหล่นเป็นว่าเล่น หากขวัญอ่อนสักนิดหนึ่ง ทุกคนที่เห็นนางคงได้หวาดกลัวจนเสียสติหมดเฟิ่งชูอิ่งรู้ว่าตอนนี้ได้เวลานางออกโรงบ้างแล้ว จึงรีบร้อนเอ่ยกับพระ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 203

    การรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าเช่นนี้ มิใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถทำได้แต่อย่างไรเสีย บนโลกใบนี้ก็คงมีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเลี้ยงวิญญาณร้ายได้ อีกทั้งวิญญาณร้ายตนนั้นยังเต็มใจรับใช้นางเองด้วยพระสนมสวี่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเฟิ่งชูอิ่งเป็นคนธรรมดา อีกฝ่ายมองไม่เห็นวิญญาณร้ายทันใดนั้นเองเจ้าอาวาสก็วิ่งกลับเข้ามาจากด้านนอก หอบหายใจขณะกล่าวว่า “วิญญาณร้ายถูกข้าขับไล่ไปแล้ว”พระสนมสวี่แค่เห็นหน้าเจ้าอาวาสก็เดือดดาลจนควันออกหูนางมองว่าวิญญาณร้ายตนนั้นเป็นฝีมือของเจ้าอาวาสไปแล้วแปดส่วนมิฉะนั้นวิญญาณร้ายตนนั้นจะมียันต์คุ้มครองได้อย่างไร? หากไม่มียันต์แผ่นนั้น นางจะต้องใช้อาวุธวิเศษที่เทียนซือมอบให้ สังหารวิญญาณร้ายตนนั้นได้อย่างแน่นอนนางเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ไต้ซือเลิกเสแสร้งเถอะ วิญญาณร้ายตนนั้นเป็นฝีมือของเจ้าชัดๆ เลย!”เจ้าอาวาสเอ่ยคำว่าอามิตาพุทธ “โยมจะพูดจาส่งเดชเช่นนี้มิได้นะ อาตมาเป็นนักบวช จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?”ยามทั่วไปพระสนมสวี่จะเสแสร้งต่อหน้าผู้คน ทำตัวเหมือนสตรีที่รูปโฉมงดงามและกริยามารยาทอ่อนหวาน แต่วันนี้นางถูกเฉี่ยวหลิงตบตีจนหมดสภาพ จึงโกรธจัดจนเสแสร้งต่อไม่ไหวนางในย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 204

    จิ่งโม่เยี่ยมองดูการกระทำของนางอยู่ข้างๆ แม้จะรู้เต็มอกว่านางกำลังเสแสร้ง และใช้ตัวเองเป็นข้ออ้างทำร้ายพระสนมสวี่แต่ในใจของเขากลับรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกไม่ว่าจะจริงใจหรือเสแสร้ง อย่างน้อยในตอนนี้นางก็เลือกที่จะยืนอยู่ข้างเขา ปกป้องเขาจากฝั่งตรงข้ามพระสนมสวี่ถูกเฉี่ยวหลิงตบตีทำร้ายก็แล้วไปเถิด แต่ยามนี้นางยังถูกเฟิ่งชูอิ่งทำร้ายซ้ำอีก จึงเกิดโมโหจนขาดสติขึ้นมาจริงๆ แต่เพราะที่นี่เป็นจวนอ๋องฉู่ของจิ่งโม่เยี่ย ภายในจวนเกิดเรื่องวุ่นวายถึงเพียงนี้ ทหารองครักษ์กับสาวใช้ที่นางพามายังไม่ปรากฏตัวออกมาอีกนางจึงทราบทันทีว่าคนเหล่านั้นจะต้องถูกจิ่งโม่เยี่ยควบคุมตัวเอาไว้แน่ๆ นับตั้งแต่ตอนที่เขาไม่ยอมรับนางเป็นมารดาของตนเอง นางก็ไม่มีทางเอาเปรียบเขาได้หากยังอยู่ที่นี่นางเอ่ยเสียงรอดไรฟันว่า “ประเสริฐ พวกเจ้าประเสริฐกันยิ่งนัก!”นางกล่าวจบก็เดินออกไปด้านนอกทว่าเดินออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว นางก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างหนักจนอยากจะอาเจียน แต่กลับอาเจียนไม่ออก สุดท้ายก็เซจนหัวโหม่งกำแพงเจ้าอาวาสมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของเฟิ่งชูอิ่ง เขาจึงยกนิ้วโป้งให้นางเมื่อพระสนมสวี่เดินโซซ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 205

    จิ่งโม่เยี่ย “......”เฟิ่งชูอิ่งจึงบ่นออกมาว่า “ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน ข้ากับนางไม่มีความแค้นต่อกันสักนิด นางก็คิดจะสังหารข้าแล้ว“กับคนอย่างนางน่ะ แตกหักกันแบบนี้น่ะดีแล้ว หากไม่เป็นศัตรูกันอย่างชัดเจน ข้าก็หาโอกาสลงมือกับนางยากน่ะสิ”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วเชียว นางไม่เคยทำอะไรเหมือนชาวบ้านชาวช่องเฟิ่งชูอิ่งในยามนี้ไม่มีเวลาสนใจเขา นางเรียกเฉี่ยวหลิงออกมาแล้วถามว่า “เมื่อครู่นี้เจ้าเป็นอะไรไป?”เฉี่ยวหลิงตอบว่า “เมื่อครู่นี้ตอนที่พระสนมสวี่ใช้อาวุธชิ้นนั้นโจมตีใส่ข้า ข้าสัมผัสกลิ่นอายที่คุ้นเคยมากๆ ได้จากมัน“ตอนที่ข้าตาย ก็ถูกสิ่งของประเภทนั้นตรึงร่างจนขยับไม่ได้ จากนั้นก็ถูกควักลูกตา แล้วก็กระชากคางจนขาด”เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”ตอนแรกนางเห็นเฉี่ยวหลิงชอบทำลูกตากับคางหล่นอยู่บ่อยๆ ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมากมายนักแต่พอได้ยินเฉี่ยวหลิงบอกแบบนี้ นางถึงได้เข้าใจว่าตอนที่เฉี่ยวหลิงหลิงตาย ถูกคนควักลูกตาและกระชากคางจนหลุดออกมามันต้องเจ็บปวดถึงเพียงไหนกัน!เฉี่ยวหลิงเอ่ยถามเสียงแผ่ว “คุณหนู เมื่อครู่นี้ข้าสร้างความเดือดร้อนให้ท่านหรือไม่เจ้าคะ?”เฟิ่งชูอิ่งส่ายหน้า “เจ้าไม่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 206

    เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”พอนางตั้งสติได้ก็เงื้อฝ่ามือคิดจะตบหน้าเขาทันที แต่ครั้งนี้เขาเตรียมตัวรับมือล่วงหน้า จึงคว้ามือของนางเอาไว้ได้จิ่งโม่เยี่ยปล่อยริมฝีปากของนางให้เป็นอิสระ ก่อนจะเอ่ยชิดใบหน้าของนางว่า “รางวัลของข้า เจ้าชอบหรือไม่?”เฟิ่งชูอิ่ง “......”ชอบบ้านป้าแกสิ!นางใช้มือผลักตัวเขาออก ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ “สมควรแล้วที่ท่านโดนพระสนมสวี่รังแก!“หากครั้งหน้าพระสนมสวี่มาที่นี่อีก ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนางเด็ดขาด หากข้าทำขอให้กลายเป็นหมาเลย!”นางกล่าวจบก็ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วเดินจากไปจิ่งโม่เยี่ยเอ่ยไล่หลังนางมาว่า “งั้นเจ้าคงจะได้เป็นหมาจริงๆ แล้วล่ะ”เฟิ่งชูอิ่งหยุดชะงักเล็กน้อย จิ่งโม่เยี่ยจึงเอ่ยต่อว่า “ตราบใดที่เจ้ายังเป็นว่าที่พระชายาของข้า นางจะไม่มีวันปล่อยเจ้าโดยเด็ดขาด”เฟิ่งชูอิ่งหันกลับมาจ้องมองเขา “หลังจากนี้ไปข้าจะชกตีนางเพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อท่านอ๋อง”นัยน์ตาดอกท้อของจิ่งโม่เยี่ยล้ำลึกขึ้นเล็กน้อย แววตามีรอยยิ้มแฝงอย่างไม่รู้ตัว แปลว่าวันนี้นางออกตัวปกป้องเขาอย่างนั้นหรือ?ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เขาถูกคนจ้องจะฆ่าให้ตายตลอดเวลา คนนับไม่ถ้วนด่าทอเขาว่าเป็นดาวหายนะ น้อยค

Bab terbaru

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status