“สักอันก็ไม่มีเลย?”
“มาถามเอาอะไรตอนนี้ มึงน่ะมายั่วกู เอานมมาถูอยู่ได้ ถูจนหำแข็งไปหมดเนี่ย กูล่ะอยากถ่ายวิดีโอเอาไว้ให้ดูจริง ๆ มึง...” ปลายเสียงขาดหายไปเมื่อมือเรียวยกขึ้นปิดป้องไปซะครึ่งหน้า และเพื่อให้ไอ้ตะวันหยุดพูด เธอเข่นเขี้ยวขู่ด้วยน้ำเสียงที่หลุดมาตามไรฟัน
“เงียบเลยนะมึง!”
เพื่อนหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้นโบกไปมาในอากาศ ยอมจำนนแต่โดยดี เมื่อหญิงสาวอารมณ์เย็นลงยอมมอบอิสรภาพให้ หมุนตัวเดินไปทั้งหน้าตาไม่รับแขก ตะวันยังเดินตามเจ้าของแผ่นหลังบางที่แสนเย็นชาราวน้ำแข็งขั้วโลก เซ้าซี้ถามหาความสัมพันธ์ฉันเพื่อนซึ่งขาดสะบั้นลง
คนหนึ่งตีตัวออกหาก ลำบากคนตามง้อ ทุกฝีก้าวของร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาตามติดคนตัวเล็กอย่างกระชั้นชิด ดวงตาคู่คมเศร้าหมองเป็นกังวลติดตามใบหน้าขาวใส ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง
“...ทำไมไม่รับโทรศัพท์? ไหนบอกว่าลืมไง ไหนว่าเรื่องมันไม่เคยเกิด กูกับมึงไม่เคยเมา”
“...”
“เอามือถือมานี่” พูดพลันคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ตะวันรู้แม้กระทั่งว่าเพื่อนชอบยัดมือถือเครื่องเล็กเอาไว้ข้างหลัง หากว่าลงจากรถยนต์แล้วไม่ได้ไปเดินตลาดหรือสถานที่มีคนเยอะ ๆ
ที่ผ่านมาเขารู้เรื่องของใบหม่อนแทบทุกอย่าง ถึงไม่ได้พบหน้ากันทุกวัน ก็ไม่ได้ขาดการติดต่อ ยิ่งตอนเข้ามหา’ลัย เรียนที่เดียวกันแต่คนละคณะ ยังมีเพื่อนฝูงคอยชักชวนไปกินข้าวดูหนังเป็นปรกติ เป็นเพื่อนสนิทกันมาโดยตลอด
ตาคมก้มหน้าลงมองจอสี่เหลี่ยมในมือ สายที่โทรเข้า ‘ไอ้ตะวัน’ ถูกจัดเรียงอยู่ในช่องของเบอร์ขยะ ให้ตายเหอะ!
“โอ้โห... กล้าบล็อกเบอร์พ่อของลูกเหรอ? ผู้หญิงอะไร เห็นแก่ตัวฉิบหาย” คำบริภาษของเพื่อนหนุ่มทำเอาอีกคนชะงักปลายเท้าที่หนีเขา โดยไม่สนใจใบหน้าซีดเผือดของเธอแม้แต่น้อย
“แค่พวกรักตัวเอง บูชาอีโก้ ไม่ได้รักลูกหรอก ดูละครมากไปหรือว่ายังไง ท้องแล้วคิดหนีไอ้ตะวัน พ่อจะตามให้สุดหล้าฟ้าเขียวเลยคอยดู...”
แน่นอนว่าตะวันต้องจัดการกับเรื่องนี้ กดทุกอย่างให้กลับเข้าที่เดิม ซึ่งก็เป็นโชคดี เจ้าของเครื่องไม่เคยตั้งรหัสผ่านเอาไว้
ใบหน้าหวานงามแดงก่ำด้วยความรู้สึกผิด พอ ๆ กับความโกรธที่ปะทุขึ้นมา ดวงตาคู่สวยเอ่อคลอหยาดน้ำใส ชายหนุ่มละสายตาจากหน้าจอก็ตกใจ
“เฮ้ย... ร้องไห้ทำไมเนี่ย พูดแค่นี้เอง เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นไร พูดอะไรก็พูดได้นี่หว่า”
เสียงสะอึกสะอื้นไห้ดังหลังจากนั้น หญิงสาวยกมือปาดหยาดน้ำตาบนแก้มนวลเนียน ทำเอาเพื่อนหนุ่มยืนงงเป็นไก่ตาแตก เหมือนกับว่าเขาจะลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิท...
ฮอร์โมนทำร้ายคุณแม่ใบหม่อน!
----------------------------------
“โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะ” ปลอบประโลมพลางอ้อมแขนแข็งแรงกระชับกอดร่างบางในเสื้อยืดตัวเก่า ก้มหน้าลงมองตามเสียงสะอื้นไห้จนหัวไหล่สั่น เมื่อเธอเอาแต่ร้องไห้เป็นเด็กเล็ก ๆ
ทีแรกใบหม่อนทำผลักไสไล่ส่งเขา ไม่ยอมให้แตะต้องตัว แต่พอถูกกอดรัดด้วยแรงที่มากกว่า คะยั้นคะยอถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่า... ทำไมเขาถึงกอดเธอไม่ได้ ทำไมเขาจึงรักเธอไม่ได้ ทำไมเขาเป็นพ่อของลูกเธอไม่ได้ ในเมื่อเธอก็เต็มใจยอม แถมเมาอยู่ด้วยกัน ท้ายที่สุดแล้วเธอจึงยอมโอนอ่อนตาม
เหมือนตบหัวแล้วลูบหลัง...
ตะวันรู้ตัวว่าเขากำลังจะเป็นคุณพ่อในเร็ววัน เขาปรับตัวได้รวดเร็วกว่าคนเป็นแม่ พอเห็นว่าเธอร้องไห้อ่อนแอ ผิดจากบุคลิกความเป็นเถรตรง แข็งกระด้างเหมือนคุณพ่อผู้เป็นทหาร เลี้ยงลูกสาวมาแบบนั้น จากนี้ไปเขาคงระวังคำพูดตัวเองมากขึ้น
“หม่อน... กูไม่ได้ตั้งใจว่ามึงหรือเปล่า กูขอโทษแล้วไง” ในน้ำเสียงอ่อนโยนลง มือหนาคอยลูบศีรษะน้อยจนกระทั่งนิ่งสนิท หล่นตุบลงบนเสื้อยืดสีดำ มือเล็กไร้เรี่ยวแรงหงายออกวางบนกางเกงยีนสีซีดของชายหนุ่ม
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองเปลือกตาบวมช้ำ แก้มเปียกปอนถูกบดบังใต้กลุ่มผมดำขลับ ส่งกลิ่นหอมมาตามลมพัดโชย กลบกลิ่นดอกไม้นานาชนิดในสวนหลังบ้านซึ่งคุณพ่อปลูกเอาไว้หลายต้น ม้านั่งหินตรงนี้เหลือแค่กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ
หอม...
ทุกอย่างเปลี่ยนไปแค่ค่ำคืนเดียว ตะวันเกิดมีความคิดขึ้นมาว่าเพื่อนสนิทของเขาตัวหอม...
นุ่มด้วย...
จับตรงไหนก็นุ่มนิ่มติดมือ ชอบที่สุดคงเป็นริมฝีปากบางกระจับอมแดงอมชมพู ซึ่งเหมือนกับว่าเจ้าหล่อนพยายามจือปากจิกตา อ่อยผู้ชายอยู่ตลอด แต่เป็นเพราะว่าหน้าสวย ๆ เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เธอส่งยิ้มแต่ละที หนุ่มน้อยใหญ่มาคอยตามชื่นชม ขอแค่ได้นั่งเก้าอี้ข้างใบหม่อนหน่อยก็ยังดี
สมัยเรียนใบหม่อนเลยตกเป็นที่หมายตาของหนุ่ม ๆ ตัวพ่อทั้งนั้น! อันที่จริงเธอป๊อปปูลาร์พอ ๆ กับเพื่อนสนิทคนนี้นี่แหละ ตะวันจึงเกิดความคิดมาโดยตลอดว่าตัวเองเหมาะสมกับใบหม่อน หากไม่เป็นเพราะว่าเจ้าตัวขีดเส้นเอาไว้ให้เป็นแค่เพื่อน เขาคงจะได้คบหากับใบหม่อนไปแล้ว
“เป็นไงบ้างลูก?” เสียงของคุณแม่เรียกลูกชายให้หลุดจากภวังค์ เงยหน้าขึ้นมองร่างบางในชุดผ้าไหมที่หยุดยืนตรงหน้า
แม่มนสวมชุดกระโปรงอย่างผู้ใหญ่ สะพายกระเป๋าหนังใบโปรดสีขาว พอนึกถึงลูกสะใภ้กับหลาน เลยแวะมากำชับเตือนเรื่องอาหารและยา
“ดูด้วยนะว่าหม่อนกินยาครบไหม โฟเลทสำคัญมาก ห้ามลืมเด็ดขาด ช่วงท้องอ่อนต้องดูแลดี ๆ ถ้าหลุดล่ะเป็นเรื่อง ถ้ารอดยังไงก็รอดเลย ยันท้องแก่น่ะ” ไม่ทันขาดคำ ดันเหลือบไปเห็นใบหน้าเปียกปอนคราบน้ำตา ร่างบางผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ
“อ้าว... นี่ทำหม่อนร้องไห้เหรอ?”
“อ้อ... คือ... ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ตะวันรู้สึกตัวลีบเล็กลงเท่ามด ยิ่งปลายนิ้วเรียวยาวยกขึ้นชี้หน้าเขาอย่างเกรี้ยวกราด
“ดูให้ดี ๆ นะ ถ้าหลานฉันเป็นอะไรไป แกตาย... ฉันเอาเลือดหัวแกออกแน่ ไอ้ตะวัน”
“ครับแม่”
ลูกชายคงไม่อยากมีเรื่องกับคุณแม่ มองดูก็รู้ว่าแฮปปี้! กับการที่ใบหม่อนไม่ใช่ลูกรักเหมือนบรรดาพี่ชายบ้านนายทหาร แม่มนเลยได้แต่งสะใภ้เข้าบ้าน ไม่ต้องแต่งออก ให้ลูกชายไปอยู่บ้านเขา
เห็นใครเขามีหลาน ก็อยากมีบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาของคนแก่ ถึงวัยหนึ่งคงอยากอุ้มหลาน แถมทั้งคุณพ่อคุณแม่อายุห้าสิบห้าปีแล้ว ตกเย็นออกไปเดินเล่นในสวนหย่อมของโครงการหมู่บ้านจัดสรร ได้แต่มองหลานบ้านอื่นตาละห้อย“กะยึดหลานไว้เลี้ยงกันสองคนน่ะสิ...” ปากงึมงำ พอคุณแม่ออกจากบ้านไปแล้ว ร่างสูงชะลูดโน้มตัวลงตวัดข้อพับเนียนขึ้นอุ้ม พาคนที่หลับสนิทเข้ามานอนในห้องนอนของเขา บนชั้นสองของบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า โดยไม่ทำให้เธอตื่นหญิงสาวหลับสนิท ศีรษะซบพิงอยู่บนอกกว้าง ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่ามีคนกำลังนั่งจ้องมอง ดวงตาคู่คมปลาบแอบแฝงประกายปรารถนา‘แอบลักขโมยหน่อย... ดีไหมนะ คงไม่ตื่นมั้ง?’ ถามในใจ ปลายจมูกโด่งเป็นสันคมซุกลงบนแก้มใสที่หยาดน้ำแห้งเหือดไปได้สักพัก ด้วยหัวใจที่เต้นระรัวแรง หัวสมองคิดถึงค่ำคืนแสนหวาน----------------------------------สองเดือนที่แล้ว...“หม่อน... มึงขยับนิดนึงดิ” เสียงแหบพร่ากระซิบบอกคนใต้ร่างที่เอาแต่หนีบขาเข้าหากัน ใบหน้าแดงซ่านส่ายไปมา เมื่อผู้ชายตัวโตเริ่มกระหน่ำจังหวะสวาทเข้าหาเธออย่างไม่ลดละ ไม่ถอยสักอึดใจ ท่อนอุ่นร้อนที่ผลุบเข้าออกทำให้เธอส่งเสียงประหลาด หัวสมองขาวโพลน ไ
ทุกวันนี้ตะวันอายุยี่สิบห้าปี เรียนจบมหา’ลัยเอกชนชื่อดังด้วยเกรดงั้น ๆ ดันได้ทำงานเป็นผู้จัดการใหญ่อยู่เต็นท์รถมือสอง เพราะเส้นสายของคุณพ่อ“ห้ามร้อง ไม่ดีกับลูก” เสียงเข้มสั่งคนที่นอนหันหลังให้ ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ก่อนจะผ่อนลมหายใจหนัก เขาคิดว่ามีวิธีจัดการกับใบหม่อน“ธรรมดามึงก็ไม่มีใครเอาอยู่ละ ร้องไห้ขี้มูกย้อย ยิ่งดูน่าสมเพชเข้าไปใหญ่”“กูขี้เหร่หรอ?” เธอหันกลับไปถาม เธอก็รู้ตัวว่าสวยอยู่หรอก แค่สูญเสียความมั่นใจ ยกมือจับหน้าจับตาพอเพื่อนหนุ่มทัก“เออ น่าเกลียดมาก...”“หน้ากูเลอะปะ? กูไม่ได้แต่งหน้าเยอะเลยนะ แค่รองพื้นกรีดตาเบา ๆ เอง”ถ้าเป็นเมื่อก่อน ใบหม่อนคงโดนด่าว่า ‘เชี้ย! แล้วมึงจะร้องทำไม ร้องหาพระแสงอะไร’ ตะวันกลับถ้อยทีถ้อยอาศัย เดินไปหยิบกระจกกรอบไม้ขนาดพอดีมือมาถือ เพื่อให้อีกฝ่ายมองภาพสะท้อนในนั้นเอาเอง“แหกตาดูเอา”“เชี้ย... น่ากลัว” คนสบถเบิกตากว้างมองผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ขอบตาบวมช้ำหลังผ่านการร้องไห้อย่างหนัก บนหน้าอกยังเหมือนกับว่าจะมีรอยจ้ำแดง สภาพเธอยังกับโดนข่มขืน! ทั้งที่แค่ตื่นมาร้องไห้แล้วนอนต่อร่างสูงล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างเดิม ข้างหญิงสาวที่ไม่ได้ถือตัวก
แปลก... ประหลาด...ตะวันเอาอกเอาใจผิดปกติ!ในสีหน้าสงสัยระคนค้างคาใจว่าอีกคนเป็นอะไร เขาไม่เหมือนหนุ่มห้าวหาญที่เคยรู้จัก ยังสบตาเธออย่างจริงจังจริงใจ ผิดจากตะวันคนเดิม“เมื่อยใช่ไหม? รองเท้าน่ะ” พูดพลางก้มตัวลงนั่งถอดรองเท้าให้ สองเท้าเปลือยเปล่าสัมผัสพรมเย็นเฉียบ เย็น... ยิ่งขึ้นไปอีกพอชายหนุ่มไปคว้าเก้าอี้มาให้เธอนั่งดวงตาคู่สวยคอยมองตามทุกกิริยา มือหนาจับข้อเท้าขาวสวยอย่างอ่อนโยน หมุนไปมาเบา ๆ ไม่ให้เธอรู้สึกเจ็บแม้สักน้อย ค่อนข้างสบาย...“ทำอะไรน่ะ?”“นวดให้ไง...”“เอ้อ... ทำตัวแปลก จังเลยนะ”“หม่อน... เป็นเมียตะวัน เป็นแม่ของลูกตะวัน ก็ต้องดูแลดี ๆ”‘แล้วจะให้ทำหน้ายังไงดีล่ะ ทำตัวยังไงดี’ใบหม่อนไม่ได้พูดออกไป เมื่อรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าหล่อเหลาทำใบหม่อนรู้สึกขนลุกขึ้นมา พอเขายิ้ม นวดข้อเท้าให้เธอ เลยเลือกที่จะเบือนหน้าหนีพ่อของลูกไปอีกทาง----------------------------------เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อก่อนเธอเป็นเด็กสาวที่โดนบูลลี่เป็นประจำน่ะสิ พอได้มาเป็นเพื่อนกับตะวัน อย่าว่าแต่รอยขีดเขียนบนโต๊ะว่า ‘อีแรด’ สารพัดเรื่องราวที่พวกขี้อิจฉาสามารถจะสรรหามาแกล้งเธอได้ ไม่มีให้เห็นอีก บรรดา
น่าตกใจกว่าอาหารหน้าตาน่ารับประทาน เป็นคำเรียกที่เปลี่ยนแปลงไป ตะวันดูสุภาพนุ่มนวล เหมือนตอนพูดจากับสาว ๆ ใบหม่อนนั่งลงชิมฝีมือของเขายังเผลออุทานออกมาอร่อย มันอร่อยมาก! เธอไม่คิดว่าลูกคนรวย มีแม่บ้านคอยจัดการงานให้ทุกอย่างจะทำอาหารเป็น ปลาทูนึ่งมะนาวแกะก้างปลาออกให้เรียบร้อย รสชาติไม่เปรี้ยวจนเกินไป ไม่เผ็ดจัดจ้านมากไป เอาใจคนท้องที่อาจจะมีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนในอนาคต“ไม่น่าเชื่อเลยอะ เป็นเพื่อนกันมาเป็นสิบปี ไม่เคยกินฝีมือมึงได้ไงวะ”“ไม่เคยทำให้ใครกิน ปกติทำเองกินเอง นักเลงไง”“จริง ๆ ก็งกหรือเปล่า ทำเองกินเอง กินคนเดียว กะไม่แบ่งใครล่ะสิ”“เอ้อ นั่นแหละ อย่างที่มึงว่า กูงก ของซื้อมา นั่งกินคนเดียวอร่อยเหาะ ไม่มีใครแย่ง” แล้วคนพูดก็หัวเราะ มองชามข้าวสีขาวลายกระต่ายน่ารัก เห็นภรรยาก้มหน้าก้มตาตักข้าวหอมมะลิอุ่นเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย“แต่ว่าต่อไปนี้จะทำให้หม่อนกับลูกกินบ่อย ๆ เลยนะ”หญิงสาวหน้าตะลึงงัน เรียกเสียงหัวเราะจากว่าที่คุณพ่อ“โธ่... ใบหม่อน ดูทำหน้าเข้า กินไป ๆ เหอะ กินให้อิ่มนะครับ”ตะวันแสนเป็นกันเองแถมพูดจาไพเราะขึ้น ไม่วางบุคลิกเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน ยังนั่งดูเธอทานข้า
ร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีครีมอ่อนเปียกชื้นเหงื่อ ชักชวนภรรยาให้นั่งลงบนโซฟาเพื่อที่เขาจะไปชงชามาให้เธอดื่มใบหม่อนหย่อนนั่งรอบนโซฟาในห้องรับแขกได้สักพัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาเพื่อนสาว แต่พอเห็นว่าอีกคนก็ยังไม่ออกมา เธอจึงชะโงกคอมองหา ลุกขึ้นไปเปิดลูกบิดประตูห้องครัวหาคนที่เพิ่งจะถอดเสื้อโยนทิ้งลงพื้นมัดกล้ามที่ไล่เรียงกันอย่างสวยงามลงตัวถึงหน้าอกแน่นขนัดทำเอาเธอจ้องเขม็ง หากพอมุมปากหนาหยักได้รูปฉีกยิ้มออกมา จึงรีบส่ายแก้มแดง ๆ หนี“ถอดเสื้อทำไมเล่า”“ร้อน...” พูดพลางส่งแก้วชาอุ่นร้อนให้พร้อมจานรองถ้วยลายน่ารัก ปลายนิ้วเรียวยาวยังเชยคางมนขึ้นให้เธอมองหน้าเขา เพราะกลัวว่าจะทำแก้วน้ำร้อนหกท่าทีเขินอายนั้นทำให้ตะวันได้ใจใหญ่ ถึงเมียไม่ยอมเข้าใกล้ แม้แต่จะพูดจากันยังเว้นระยะห่าง เขายืนมองเธอจิบชาได้ไม่กี่คำ รับถ้วยไปวางบนเคาน์เตอร์ครัวค่อยหันกลับไปคว้าเอวบางเข้าหมับ คนในอ้อมแขนสะดุ้งตกใจ“ผัวทำหน้าที่ทุกอย่างแล้ว เมียไม่ทำหน้าที่...?” เลิกคิ้วถามคนที่เงยหน้าขึ้นมองตามรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงมุมปาก ใบหม่อนไม่ทันตั้งรับการรุกของสามี“พูดอะไรของมึง เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องทะ
ลูกยังไม่ได้ยินเสียงของเขาหรอก...สักประมาณห้าเดือน เด็กน้อยถึงสามารถรับรู้ได้ถึงเสียงของโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลงหรือเสียงของคุณพ่อตะวันอ่านหนังสือเกี่ยวกับทารกในครรภ์มาพอสมควร และทั้งที่รู้อย่างนั้น เขายังพยายามพูดคุยกับเจ้าตัวเล็กในท้อง หยอกคุณแม่เล่นเป็นประจำคืนก่อนเขาไม่ได้ล่วงเกินภรรยา เพราะเห็นว่าเธอยังไม่พร้อม ปล่อยให้นอนหลับสบายจนสาย ก่อนออกไปทำงานเงียบ ๆ ในวันหยุดอยู่บ้านเขาก็ลุกจากเตียงก่อน หุงหาอาหารวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว นั่งดูโทรทัศน์รอในห้องรับแขก กว่าที่คุณแม่จะงัวเงียตื่นเดินมาหา“มึง...” เสียงหวานเรียก ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นจากนิตยสารที่นั่งอ่านอยู่สักพักบนโซฟาสีดำสนิท หญิงสาวหน้าชะงัก ยืนขาแข็งไปเสียอย่างนั้น“เอ้อ... ตะวัน เรามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”“ครับเมีย นั่งสิ...”ร่างสูงในชุดอยู่บ้านตบที่นั่งเบา ๆ เป็นเชิงเรียก ภรรยาก็นั่งลงข้างกันใบหม่อนเริ่มสวมชุดคลุมท้อง เป็นเสื้อตัวหลวมโพรกความยาวถึงหัวเข่า เธอดูกล้า ๆ กลัว ๆ ในความสัมพันธ์ฉันเพื่อนซึ่งเคยแน่นแฟ้น เธอทำตัวห่างเหินมากขึ้น ยังบอกกับเขาไปตรง ๆ ว่าทั้งเธอและเขาควรเปลี่ยนคำที่ใช้เรียกตัวเอง หลังแต่งงา
ใบหม่อนคงต้องยอมรับว่ามันดี ดีไปหมดทุกท่าที่เขาขยับ มือที่จับ ริมฝีปากที่บรรจงจูบ อ้อมแขนที่ตระกองกอดเธออย่างแสนรัก ถึงแม้ว่าเขายังไม่ได้สานสัมพันธ์กับเธอ เมื่อโทรศัพท์เจ้ากรรมดันส่งเสียงดังซะก่อน แต่นั่นคงไม่ขัดจังหวะมากมายนักในเมื่อเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอกับสามีไม่มี Plan จะออกไปไหน โทรสั่งอาหารมาทานกันที่บ้านหญิงสาวยังคงไม่หิวเพราะเพิ่งทานข้าวเช้าไป เธอเห็นตะวันคุยโทรศัพท์กับลูกน้อง เหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะวางสาย แต่สามีเธออยากวาง“สงสัยอะไรโทรไปถามพี่ปิ๋วก่อนนะครับ วันนี้วันหยุดพี่ อยู่บ้านกับเมีย” น้ำเสียงห้วน ๆ บอกว่าเขาไม่อยากทำงานล่วงเวลา อยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง แม้นั่นจะเป็นไปได้ยากในความเป็นจริง ตะวันทำงานจันทร์ถึงศุกร์ กลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่มแล้วใบหม่อนไม่คิดก้าวก่ายเรื่องในที่ทำงานของสามี แต่พอเขาวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะกระจกใส หน้าโซฟาที่นั่งอยู่ด้วยกัน เธอตัดสินใจถาม“น้องที่ทำงานเหรอ?”“อืม... เด็กจบใหม่ ไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะ” ตอบแล้วตะวันท่าทางดีใจขึ้นมา “หวงเหรอ?”“หวงทำไมล่ะ”“หวงสิ ต้องหวง มีผัวหน้าตาดี ควรจะต้องหวง”ดูพูดเข้าสิ ยกหางตัวเองอีกต่างหาก! ใบหม่อน
“จับมันสิ... ทำให้ผัวหน่อย”ขนาดอันใหญ่โตโอฬารทำเอาหญิงสาวไรขนลุกชูชัน ตะวันเป็นผู้ชายสรีระสูงใหญ่ ถึงไม่อาจเท่ากับในสื่อลามกที่เธอเคยพบเห็นตามอินเทอร์เน็ต แต่เอาเรื่องสำหรับเธอไม่น้อยปลายหัวแดงก่ำชุ่มฉ่ำ น้ำหนืดเหนียวถูกละเลงอยู่ในกำมือน้อย รูดขึ้นลงเบา ๆ ชายหนุ่มส่งเสียงคำราม กัดกรามกรอด ๆ มองคนใต้ร่างคอยปรนเปรอสามีอย่างเต็มใจ แม้ว่าเธอจะค่อนข้างเงอะงะไม่เป็นงานใบหน้าหล่อเหลาขมวดมุ่นมองเธอด้วยสีหน้าทรมาน กำขึ้นลงครั้งหนึ่ง เรียกเสียงแหบพร่า “หม่อนจ๋า เมียจ๋า... อาา อูยส์... ตรงนั้นแหละ”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเร่าร้อน ทำให้เธอยิ่งอยากสานงานสำคัญต่อเจียนคลั่ง และก็คงไม่ใช่เธอคนเดียว เกิดรู้สึกว่าในท้องเบาหวิว ต้องการการเติมเต็มจากชายตรงหน้า เรียวขานวลเนียนขยับออกกว้าง เปิดทางให้มังกรร้ายที่กำลังตื่นตัวค้นหาหนทางของมันกลีบดอกไม้งามสีชมพูหวานยังคงสดใหม่ ราวกับว่าไม่เคยผ่านมือชาย ปลายหัวกลมมนสะกิดบนยอดเกสรชุ่มฉ่ำครั้งหนึ่ง หญิงสาวสูดปากครางสยิว ส่ายหน้ามองสามีใต้แสงนวลสลัว ขณะที่เขายังรั้งรออยู่หน้าปากทางเข้าไม่ยอมเข้าไปชิมชมมันสักที“อยาก... ให้เอาเข้าไปไหม?”“มาถามอะไรเล่า”“ก็ถ้าหม่
ถึงแม้ว่าเธอยอมมอบหัวใจให้เขาแล้วก็ตาม ไม่มีวันไหน ที่เขาจะรักเธอน้อยลงสักวันเรือนไทยยกสูงด้านในเป็นเวลาของผู้หลักผู้ใหญ่จับกลุ่มพูดคุยกัน บ่าวสาวขอตัวออกมายืนสูดอากาศด้านนอก หญิงสาวยังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายตัวโต อุ้มประคองเธอออกมาวางลงบนพื้นหญ้าด้านหน้าอย่างระวัง ถอดรองเท้าส้นเตี้ยให้ใส่เป็นรองเท้าแตะแทน ยังกำชับบอกว่าจะไม่ดีต่อลูกน้อยไม่ควรยืนนาน ๆสักพักหนึ่งเขามองเข้าไปในบ้าน แผ่นป้ายติดดอกไม้น่ารักด้านบน “ผมเคยมองป้ายแต่งงานของพวกเขา จินตนาการอยู่ว่าอาจเป็นชื่อของเรา”“เห็นค่ะ... ตาเยิ้มเชียว แหม่มเลยยอมไปกินหูฉลามด้วยไง แหม่มไม่ไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ท่าทางน่าสนุกจะตาย”“แล้วหูฉลามอร่อยไหม?”“คนพาไปอร่อยกว่า...”“อ้อ ยังไงก็ขอบคุณที่รับรักคุณอคินนะครับ... ครูแหม่ม” เขายิ้ม มือโอบเอวบางเข้าแนบชิดสะโพก ก้มหน้าลงมองชุดไทยสีขาวคาดสไบทอง เครื่องประดับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามสาย ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ใบหน้าหวานงามแต่งแต้มเครื่องสำอางเบาบาง ทว่าริมฝีปากสีแดงสดเข้ากับชุดสวย เธอระบายยิ้มอ่อน“แหม่มชอบคุณก่อน คอยเฝ้าไปถามหาหนังสือประหลาด ๆ ก็แค่ข้ออ้างของแหม่ม แหม่มจะเอาหนังสือภาษามือสำหรับเด็กไปทำอะไร
ใบหน้างามระรื่นอารมณ์ดี แค่เจอโทรศัพท์เครื่องเดียว หญิงสาวรีบเปิดตู้เสื้อผ้า สวมเดรสลายดอกไม้มีสม็อคเอวน่ารัก ออกจากห้องไปซื้อของเข้าบ้านมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ เผื่อแฟนหนุ่มกลับบ้านมา จะได้มีขนมปังมีข้าวรองท้องเสียหน่อย“น่าหมั่นไส้ ตัวลืมเรื่องของเราแล้วสิ เราสนิทกันขนาดไหน” บ่นพลางอมลมไว้ในแก้มป่อง คนถือถุงพะรุงพะรังเดินตามหญิงสาวที่นำหน้าเข้าลิฟต์ไป ปลายนิ้วเรียวกดเลข 15 ก่อนจะหันไปบอกกับพี่ชายซึ่งอยู่กันตามลำพัง“คนเราต้องโตไหม มิกกี้... ไม่เอานะ ไม่คิดมาก”เธอยอมเป็นฝ่ายง้อพี่ชายฝาแฝดก่อนวันนี้ ส่งยิ้มหวานให้ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกุมมือหนา ชายหนุ่มไม่ถนัดมือที่จะกุมน้องสาวก็ย้ายของไปถือไว้อีกข้างทั้งหมด เพื่อสอดประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกันเหมือนอย่างเคย“เค้ายังรักตัวเหมือนเดิมนะ ตัวเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นคนที่เกิดมาด้วยกัน เค้าจะเป็นแม่คนแล้วนะ ตัวต้องดีใจสิถึงจะถูก”“I love you too Anika...”แววตาซึ่งเต็มไปด้วยความโหยหาอาทรสบประสานกัน สองพี่น้องได้ปรับความเข้าใจ บีบมือกันและกันแน่น ประตูลิฟต์เปิดอ้าออกกว้าง พร้อมความรู้สึกใหม่ ๆ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม และแตกต่างไปในขณะเดียว----------
ว่าที่คุณพ่ออ่อนโยนกว่าที่เธอคิด เขาลิ้มชิมเรือนร่างอย่างนิ่มนวลกระทั่งเต้าตึงซึ่งขยายใหญ่กว่าเดิม แทรกกายเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนทว่าโอนอ่อนตาม บนโต๊ะกินข้าวก็ใช่ว่าจะไม่เคย ไม้สีดำแข็งแรงทนทานสมราคาคุยของเซลล์ขายเฟอร์นิเจอร์ หลังจากที่เจ้าของห้องเพิ่งถอยมาใหม่ เพราะตัวเก่ามันหัก!ผู้ชายตัวโตใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่างไม่น่าเชื่อเลยว่า...พ่อหนุ่มเอวดุจะกลายเป็นพ่อหนุ่มเอวหวาน สองขาเรียวที่โอบรัดรอบเอวสอบ ขยับเบา ๆ หมุนวนเป็นวงกลมแต่ทำให้เธอรู้สึกถึงความล้ำลึกอัณณิกาก็คงไม่ไหว ร่างกายส่ายเร่า ส่งเสียงครวญครางปานขาดใจ เพราะติดใจสามีคนใหม่คนเดิม“คุณอคิน อ๊าาย!” เสียงหวานหวีดร้อง สะโพกงามกระตุกเกร็งเมื่อเดินทางมาสุดทางฝัน เธอหายใจหอบโยนทว่าตะโบมจูบริมฝีปากหนาหยักได้รูปช่องทางรัดร้อนกระตุกเป็นจังหวะ เร็วแรง ทำให้เรือนกายกำยำรุ่มร้อนราคะกัดกรามแน่นเป็นสันนูนอคินฟุบหน้าลงบนไหล่มน ฝังกายแกร่งครั้งสุดท้ายเพื่อปลดปล่อย ราวกับว่าเขาพร้อมละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แม้ทำได้เพียงตัวสั่นเป็นลูกนกตกรังในอ้อมแขนเล็ก ๆ ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่าออกมา ทันทีที่การบีดรัดคลายตัวลง สองขาเรียวไขว้กันเหนือแ
ภาพขาวดำซึ่งเจ้าตัวที่ขยับไปมา ถีบแขนถีบขาวุ่นวายกับร่างกายตัวเองซึ่งยังไม่สมบูรณ์ดี เลขด้านบนสุดของจอ 12w6d ประมาณสิบสองสัปดาห์หกวันสาววัยห้าสิบกว่าตะลึงงัน ประคองจับแท็บเล็ตด้วยมือทั้งสองข้าง หรี่ตามองดูให้ชัด ถึงแม้ว่าจอสี่เหลี่ยมขนาดสิบนิ้วกว่า ใหญ่พอที่จะมองภาพได้อย่างชัดเจนคุณแม่ป้อมดูวิดีโอสั้น ๆ เรียงกันหลายตอนจบแล้วกลับหันมาจ้องลูกชายตาเขม็ง“ไม่ดีใจเหรอ?” ถามหน้าเหลอหลา ด้วยสายตาที่ดุดันก้าวร้าวของหญิงตรงหน้า ไม่ได้ตั้งตัวก็โดนฝ่ามือพิฆาตเข้าบนต้นแขนเป็นล่ำสันเพราะว่าใกล้มือที่สุด ถึงลูกชายจะมีมัดกล้ามแข็งแรง คุณแม่ก็ไม่คณนามือจนเจ้าตัวต้องร้อง“โอ๊ยแม่! ตีผมทำไมอะ ผมตั้งใจมากเลยนะ เห็นแม่บ่นว่าอยากได้หลาน เมื่อไรลูกชายจะมีเมีย ผมตั้งใจกินแต่ของดี ๆ ขยันทำการบ้านมากเลยนะแม่”“หลานก็ส่วนหลาน แต่แก... มันน่านักนะ!” เสียงตะคอกว่าก่อนจะลดเสียงลงเพราะกลัวใครมาได้ยินเข้า หญิงสาวรีบเข้ามากอดแขน“คุณแม่คะ... หนูลืมกินยาเองค่ะ อย่าตีพี่เขาเลย”“ตกลง... ลืมหรอ?”หญิงสาวส่ายหน้า ขยิบตาส่งสัญญาณให้เขาบอกว่าให้รับคำแก้ตัวของเธอหน่อย จะได้ไม่ถูกคุณแม่ตีจนแขนแดงไปหมด ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพ
‘เอ๊ย! มิสแว่น ๆ’‘ลุกเร็วมึง!’‘ยังไม่เลิกเรียนมานั่งร้านกาแฟได้ไง!’เสียงหวานใสของครูสาวผมฟู แว่นหน้าเตอะ ดังก้องเข้ามาในหัว ขนาดว่าเธอตะโกนอย่างดุดันที่สุดแล้วกลับไร้ซึ่งความน่ากลัว จะว่าดุก็ยังไม่ได้เลยเด็กหนุ่มวิ่งหนีคุณครูสาว ตะโกนเรียกมิสแว่น ๆ อะไร ๆ ทำไม ๆ แก๊งเด็กแสบที่ถึงจะสวมกางเกงน้ำเงินแต่หน้าตาเอาเรื่องเอาราว เกินกว่าครูตัวเล็กนิดเดียวจะรับมือไหว คุณครูยังทำกาแฟหกใส่เสื้อหนุ่มในร้านกาแฟ ล้มหน้าคะมำ!อัณณิกาสารภาพความในใจว่าเธอซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับน้ำใจจากเขา ไม่ใช่เพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ในวันที่ไม่ได้ดูแลตัวเองจนดูสวยเท่านี้วันนั้นอคินไม่ถือโทษโกรธเธอเรื่องกาแฟ จับตัวเด็กแสบได้ สั่งสอนแทนคุณครู แต่ละคนเงยหน้ากันแทบไม่ขึ้น‘ไม่เป็นไรนะครับ ครู...’เขาพูดเท่านั้น คุณครูไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามกับเขาเลย ทำให้จำครูแหม่มไม่ได้อคินไม่คิดว่าเธอยังคงเก็บของเล็กน้อยเอาไว้ ตัวเขาเองก็ไม่คิดอะไรจนพบเธออีกครั้งหนึ่ง มายืมหนังสือ มาคืนหนังสือ เขาเห็นหน้าเธอบ่อยขึ้น มาก ๆ เข้าก็เริ่มหลงใหลในความน่ารักอ่อนหวานของหญิงสาวตรงหน้า“แหม่ม... ดีใจจังค่ะ ขอบคุณที่ดูแลแหม่ม
งอนกันไปงอนกันมา วันต่อมาก็หายโกรธ ความสัมพันธ์ของเธอและเขาไม่ซับซ้อน สามารถนั่งพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเมื่อกลับบ้านด้วยกัน เขาพูดกับเธอเรื่องพี่ชายว่าเขาไม่ชอบ เธอก็จะพยายามวางตัวให้ดีกว่านี้เย็นนี้เธอมารอพบเขาหน้าห้องสมุด ใต้ร่มไม้ใหญ่บนม้านั่งหินตัวเดิม สวมเดรสสีขาวสะอาด เข้ารูปสมส่วน แต่งหน้าบาง ๆ เข้ากับลิปสติกสีชมพู“รอนานไหม?” เป็นคำถามแรกของคนที่ถือน้ำหวานชื่นใจติดมือมาพร้อมกับกระเป๋าหนัง มือส่งให้หญิงสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย เธอรับแก้วน้ำไปดื่ม แก้วพลาสติกใสมีหลอดมองดูเหมือนจะเป็นน้ำหวานทั่วไป“น้ำนมข้าวโพดหรือคะ?”“ครับ ซื้อมาตอนพักกลางวัน บำรุงแฟนหน่อย”คนได้ยินหยิบหลอดเข้าปากชิมน้ำอร่อยไปหนึ่งคำ รสชาติไม่หวานมาก ขณะร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีกรมท่านั่งลงข้างเธอ ตั้งใจจะนั่งคุยกับแฟนสักหน่อย“ช่วงนี้เลิกงานเร็วหรือครับ?”“ค่ะ เดือนนี้งานไม่ยุ่ง แต่ว่าเดือนหน้าเลิกช้าแล้วนะ”“ไม่เป็นไร ผมจะไปรอแหม่ม... เหมือนเดิม” ปลายเสียงย้ำชัด กระทั่งแววตาเอ็นดูเห็นเธอดื่มน้ำจนหมดแก้วอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ลืมถามถึงมาสเซอร์หนุ่ม “เย็นนี้มาสเซอร์มิกจะมาชวนดูหนังอีกหรือเปล่า?”“ไ
นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า ของป๋าสายเปย์ เหมือนเกทับเดรสลายดอกไม้ตัวสวยที่ตากอยู่บนราวตากผ้าริมระเบียง กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นฝีมือของพ่อบ้าน ซักตากเสื้อผ้าให้ในระหว่างเธอออกไปทำงาน แต่เป็นวันหยุดของเขาอัณณิกาสังเกตว่าเสื้อผ้าตัวไหนที่พี่ชายฝาแฝดซื้อให้มักหลบอยู่ในซอกมุม ถึงเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าพับวางอย่างเรียบร้อย ก็พับซ่อนเอาไว้ แขวนไว้ด้านในสุดเหมือนจงใจให้เธอไม่หยิบมันขึ้นมาสวมเธอไม่ได้ต่อว่าผู้ชายขี้หวงทั้งที่รู้ว่าเขาน่ะคิดอะไร เพราะเวลาที่มีสาว ๆ มาเจ๊าะแจ๊ะบรรณารักษ์หนุ่มฮ็อตเนิร์ด โดยเฉพาะนักศึกษาฝึกงาน เธอแอบหวงเขาอยู่เหมือนกันวันนี้เธอเลิกงานไวสักหน่อย เดินเลาะริมทางเท้าไปถึงแล้วก็นั่งรอบริเวณม้าหิน ใกล้กับลานจอดรถยนต์ มองเห็นประตูกระจกอัตโนมัติเปิดอ้ากว้าง และปิดลงพร้อมแอร์เย็นฉ่ำจากด้านใน ร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาลายทางเดินออกมาพบเธอด้วยสีหน้าคร่ำเครียด“ผมเลิกช้านิดนึงนะครับ หนังสือชำรุด... หลายเล่ม”“ไม่เป็นไร ๆ แหม่มรอได้ คุณอคินทำงานก่อนเลย” เธอโบกมือไปมาบอกให้เขาไปทำงาน ชายหนุ่มคะยั้นคะยอเธอให้เข้าไปนั่งข้างใน อัณณิการู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก เธอจำเป็นต้องปฏิเสธชายที
รอยยิ้มพริ้มพรายบนวงหน้าหล่อเหลายามก้มลงมองริมฝีปากงาม พูดจาเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้ว ทั้งเอ็นดูหลงใหลเมื่อใดที่อัณณิกาตั้งคำถามกับเขาจะตอบเธอมากขึ้น ทั้งที่ไม่ใช่คนพูดเยอะ พักหลังมานี้เขาสามารถพูดจาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเธอ“เราสองคน... อาจเป็นเรื่องสั้นสักเล่ม อาจมีตอนจบที่ไม่ดี ก็ได้นะคะ”“ต้องดีสิ ทำไมจะไม่ดีล่ะ ผมกับแหม่มชอบอะไรเหมือนกัน แล้ว... เราชอบหนังสือเหมือนกัน ผมชอบอ่านนิยายเหมือนแหม่มเลยนะ”หนังสือเล่มบางในมือของอัณณิกาไม่ใช่เรื่องราวที่ดีนัก หญิงสาวหยิบผิดเล่มมาจากห้องสมุดของเขา เธออ่านมันแล้วมีสีหน้าเศร้าหมองเพราะตอนจบที่ไม่สมหวังของตัวละคร“แล้วแหม่มจะทำยังไงดี...” คิดเองเออเอง ตอบเอง! “ไม่รู้เหมือนกัน เป็นเรื่องอนาคต”ร่างบางในเดรสกระโปรงน่ารักนั่งลงในมุมหนึ่งของห้องสมุดในบ้านหลังใหญ่ เธอเอาหลังพิงกำแพงอย่างท้อแท้ ได้รับการปลอบใจจากแฟนหนุ่ม ที่เฝ้าติดตามเธอไม่ห่าง“นั่นสิ เป็นเรื่องอนาคต แล้วจะไปคิดเยอะแยะทำไม” ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ เธอ ระหว่างชั้นหนังสือสูงจรดเพดาน มองหาหนังสือเล่มใหม่ หวังว่าอีกคนจะอารมณ์ดีขึ้น“มีเ
Maiken หรือ Mike หวงน้องสาวยังกับอะไรดี ถึงวันนี้จะแต่งงานไปแล้ว นั่นเป็นสาเหตุให้หลายคนคิดด้วยว่าเรื่องที่พูดทั้งหมดคงมั่นใจไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริง อาจไม่จริงเลยก็ได้“ตัวยังไม่รู้จักผู้ชายดีพอ ไม่มีใครหวังดีกับเรานอกจากมิกกี้ เค้าบอกตลอดไม่ให้ไว้ใจหนุ่ม ๆ จะมีดีสักกี่คน”“โธ่... มาสเซอร์มิก เค้าโตแล้วปะ” เธอโวยวายพี่ชาย ขีดเส้นสัมพันธ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ด้วยการเรียกเขาว่า ‘มาสเซอร์มิก’ เป็นความหมายนัย ๆ ว่าต่างคนต่างมีหน้าที่การงานแล้ว ควรมีอิสรภาพของตนเอง“มาสเซอร์มิก ขอเถอะ ๆ นะ”“พูดไม่รู้เรื่องนะ”“ตัวอะพูดไม่รู้เรื่อง”“ไปเหอะ ไปคุยกันสองคนดีกว่า” คนประท้วงรวบช้อนกินข้าวทั้งที่ยังไม่ได้กินเลยสักคำ คว้าข้อมือน้องสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “วันนี้อยู่นอนคุยกัน... เค้าไปเที่ยวมา มีเรื่องเล่าให้ฟังตั้งเยอะแยะ”“ได้ไงเล่า ตัวไปนอนกับเมียตัวดิ”“ไม่”พี่ชายฝาแฝดยังคงดื้อรั้นหัวชนฝา แต่ไม่ทันจะได้พาน้องสาวไปจากห้องรับประทานอาหาร คุณพ่อคุณแม่เรียกให้รอผู้ใหญ่มาครบก่อนเขาก็ต้องอยู่ บอกด้วยว่าภรรยาของเขาจะมารับประทานอาหารค่ำด้วย และรอกลับบ้านด้วยกัน---------------------------------