"อย่างนี้นี่เอว เชิญด้านนี้ เรือนด้านหลังมีสุขา" หลังจากเสี่ยวเอ้อลำบากใจอยู่พักก็ยิ้มให้มู่จิ่วซีและนำทางไปมู่จิ่วซีสังเกตเห็นว่ามีเสี่ยวเอ้ออีกสองคนกำลังสนใจนางอย่างมากพอมาถึงเรือนด้านหลัง มู่จิ่วซีก็เห็นเรือนที่ใหญ่ยิ่งกว่านางจินตนาการเอาไว้ อีกทั้งด้านในยังวางของเต็มไปหมด ทุกแห่งวางเต็มไปด้วยพัสดุสินค้า กล่าวได้ว่าวางอย่างระเกะระกะเต็มไปหมดเรือนขนาดใหญ่นี้ที่พอจะสามารถเห็นท้องฟ้าได้ถูกปรับปรุงแก้ไขไปส่วนหนึ่ง จนไม่มีทิวทัศน์อะไรให้เห็น"พัสดุสินค้าของพวกเจ้าที่นี่เยอะมากจริงๆ" มู่จิ่วซีหัวเราะและกล่าว "ไม่ทราบว่ามีวัสดุผ้าไหมคุณภาพดีบ้างไหม?""คุณหนูท่านนี้ช่างกล่าวน่าขำยิ่งนัก พวกเราที่นี่มีวัสดุผ้าไหมมากมาย รอท่านเข้าสุขาเรียบร้อยแล้วค่อยๆ ลองเลือกดู ไม่ทราบว่าคุณหนูสกุลอะไรรึ?" ในใจของเสี่ยวเอ้อดีใจเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้มองไปแล้วรู้สึกแปลกเล็กน้อย นางคงมีเงินเยอะน่าดู"ข้าสกุลจิน อ้อ พวกเจ้ามีคารวานคุ้มกันสินค้าไหม?" มู่จิ่วซีขณะกล่าวก็มองรอบด้านไปด้วยแต่ว่านอกจากคนงานที่ขนย้ายสินค้าแล้ว นางก็ไม่เห็นเซียวเจี้ยน"มีแน่นอน คุณหนูจินต้องการให้ไปส่งที่ไหน?""แคว้นเป่ยจิ้
มู่จิ่วซีก็ใจคอไม่ดีขึ้นมา นางก็เลยต้องรีบเดินอ้อมไป จากนั้นก็รีบเดินออกมาและกล่าว : "มาแล้ว ออกมาแล้ว ที่นี่ใหญ่มาก ของก็เยอะแยะไปหมด ข้าเลยหาประตูไม่เจอ"เสี่ยวเอ้อพอเห็นนางเดินออกมาจากด้านข้างก็สับสนเล็กน้อย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน"คุณหนูจิน ด้านหลังสินค้าเยอะมาก ยังไงก็อย่าเดินเพ่นพ่านดีกว่า ไปกันเถอะ ด้านหน้ามีสินค้าตัวอย่าง" น้ำเสียงของเสี่ยวเอ้อดูจะเย็นชาขึ้นมาบ้าง"อืม" มู่จิ่วซีรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่นางไม่สามารถไปดูให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งได้"หยุดเดี๋ยวนี้!" ทันใดนั้นด้านหลังก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมามู่จิ่วซีหันหลังมามอง ที่แท้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือฉีเล่อฉี่"คุณหญิงฉี?" เสี่ยวเอ้อมองนางอย่างไม่เข้าไป"ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ทำไมถึงเข้ามาที่เรือนด้านหลังได้?" น้ำเสียงของฉีเล่อฉี่จริงจังอย่างมาก"ท่านนี้คือคุณหญิงจินแห่งแคว้นเป่ยจิ้น นางมาซื้อของ เมื่อครู่นางไปเข้าสุขามา" เสี่ยวเอ้อกล่าว"แคว้นเป่ยจิ้น?" ฉีเล่อฉี่ก็กระวนกระวายใจขึ้นมาทันใด "ถอดหมวกดูหน้าหน่อย"มู่จิ่วซีชิบหายงานเข้าแล้ว จากนั้นนางก็เห็นเถ้าแก่หลิวที่ทั้งแก่และขี้เหร่เดินเข้ามา ใบหน้าแก่ชราน
"จินเป้ยที่ตายไปยังหาฆาตกรไม่พบ เขาก่อนตายก็ได้อยู่ใกล้ชิดสนิทกับคุณหญิงฉีอย่างเจ้า ตอนนี้เขาตายไปแล้ว เจ้าเลยต้องสงสัยมากที่สุด หรือว่าเจ้าเป็นคนฆ่าจริงๆ?""อะไรนะ? เจ้า เจ้ามันพูดซี้ซั้ว!" ฉีเล่อฉี่รู้สึกว่าตัวเองถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว"ถ้าไม่ใช่เจ้า งั้นเจ้ากับเถ้าแก่ที่มีอะไรกัน ข้าก็มีเหตุผลที่จะสงสัยว่าเถ้าแก่อาจจะอิจฉา เลยฆ่าเพราะหึงหวง" เสียงของมู่จิ่วซีคมกริบมากยิ่งขึ้น "เจ้าอดทนมาได้หลายวัน จนในที่สุดก็อดทนไปไม่ไหวจนต้องมาหาเขาสินะ?""เจ้า เจ้า..." ฉีเล่อฉี่โกรธโมโหจนชี้ไปที่มู่จิ่วซีพร้อมกับรู้สึกตัวเองจนปัญญา "ข้าไม่ได้ฆ่าคน และข้าก็ไม่ได้มีอะไรกับเถ้าแก่หลิวด้วย!""เขาเป็นคนฆ่าหรือเปล่า บางเจ้าเองอาจไม่รู้ก็ได้ เถ้าแก่หลิว เอาไง ไปศาลต้าหลี่ด้วยกันหน่อยไหม ถึงที่นั่นแล้วก็ค่อยๆ พูดกัน หากเจ้าขัดขืนคำสั่ง เจ้าเองก็คงรู้ว่าผลที่ตามมาร้อยแรงแค่ไหน?" มู่จิ่วซีหรี่ตาลงและมองไปที่เถ้าแก่หลิวทุกคนต่างก็ล้วนกังวลขึ้นมา ทุกคนไม่รู้เลยว่าเรื่องจะมาเป็นแบบนี้"มู่จิ่วซี เจ้าถือดีอะไร เจ้าเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่พระราชวังนครบาล ไม่ใช่คนของศาลต้าหลี่ เจ้ามีสิทธิอะไรมาจับคนอื
มู่จิ่วซีรีบปิดจมูกและเดินเข้าไปในทางเดินนนั้น นางเองก็กลัวว่าด้านในจะมีการซุ่มโจมตีทางเดินนั้นมีระยะทางแค่ประมาณห้องหนึ่งจากนั้นก็จะเป็นทางลงไปซึ่งเป็นทางเดินบันไดหิน เห็นไดชัดว่าเป็นทางใต้ดินออกไป ถึงอย่างไรด้านบนก็เป็นร้านค้า ไม่สามารถออกไปทางถนนใหญ่ได้ เลยต้องขุดหลุมให้เป็นทางเดินใต้ดินพอเดินผ่านบันไดหินก็เห็นทางเดินใต้ดินที่เป็นดินอย่างที่คาดไว้ ภายในเนื่องจากมักมีคนเดินบ่อยครั้ง พื้นดินจึงถูกเหยียบจนเงาเกิดแสงสะท้อน พอเดินผ่านไปสักระยะหนึ่งก็จะมีตะเกียงน้ำมันแขวนฝังไว้ตรงผนังดินมู่จิ่วซียิ่งเดินไปก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น ทางเดินใต้ดินนี้มาระยะทางยาวมาก นางเดินมาได้ร้อยเมตรแล้วก็ยังไม่ถึงปลายทาง อีกทั้งยิ่งเดินไปก็ยิ่งชื้นมากขึ้นนางกล้ารับประกันว่าเซียวเจี้ยนจะต้องหลบหนีออกไปจากทางเดินใต้ดินนี้แล้วแน่ ตอนนี้ในใจของนางหวาดกลัวว่าหากเซียวเจี้ยนเป็นไส้ศึกของแคว้นเป่ยจิ้น งั้นเซียวหลิงเย่ว์ก็คงจะเป็นไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้นเหมือนกันท่านอ๋องสามสภามพิการเวทนาขนาดนี้แล้ว หรือว่ายังจะร่วมมือกับแคว้นเป่ยจิ้นคิดก่อกบฏอีกงั้นเหรอ?เซียวหลิงเย่ว์หมดหวังกับท่านอ๋องสามแล้วมาลงมือเอง? หรือว่
"ไอไส้ศึกพวกนี้มันหยิ่งผยองจริงๆ!" ใบหน้าวัยชราของมู่เทียนซิงก็โกรธโมโห"เถ้าแก่หลิวกับฉีเล่อฉี่ล่ะ?" มู่จิ่วซีช่วยเขาทำเขาตัดการบาดแผล เป็นแผลถูกดาบเฉือน แต่ว่าก็บาดเจ็บแค่ผิวหนังเท่านั้น ไม่ร้ายแรง"เถ้าแก่หลิวถูกชิงเฟิงกับหลิวฮั่วคุมตัวไปที่กรมพระราชวังนครบาลแล้ว อ้อ หลิวฮั่วจับเพื่อนร่วมขบวนการของเซียวเจี้ยนได้แล้ว แต่ว่ากลับถูกฆ่าไปเสียก่อน" มู่เทียนซิงกล่าวมู่จิ่วซีก็ยิ้มขึ้นที่มุมปากและกล่าว : "ข้าสั่งเขาเอง ไม่เป็นไร เซียวเจี้ยนได้โผล่หัวออกมาแล้ว จับตาเฝ้าสังเกตจวนอ๋องสามไว้ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเจอตัวเขา ท่านพ่อ ท่านคิดว่าท่านอ๋องสามกับไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้นได้ติดต่อกันไหม?"มู่เทียนซิงถอนหายใจและกล่าว : "ข้าเองก็คิดถึงปัญหานี้ ทำไมเซียวเจี้ยนถึงได้มาที่นี่ หรือว่าเขาคือไส้ศึกแคว้นเป่ยจิ้น? แต่ว่าซีเอ๋อร์ ความขัดแย้งทั้งหกแคว้น แต่ละแคว้นก็ล้วนมีสายลับ หากไม่มั่นใจ 100% ก็คงยากที่จะปักใจเชื่อ"มู่จิ่วซีพยักหน้ากล่าว : "ฉีเล่อฉี่ล่ะ?""ปล่อยนางไปเถอะ" มู่เทียนซิงกล่าว "างหนีไม่รอดหรอก อีกอย่างพ่อก็อยากจะเห็นตอนที่นางลนลานว่ามีใครอยู่เบื้องหลังนางอีก ให้คนจับตาเอาไว้แล้ว เจ้าว
"ทำไมไม่ไปอีกล่ะ?" มู่เทียนซิงเห็นว่าลูกสาวของเขาแปลกออกไป นางเอาแต่จ้องไปที่ภาพนั้น เขาไม่รู้จะร้องไห้ดีหรือหัวเราะดีพร้อมกับถามออกไป"ฮาๆๆ...ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว! ฮาๆๆ..." มู่จิ่วซีจู่ๆ ก็ดีใจหัวเราะเสียงดังออกมา สภาพของนางทำเอามู่เทียนซิงตกใจสะดุ้งผู้หญิงสามารถหัวเราะเสียงดังตามอำเภอใจขนาดนี้ได้เลยเหรอ? คิดว่าเป็นผู้หญิงบ้าเสียสติซะอีกมู่เทียนซิงถึงแม้จะคิดว่าลูกสาวเขาเองได้เปลี่ยนไปมาก แต่ไม่คิดว่าจะห่างไกลจากความเป็นกุลสตรีขนาดนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรพูดอะไรล้วนหยาบคายยิ่งกว่าผู้ชายอีก"เจ้ารู้อะไร?" มู่เทียนซิงอดไม่ไหวกับเสียงหัวเราะปีศาจแบบนี้"ท่านพ่อ พระไตรปิฎก มันคือประปิฎก!" มู่จิ่วซีดีใจจนไปคว้าแขนของมู่เทียนซิงข้างที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาเขย่า"เจ็บๆๆ!" มู่เทียนซิงเจ็บจนร้องออกมา นี่ใช่ลูกสาวตัวน้อยของเขาหรือเปล่าเนี่ย แสบเกินไปแล้ว"อ่อๆ ฮิๆ ท่านพ่อ ท่านพ่อเห็นพระไตรปิำกสีทองนั่นไหม?" มู่จิ่วซีปล่อยพ่อของนางและเดินไปหน้ารูปภาพนั้นจากนั้นนางก็หยิบกระดาษข้อความที่ค้นเจอในห้องของจินเป้ยก่อนหน้านี้ออกมา"ฮิๆ กระดาษแผ่นสีเหลี่ยมจตุรัส ตัวเลขพวกนี้ทั้งจำง่ายและหาเจอได้ง่าย
"เจ้าอยากพูดถึงป้าสะใภ้รองของเจ้าสินะ?" ความสว่างบนใบหน้าอันแก่ชราของมู่เทียนซิงก็มืดหม่นลงมุมปากของมู่จิ่วซีกระตุก มู่เทียนซิงก็ถอนหายใจและกล่าวออกมา : "ขนาดจ้วงชิงเหมยยังเป็นไส้ศึก หากป้าสะใภ้รองเจ้าเป็นไส้ศึก พ่อเองก้พอจะเข้าใจ เพียงแต่...""ป้าสะใภ้รองจะใช่ไส้ศึกหรือไม่ คืนนี้ข้าไปที่กรมพระราชวังนครบาลก็จะได้รู้แล้ว" มู่จิ่วซีเอาเรื่องที่นางพาลู่เวยหย่าและป้าจ้าวไปที่กรมพระราชวังนครบาลเพื่อไปพบมู่หยางชุนเล่าให้ฟังขอเพียงไส้ศึกสองคนนั้นที่รอดมาได้ตายมาในวันนี้ รองอธิบดีหวางชิว ผู้ช่วยเจียงจื้อหมิง ป้าจ้าวและลู่เวยหย่าทั้งหมดก็จะถูกรวบกวาดเรียบในคราวเดียว"ซีเอ๋อร์ หากเจ้าคิดว่าป้าสะใภ้รองเป็น...หลังจากนี้เจินจูกับหยางชุนจะทำอย่างไร?" ดวงตาชราภาพของมู่เทียนซิงก็แดงขึ้นมา"ท่านพ่อ พวกเขายังคงเป็นลูกของท่าน เชื่อว่าพวกเขาจะต้องเข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้ หยางชุนข้ายังพอส่งเขาเจ้าไปที่ค่ายทหารได้ ฝึกฝนเขาให้ดี ลูกชายของท่านแม่ทัพจะต้องไม่ไร้ประโยชน์เด็ดขาด!" มู่จิ่วซีกล่าวมู่เทียนซิงพยักหน้า มู่จิ่วซีก็กล่าวออกมาอีกครั้ง : "ส่วนเจินจู นางเป็นคนขี้กลัว แค่พูดคุณและโทษให้นางฟัง ใ
มู่จิ่วซีที่เำิ่งจะลุกขึ้นมาก็รีบนั่งกลับลงไปอีกครั้งและพูดอย่างสงสัย : "เหอะ นางคงจะเป็นห่วงเจ้ามากเลยล่ะสิ?"โม่จุนรู้ว่านางจะต้องเหน็บแนมเขาก็เลยรีบพูดขึ้นมา : "ก็แค่มาดูว่าข้าบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ลงจากเตียงได้หรือยังไง ไม่ได้คุยอะไรกันอย่างอื่น""ไม่มีอะไรอื่นจริงๆ หรอ?" มู่จิ่วซีเลิกคิ้วโม่จุนพอเห็นแววตาดูถูกของนางก็ยิ้มกล่าวในทันที : "จิ่วซี เจ้าอคติกับเซียวหลิงเย่ว์มาก""มากบ้ามากบออะไร!" มู่จิ่วซีกรอกตาพร้อมกับกล่าว "ผู้หญิงไม่ใช่ผู้หญิงดีอะไร ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงได้ตาบอกขนาดนี้ เจ้ากับนางมีอะไรกันแน่ถึงได้ปกป้องนางนัก?""ไม่ใช่ว่าปกป้องนาง แต่ว่าแค่มีบางเรื่องที่ข้าเองก็ลำบากใจ ต้องคิดถึงข้อดีข้อเสีย" โม่จุนกล่าวอย่างอึดอัดใจ"เรื่องอะไร? บอกข้าไม่ได้หรือไง? ถ้าไม่บอกข้า ข้าก็จะคิดว่าเจ้าเป็นห่วงนางตลอด นางคือแสงจันทร์สีขาวของเจ้า ดังนั้นเจ้าก็เลยปกป้องนางเสมอ" มู่จิ่วซีอยากจะรู้ถึงปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอดโม่จุนก็โกรธจนไอออกมา ดวงตาสีดำทมิฬมองเขาและกล่าวออกมา : "อย่าพูดจาดซี้ซั้ว ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดแบบนั้น""แล้วมันแบบไหน? ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียวที่คิดแบบนี้ พ่อข