"ชายหน้าชะมัด" โม่จุนมองเขาด้วยแววตาคมกริบ "ข้าจะบอกอะไรพวกเจ้าให้ วันนี้ถ้าพวกเจ้าแพ้ให้กับคุณหนูใหญ่มู่ หลังจากนี้ที่นี่นางจะเป็นคนกำหนดทุกอย่าง!""อะไรนะ!" คนทั้งกลุ่มต่างตกใจร้องเสียงหลง"ทำไม? รับไม่ได้งั้นเหรอ ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นใหญ่ ไม่เข้าใจหรือไง? ถ้าคิดว่าขายหน้าก็เอาชนะข้าให้ได้สิ" มู่จิ่วซียิ้มหัวเราะออกมาความโกรธแค้นของบุรุษชายพริบตาก็ถูกมู่จิ่วซีจุดชนวนให้ลุกโชนโม่จุนรู้สึกว่าคำพูดของมู่จิ่วซีแค่แประโยคเดียวทำให้คนโกรธจะเป็นฟืนเป็นไฟได้ อีกทั้งยังทำให้คนตายโกรธจนกลับมามีชีวิตก็ยังทำได้พอเห็นแววตาของพวกเขาที่อยากจะจัดการนางให้ตาย โม่จุนก็รู้สึกว่าไม่รู้จะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดี นางคิดว่านางชนะแน่นอนใช่ไหม?ดูจากสีหน้าของนางแล้วก็ดูเหมือนว่าจะชนะได้จริงๆ ขอเพียงว่านางพูดสามารถชนะได้ นางก็จะชนะได้จริงๆนี่นางไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้กล้าพูดยโสโอหังแบบนี้ออกมา ?โม่จุนรู้สึกว่าต่อให้เขาไม่อาจรับประกันได้ว่านางจะชนะ 100%เมื่อคนกลุ่มนี้เดินมาถึงด้านหน้าของลานฝึกเส้นทางกีดขวาง ไม่รู้เหมือนกันว่าใครไปบอกข่าว ด้านนอกก็ได้มีทหารมังกรดำกลุ่มใหญ่กรูกันเข้ามา"พวกเจ
สายฟ้าทมิฬก็ชะงักไป จากนั้นใบหน้าของเขาก็แดงขึ้นมาพร้อมกับกล่าว : "คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าไม่มีโอกาสได้รู้หรอก""ได้ มีความมุ่งมั่น แต่ว่าข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าว่าตอนก้นแตกทำไมถึงเป็นลายดอกสีแดง!" ขณะพูดโม่จุนก็ทำสัญญาณมือขึ้นมาทุกคนถูกคำพูดของมู่จิ่วซีทำให้ตกตะลึงไป ไม่รู้ว่าทำไมคำพูดของคุณหนูใหญ่มู่ถึงได้ดูกล้าได้กล้าเสียและน่าขบขันนักโม่จุนตอนนี้รู้สึกละอายขายหน้าอย่างมากและรีบพูดขึ้นมา : "เมื่อข้าตะโกนถึงสาม พวกเจ้าก็เริ่มได้เลย หนึ่ง สอง .... สาม!"เมื่อคำว่าสามดังขึ้น สายฟ้าทมิฬก็เหมือนลูกธนูที่ดีดออกจากคันศรสิ่งกีดขวางแรกคือกำแะงสูงสามเมตร สายฟ้าทมิฬเพียงกระโดดเขย่งปลายเท้าสองข้างก็ผ่านมาได้แล้วส่วนมู่จิ่วซี ตอนที่เขากำลังก้าวข้ามผ่านกำแพง นางก็ดีดพุ่งตัวออกไป นางเพียงตวัดขาออกไป ตัวของนางก็ตีลังกา 360 องศาลอยกลางอากาศผ่านข้ามกำแพงไป"ให้ตายเถอะ! นี่คือไม่ได้ใช้กำลังภายในงั้นเหรอ?" บางคนไม่พอใจจนตะโกนกล่าวออกมา"นางไม่ได้ช้กำลังภายในจริงๆ ไม่มีกลิ่นอายของกำลังภายในลอยออกมา! แต่ว่าการระเบิดพละกำลังของนางแข็งแกร่งมาก อีกทั้งร่างกายก็เบาและยืดหยุ่นด้วย เรี่ยวแรงการควบคุมร่า
สิ่งกีดขวางหลาย 10 อย่าง ตอนที่มู่จิ่วซีก็ผ่านสำเร็จ นางก็เห็นสายฟ้าทมิฬกำลังร้องไห้คลานอยู่บนสะพานไม้เดี่ยวมู่จิ่วซีก้ปรบมือกระโดดโลดเต้นและวิ่งกลับไปหา อันที่จริงสีหน้าของทหารมังกรดำล้วนละอายอย่างมาก แต่ไม่มีใครกล้าหัวเราะสายฟ้าทมิฬ ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นใคร ใครที่ได้มาเจอการแข่งแบบนี้ก็ต้องร้องไห้ทั้งนั้นทุกคนต่างเข้าใจหัวอกของสายฟ้าทมิฬในตอนนี้ ถึงอย่างไรพวกเขาส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครแกร่งไปกว่าสายฟ้าทมิฬสถานการณ์แบบนี้เหมือนกับคุณปู่ตีหลานอย่างใดอย่างนั้น ระดับของพวกเขาแทบจะห่างกันคนละชั้นสีหน้าของโม่จุนยากที่จะดูได้อย่างมาก มู่จิ่วซีแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ อีกอย่างทหารมังกรดำของเขาเองก็อ่อนแอเกินไปอ่อนแอจนเขาหน้าแดง จนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีหน้ากล้าไปมองมู่จิ่วซี"สายฟ้า ลงมาลงมา เป็นผู้ชายอกสามศอก ร้องไห้อะไร" มู่จิ่วซีเดินมาถึงข้างๆ สะพานไม้เดี่ยวและยิ้มกล่าว "ไม่ใช่ว่าเจ้าอ่อนแอ แต่ว่าข้าแข็งแกร่งเกินไป เข้าใจไหม?"เดิมทีพวกเขาคิดว่ามู่จิ่วซีคงจะมาปลอบสายฟ้า แต่พอได้ฟังก็รู้สึกไม่ถูกต้อง นางกำลังชมตัวเองอยู่แต่ว่าตอนนี้ในใจคนมากมายล้วนรู้สึกแล้วว่ามู่จิ่วซีแข็งแกร่ง แค่ขนาดด
ทหารมังกรดำและโม่จุนก็เห็นมู่จิ่วซีโค้งตัวเองจนกลายเป็นสะพานโค้ง"เห็นแล้วหรือยัง ท่านี้ให้พยายามทำทุกวันเป็นเวลา 1 ชั่วยาม จากนั้นก็ก้มงอตัวกอดขาตามเข็มนาฬิกาอีก 1 ชั่วยาม ไม่ทันจะครบเดือน ร่างกายของพวกเจ้าก็จะกระฉับกระเฉงยิ่งกว่านี้หลายเท่าแล้ว"มู่จิ่วซีก็พลิกตัวและก็ก้มงอตัวกอดขาตัวเองจนเป็นก้อนกลม จมูกชิดกับขาสองข้าง ร่างกายท่อนบนทั้งตัวแนบชิดกับขาทั้งสองข้าง"ความอ่อนตัวของคุณหนูใหญ่มู่น่าตกใจมากจริงๆ" คุณหนูใหญ่มู่กล่าวออกมาอย่างตกใจ"นี่คือทักษะพื้นฐาน หลังจากทำสองท่านี้เสร็จเป็นเวลา 1 เดือน ข้าจะสอนท่ายากกว่านี้ให้พวกเจ้า แต่ว่าเอาไปใช้ประโยชน์ได้จริง" มู่จิ่วซีเผยรอยยิ้มออกมา "สนามการแข่งสิ่งกีดขวางนี้ ข้าพรุ่งนี้จะส่งแบบมาให้ จากนั้นพวกเจาก็อ้างอิงตามแบบแล้วก่อสร้างก็แล้วกัน""แล้วก็มีเรื่องสำคัญอีกเรื่อง ตอนฝึกห้ามใช้กำลังภายใน ในทางตรงกันข้าม จะต้องทนรับน้ำหนัก โดยการที่ขาและมือจะต้องผูกติดกับแผ่นเหล็กแผ่นหิน แบบนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน กลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะรู้สึกว่าต่อให้ไม่ใช้กำลังภายในก็แทบจะสามารถบินได้""คุณหนูใหญ่มู่ เจ้าเองฝึกฝนมาแบบนี้งั้นเหรอ?" มีคนหนึ่งถามขึ้
"นายท่าน พวกเราจะยังมีอะไรที่จะชนะนางได้บ้างขอรับ?"หัวสมองของโม่จุนมึนงงไปหมด เขากระแอมในลำคอเพื่อให้พูดชัดและกล่าวออกมาอย่างโมโห : "คุณหนูใหญ่มู่นั้นคมในฝักจริงๆ พวกเจ้าไม่มีอะไรที่จะไปชนะนางได้ พวกเราทหารมังกรดำเหมือนกับเอาหน้าไปกวาดพื้น วันนี้คือโอกาส พวกเจ้าคิดว่าหากมีอะไรที่แข็งแกร่ง ก็ขอประลองกับนาง ขอไม่ได้ขออะไรมาก ขอแค่ชนะนางครั้งเดียว เพื่อกู้หน้าของข้าหน่อยจะได้ไหม?""อะไรก็ได้งั้นเหรอขอรับ? พวกเรายังไม่ได้ขอประลองต่อสู้กับนางเลย?""ไอโง่ แข่งพละกำลังงั้นเหรอ นางคือผู้หญิง จะแข็งแกร่งกว่าได้ยังไง พละกำลังนางสู้ผู้ชายไม่ได้แน่นอน""แข่งยิงธนูไง ฝนทมิฬคือเซียนมือธนู ยิง 100 ดอก โดน 100 ดอก เขาจะต้องชนะแน่นอน""ใช่ๆๆ คุณหนูใหญ่มู่ต่อให้แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีทางแข็งแกร่งไปทุกอย่างหรอก แบบนั้นคงไม่ใช่คนแล้ว?"....โม่จุนได้ยินพวกเขาพูดกันไปมา ในใจของเขาอันที่จริงอยากให้พวกเขาได้แลกเปลี่ยนวรยุทธ์กับมู่จิ่วซีมากกว่านี้ แบบนั้นเขไาม่เพียงแต่พัฒนาความสามารถของทหารมังกรดำ ยังสามารถเข้าใจผู้หญิงคนนี้มากขึ้นได้ดด้วยมู่จิ่วซีไม่รู้ว่านางเองในตอนนี้เหมือนกับสมบัติในสายตาของโม่จุน รอ
มู่จิ่วซีรับรู้ถึงสายตาที่หยั่งเชิงลึกของโม่จุน นางหันไปมองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยฟันยิ้มแฉ่งให้กับเขาในใจก็คิดว่าชายคงนี้คงจะคิดฉวยโอกาสให้กับตัวนางเอง กลัวว่านางเองคงจะยิงธนูไม่เป็นสินะนางเองถ้าต้องถูกผู้ชายชาติหมดคนนี้มองจนทะลุปรุโปร่ง นางจะยังเรียกตัวเองว่าราชินีแห่งราตรีได้หรอ?"ก้อนหินเยอะแยะไปหมด พวกเราไปช่วยหยิบมาให้" มีคนกล่าวขึ้นมา ทุกคนต่างก็ช่วยกันเก็บก้อนหิวแถวนั้นจากนั้นก็มีคนเอาเป้าธนูมาวางตั้งเอาไว้ ไม่นานนักด้านหน้าของมู่จิ่วซีก็มีหินมาวางไว้กองหนึ่ง ด้านหน้าของฝนทมิฬก็มีหินกองหนึ่งวางเอาไว้เช่นกันมู่จิ่วซีหยิบหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งขึ้นมาถือและกล่าว : "ดูว่าใครเขวี้ยงโดนจุดแดงตรงกลางใช่ไหม?"ฝนทมิฬเหลือบมองครู่หนึ่งและพูดขึ้นมา : "ใช่ คุณหนูใหญ่คิดว่าระยะประมาณนี้พอจะได้ไหม?""แล้วแต่เจ้าเลย" มู่จิ่วซียิ้มกล่าว"งั้นเราก็แข่งที่ระยะ 30 เมตรแล้วกัน" ฝนทมิฬเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นมามู่จิ่วซีพยักหน้า พวกทหารย้ายเป้าธนูถอยออกไปอีกให้ห่างเป็นระยะทางประมาณ 30 เมตรระยะห่างถึงขนาดนี้ การจะปาให้โดนจุดแดงใจกลางถือว่ายากมาก การกะเรี่ยวแรงไม่อาจพลาดไปได้เลย
"เหน็บแนมเขาคนเดียวซะที่ไหนล่ะ ทุกคนต่างก็ล้วนโดนหางเลขไปด้วย""ใช่น่ะสิ พวกเจ้าบอกทีว่าที่คุณหนูใหญ่มู่พูดว่าพวกเรามันสวะ ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าพวกเราดูจะคล้ายขึ้นมาจริงๆ""ถ้าต้องประลองกับนางพวกเรามันก็สวะจริงๆ""ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ พวกเราร่ำเรียนกันมาตั้งหลายปี ทำไมทักาะแต่ละอย่างของเราถึงเทียบกับนางไม่ติด""ที่เลวร้ายที่สุดคือ คุณหนูใหญ่มู่แต่ก่อนเป็นคุณหนูใหญ่ผู้ลากมากดีที่ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เพียงพริบตานางก็กลับมามีความสามารถหลากหลาย สั่นสะเทือนผู้คนไปทั้งใต้หล้า""ช่างอัศจรรย์""บุตรสาวของพระผู้เป็นเจ้าหรือไง""ฮือๆ พวกเราแพ้โคตรอนาถเลย...ไม่มีหน้าไปเจอคนแล้ว...""นายท่านเสียหน้าจนไม่มีให้จะเสียแล้ว"รอบด้านต่างมีเสียงดังขึ้นไปทั่ว มู่จิ่วซีได้ยินก็เกือบจะหัวเราะออกมา"เจ้ายิงธนูไม่เป็นใช่ไหม?" ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โม่จุนมาอยู่ข้างกายนาง เสียงอันแผ่วเบาของเขาได้ดังขึ้นข้างหูของนางมู่จิ่วซีเอื้อมมืออกมาและผลักเขาออกไปและก็กล่าว : "พูดดีๆ ก็ได้ จะเข้ามาใกล้ขนาดนี้ทำไม ถ้าข้าพลาดมือไป เจ้าได้สิ้นชีพแน่"โม่จุนตกตะลึงไป จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาเขาก็โกรธขึ้นมา
โม่จุนหันมองมู่จิ่วซี จากนั้นก็หันมองจี๋เฟิงและกล่าว : "จี๋เฟิงคือทหารมังกรดำพอจะจัดอันดับได้ว่าเป็นผู้พิทักษ์เงาแนวหน้า 20 คนแรก""20 คนแรก? แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย?" มู่จิ่วซีหันมองจี๋เฟิงและกลับตกใจเล็กน้อยใบหน้าอันเรียบเฉยปกติของจี๋เฟิงดูเหมือนจะขยับเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองมู่จิ่วซีและกล่าว : "ได้โปรดคุณหนูใหญ่มู่สั่งสอน ข้าน้อยอย่างข้าพอจะเข้าใจถึงความเก่งกาจผู้พิทักษ์เงาของแคว้นศัตรู""พวกนั้นน่ะเหรอ เจ้าไม่ต้องไปเข้าใจหรอก ไม่ต่างกับพวกเจ้าเท่าไหร่" ประโยคนี้ของมู่จิ่วซีทำให้กลุ่มทหารมังกรดำส่งเสียงร้องระงมกันออกมาโม่จุนก็กล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ : "จากที่ข้าดูแล้ว พวกเจ้าอาจเทียบไม่ติดด้วยซ้ำ! ขายหน้านัก"โม่จุนรู้สึกชายหน้าจริงๆ เขาพามู่จิ่วซีมาที่ค่ายของทหารมังกรดำเพื่อให้นางได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งผู้พิทักษ์เงาของแคว้นเกาอวิ๋นใครจะไปคิดว่ากลับแพ้ยับเยิน อีกทั้งระดับยังห่างชั้นกันแบบต่อให้หวดม้าไล่ตามก็ตามไม่ทันประเภทนั้น มันทำให้เขารู้สึกใจหายวาบหากแคว้นศัตรูมีมู่จิ่วซี เขารู้สึกว่าเขาคงได้แต่ต้องกังวลจนผมบนหัวได้ล่วงหมดแน่แต่ที่ยังดีคือมู่จิ่วซีคือคนของแคว้นเกาอว