"ขอรับ" เถ้าแก่เฉินรีบวิ่งไปทันทีกวนเฮ่อจัวยืนอยู่ตรงหน้าต่างพร้อมกับมองมู่จิ่วซีซึ่งขี่ม้าไปยังโกดังหย่งชางซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง แววตาของเขาก็ทอประกายความมืดมนมู่จิ่วซีลงมาอยู่ตรงหน้าประตูของโกดังหย่งชางและลงจากม้า เห็นว่าธุรกิจของที่นี่ก็ไม่ได้แย่ด้อยไปกว่าโกดังจี๋เสียงเลย ในใจก็แอบสบถอย่างไม่พอใจฉีเล่อฉี่มีธุรกิจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับเป็นไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้น นางคิดอะไรกันแน่?หวังว่าฉีหู่ซานวันนี้จะถามได้ข้อมูลประโยชน์มาบ้าง"มีคนตาย มีคนตายแล้ว!" ทันใดนั้นด้านหน้าห่างออกไปไม่ไกลตรงริมแม่น้ำก็มีคนตะโกนเสียงดังขึ้นมามู่จิ่วซีขณะกำลังจะเดินไปยังประตูใหญ่ของโกดังหย่งชาง พอนางได้ยินเสียงตะโกน ก็รีบพุ่งทะยานไปทางริมแม่น้ำจี๋เฟิงก็รีบตามไป ส่วนม้าก็ยกให้คนงานของโกดังจัดการ"ยังมีชีวิตอยู่!" มีคนตะโกนเสียงดังขึ้นมา คนงานหลายคนต่างกรูไปที่ริมแม่น้ำมู่จิ่วซีตะโกนเสียงดังให้ทุกคนถอยออกไป ไม่นานก็ตรงมาถึงริมแม่น้ำบนผิวน้ำมีร่างคนหนึ่งลอยอยู่ ดวงตากึ่งหลับกึ่งตื่น จมูกคล้ำตาบวม เหมือนกับว่าหมดเรี่ยวแรงแล้ว"เหอเฟิง!" มู่จิ่วซีเหมือนกับโกรธจนจะระเบิดออกมา วินาทีต่อมา นางก็ได้กระ
มู่จิ่วซีรู้ว่าท่าเรือซิงหลงแห่งนี้คงมีลับลมคมในอยู่มากมาย แต่ว่านางจำเป็นต้องไปยังกรมพระราชวังนครบาล หนึ่งคือเพื่ออาการบาดเจ็บของเหอเฟิง สองคือนางอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหอเฟิงพอมาถึงกรมพระราชวังนครบาล โจวเหยาพอเห็นสภาพของเหอเฟิงก็ตกใจมาก จากนั้นก็ส่งคนกองหนึ่งไปยังท่าเรือซิงหลงเพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งและต้องการใยแมงมุมรอยเท้าม้าให้เจอให้ได้ (ใยแมงมุมรอยเท้าม้า หมายถึง เบาะแส ร่องรอย)มู่จิ่วซีได้ฝังเข็มให้เหอเฟิงหลายครั้งและพบว่าเหอเฟิงเหม่อลอยอยู่เป็นครั้งคราว ราวกับว่าได้รับการกระทบทางจิตใจ อีกทั้งในหูก็ยังมีรอยเลือด เขาคงไม่ได้หูหนวกไปแล้วใช่ไหม?แต่บนตัวเขาไม่ได้มีบาดแผลสาหัส ตรงจุดนี้เองก็แปลกอย่างมากพอถึงเวลาอาหารเย็น เหอเฟิงตื่นขึ้นมาก็เห็นมู่จิ่วซี จี๋เฟิงและหลิวฮั่ว ส่วนท่านผู้สำเร็จราชการแทนโม่จุนก็เพิ่งได้ทราบข่าวและกำลังรีบมา"เหอเฟิง เจ้าฟื้นแล้ว รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?" มู่จิ่วซีถามอย่างอ่อนโยน "ดื่มยาต้มนี้ก่อน จะได้รู้สึกดีขึ้น ข้าใส่พุทราเชื่อมไปด้วย จะได้ไม่ขม"เหอเฟิงดื่มยาอย่างว่านอนสอนง่าย จากนั้นจี๋เฟิงก็ช่วยเขาพยุงให้รู้สึกสบายขึ้น"่ท่าน
"เหอเฟิง นี่คือการลงโทษด้วยเสียง เจ้าได้ผ่านมันมาแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว" มู่จิ่วซีรีบปลอบเขา ไม่แปลกทำไมเขาต้องสะบัดหัว สมองของเขาคงจะยังได้ยินเสียงนั้นอยู่ เขาต้องการจะสลัดเสียงทรมานนั้นทิ้งไปโม่จุนเหลือบมองมู่จิ่วซีจากนั้นก็กล่าว : "งั้นเจ้าจำได้ไหมว่าเจ้าทำไมตกลงไปในแม่น้ำ?"เหอเฟิงก็เหลือบกันไปมองทันทีและกล่าว : "ทางลับ มีทางลับแห่งหนึ่ง มีคนลากข้าเข้าไปในทางลับนั้น จากนั้นก็ดึงผ้าคลุมหัวออกแล้วผลักโยนลงไป ข้าตกลงไปด้านล่างระยะทางไม่ถึงเมตรก็ตกลงน้ำมาแล้ว น้ำได้พัดข้าพุ่งออกไป ข้าพยายามจะลอยตัวบนน้ำ สติเริ่มเลือนลางมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาก็ไม่รู้อะไรอีกแล้วขอรับ...""ทางลับแค่ผลักลงมาเมตรเดียวก็เป็นน้ำ?" มู่จิ่วซีก็จับใจความสำคัญเอาไว้ได้เหอเฟิงก็พยักหน้าและกล่าว : "ใช่ขอรับ เป็นทางลับที่มืดสนิท แม้ว่าข้าน้อยจะถูกคลุมหัวเอาไว้ แต่ก่อนหน้านี้ก็ยังพอจะมีแสงสว่างอยู่บ้าง แต่ที่นั่นไม่มีแม้แต่แสงสว่างเลย จากนั้นก็ถูกคนหนึ่งผลักลงมา ข้าก็ตกลงไปในน้ำแล้ว""ทางระบายน้ำ!" มู่จิ่วซีดวงตาหรี่เล็กลงขณะกล่าว"ทางระบายน้ำใต้ดิน!" โม่จุนก็แทบจะพูดออกมาพร้อมกัน"ทางระบายน้ำก็คือทางระบายน้ำใต้ดิ
มู่จิ่วซีสีหน้ากระอักกระอ่วน นางเห็นแววตาอยากจะฆ่านางของโม่จุนก็เลยกล่าวอย่างเขินๆ : "ข้ากลัวว่าพูดออกไปแล้วเจ้าจะโกรธ คืนนี้ข้าขอไปพบดูก่อน พรุ่งนี้ข้าถึงจะบอกเรื่องนี้อย่างละเอียดให้เจ้าฟังเป็นไง?""มู่จิ่วซี!" โม่จุนโกรธจนแทบเป็นฟืนเป็นไฟ นึกไม่ถึงว่านางจะเชื่อใจฮั้วอวิ๋นเทียนมากว่าจะเชื่อใจเขางั้นเหรอ?"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน จิ่วซีหวังดีกับเจ้า เจ้าควรจะให้ความเคารพนางสักหน่อยไหม?" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าวอย่างเรียบเฉย เพียงแต่สีหน้านั้นไม่ว่าดูยังไงก็เหมือนจะดูภูมิใจอยู่เล็กน้อย"เจ้ามันรนหาที่ตาย!" โม่จุนเอาเท้าข้างหนึ่งทีบออกไปหาฮั้วอวิ๋นเทียนอย่างแรงฮั้วอวิ๋นเทียนก็กระโจนถอยทั้งตัวกลางอากาศเหมือนกับนกสีแดงตัวใหญ่ จากนั้นก็แขนเสื้อก็กางออกอย่างแรงเสียงแหวกอากาศก็ได้ดังตัดขึ้นกลางอากาศ จนเกิดเป็นเสียงดังฟิ้วฟ้าวฮั้วอวิ๋นเทียนกระเด็นถอยไป 10 เมตร ชายทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน เส้นผมสีดำปลิวสยาย แววตาสีดำฉาบย้อมไปด้วยความมืดมน"โม่จุน!" มู่จิ่วซีปวดหัวจริงๆ โม่จุนผู้ชายคนนี้พอพูดอะไรขัดหูก็ลงไม้ลงมือ ไม่เคยเห็นผู้ชายเจ้าอารมณ์ขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ"เจ้ากลับเชื่อใจเขา แต่ไม่เชื่อใ
แคว้นเกาอวิ๋นสมองของมู่จิ่วซีมึนงง รู้สึกเพียงแค่ร่างกายถูกคนกระชากไปมา โยนไปรอบๆ ในหูยังมีเสียงต่างๆ ลอดเข้ามาอีก“รีบเอากรงเข้ามา นังผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ กล้าแอบไปคบชู้สู่ชายภายนอก ต้องถูกขังกรงหมูแล้วถ่วงน้ำเสียให้ตาย”มู่จิ่วซีเบิกสองตาโพลงสิ่งที่สัมผัสกับสายตาคือแสงตะเกียงสลัวกับพื้นหญ้า รอบด้านมีคนยืนเต็มไปหมดบนตัวนางคือชุดกระโปรงยาวที่เปียกโชก มือเท้าถูกคนมัดไว้ นอนตัวงอราวกับกุ้งอยู่บนพื้นหญ้าห่างออกไปหนึ่งเมตรมีศพของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ด้วยมุมปากของนางค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชาประชดประชันนางเป็นถึงราชินีราตรีของกองทหารรับจ้างอันดับหนึ่งของโลก มีแต่นางที่คอยจับคนอื่นมัด เมื่อไรกันที่ต้องมาถูกคนพันธนาการไว้เช่นนี้?นั่นก็เพราะนางข้ามมิติมาแล้ว ดวงวิญญาณข้ามมาอยู่บนตัวของมู่จิ่วซีคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่แห่งแคว้นเกาอวิ๋น“ท่านผู้สำเร็จราชการแทน โปรดปล่อยคุณหนูใหญ่ของตระกูลพวกเราเถิด คุณหนูใหญ่กับหมอหลวงเวินถูกใส่ร้าย” หญิงสาวคนหนึ่งกำลังโขกหัวลงพื้นร้องห่มร้องไห้อยู่ข้างนางมู่จิ่วซีเงยตาทันที ตั้งใจมองให้ชัดข้างหน้าห่างไปสามเมตรมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่
ไป๋เฟิ่งหว่านหน้าแข็งไปในพริบตา ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ทันที“พวกเจ้ามองข้าทำไมกัน ข้าไม่ใช่คนที่เห็นเสียหน่อย ชิงตงต่างหากที่เห็น”ชิวตงเป็นหนึ่งในคนใช้ของไป๋เฟิ่งหว่านชิวตงรีบคลานขึ้นหน้าออกมาพูดว่า “ตอนที่ข้าน้อยเห็น หมอหลวงเวินกับคุณหนูใหญ่มู่ก็อยู่ในทะเลสาบแล้ว”มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว เหลือบมองโม่จุนแล้วพูดว่า “ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ท่านได้ยินแล้วหรือไม่? ตอนที่นางเห็น ข้ากับหมอหลวงเวินก็อยู่ในทะเลสาบนั่นแล้ว นี่จะอธิบายว่าข้ากับเขาฆ่าตัวตายเพราะความรักได้อย่างไร?”“เช่นนั้นเจ้าลงไปอยู่ในน้ำได้อย่างไรกัน?” โม่จุนถามขึ้น“ข้าถูกคนผลักตกน้ำ ตอนที่กำลังมึนงงก็ได้ยินเสียงคนกระโดดน้ำลงมา ดังนั้นข้าเดาว่าหมอหลวงเวินคงจะลงน้ำมาช่วยข้า”“น่าขัน หมอหลวงเวินว่ายน้ำไม่เป็นด้วยซ้ำ แล้วจะลงน้ำไปช่วยเจ้าได้อย่างไร?” ไป๋เฟิ่งหวานยิ้มเย็นชาขึ้นมา“ดูท่าคุณหนูไป๋จะคุ้นเคยกับหมอหลวงเวินเสียเหลือเกิน” ประโยคนี้ของมู่จิ่วซีทำเอาทุกคนหน้าประหลาดกันหมด“เจ้าพูดจาเหลวไหล! มู่จิ่วซี มีคนยังเห็นเจ้ากับหมอหลวงเวินคุยกันกระหนุงกระหนิงที่สวนดอกไม้ด้านหลังก่อนหน้านี้ด้วย เจ้าจะอธิบายอย่างไร?” ไป๋เฟิ่ง
นางเอื้อมสัมผัสไปที่ท้ายทอยหลังศีรษะของหมอหลวงเวินก่อนจะพูดกับโม่จุน "เจ้าเข้ามาดู"โม่จุนเดินเข้าไป พอเขาเห็นใบหน้าของคนตาย ลมหายใจก็เย็นวาบขึ้นมา"หมอหลวงเวินไม่ได้จมน้ำตายและก็ไม่ได้กระโดดลงมาช่วยข้าด้วย ที่ท้ายทอยหลังศีรษะเขามีบาดแผล ใบหน้าก็ไม่ได้บวม เขาถูกคนฆ่าก่อนแล้วถึงถูกผลักลงทะเลสาบไป ถ้ายังไม่เชื่อข้าอีก จะไปเรียนขุนนางฝ่ายชันสูตรมาชันสูตรศพนี้ก็ได้"มู่จิ่วซีพูดเสร็จก็ยืนขึ้นและจ้องมองไปยังใบหน้าของโม่จุนซึ่งหล่อเหลาจนขนาดทวยเทพยังอิจฉาชังน้ำหน้าชายคนนี้ทำไมถึงได้หล่อมากขนาดนั้น ช่างเป็นอาหารตาจริงๆ“อะไรนะ เขาจะถูกทุบตีจนตายและผลักลงทะเลสาบไปได้อย่างไร?” ไป๋เฟิ่งหว่านส่งเสียงอุทานขึ้นมาทันทีมู่จิ่วซีก็รู้สึกน่าขบขัน ทันใดนั้นนางก็ขยับเข้าหาโม่จุนและพูดกระซิบเบาๆ: "ข้าถูกผลักลงไปในน้ำจริงๆ หากเจ้ายังไม่เชื่อข้า ข้ายอมถอดเสื้อผ้าออกให้เจ้าดูแผ่นหลังข้าก็ได้ ตอนนี้ที่หลังข้ายังเจ็บอยู่เลย"โม่จุนแข็งทื่อไปทั้งตัว ดวงตาสีดำเข้มอันลึกล้ำก็ราวกับมีพายุก่อตัวขึ้นในดวงตาของเขา“ไร้ยางอาย!” โม่จุนพอพ่นวาจาออกมาสามคำก็ถอยห่างจากมู่จิ่วซีไปไกลเล็กน้อย“ใครก็ได้ เรียกเย่อู
มู่จิ่วซีมองโม่จุนอย่างดูถูกและถอนหายใจปลงอารมณ์อย่างมาก : "เดิมทีข้าไม่กลัวหรอก แต่ใจคนมันน่ากลัวยิ่งกว่า ข้าแต่ก่อนช่างไร้เดียงสาเลยจริงๆ""ไม่มีความรู้ความสามารถ เอาแต่เที่ยวเล่นไร้ความก้าวหน้า!" โม่จุนพอกล่าวจบก็หันหลังเดินไปทันที "อานเย่ เจ้าอยู่นี่แหละ"อานเย่เผยสีหน้าอันขมขื่นออกมา แต่ก็ทำได้เพียงกล่าวรับคำไป"มู่จิ่วซี เจ้าอย่าคิดว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนช่วยเจ้าแล้วเจ้าจะไม่เป็นอะไร จะหยิ่งผยองก็ให้มันน้อย ๆ หน่อย!" ไป๋เฟิ่งหว่านพอเห็นโม่จุนเดินไปไกลแล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงนาง"ใครบอกว่าข้าไม่เป็นไร?" มู่จิ่วซีเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมาและเดินเข้าไปใกล้ไป๋เฟิ่งหว่านไป๋เฟิ่งหว่านถูกนางทำให้ตกใจจนสะดุ้งพร้อมกับรีบพูดขึ้นมา : "เจ้าจะทำอะไร? วันนี้ถือว่าพวกเจ้าดวงดีก็แล้วกัน พวกเรา กลับ!""คิดจะหนี?" มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็หัวเราะเยาะเย้ย "ไป๋เฟิ่งหว่าน เจ้าเข้าใจอะไรข้าผิดไปหรือเปล่า พวกเจ้าอยากให้ข้าตายแล้วคิดจะหนีเนี่ยนะ?"ขณะพูด นางก็คว้าข้อมือของไป๋เฟิ่งหว่านเอาไว้ไป๋เฟิ่งหว่านกรีดร้องขึ้นมา ทันใดนั้นนางพยายามดิ้นรนและกรีดร้องเสียงดัง : "มู่จิ่วซี เจ้าจะทำอะไร ปล่อยข้า"