Share

บทที่ 168

Author: ดอกถังร่วงหล่น
last update Last Updated: 2024-07-23 19:07:06
เฟิ่งชูอิ่ง “......”

นางไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกออกมาอย่างไร เฉี่ยวหลิงกลายเป็นผีต่อหน้าฮวาซื่ออย่างนั้นหรือ?

นางเอ่ยถาม “เจ้าหายตัวไปต่อหน้าต่อตาฮวาซื่อเลยหรือ?”

เฉี่ยวหลิงจึงตอบว่า “ก็ไม่ขนาดนั้น ข้าบอกนางว่าคุณหนูเรียกตัว แล้วก็วิ่งกลับไปทางห้องพักของพวกเรา

“ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นอันตราย ตอนนั้นก็เลยวิ่งเร็วกว่าคนปกติไปสักหน่อย พอถึงมุมอับสายตาที่นางมองไม่เห็นก็รีบมาทันทีเลย”

เฟิ่งชูอิ่งลองคำนวณเวลาตั้งแต่ตอนที่นางเรียกเฉี่ยวหลิง จนถึงตอนที่เฉี่ยวหลิงปรากฏตัวออกมา ความเร็วในการวิ่งของนางไม่ได้เหนือกว่าคนทั่วไปแล้วล่ะ นางเหาะมาชัดๆ เลย!

นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องหลังจากนี้ข้าจะจัดการเอง”

เฉี่ยวหลิงจึงพยักหน้ารับเบาๆ

เจ้าอาวาสเดินวนรอบตัวเฉี่ยวหลิงอยู่หลายครั้ง “ข้ามีคำถาม ทำไมเจ้าถึงเคลื่อนไหวอย่างอิสระตอนกลางวันได้ล่ะ? เจ้าไม่กลัวถูกแสงแดดเผาหรือ?”

ถึงวันนี้แสงอาทิตย์จะไม่ได้ร้อนแผดเผาอะไรขนาดนั้น แต่ก็ค่อนข้างแสบตาอยู่เหมือนกัน ว่ากันตามหลักแล้ว เฉี่ยวหลิงไม่ควรปรากฏตัวออกมาได้สิ

เฉี่ยวหลิงตอบว่า “เพราะข้ามีเจ้านายที่ดีอย่างไรล่ะ ข้าถึงไม่ต้องกลัวแสงอาทิตย์
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 169

    เขาบ่นพึมพำว่า “เลี้ยงวิญญาณร้ายไว้เป็นผู้คุ้มกันก็มิเลวเหมือนกันนะ”เฟิ่งชูอิ่งจึงกรอกตามองบน “สภาพอย่างเจ้าเนี่ยนะจะเลี้ยงวิญญาณร้าย เกรงว่าผ่านไปไม่กี่วันก็จะถูกวิญญาณร้ายตัวนั้นเขมือบเอาน่ะสิ”เจ้าอาวาสหันมองนาง “เจ้าอย่าดูถูกกันขนาดนี้จะได้หรือไม่? ดีร้ายอย่างไรข้าก็เป็นถึงเจ้าอาวาสนะ!”เฟิ่งชูอิ่งถามเขา “ถ้าอย่างนั้นเจ้าสามารถทำให้วิญญาณร้ายปรากฏตัวตอนกลางวันได้ไหม?“เจ้าสามารถสร้างร่างจิตที่แข็งแกร่ง เพิ่มพลังวิญญาณให้พวกเขาได้ไหม?”เจ้าอาวาส “......”ที่นางพูดมาทั้งหมดนั่น เขาไม่ได้สักอย่างเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ล้มเลิกความตั้งใจดังกล่าวก่อนเขาจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีกครั้ง “ยันต์ปัญจอสนีของเจ้าร้ายกาจมากเลย เจ้าเขียนออกมาได้อย่างไรกัน?”เฟิ่งชูอิ่งเริ่มจะรำคาญที่เขาถามไม่เลิก “แค่มีมือก็เขียนได้แล้วมิใช่หรือ?”เจ้าอาวาส “......”ในสายตาของคนอื่น เขาเป็นภิกษุสงฆ์ผู้สูงส่ง แต่พอเทียบกับเฟิ่งชูอิ่งแล้ว เขารู้สึกว่าตนเองช่างไร้ค่าไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่งเขาโศกเศร้ายิ่งนักหลังจากเฟิ่งชูอิ่งพักผ่อนได้สักพัก นางก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วยื่นมือไปตบบ่าเขาเบาๆ “เจ้าต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 170

    เฟิ่งชูอิ่งมองว่าหากการรับศิษย์สักคนสามารถเพิ่มรายได้ให้นางได้ล่ะก็ นางก็ยินดีรับด้วยความเต็มใจอย่างไรเสียก็แค่สอนเจ้าอาวาสเขียนยันต์ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ของทั้งสองคนจึงตกลงกันเช่นนี้เจ้าอาวาสเอ่ยเยินยอ “อาจารย์ ข้าจะไปส่งท่านกลับจวนเอง”เฟิ่งชูอิ่งหันมองสีหน้าของเขาแล้วรู้สึกขนลุกขนพองไปทั้งตัว “พูดแบบปกติ มิฉะนั้นข้าจะตีเจ้าให้ตาย”เจ้าอาวาสจึงกล่าวยิ้มๆ “หลังจากนี้ไปเจ้าจะเป็นอาจารย์ของข้า ข้าก็ต้องให้ความเคารพหน่อยสิ”ระฆังในใจของเฟิ่งชูอิ่งส่งเสียงเตือนดังลั่น นึกขึ้นมาได้ว่าพระปลอมคนนี้พูดจาไร้สาระได้เหมือนท่องบทสวด สวดจนนางปวดหัวไปหมดนางจึงกล่าวว่า “มาตั้งกฎกันหน่อย หลังจากนี้ไปตอนที่เจ้าอยู่กับข้าห้ามพูดติดต่อกันเกินสามประโยค“อีกอย่าง หากมีคนอื่นอยู่ด้วยห้ามเรียกข้าว่าอาจารย์”เจ้าอาวาสถาม “ทำไมถึงเรียกเจ้าว่าอาจารย์ต่อหน้าคนอื่นไม่ได้ล่ะ?“แล้วยังพูดติดต่อกันเกินสามประโยคไม่ได้อีก? แบบนั้นไม่ไหวหรอก“แค่สามประโยคมันจะไปพูดคุยเข้าใจกันได้อย่างไร แล้วยังแสดงความปลื้มปิติในใจของข้าไม่ได้ด้วย....”เฟิ่งชูอิ่งแปะยันต์ห้ามพูดใส่เขาแผ่นหนึ่ง โลกของนางจึงหว

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 171

    จิ่งโม่เยี่ยพาดแขนข้างหนึ่งกับหน้าต่างรถม้า เอียงศีรษะเล็กน้อยขณะจ้องมองนาง “ข้าไม่ชอบพูดประโยคเดิมซ้ำสอง“เจ้าจะขึ้นมาเองดีๆ หรือจะให้ข้าสั่งทหารองครักษ์ให้จับเจ้าเหวี่ยงขึ้นมา เจ้าเลือกเอาเองเถอะ”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางด่าเขาในใจแบบสาดเสียเทเสีย ขณะที่ใบหน้าประดับรอยยิ้มหวาน “ข้าขึ้นเองได้เพคะ ไม่รบกวนพวกพี่ชายองครักษ์หรอก”หางตาขององครักษ์แต่ละคนที่ยืนประกบข้างรถม้าต่างมองมาที่นางอย่างบ้าคลั่ง ในใจของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเฟิ่งชูอิ่งเดินขึ้นไปบนรถม้าอย่างไม่เต็มอกเต็มใจ หลังจากขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว นางก็เลือกที่นั่งซึ่งอยู่ห่างจากจิ่งโม่เยี่ยมากที่สุดเขาใช้หางตาเหลือบมองนางแวบหนึ่ง สายตาหยุดอยู่ที่ริมีปากแดงสดของนาง เอ่ยเสียงเรียบว่า “มานั่งตรงนี้”เฟิ่งชูอิ่งจึงเขยิบไปข้างๆ พยายามออกห่างจากเขาให้มากกว่าเดิมอีกหน่อยจิ่งโม่เยี่ยโมโหนางแต่กลับยิ้มออกมา “เจ้ากลัวข้าจะกินเจ้าหรืออย่างไร?”เฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ตอบ เขาจึงเอ่ยเสริมด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งตึง “หากข้าคิดจะกินเจ้าจริงๆ ต่อให้เจ้านั่งห่างแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก”เขากล่าวจบก็ใช้มือตบเบาะข้างๆ กาย ใช้สายตามองก

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 172

    เขากล่าวถึงตรงนี้ก็หันมองไปทางจิ่งโม่เยี่ย ไม่กล้าพูดประโยคหลังจากนั้นเฟิ่งชูอิ่งกลับเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง “กองทัพเกล็ดทองเป็นคนของพระสนมสวี่สินะ?”หลางซานเพียงก้มศีรษะนิ่ง ไม่ตอบอะไรจิ่งโม่เยี่ยหยิบเกล็ดทองชิ้นนั้นขึ้นมาแล้วกล่าว “หายากมากที่จะมีใครรอดชีวิตจากเงื้อมมือของทหารเกล็ดทองได้ เฟิ่งชูอิ่ง เจ้าช่างเก่งกาจเสียจริงนะ”อดีตฮ่องเต้รักพระสนมสวี่หัวปักหัวปำ ต่อให้หัวใจของเขาจะถูกพระสนมสวี่เหยียบจนเละเหมือนโคลนตมก็ยังไม่คิดเสียใจดังนั้นเขาจึงยกกองทัพที่เก่งกาจที่สุดของเขาให้พระสนมสวี่ ต่อให้เขาจะรักจิ่งโม่เยี่ยมากแค่ไหน ก็ยกให้เพียงกองทัพหมาป่าหิมะที่เป็นรองอยู่ขั้นหนึ่งยุครุ่งเรืองที่สุดของกองทัพเกล็ดทอง ถูกขนานนามว่าดาบที่แหลมคมที่สุดของแคว้น บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่กองทัพเกล็ดทองจัดการไม่ได้แต่หลังจากพวกเขาติดตามพระสนมสวี่นานวันเข้า พระสนมสวี่ไม่รู้จักวิธีฝึกทหาร ความสามารถของกองทัพเกล็ดทองจึงตกต่ำลงเรื่อยๆแต่ถึงจะเป็นแบบนั้น พวกเขาก็เป็นหนึ่งในกองกำลังที่ร้ายกาจที่สุดในแคว้นอยู่ดีจิ่งโม่เยี่ยตระหนักดีว่าที่เฟิ่งชูอิ่งหนีรอดจากเงื้อมมือของกองทัพเกล็ดทองได้ครั้งนี้ ประการแรกเป็น

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 173

    นางรีบใช้คาถาสงบจิตแล้วประทับลงบนร่างกายของเขา “ท่านอ๋อง ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่ไม่อยากเพิ่มปัญหาให้ท่านก็เท่านั้นเอง”จิ่งโม่เยี่ยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “เจ้าเป็นว่าที่พระชายาของข้า การส่งเจ้ากลับจวนจะเป็นการเพิ่มปัญหาให้ข้าได้อย่างไร“เจ้าไม่อยากอยู่กับข้าแบบนี้ ข้ายิ่งอยากจะบังคับให้เจ้าอยู่กับข้า หลางซาน ไปจวนสกุลหลิน”เฟิ่งชูอิ่ง “......”ดูเขาพูดจาเข้าสิ เขาเคยไล่นางลงจากรถม้าถึงสองครั้งสองหนแล้ว ทำเพิ่มอีกสักครั้งจะเป็นไรไป นางพยายามฉีกยิ้ม “ท่านอ๋องยอมไปส่งข้าที่จวนย่อมเป็นเรื่องที่ดีมากเลยเพคะ”จิ่งโม่เยี่ยถามนาง “เจ้าคงคิดว่าข้าเป็นคนที่ไม่น่าคบหามากเลยสินะ?”เฟิ่งชูอิ่งอยากบอกว่า “แค่นิสัยคล้ายคนผีเข้าผีออกของเจ้า ใครหน้าไหนมันจะไปอยากใกล้ชิดกันล่ะ? แล้วใครมันจะอยากชอบเจ้ากัน?”เพียงแต่ตอนนี้นางไม่อยากทำให้เขาโมโห จึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ทำไมท่านอ๋องถึงคิดกับตัวเองแบบนั้นล่ะเพคะ?“ท่านอ๋องอาจจะไม่ใช่คนที่ใครเห็นใครก็รัก ดอกไม้เห็นยังผลิบาน แต่อย่างน้อยก็เป็นสามีในฝันของสตรีนับหมื่นพันคน!”จิ่งโม่เยี่ยแค่นเสียงเย็นชา สบถใส่นางว่า “เจ้าเด็กเลี้ยงแกะ ทั้งที่ในใจเจ้ากำลังด่าข้าอยู่แท้

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 174

    เขาโจมตีอย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยม เจตนาจะฆ่ากันอย่างชัดเจนถึงจะเป็นเฟิ่งชูอิ่งก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าบิดาแซ่เฉินจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่พูดไม่จาก็ลงมือทำร้ายกันเลยเพลิงโทสะของนางพรั่งพรูออกมาทันที มิน่าเล่าเฉินเยี่ยนเซิงลูกสุนัขคนนั้นถึงสารเลวนัก ที่แท้ก็เพราะมีพ่อแม่ชั่วช้าสามานย์อย่างนี้นี่เองนางสู้มือสังหารที่พระสนมสวี่ส่งมาไม่ไหว แต่กับพวกอันธพาลอย่างบิดาแซ่เฉินคนนี้นางยังพอจะรับมือไหวนางเบี่ยงตัวหลบไปข้างๆ และเตรียมตัวจะโต้ตอบกลับ ทว่าลูกธนูดอกหนึ่งกลับบินผ่านอากาศเข้ามา แทงร่างของบิดาแซ่เฉินจนกระเด็นไปปักติดกับกำแพงด้านหลังค้อนใหญ่ที่เขายกขึ้นมาในตอนแรกหล่นกระแทกพื้นเสียงดัง “ปัง”กำแพงดังกล่าวไม่ใช่กำแพงของบ้านใครที่ไหน เป็นกำแพงที่ติดกับประตูใหญ่ของจวนเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เฟิ่งชูอิ่งก็ชะงักไปเล็กน้อย นางหันกลับไปและเห็นจิ่งโม่เยี่ยถือคันศรเล่มหนึ่งอยู่ในมือ และตัวเขายังยืนอยู่บนรถม้าวันนี้เขาสวมอาภรณ์สีขาว เขายังอยู่ในท่าง้างคันธนู แขนข้างหนึ่งยืดออกมา สายตาคมกริบดุจมีดลมพัดมาทำให้ผมสีดำขลับของเขาพลิ้วไหวตามลม ตัดกับอาภรณ์สีขาวดุจหิมะที่สวมอยู่บนร่าง จิตสังหาร

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 175

    “ท่านอ๋องทรงพระทัยกว้าง มิสู้ให้อภัยนางสักครั้งล่ะเพคะ คิดเสียว่าทำบุญทำกุศลให้ตัวเอง”จิ่งโม่เยี่ยแทบไม่อยากชายตามองฮวาซื่อ เขาออกคำสั่งอย่างเฉยชา “องครักษ์ ตบปากนาง”สิ้นเสียงของเขา องครักษ์ตัวสูงใหญ่จำนวนหนึ่งก็ก้าวออกมาทันที พวกเขาเงื้อมือฟาดใบหน้าของฮวาซื่ออยู่หลายครั้งฮวาซื่อ “!!!!!!”นางไม่คิดเลยว่าจิ่งโม่เยี่ยจะสั่งตบคนโดยไม่พูดไม่จาสักคำเช่นนี้!มารดาแซ่เฉินเห็นฮวาซื่อเดินออกมา จึงคิดจะตะโกนขอความช่วยเหลือจากนาง ทว่าบัดนี้แม้แต่ฮวาซื่อก็ยังถูกจิ่งโม่เยี่ยตบหน้า นางจึงกลัวจนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ฮวาซื่อกล่าวอย่างไม่พอใจ “ต่อให้ท่านจะมีฐานะสูงส่ง แต่ก็ไม่ควรทำร้ายคนตามอำเภอใจนะเพคะ!”“ที่แท้เจ้าก็ยังสำนึกได้ว่าฐานะของข้าสูงส่ง” จิ่งโม่เยี่ยเชิดหน้าแล้วเอ่ยว่า “แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงกล้าสั่งสอนข้าเยี่ยงนี้?“ทำบุญ? ว่าที่พระชายาของข้าเกือบจะถูกคนฆ่าตายกลางถนน เจ้ากลับบอกให้ปล่อยคนร้ายเพื่อทำบุญทำกุศล ตระกูลเจ้าได้บุญมาด้วยวิธีแบบนี้หรือ?”ฮวาซื่อ “......”ก่อนหน้านี้นางได้ยินมาว่าจิ่งโม่เยี่ยอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ไม่อาจคบค้าสมาคมด้วยได้แต่นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะคบค้

    Last Updated : 2024-07-23
  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 176

    เฟิ่งชูอิ่งรีบหลบหลังจิ่งโม่เยี่ย “ท่านอ๋องช่วยด้วยเพคะ! ท่านป้านางจะตีข้าอีกแล้ว!“วันนี้หากข้ากลับเข้าจวนไป จะต้องไม่ได้กินอะไรอย่างแน่นอน แล้วยังต้องเอาเสื้อผ้าในจวนไปซักอีก”ฮวาซื่อ “......”นางเคยริบอาภรณ์และข้าวของเครื่องใช้ของเฟิ่งชูอิ่งจริงๆ แต่นางไม่เคยใช้ให้นางทำงานหนักมาก่อนเหตุผลก็ไม่ใช่อื่นใด เพราะจวนสกุลหลินยังต้องรักษาหน้าตา หากเฟิ่งชูอิ่งออกจากจวนแล้วคนสังเกตเห็นว่ามือของนางมีตุ่มพุพองหรือหยาบกร้านผิดปกติ จวนสกุลหลินจะต้องขายหน้านางกล่าวอย่างเดือดดาล “ข้าใช้ให้เจ้าทำเรื่องพวกนั้นตอนไหนกัน?”พอนางโมโหก็เลยลืมตัวเผลอชี้หน้าเฟิ่งชูอิ่งเฟิ่งชูอิ่งแผดเสียงร้องทันที “ท่านอ๋อง นางจะตีข้าแล้วเพคะ! ข้ากลัวเหลือเกิน!”รูปร่างหน้าตาของนางก็เป็นประเภทอ่อนแอน่าสงสารอยู่แล้ว ประกอบกับการแสดงอันยอดเยี่ยมของนาง ท่าทางหลบอยู่หลังจิ่งโม่เยี่ยไม่กล้าโผล่หัวออกมา คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็ต้องเห็นอกเห็นใจเป็นธรรมดาจิ่งโม่เยี่ยกลับรู้สึกว่าตัวเองสอดมือเกินเหตุเสียแล้ว ด้วยความสามารถของนาง ต่อให้วันนี้เขาไม่ยื่นมือช่วย นางก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี แล้วยังกระชากหน้ากากของฮวาซื่อได้ด้วยเข

    Last Updated : 2024-07-23

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

DMCA.com Protection Status