Share

บทที่ 206

Author: ดอกถังร่วงหล่น
เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”

พอนางตั้งสติได้ก็เงื้อฝ่ามือคิดจะตบหน้าเขาทันที แต่ครั้งนี้เขาเตรียมตัวรับมือล่วงหน้า จึงคว้ามือของนางเอาไว้ได้

จิ่งโม่เยี่ยปล่อยริมฝีปากของนางให้เป็นอิสระ ก่อนจะเอ่ยชิดใบหน้าของนางว่า “รางวัลของข้า เจ้าชอบหรือไม่?”

เฟิ่งชูอิ่ง “......”

ชอบบ้านป้าแกสิ!

นางใช้มือผลักตัวเขาออก ก่อนจะแยกเขี้ยวใส่ “สมควรแล้วที่ท่านโดนพระสนมสวี่รังแก!

“หากครั้งหน้าพระสนมสวี่มาที่นี่อีก ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับนางเด็ดขาด หากข้าทำขอให้กลายเป็นหมาเลย!”

นางกล่าวจบก็ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วเดินจากไป

จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยไล่หลังนางมาว่า “งั้นเจ้าคงจะได้เป็นหมาจริงๆ แล้วล่ะ”

เฟิ่งชูอิ่งหยุดชะงักเล็กน้อย จิ่งโม่เยี่ยจึงเอ่ยต่อว่า “ตราบใดที่เจ้ายังเป็นว่าที่พระชายาของข้า นางจะไม่มีวันปล่อยเจ้าโดยเด็ดขาด”

เฟิ่งชูอิ่งหันกลับมาจ้องมองเขา “หลังจากนี้ไปข้าจะชกตีนางเพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อท่านอ๋อง”

นัยน์ตาดอกท้อของจิ่งโม่เยี่ยล้ำลึกขึ้นเล็กน้อย แววตามีรอยยิ้มแฝงอย่างไม่รู้ตัว แปลว่าวันนี้นางออกตัวปกป้องเขาอย่างนั้นหรือ?

ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เขาถูกคนจ้องจะฆ่าให้ตายตลอดเวลา คนนับไม่ถ้วนด่าทอเขาว่าเป็นดาวหายนะ น้อยค
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 207

    เมื่อครู่นี้นางสัมผัสถึงอันตรายที่คุกคามถึงชีวิตได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกนั้นน่ากลัวกว่าไอมังกรในวังเสียอีก ราวกับว่ามันสามารถเป่าวิญญาณของนางสลายไปได้เฟิ่งชูอิ่งก็เพิ่งเคยเห็นของสิ่งนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน จึงส่ายหน้าเบาๆ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร ดูเหมือนของวิเศษจากสำนักลี้ลับหรือไม่ก็ทางพุทธศาสนา”ตอนที่นางดึงปิ่นชิ้นนี้จากศีรษะของพระสนมสวี่ ถึงจะไม่รู้ว่ามันคือของประเภทใด แต่เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน นางจึงใช้คาถาผนึกของที่อยู่ภายในปิ่นเอาไว้เป็นเพราะนางผนึกของที่อยู่ข้างในไว้ ตอนที่เฉี่ยวหลิงขโมยปิ่นมาถึงไม่ได้รับความเสียหายเมื่อครู่นี้นางใช้เข็มเงินแทงเปิดผิวชั้นนอกของปิ่น ลำแสงสีทองรินไหลออกมาเพียงนิดเดียว เฉี่ยวหลิงก็ทนไม่ได้แล้วเป็นหลักฐานอย่างดีเลยว่าของสิ่งนี้ร้ายกาจอย่างยิ่งของสิ่งนี้มั่นใจได้แปดส่วนเลยว่าพระสนมสวี่ได้มาจากยอดฝีมือคนนั้นเฟิ่งชูอิ่งรู้สึกสงสัยอย่างมากว่ายอดฝีมือข้างกายพระสนมสวี่คนนั้นเป็นใคร เขาสามารถใช้คำสาปร้ายแรงเช่นนี้กับจิ่งโม่เยี่ยได้ แล้วยังมีอาวุธที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้อีก.....นางยังต้องคลายคำสาปให้จิ่งโม่เยี่ยอยู่ ดังนั้นจะต้องได้พบคนผู้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 208

    เทียนซือถามพระสนมสวี่ “ก่อนปิ่นชิ้นนั้นจะถูกวิญญาณร้ายขโมยไป ได้สัมผัสกับอะไรบ้างหรือไม่?”พระสนมสวี่ตอบว่า “ตอนนั้นเฟิ่งชูอิ่งดึงปิ่นออกไปจากศีรษะของข้า ทว่าสองอึดใจถัดมาข้าก็แย่งปิ่นคืนมาจากนางได้แล้ว“นางเป็นแค่สตรีที่อยู่ในห้องหอ แล้วยังโง่เขลาอย่างมาก นางไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นได้หรอก”เทียนซือเอ่ยถาม “ตอนนั้นปิ่นถูกทำให้สกปรกหรือเปล่า หรือว่ามียันต์อะไรติดอยู่บนปิ่นไหม?”พระสนมสวี่ส่ายหน้า นางเอ่ยอย่างเดือดดาล “วันนี้เจ้าเอาแต่ถามเกี่ยวกับปิ่นชิ้นนั้น ไม่คิดจะเป็นห่วงข้าบ้างหรือไง!”เทียนซือรีบตอบว่า “ข้าต้องเป็นห่วงเจ้าอยู่แล้วล่ะ เพียงแต่ปิ่นชิ้นนั้นมีความสำคัญอย่างมาก แล้วยังเกี่ยวข้องกับอ๋องฉู่ด้วย”“ข้าจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ และใครเป็นใครอยู่เบื้องหลังของเรื่องทั้งหมด ไม่อย่างนั้นครั้งนี้เจ้าจะเจ็บตัวเปล่าน่ะสิ”พระสนมสวี่เบ้ปากเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ยังจะเป็นใครได้อีกล่ะ? จะต้องเป็นเจ้าอาวาสหัวโล้นนั่นแน่นอน!”เทียนซือส่ายหน้า “ข้าเคยประมือกับเขามาก่อน ถึงเขาจะพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ไม่มีทางกำราบวิญญาณร้ายเป็นข้ารับใช้ได้หรอก”พระสนมสวี่เอ่ยถาม “ถ้าไม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 209

    เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”นางถลึงตาใส่เขา “ทำไมท่านถึงอยู่ในห้องของข้าได้ล่ะ?”จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “เรื่องนี้ข้าบอกกับเจ้าไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ที่นี่เป็นจวนของข้า ข้าอยากจะไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น”เฟิ่งชูอิ่งถามต่อ “แล้วท่านเข้ามาได้อย่างไร?”จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าเดาสิ”เฟิ่งชูอิ่งหันมองไปรอบๆ ห้องหนึ่งครา พบว่าประตูหน้าต่างยังคงปิดสนิทหมดทุกบาน ไม่มีร่องรอยการใช้กำลังพังเข้ามาถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า เขาไม่ได้เข้ามาทางประตูหน้าต่างนางจึงแหงนหน้ามองไปบนหลังคา พบว่าไม่มีร่องรอยงัดแงะเหมือนกันนางจึงเอ่ยว่า “มีทางลับจากด้านนอกเข้ามาที่ห้องนี้?”จิ่งโม่เยี่ยปรายตามองนางเล็กน้อย “เจ้าฉลาดกว่าเจ้าอาวาสนั่นเยอะเลย เดาครั้งแรกก็ถูกแล้ว“เมื่อคืนนี้เจ้าน่าจะได้ยินมาบ้างแล้ว จวนแห่งนี้เสด็จพ่อของข้าตั้งใจสร้างให้พระสนมสวี่“เรือนที่ข้าพักอาศัยในปัจจุบันเดิมทีควรจะเป็นของเสด็จพ่อ ส่วนเรือนแห่งนี้ก็ควรเป็นของพระสนมสวี่“ดังนั้นเขาก็เลยสั่งให้คนสร้างเส้นทางลับจากห้องของข้ามายังห้องที่เจ้าอยู่”เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”เรื่องนี้มันออกจะบ้าบออยู่เล็กน้อยจิ่งโม่เยี่ยแสยะยิ้มเย้ยหยัน “จวนเ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 210

    เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางไม่น่าถามเขาเลย!ไอ้บุรุษสุนัขคนนี้นอกจากจะโมโหร้ายแล้ว ยังเอาแต่ใจด้วย!ใช้เหตุผลพูดกับคนอย่างเขาไปก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรเสียนางก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์อยู่แล้วเมื่อไหร่ที่นางจัดการพวกสารเลวในจวนสกุลหลิน ทวงคืนสมบัติทั้งหมดของบิดามารดานางได้ นางจะหนีไปจากเขาให้ไกลที่สุดเลยนางเบ้ปากใส่เขาทีหนึ่ง ก่อนจะเดินไปหวีผมหน้ากระจกจิ่งโม่เยี่ยรู้จักนิสัยของนางดี มั่นใจแปดส่วนว่านางจะต้องเถียงกลับ ทว่าเขารออยู่ที่ประตูห้องพักใหญ่แล้วก็ยังไม่ได้ยินเสียงถากถางจากนางเมื่อเขาหันกลับไปจึงเห็นว่านางกำลังตั้งใจหวีผมอยู่ผมยาวของนางนุ่มลื่นและเป็นช่อหนา ยามนี้มันถูกปล่อยให้สยายลงมาราวกับม่านน้ำตก ดูสง่างามอ่อนหวานนางกำลังเอียงข้างอยู่ จึงมองเห็นลำคอบอบบางที่ขาวดุจหิมะ งามวิจิตรประหนึ่งภาพวาดนัยน์ตาของจิ่งโม่เยี่ยสีเข้มขึ้นเล็กน้อย อารมณ์ที่อยากจะบรรยายอย่างหนึ่งปรากฏขึ้นในแววตาของเขายามที่เรือนผมของนางกวัดแกว่งไปมา เขารู้สึกราวกับมันปัดผ่านหัวใจจนรู้สึกคันยุบยิบเฟิ่งชูอิ่งเอียงศีรษะมามองเขา เห็นว่าเขากำลังมองนางอยู่จึงเอ่ยถามว่า “งามหรือไม่?”จิ่งโม่เยี่ยตอบกลับ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 211

    พวกเขาเพิ่งจะทานอาหารเสร็จ หลินชูเจิ้งก็มารับตัวเฟิ่งชูอิ่งกลับจวนครั้งนี้เขาเตรียมความพร้อมมาอย่างดี พอมาถึงก็พูดคุยทักทายคนเฝ้าประตูอย่างเป็นมิตร ไม่แสดงท่าทางวางมาดขุนนางขั้นสามอีกต่อไปเฟิ่งชูอิ่งเดิมทีก็ไม่อยากอยู่ที่จวนอ๋องฉู่ ตอนที่คิดจะตอบตกลงกลับไปที่จวนสกุลหลินกับหลินชูเจิ้ง จิ่งโม่เยี่ยก็ถามขึ้นมา “เรื่องของฮวาซื่อจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ?”หลินชูเจิ้งตอบว่า “ข้าลงโทษนางด้วยกฎตระกูลเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้นางจะไม่กล้ารังแกชูอิ่งอีกพ่ะย่ะค่ะ”เขากล่าวจบก็ใช้อุบายรำลึกความหลัง “ตอนที่น้องสาวพาชูอิ่งมาฝากฝังไว้กับข้า แปลว่านางไว้เนื้อเชื่อใจข้าอย่างมาก“เป็นข้าที่ไม่ดีเอง หลายปีที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งกับงาน ข้าก็หลงคิดไปว่านางเป็นคนดี คิดไม่ถึงเลยว่านางจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ลับหลังข้า ทำให้ชูอิ่งต้องเจ็บช้ำน้ำใจแล้ว”จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยถามเสียงเย็นชา “กฎตระกูล? นางฆ่าคนตาย ไม่ควรจะติดคุกอย่างนั้นหรือ?”หลินชูเจิ้งสีหน้ากระอักกระอ่วน กระแอมไอเบาๆ แล้วกล่าวว่า “แม้นางจะวางอำนาจบาตรใหญ่ แต่เรื่องฆ่าคนไม่ใช่ฝีมือของนางจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ“เมื่อวานนี้ศาลไต่สวนสืบสวนเรื่องราวอย่างละเอียดแล้ว นางม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 212

    ระยะหลังมานี้ สตรีในเมืองหลวงนิยมปักถุงเงินให้บุรุษที่ตนเองมีใจนางร่ำเรียนวิชาสำนักลี้ลับได้ยอดเยี่ยม แต่ฝีมือเย็บปักห่วยแตกจนไม่อยากเอ่ยถึงเขาใช้ให้นางปักถุงเงินให้? ละเมอเพ้อพกอะไรขึ้นมาอีก!นางไม่อาจปฏิเสธเขาต่อหน้าหลินชูเจิ้งได้ จึงเอ่ยอย่างอ่อนหวานว่า “หากข้ามีเวลาว่างจะปักให้ท่านอ๋องเพคะ”ส่วนนางจะมีเวลาว่างหรือไม่นั้น ค่อยว่ากันอีกที!เรื่องนี้นางตอบตกลงไปส่งเดช ไม่นานก็หลงลืมจนหมดสิ้นนางกลัวว่าหากยังพูดคุยกันต่อ จิ่งโม่เยี่ยอาจจะหน้าด้านร้องขออย่างอื่นอีก จึงหันไปบอกกับหลินชูเจิ้ง “ท่านลุง พวกเรากลับจวนกันเถอะ!”จิ่งโม่เยี่ยเห็นนางกระโดดขึ้นรถม้าของจวนสกุลหลินอย่างรีบร้อนเหมือนกลัวไม่ได้กลับ แล้วยังไม่หันมามองเลยสักครั้ง ในใจของเขาก็รู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูกวันที่เขาพานางกลับมาที่จวนอ๋อง ก็เพียงเพราะนึกสนุกขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้มีความคิดอย่างอื่นแล้วนางก็มาอยู่ที่จวนอ๋องได้เพียงสองวันเท่านั้น พอวันนี้นางจากไป จวนอ๋องกลับดูโล่งและหนาวเหน็บอย่างเห็นได้ชัดฉินจื๋อเจี้ยนที่รู้สึกเหมือนกันจึงเอ่ยว่า “พอแม่นางเฟิ่งจากไป ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนจวนอ๋องขาดอะไรบางอย่างนะ”เขากล่าวจบก็ตบศีรษ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 213

    ตอนที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต แม้จิ่งโม่เยี่ยจะยังเด็ก แต่อดีตฮ่องเต้ก็วาดหวังกับจิ่งโม่เยี่ยเอาไว้มาก นอกจากจะมอบกองทัพหมาป่าหิมะให้แล้ว ยังมอบทหารกล้าให้อีกห้าหมื่นนายทหารกล้าทั้งห้าหมื่นนายเป็นคนที่อดีตฮ่องเต้ชุบเลี้ยงขึ้นมาด้วยตนเอง ตอนแรกพวกเขาจงรักภักดีถวายชีวิตแด่อดีตฮ่องเต้ ตอนหลังพวกเขาหันมาอุทิศชีวิตให้จิ่งโม่เยี่ยแทนฮ่องเต้เจาหยวนพยายามจะแย่งทหารกล้าทั้งห้าหมื่นนายไปจากเขาหลายครั้ง แต่ไม่เคยทำสำเร็จ ต่อมาเขาจึงพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อลดทอนอำนาจของกองทัพหน่วยนี้ลง แต่ก็ยังไม่สำเร็จอยู่ดี เพราะมีกองทัพหน่วยนี้อยู่ ฮ่องเต้เจาหยวนถึงไม่กล้าลงมือกับจิ่งโม่เยี่ยแบบออกนอกหน้า กลัวว่าเขาถูกบีบคั้นหนักเข้าจะเอากองทัพบุกมาก่อกบฏและเพราะว่ามีกองทัพหน่วยนี้อยู่ด้วย ฮ่องเต้เจาหยวนถึงได้หวาดระแวงจิ่งโม่เยี่ยนักหนา จนอยากจะจัดการเขาให้สิ้นซากเพื่อความสบายใจจิ่งโม่เยี่ยถามว่า “ทางด้านนั้นเกิดอะไรขึ้น?”หลางซานรายงาน “คนในค่ายทหารในเมืองหลวง ช่วงนี้มักจะใช้สารพัดวิธีมายั่วยุพวกเรา“ช่วงสองสามวันก่อน พวกเขาทำร้ายคนของเราจนบาดเจ็บไปไม่น้อย”จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไรอยู่ อีกฝ่ายคิดจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 214

    เฟิ่งชูอิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นตกใจจนมือไม้สั่น รีบวิ่งไปหลบด้านหลังของหลินชูเจิ้งก่อนจะดึงตัวเขาให้ขยับไปอีกฝั่งพอบ่าวหญิงแซ่จูพุ่งพรวดเข้ามา มีดเล่มนั้นจึงปักโดนร่างของหลินชูเจิ้งแทนบ่าวหญิงแซ่จู “!!!!!!”หลินชูเจิ้ง “!!!!!!”แม้มีดเล่มนั้นจะแทงโดนเพียงถากๆ ปักเข้าที่แขนข้างหนึ่งของหลินชูเจิ้ง ไม่นับว่าบาดเจ็บร้ายแรงอะไรแต่สำหรับคนอย่างเขาแล้ว เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้เขาจึงยกเท้าถีบออกไปโดยสัญชาตญาณ ทำเอาบ่าวหญิงแซ่จูล้มคว่ำลงไปกองกับพื้นเฟิ่งชูอิ่งรอจนกระทั่งบ่าวหญิงแซ่จูล้มลงไปแล้วค่อยขยับมาขวางหน้าหลินชูเจิ้ง “แน่จริงก็แทงข้าเลยสิ เจ้าจะทำร้ายท่านลุงทำไม!”หลินชูเจิ้ง “......”อารมณ์ของเขาซับซ้อนเล็กน้อย แต่กลับพูดอะไรออกไปไม่ได้บ่าวหญิงแซ่จูเกลียดเฟิ่งชูอิ่งเข้ากระดูกดำ นางตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้นได้ก็ทำท่าจะพุ่งเข้าไปทำร้ายเฟิ่งชูอิ่งอีก เฟิ่งชูอิ่งก้มหยิบหินก้อนหนึ่งบนพื้นแล้วเขวี้ยงใส่ศีรษะของบ่าวหญิงแซ่จูอย่างแรงเพียงพริบตาเดียว ศีรษะของบ่าวหญิงแซ่จูก็มีเลือดไหลออกมาเฟิ่งชูอิ่งพลันเอ่ยด้วยเสียงสั่นระริก “เจ้าอย่าเข้ามานะ!”บ่าวหญิงแซ่จูคิด

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status