"ขอรับ" เถ้าแก่เฉินรีบวิ่งไปทันทีกวนเฮ่อจัวยืนอยู่ตรงหน้าต่างพร้อมกับมองมู่จิ่วซีซึ่งขี่ม้าไปยังโกดังหย่งชางซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง แววตาของเขาก็ทอประกายความมืดมนมู่จิ่วซีลงมาอยู่ตรงหน้าประตูของโกดังหย่งชางและลงจากม้า เห็นว่าธุรกิจของที่นี่ก็ไม่ได้แย่ด้อยไปกว่าโกดังจี๋เสียงเลย ในใจก็แอบสบถอย่างไม่พอใจฉีเล่อฉี่มีธุรกิจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับเป็นไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้น นางคิดอะไรกันแน่?หวังว่าฉีหู่ซานวันนี้จะถามได้ข้อมูลประโยชน์มาบ้าง"มีคนตาย มีคนตายแล้ว!" ทันใดนั้นด้านหน้าห่างออกไปไม่ไกลตรงริมแม่น้ำก็มีคนตะโกนเสียงดังขึ้นมามู่จิ่วซีขณะกำลังจะเดินไปยังประตูใหญ่ของโกดังหย่งชาง พอนางได้ยินเสียงตะโกน ก็รีบพุ่งทะยานไปทางริมแม่น้ำจี๋เฟิงก็รีบตามไป ส่วนม้าก็ยกให้คนงานของโกดังจัดการ"ยังมีชีวิตอยู่!" มีคนตะโกนเสียงดังขึ้นมา คนงานหลายคนต่างกรูไปที่ริมแม่น้ำมู่จิ่วซีตะโกนเสียงดังให้ทุกคนถอยออกไป ไม่นานก็ตรงมาถึงริมแม่น้ำบนผิวน้ำมีร่างคนหนึ่งลอยอยู่ ดวงตากึ่งหลับกึ่งตื่น จมูกคล้ำตาบวม เหมือนกับว่าหมดเรี่ยวแรงแล้ว"เหอเฟิง!" มู่จิ่วซีเหมือนกับโกรธจนจะระเบิดออกมา วินาทีต่อมา นางก็ได้กระ
มู่จิ่วซีรู้ว่าท่าเรือซิงหลงแห่งนี้คงมีลับลมคมในอยู่มากมาย แต่ว่านางจำเป็นต้องไปยังกรมพระราชวังนครบาล หนึ่งคือเพื่ออาการบาดเจ็บของเหอเฟิง สองคือนางอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหอเฟิงพอมาถึงกรมพระราชวังนครบาล โจวเหยาพอเห็นสภาพของเหอเฟิงก็ตกใจมาก จากนั้นก็ส่งคนกองหนึ่งไปยังท่าเรือซิงหลงเพื่อทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งและต้องการใยแมงมุมรอยเท้าม้าให้เจอให้ได้ (ใยแมงมุมรอยเท้าม้า หมายถึง เบาะแส ร่องรอย)มู่จิ่วซีได้ฝังเข็มให้เหอเฟิงหลายครั้งและพบว่าเหอเฟิงเหม่อลอยอยู่เป็นครั้งคราว ราวกับว่าได้รับการกระทบทางจิตใจ อีกทั้งในหูก็ยังมีรอยเลือด เขาคงไม่ได้หูหนวกไปแล้วใช่ไหม?แต่บนตัวเขาไม่ได้มีบาดแผลสาหัส ตรงจุดนี้เองก็แปลกอย่างมากพอถึงเวลาอาหารเย็น เหอเฟิงตื่นขึ้นมาก็เห็นมู่จิ่วซี จี๋เฟิงและหลิวฮั่ว ส่วนท่านผู้สำเร็จราชการแทนโม่จุนก็เพิ่งได้ทราบข่าวและกำลังรีบมา"เหอเฟิง เจ้าฟื้นแล้ว รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?" มู่จิ่วซีถามอย่างอ่อนโยน "ดื่มยาต้มนี้ก่อน จะได้รู้สึกดีขึ้น ข้าใส่พุทราเชื่อมไปด้วย จะได้ไม่ขม"เหอเฟิงดื่มยาอย่างว่านอนสอนง่าย จากนั้นจี๋เฟิงก็ช่วยเขาพยุงให้รู้สึกสบายขึ้น"่ท่าน
"เหอเฟิง นี่คือการลงโทษด้วยเสียง เจ้าได้ผ่านมันมาแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว" มู่จิ่วซีรีบปลอบเขา ไม่แปลกทำไมเขาต้องสะบัดหัว สมองของเขาคงจะยังได้ยินเสียงนั้นอยู่ เขาต้องการจะสลัดเสียงทรมานนั้นทิ้งไปโม่จุนเหลือบมองมู่จิ่วซีจากนั้นก็กล่าว : "งั้นเจ้าจำได้ไหมว่าเจ้าทำไมตกลงไปในแม่น้ำ?"เหอเฟิงก็เหลือบกันไปมองทันทีและกล่าว : "ทางลับ มีทางลับแห่งหนึ่ง มีคนลากข้าเข้าไปในทางลับนั้น จากนั้นก็ดึงผ้าคลุมหัวออกแล้วผลักโยนลงไป ข้าตกลงไปด้านล่างระยะทางไม่ถึงเมตรก็ตกลงน้ำมาแล้ว น้ำได้พัดข้าพุ่งออกไป ข้าพยายามจะลอยตัวบนน้ำ สติเริ่มเลือนลางมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาก็ไม่รู้อะไรอีกแล้วขอรับ...""ทางลับแค่ผลักลงมาเมตรเดียวก็เป็นน้ำ?" มู่จิ่วซีก็จับใจความสำคัญเอาไว้ได้เหอเฟิงก็พยักหน้าและกล่าว : "ใช่ขอรับ เป็นทางลับที่มืดสนิท แม้ว่าข้าน้อยจะถูกคลุมหัวเอาไว้ แต่ก่อนหน้านี้ก็ยังพอจะมีแสงสว่างอยู่บ้าง แต่ที่นั่นไม่มีแม้แต่แสงสว่างเลย จากนั้นก็ถูกคนหนึ่งผลักลงมา ข้าก็ตกลงไปในน้ำแล้ว""ทางระบายน้ำ!" มู่จิ่วซีดวงตาหรี่เล็กลงขณะกล่าว"ทางระบายน้ำใต้ดิน!" โม่จุนก็แทบจะพูดออกมาพร้อมกัน"ทางระบายน้ำก็คือทางระบายน้ำใต้ดิ
มู่จิ่วซีสีหน้ากระอักกระอ่วน นางเห็นแววตาอยากจะฆ่านางของโม่จุนก็เลยกล่าวอย่างเขินๆ : "ข้ากลัวว่าพูดออกไปแล้วเจ้าจะโกรธ คืนนี้ข้าขอไปพบดูก่อน พรุ่งนี้ข้าถึงจะบอกเรื่องนี้อย่างละเอียดให้เจ้าฟังเป็นไง?""มู่จิ่วซี!" โม่จุนโกรธจนแทบเป็นฟืนเป็นไฟ นึกไม่ถึงว่านางจะเชื่อใจฮั้วอวิ๋นเทียนมากว่าจะเชื่อใจเขางั้นเหรอ?"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน จิ่วซีหวังดีกับเจ้า เจ้าควรจะให้ความเคารพนางสักหน่อยไหม?" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าวอย่างเรียบเฉย เพียงแต่สีหน้านั้นไม่ว่าดูยังไงก็เหมือนจะดูภูมิใจอยู่เล็กน้อย"เจ้ามันรนหาที่ตาย!" โม่จุนเอาเท้าข้างหนึ่งทีบออกไปหาฮั้วอวิ๋นเทียนอย่างแรงฮั้วอวิ๋นเทียนก็กระโจนถอยทั้งตัวกลางอากาศเหมือนกับนกสีแดงตัวใหญ่ จากนั้นก็แขนเสื้อก็กางออกอย่างแรงเสียงแหวกอากาศก็ได้ดังตัดขึ้นกลางอากาศ จนเกิดเป็นเสียงดังฟิ้วฟ้าวฮั้วอวิ๋นเทียนกระเด็นถอยไป 10 เมตร ชายทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน เส้นผมสีดำปลิวสยาย แววตาสีดำฉาบย้อมไปด้วยความมืดมน"โม่จุน!" มู่จิ่วซีปวดหัวจริงๆ โม่จุนผู้ชายคนนี้พอพูดอะไรขัดหูก็ลงไม้ลงมือ ไม่เคยเห็นผู้ชายเจ้าอารมณ์ขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ"เจ้ากลับเชื่อใจเขา แต่ไม่เชื่อใ
เสียง "โครม!" ดังขึ้น สิงโตหินขนาดใหญ่ก็ถูกโม่จุนเตะจะระเบิด จากนั้นโม่จุนก็ขี่ม้าไปอีกทางหนึ่ง เหลือทิ้งไว้แต่ซากความยุ่งเหยิงและฝุ่งผงองครักษ์ตรงประตูด้านหลังก็ได้เห็นภาพฉากตรงหน้า พวกเขาล้วนตกใจจนกรามหลุด"เร็วเข้า รีบไปแจ้งใต้เท้าโจว""ท่านผู้สำเร็จราชการแทนแข็งแกร่งไปแล้ว""นิสัยอารมณ์ของเขาแย่มากจริงๆ""ข้าว่าท่านผู้สำเร็จราชการแทนคงจะอิจฉา จะต้องอิจฉาแน่ๆ""ผู้ชายขี้อิจฉาที่แท้ก็น่ากลัว"พอโจวเหยาถูกลากออกมาเห็นสิงโตหินสองตัวกลายเป็นเศษซากไปตัวหนึ่งก็สะเทือนตกใจอยู่นาน"ท่านผู้สำเร็จราชการแทนเป็นคนทีบงั้นเหรอ?" โจวเหยาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ โม่จุนต้องโกรธถึงขั้นไหนถึงได้ทำเรื่องไม่น่าเชื่อถืออย่างกับเด็กๆ ไปได้ยามเฝ้าประตูก็รีบบอกเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ฟังอีกรอบ"คุณหนูใหญ่มู่?" โจวเหยาหัวเราะขึ้นมาในทันใด "ดูเหมือนท่านผู้สำเร็จราชการแทนของพวกเราคราวนี้คงจะเสียดายใจจะขาดเลยล่ะสิ ไม่เป็นๆ เดี๋ยวข้าพรุ่งนี้จะไปขอเงินค่าเสียหายสิงโตหินตัวนี้กับพระพันปีหลวงเอง"ส่วนทางด้านนั้น มู่จิ่วซีและฮั้วอวิ๋นเทียนก็ได้มาถึง 'หอหงซิ่ว' ซึ่งเป็นหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงโ
ฮั้วอวิ๋นเทียนนิ่งชะงักไปพักหนึ่ง พร้อมกับมองไปยังสายตาอันลึกนั้นของมู่จิ่วซี ทันใดนั้นก็ยิ้มหัวเราะร่ากล่าวออกมา : "จิ่วซี เจ้าสงสัยใครอยู่ใช่ไหม?""ข้าสงสัยคุณหนูอาจื่อ" มู่จิ่วซีพูดออกไปตรงๆ ถ้าเทียบกับการบอกโม่จุนว่าเป็นท่านอ๋องสี่แล้ว มู่จิ่วซีไม่ได้รู้สึกกังวลใจอะไรเมื่อบอกฮั้วอวิ๋นเทียนว่าเป็นอาจื่อถึงอย่างไรฮั้วอวิ๋นเทียนตอนนี้ก็รู้ว่าอาจื่อกำลังหลอกเขาอยู่ไม่มากก็น้อยฮั้วอวิ๋นเทียนสีหน้าเปลี่ยนทันทีและกล่าวอย่างตกใจ : "เจ้าสงสัยอาจื่อหรอ? อาจื่อไม่ได้มีวรยุทธสูงขนาดนั้น ความเร็วและพละกำลังของธนูดอกนั้นแข็งแกร่งมาก""วรยุทธของนางหากไกลจากคำว่าแข็งแกร่งที่เจ้าคิดไว้มาก แน่นอนบางทีเจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่ข้าบอกเจ้าไว้อย่าง อาการป่วยของนางถูกควบคุมยับยั้งด้วยวรยุทะของนาง อีกทั้งวิถีจิตกำลังภายในของนายก็ไม่เหมือนคนทั่วไป ข้ามักจะรู้สึกแปลกประหลาดและหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย"มู่จิ่วซีมองเขาต่อไปและกล่าวออกมา : "อาจื่อมีแรงจูงใจสังหารข้า เพราะนางเคยเตือนข้าให้ข้าอยู่ให้ไกลจากเจ้า วันนั้นเจ้าได้รับคำเชิญของข้า นางคงจะตามออกมาและเห็นเข้า ดังนั้นถึงสังหารข้าตอนบ่าย"คิ้วของฮั้วอวิ๋นเที
แต่เขาเข้าใจมู่จิ่วซี มู่จิ่วซีไม่ได้ดูถูกหลอกเขา"เอาล่ะ เจ้าจัดการดูเอาเองแล้วกัน ตอนนี้เจ้าบอกมาก่อนว่าจะเข้าไปพบท่านอ๋องสี่ยังไง" มู่จิ่วซียักไหล่แล้วยิ้มกล่าว"จิ่วซี ข้าพบว่าเจ้าไม่เสียดายความแข่งแกร่งของข้า แต่เสียดายความแข็งแกร่งของโม่จุน" ฮั้วอวิ๋นเทียนถามเปลี่ยนเรื่องมู่จิ่วซีก็เข้าใจทันทีว่าเขาคิดอะไรและหัวเราะขึ้นมาเสียงก้องพร้อมกับกล่าว : "นิสัยอารมณ์ของเจ้าดีกว่าผู้ชายชาติหมาคนนั้นตั้งเยอะ อีกอย่างเจ้าพูดใช้เหตุผล ข้าชอบจะแลกเปลี่ยนความคิดกับคนมีเหตุผล""เป็นเกียรติอย่างมาก" ฮั้วอวิ๋นเทียนทันใดนั้นก็รู้สึกเป็นสุขในใจ เหมือนกับว่าในบางความหมาย อันที่จริงก็เพราะว่านางนั้นเชื่อใจเขา"คืนนี้ท่านอ๋องสี่ได้เลือกสาวงามอายุน้อยจากแคว้นอื่นซึ่งตระกูลพ่อค้าร่ำรวยได้เลือกมาให้ เพื่อมอบให้กับข้าราชการผู้สูงศักดิ์ระดับสูงในพระนคร ใครให้ราคาสูงคนนั้นก็ได้ไป" ฮั้วอวิ๋นเทียนเริ่มพูดเข้าประเด็นมู่จิ่วซีก็นิ่งไปพร้อมกับกล่าว : "ไม่คาดคิดว่าท่านอ๋องสี่จะทำเรื่องแบบนี้? แบบนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการส่งคนเข้าไปยังจวนข้าราชการต่างๆ หรอกเหรอ?" ดวงตาของมู่จิ่วซีหดเล็กลง แบบนี้มันจะโจ่งแจ้งเกินไ
มู่จิ่วซีเห็นคนคุ้นหน้าคนนั้นเป็นใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีไป๋ชินเตี่ยน เป็นลุงไป๋ของนางเองในใจก็คิดว่าลุงไป๋ทำใจได้เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ?หรือจะบอกว่าลุงไป๋ชอบกิจกรรมพวกนี้ เพราะถึงอย่างไรจ้วงชิงเหมยก็มาจากหอนางโลมยังดีที่นางตอนนี้ได้สวมหมวกสีขาวปีกกว้างและผ้าคลุมหน้าสีขาว นางเองก็อยู่ในชุดของผู้ชาย ผนวกกับนางมีบุคลิกห่าม ๆ เสียงเองก็เปลี่ยน แน่นอนว่าไม่มีใครจำนางว่าเป็นมู่จิ่วซีได้แน่เพราะพอเห็นไป๋ชินเตี่ยนเข้า มู่จิ่วซีก็ยิ่งสนใจมากขึ้นจากนั้นนางก็เห็นใต้เท้ากู้ของกระทรวงครัวเรือน เมื่อก่อนถูกไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้นลอบสังหาร แต่ว่าไม่สำเร็จ เลยทำให้เปิดโปงเรื่องของจินเป้ยออกมาแล้วก็ยังมีจองหงวนราชสำนักอีกหลายคน ทุกคนต่วงล้วนรู้จักกันอีกทั้งยังทักทายกัน แต่ว่าก็ยังมีบางคนที่สวมหมวกปีกกว้างเหมือนกับพวกเขา"คุณชายถัง ท่านนี้คือ?" บ่าวรับใช้ตรงหน้าประตูพอเห็นฮั้วอวิ๋นเทียนก็เชิญอย่างสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อนและหันไปมองมู่จิ่วซี"ท่านนี้คือน้องชายข้าเอง เจ้าเรียกเขาคุณชายจิ่วก็ได้" ฮั้วอวิ๋นเทียนกล่าว"ได้ขอรับ คุณชายถัง คุณชายจิ่วเชิญขอรับ" บ่าวรับใช้หยิบแท่งเงินตำลึงของฮั้วอวิ๋นเที
ฮั้วอวิ๋นเทียนหันมองจื่ออวิ๋นเฟยด้วยแววตาปวดร้าว เขากล่าวอย่างเสียใจ : "ทำไมเป็นแบบนี้? เป็นฝีมืออาจื่อใช่ไหม?"จื่ออวิ๋นเฟยพาเขามานั่งข้างนอกและถอนใจสารภาพ : "อาจื่อสวมหน้ากากหนังมนุษย์ปลอมตัวเป็นหญิงอุ้มท้อง มู่จิ่วซีเจตนาดีช่วยหญิงอุ้มท้องจนถูกอาจื่อทำร้ายในระยะประชิด แผลที่เอวบาดเจ็บสาหัส แต่โชคดีที่นางทานยาเทพสถิตย์ทันที"แม้จื่ออวิ๋นเฟยจะเสียยายาเทพสถิตย์ไปสองเม็ดจนเขาอยากจะสบถ แต่พอรู้ว่ามู่จิ่วซีไม่เป็นอะไร เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มที่จะเสีย หากมู่จิ่วซีเป็นอะไรไป เขาคงจะเสียใจมากกว่าไม่ง่ายที่ในชีวิตนี้เขาจะมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุย ได้เป็นศิษย์น้องของเขาร่วมกันค้นคว้าวิจัย เขาไม่อยากเสียนางไปจริงๆมีแค่นางสามารถปรุงยาเทพสถิตย์ฮั้วอวิ๋นเทียนตัวสั่นยิ้มเจื่อน : "ตอนนั้นเพื่อจะปกป้องอาจื่อ ข้าเลยขอยาเทพสถิตย์และหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แต่กลับถูกเอามาใช้เล่นงานจิ่วซี จิ่วซีพูดถูกแล้ว ข้ามันไม่ทันสังเกต"ชิงเฟิงตายไปแล้ว มู่จิ่วซีคงทำใจไม่ได้ในทันที วิธีเดียวที่จะคลายปมแค้นในใจนางคือต้องจับอาจื่อ เจ้ารู้ไส้อาจื่อเป็นอย่างดี เจ้าพอจะช่วยนางได้ไหม?" จื่ออวิ๋นเฟยถามฮั้วอวิ๋นเทียนกล
จื่ออวิ๋นเฟยใช้เวลากว่า 1 ชั่วยามซับเหงื่อมู่จิ่วซี เขาถอนหายใจมองใบหน้าซีดเซียวของนางผู้หญิงคนนี้ทำเวรทำกรรมอะไรมา แผลตรงอกไม่ทันหาย ตรงเอวก็มาเป็นต่อ แค่มองก็รู้ว่าถูกแทงระยะประชิดมู่จิ่วซีได้สติในเช้าวันรุ่งขึ้น นางตะโกนเสียงดัง : "ชิงเฟิง ! ชิงเฟิง?"ลู่เอ๋อร์กล่าวร้องห่มร้องไห้ : "คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งขยับตัว ชิงเฟิงจากไปแล้วเจ้าค่ะ"มู่จิ่วซีกำผ้าห่มแน่น ในหัวยังคงเห็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดชิงเฟิงตายเพราะช่วยนาง คนลงมือสังหารไม่ใช่อาจื่อ แต่เป็นมือธนูที่เชี่ยวชาญอีกคนต้องโทษนางที่มองแผนการปลอมเป็นหญิงตั้งครรภ์ไม่ออก ตอนนั้นเหตุการณ์โกลาหล ผู้คนวิ่งเตลิดร้องขอความช่วยเหลือนางช่วยหญิงตั้งภรรค์คนนั้นไว้เพราะอยากให้ต้องตายทั้งกลม ไม่คาดคิดว่าอาจื่อจะใช้ประโยชน์จากความใจอ่อนย้อนมาทำร้ายนางเองผู้หญิงคนนี้ฉลาด โหดร้ายชั่วช้า"ฉินหลานจื่อ! ข้าขอสาบาน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อหาเจ้าให้เจอ ข้าจะเลาะเนื้อเฉือนกระดูกเจ้าเพื่อแก้แค้นให้ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซี"คุณหนูใหญ่ ท่านใจเย็นก่อน! เดี๋ยวแผลฉีก!" จื่ออวิ๋นเฟยเดินเข้ามาเห็นคราบเลือดบนเตียงขณะมู่จิ่วซีหุนหันเคียดแค้นโม่จุนเด
มู่จิ่วซีหันไปมอง เห็นธนูเพลิงดอกหนึ่งพุ่งไปยังหญิงสาวด้านหลังคนนั้นอีกทั้งนางเป็นหญิงท้องตั้งครรภ์มู่จิ่วซีไม่มีเวลาให้คิดมาก นางพุ่งตัวเข้าไปหาจากบนม้า กริชเล็งเควี้ยงออกไปยังธนูดอกนั้น ส่วนนางก็กระโจนคว้าหญิงตั้งครรภ์เอาไว้"คุณหนูใหญ่!" ชิงเฟิงตะโกนลั่นตามเข้ามาร่างกายของมู่จิ่วซีกระโจนไปหาหญิงตั้งครรภ์ ขณะมือของนางกำลังจะคว้าหญิงตั้งครรภ์คนนั้น นางกลับขนลุกชันขึ้นมาทั้งตัว นางจึงเอี้ยวตัวไปด้านข้าง"ฉวก!" กริชเล่มหนึ่งปักลงตรงเอวด้านซ้ายของนางมีดบินในมือของมู่จิ่วซีเล็งปาดไปที่คอของผู้หญิงตรงหน้าอย่างแรงนางเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นชัดเจน เป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆ ทว่าตรงจมูกระหว่างตามีไฝสีดำเม็ดเล็กอาจื่อ! คาดไม่ถึงว่านางจะปลอมเป็นคนท้องเพียงเพื่อจะสังหารมู่จิ่วซี"มู่จิ่วซี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!" เสียงของอาจื่อแฝงไปด้วยความเย็นเยือกสุดขั้วพร้อมกับเบี่ยงศีรษะไปด้านหลัง หลบเลี่ยงคอ ทว่ามีดบินก็ยังกรีดเข้าที่หน้า บาดหน้ากากหนังมนุษย์จนเป็นรอย เลือดสดไหลซึมออกมาดวงตาของมู่จิ่วซีทั้งสองข้างคือความโกรธแค้น มีดบินปรากฎขึ้นในมืออีกครั้ง อาจื่อกลิ้งหลบไปด้านหลังสองตลบแล
"แน่นอนอยู่แล้ว เซวียนหยวนเชาเมื่อก่อนคิดอยากจะช่วยหวางชิว หวางชิวไม่ใช่คนในราชวงศ์ แล้วเขาเป็นใครกันแน่? เขาถึงได้ไม่ไหว้หน้าเซวียนหยวนห้าว?" มู่จิ่วซียิ้มกล่าวโจวเหยาส่ายหัวและกล่าว : "หวางชิวแทรกซึมเข้าในแคว้นเกาอวิ๋น 20 กว่าปีแล้ว คงมีน้อยคนมากที่จะรู้ตัวตนแท้จริงของเขาในแคว้นเป่ยจิ้น"มู่จิ่วซีพยักหน้าพูด : "ดูเหมือนเซวียนหยวนห้าวใกล้จะมาแล้ว ในเมื่อหวางชิวสำคัญขนาดนั้น คราวนี้แคว้นเป่ยจิ้นคงต้องได้สังเวยเลือดครั้งใหญ่""คุณหนูใหญ่ เราจะต้องปล่อยหวางชิวไปในตอนสุดท้ายใช่ไหม?" โจวเหยาร้อนรนกล่าว "ถ้าต้องปล่อยเขาไป แบบนั้นเป็นการปล่อยเสือกลับภูเขาชัดๆ""เจ้าคิดว่าข้าใจดีขนาดนั้น?" ดวงตาทั้งสองข้างของมู่จิ่วซีมองโจวเหยาโจวเหยาตกตะลึง จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังกล่าวออกมา : "งั้นข้าก็สบายใจได้แล้ว เขารู้ความลับของแคว้นเกาอวิ๋นมากเกินไป ถ้าต้องปล่อยเขากลับแคว้นเป่ยจิ้น ถือว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเรา""วางใจเถอะ ต่อให้ปล่อยเขาออกกรมพระราชวังนครบาลไป ก็คงกลับไม่ถึงแคว้นเป่ยจิ้น เรื่องนี้ข้ากับโม่จุนได้ปรึกษากันแล้ว อนุญาตให้เซวียนหยวนเชามกุฎราชกุมารพิการคนนี้กลับไปได้เท่านั้น" มุมปาก
มู่จิ่วซีกล่าวอย่างยิ้มมีเสน่ห์ : "ถึงอย่างไรเจ้าก็ห้ามทำไม่ดีกับข้า ไม่งั้นหลังจากนี้ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า อ่อใช่ เจ้าเคยคิดถึงกิจการในห้าแคว้นอื่นของท่านอ๋องสี่ไหม? ร่วมมือกับท่านพี่ฮั้วไหม?"มู่จิ่วซีเคยพูดถึงแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนให้โม่จุนฟัง"ฮั้วอวิ๋นเทียนคนนี้มันเจ้าเล่ห์ ต่อให้ข้าไม่ร่วมมือ เข้าก็ยังได้ทราบข้อมูลข่าวกรองก่อนใคร ลงมือก่อนใคร ข้าเองได้แต่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ในเมื่อเขาเสนอมาว่าจะให้แบ่งให้เจ้าครึ่งหนึ่ง ข้าก็ตกลง เจ้าสมควรได้รับไว้"มู่จิ่วซีทันใดนั้นก็คลายกังวลและยิ้มกล่าว : "แล้วทางพระพันปีหลวงล่ะ?""อีกห้าแคว้นยังมีตำหนัก ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ยังมีโฉนดอยู่ บางส่วนมอบคืนให้ราชวงศ์ ส่วนกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องกับพระพันปีหลวงก็คงจะรู้ว่าไม่อาจเอากลับมาได้ ทั้ง 5 แคว้นแย่งไปจนเกลี้ยงแล้ว"โม่จุนกล่าวต่อ "ต่อให้ทหารมังกรดำของข้าอยู่ใน 5 แคว้น ก็ไม่อาจเอากลับมาได้ แบบนั้นจะเป็นหารเปิดเผยตัวตนพวกเขา ดังนั้นแผนการของฮั้วอวิ๋นเทียนจึงถูกใจข้าพอดี ข้าเดิมทีก็อยากจะร่วมมือกับเขา ในเมื่อเขามาหาเองถึงที่ งั้นทางเราก็จะไว้หน้าเขา""เจ้าเองก็จิ้งจอกเฒ่า" มู่จิ่วซีมองเขาซึ่งวา
"ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ดูเหมือนว่าเราจะเดาผิด" มู่จิ่วซีกล่าว "แผลจะได้ไม่ต้องปริ"มู่จิ่วซีกุมอก"หากเป็นที่ลับตา ยังมีอีกที่หนึ่ง" โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี"จวนท่านอ๋องสาม?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้ว"ใช่ เขาหนีออกไปได้แล้ว ใครจะคิดว่าเขาจะกลับมา?" โม่จุนรีบกลับเลี้ยวม้าออกไปนอกวังด้านหลังตามขบวนมายาวเป็นหางว่าว เย่ฮาน ชิงเฟิงและทหารมังกรดำตามมาติดๆจนเมื่อมาถึงจวนอ๋องสาม เดิมทีควรจะเงียบสงัด ทว่ากลับได้ยินเสียงร้องไห้จากด้านในหลังจากโม่จุนอุ้มมู่จิ่วซีลงจากม้าก็กระโดดข้ามกำแพงเรือนเข้าไป ไม่ได้เข้ามาทางประตูใหญ่พอถึงพื้นก็ได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้ง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปมาก"ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ช่วยด้วย!" บ่าวรับใช้รีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นโม่จุนและมู่จิ่วซีโม่จุนเห็นบ่าวรับใช้นอนจมกองเลือดเลยรีบเข้าไปถาม : "ที่นี่เกิดอะไรขึ้น?""พระชายา พระชายาถูกลักพาตัวไปแล้วเจ้าค่ะ องค์หญิงสือบาดเจ็บ..." บ่าวรับใช้ชี้นิ้วไปด้านในโม่จุนรีบเรียกคนด้านหลังให้มาช่วยปฐมพยาบาล ส่วนเขาเองกับมู่จิ่วซีรีบเข้าไปด้านใน ตามทางมีองครักษ์มากมายถูกฆ่า ทั้งสองสีหน้าแย่มากกว่าเก่าหลังจากท่าน
เย่อู่เหิงรีบวิ่งออกไป มู่จิ่วซีสีหน้าเปลี่ยน หลังจากเดินไปมาหลายรอบก็กัดฟัน เปลี่ยนเป็นชุดจิ้นจวงและเดินออกมา"คุณหนู ท่านจะไปไหน?" ลู่เอ๋อร์เข้ามาจากด้านนอกเห็นมู่จิ่วซีเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไป นางตกใจสะดุ้งจนตะโกนร้องเรียก"ข้ามีธุระ เย่ฮาน ชิงเฟิง!" มู่จิ่วซีตะโกนเรียกจื่ออวิ๋นเฟยที่กำลังงุ่นง่านกับศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งได้ยินเสียงของมู่จิ่วซี ก็รีบวิ่งออกมา"คุณหนูใหญ่ เจ้า ท่านจะออกไปข้างนอกรึ?" เย่ฮานกล่าวอย่างตกใจ"มู่จิ่วซี ไม่รักชีวิตตัวเองเลยรึไง แผลยังไม่ทันหายยังจะออกไปอีก?" จื่ออวิ๋นเฟยเองก็ตกใจ"ข้าต้องเข้าไปในวัง ไปเตรียมม้า!" มู่จิ่วซีรีบวิ่งออกไป"เห้ยๆๆ เจ้าระมัดระวังด้วย อย่าบุ่มบ่ามจนแผลฉีกล่ะ" จื่ออวิ๋นเฟยตะโกนจากด้านหลัง"เอายามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง! กันไว้ก่อน" มู่จิ่วซีันควับกลับมาและยืนมือไปทางจื่ออวิ๋นเฟย "กลับมาแล้วข้าจะปรุงยาเอามาคืนเจ้า"จื่ออวิ๋นเฟยเบือนหน้าหนีเดินถอยออกไป มู่จิ่วซีเบ้ปากกล่าว : "ขี้งก"พูดจบก็รีบเดินไปทางประตูจื่ออวิ๋นเฟยหยุดฝีเท้าลงและพูดขึ้นมากะทันหัน : "เอาไป!"มู่จิ่วซีหันกลับมา เห็นเพียงขวดยาที่ถูกโยนมาให้"ในนั้นเหลือแค่ 2 เม็ด
"เจ้าไปวาดใบหน้าของหน้ากากหนังมนุษย์ของอาจื่อออกมาก่อน" มู่จิ่วซีกล่าว"เออ ข้า ข้าก็จำไม่ค่อยได้แล้ว เป็นผู้หญิงธรรมดามากๆ ไม่สะดุดตาเลย ข้าตอนนั้นกำลังเพิ่งเริ่มศึกษาค้นคว้า เลยทำหน้ากากออกมาแค่ผืนเดียว ถ้าของมันดี ข้าคงอดไม่ได้ที่จะต้องยกให้คนอื่นใช่ไหมล่ะ?" จื่ออวิ๋นเฟยทำสีหน้าโศกเศร้า"ไม่มีเอกลักษณ์อะไรเลยงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าเห็นกับตาจะจำได้ไหม?" มู่จิ่วซีสูดหายใจเข้า"เอกลักษณ์? มีสิ ตรงจมูกหว่างตามีไฝสีดำเม็ดหนึ่ง มีแค่จุดนั้น เพราะว่าเป็นไฝเลยไม่มีวิธีจะเอาออก อาจื่อตอนนั้นยังบอกว่าอัปลักษณ์"มู่จิ่วซีก็ถอยหายใจได้ในที่สุด ขอเพียงมีเอกลักษณ์จุดสังเกต อย่างน้อยให้นางครั้งหน้าเห็นและจำได้ อีกอย่างอาจื่อคงจะต้องคิดหาวิธีมาฆ่านางแน่นอน"อายุล่ะ ภายนอกอายุประมาณเท่าไหร่?" มู่จิ่วซีถาม"ประมาณระหว่าง 20-30 ปี" จื่ออวิ๋นเฟยกล่าว "สีผิวดูคล้ำกว่าเจ้าเล็กน้อย ไม่ใช่คุณหนูประเภทนั้น คล้ายกับบ่าวรับใช้"มู่จิ่วซีพยักหน้า เข้าใจแล้ว"งั้นก็ดี ตอนนี้ข้าจะสอนศาสตร์ศัลยกรรมตกแต่งให้เจ้า" มู่จิ่วซีจิตใจวิตกกังวล แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจและรอฟังข่าวเท่านั้นตกกลางคืน เย่อู่เหิงได้มาเยี่ยม คน
จื่ออวิ๋นเฟยกล่าวอย่างระแวง : "เจ้า เจ้าอย่ามองข้าแบบนั้น อาจื่อไม่ใช่ว่ามีโรคหัวใจแต่กำเนิดรึไง? มอบยาให้นางไปก็เพื่อใช้ปกป้องชีวิตของนาง""เจ้าไม่ใช่ว่าเห็นนางขัดหูขัดตาหรือไง?" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างโมโห"เออ คือ คือข้าได้แลกเปลี่ยนกับฮั้วอวิ๋นเทียน ว่าให้ข้าสามารถรับสวัสดิการที่ดีที่สุดในหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้นได้ ได้รับการปกป้องจากหอดาราจันทราทั้ง 6 แคว้น" จื่ออวิ๋นเฟยสำนักผิดมู่จิ่วซีหมดคำจะพูด"ท่านอ๋องสามตอนนั้นได้ก่อกบฎ ถูกโม่จุนหักขาไปข้าง ทว่าวันนี้ขาของข้ากลับมาเดินบนพื้นได้อีก แค่อาจไม่ค่อยคล่องแคล่ว คงได้ทานยาเทพสถิตย์ไปแล้วแน่" มู่จิ่วซีกล่าวอย่างมั่นใจ "นอกเสียจากมียารักษาสุดยอดยิ่งกว่ายาเทพสถิตย์"จื่ออวิ๋นเฟยอ้าปากกว้าง จากนั้นก็กล่าวอย่างอักอ่วน : "งั้น งั้นก็คงจะเป็นยาเทพสถิตย์แล้วล่ะ""จะให้พวกเขาหนีออกไปจากแคว้นเกาอวิ๋นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นไอระยำสองตัวนั้นคงทำให้พวกเราไม่อาจอยู่อย่างสงบได้แน่นอน" มู่จิ่วซีกำหมัดจนแน่น แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารจื่ออวิ๋นเฟยส่งเสียงไอ เขาถึงกับหัวหด"เจ้ายังมีอะไรปิดบังข้าอีก?" มู่จิ่วซีรู้สึกว่าจื่ออวิ๋นเฟยแปลกออกไป"หะ! ไม่