ทุกวันนี้ตะวันอายุยี่สิบห้าปี เรียนจบมหา’ลัยเอกชนชื่อดังด้วยเกรดงั้น ๆ ดันได้ทำงานเป็นผู้จัดการใหญ่อยู่เต็นท์รถมือสอง เพราะเส้นสายของคุณพ่อ
“ห้ามร้อง ไม่ดีกับลูก” เสียงเข้มสั่งคนที่นอนหันหลังให้ ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ก่อนจะผ่อนลมหายใจหนัก เขาคิดว่ามีวิธีจัดการกับใบหม่อน
“ธรรมดามึงก็ไม่มีใครเอาอยู่ละ ร้องไห้ขี้มูกย้อย ยิ่งดูน่าสมเพชเข้าไปใหญ่”
“กูขี้เหร่หรอ?” เธอหันกลับไปถาม เธอก็รู้ตัวว่าสวยอยู่หรอก แค่สูญเสียความมั่นใจ ยกมือจับหน้าจับตาพอเพื่อนหนุ่มทัก
“เออ น่าเกลียดมาก...”
“หน้ากูเลอะปะ? กูไม่ได้แต่งหน้าเยอะเลยนะ แค่รองพื้นกรีดตาเบา ๆ เอง”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ใบหม่อนคงโดนด่าว่า ‘เชี้ย! แล้วมึงจะร้องทำไม ร้องหาพระแสงอะไร’ ตะวันกลับถ้อยทีถ้อยอาศัย เดินไปหยิบกระจกกรอบไม้ขนาดพอดีมือมาถือ เพื่อให้อีกฝ่ายมองภาพสะท้อนในนั้นเอาเอง
“แหกตาดูเอา”
“เชี้ย... น่ากลัว” คนสบถเบิกตากว้างมองผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ขอบตาบวมช้ำหลังผ่านการร้องไห้อย่างหนัก บนหน้าอกยังเหมือนกับว่าจะมีรอยจ้ำแดง สภาพเธอยังกับโดนข่มขืน! ทั้งที่แค่ตื่นมาร้องไห้แล้วนอนต่อ
ร่างสูงล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างเดิม ข้างหญิงสาวที่ไม่ได้ถือตัวกับเขาเหมือนตอนเป็นแค่เพื่อนกัน เธอสร้างกำแพงเอาไว้อย่างเหมาะสมตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว ตอนนี้เธอกลับมาเป็นกันเองกับเขา
“มึงจะร้องทำไมเนี่ย กูบอกให้เงียบ หน้าตาดูได้ที่ไหน เดี๋ยวเถอะ ร้องอีกสักแอะ พ่อจะจูบให้ปากบวมเลยคอยดู...”
“แค่จูบ จะอะไร กูก็เคยจูบแฟนปะ”
คำพูดซึ่งเคยเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ต่างจากต่อยหน้าตะวันแล้วตบซ้ำ!
ชายหนุ่มกัดกรามกรอด ๆ เค้นน้ำเสียงเคียดแค้นออกมา “แต่กูเป็นผัวคนแรกของมึง อย่าพูดถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้ากูอีก”
“ไม่ถือซะหน่อย ลืมไปหมดละ” ใบหน้าสดสวยส่ายหนีไป ไม่สนใจคนที่กัดกรามกรอด ๆ อย่างโมโห
“กูเป็นผัวมึงหม่อน ใครก็ห้ามแตะของของกู”
“...”
ใบหม่อนเงียบไปอย่างไม่พอใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าตะวันไม่น่าจะอะไรกับเธอ เพราะไม่ใช่นิสัยของเขาเลย ออกจะเป็นหนุ่มเพลย์บอยเจ้าชู้ไปทั่ว
น่าแปลกที่เจ้าตัวดันพาทั้งพ่อแม่ไปเคลียร์ ทันทีที่รู้จากเพื่อนสาวอีกคนในกลุ่มเพื่อนซึ่งคบกันมาตั้งแต่โรงเรียนประถม
‘เมนี่’ เป็นที่ปรึกษาเรื่องผู้หญิงได้ดีที่สุด สุขศึกษานางได้เต็มเป็นเจ้าแม่ในกลุ่มผองเพื่อน พอใบหม่อนได้ใบตรวจครรภ์ รับถุงยาบำรุงครรภ์จากคุณหมอเลยตรงไปหาอย่างไม่รอช้า เมนี่ไม่รอช้าที่จะโทรบอกตะวัน พร้อมต่อว่าเธอห้ามพรากพ่อลูกโดยเด็ดขาด
ปัญหาอยู่ตรง...
ตะวันไม่จบแค่เรื่องที่ตัวเองเป็นพ่อ ตอนนี้เขาหวงแหนเพื่อน ผิดไปจากความเป็นเพื่อน ไม่ใช่เพื่อนอีกต่อไป!
“กูเอามึงหนักแน่ จะเอาให้ลุกไม่ขึ้น นอนหยอดน้ำเกลือ สลบคา... ร้องไห้ให้ตายก็ไม่ปล่อย”
“คนเคย... หลับนอนกัน... หรือเปล่า?” ในน้ำเสียงขาดช่วงไร้ความมั่นใจ จู่ ๆ มือเย็นยะเยือกก็เลื่อนมากอดเอวคอดบาง แววตาคู่สวยสั่นไหวสบมองใบหน้าเข้มขรึมจริงจัง ตะวันไม่แค่ขู่เธอ มันบอกว่ามันเอาจริง!
“กูจะเอาตูดมึงให้เข้าห้องน้ำไม่ได้ไปสามวันเลยไอ้หม่อน ดังนั้นห้ามร้องไห้ ห้ามทำร้ายลูกกู เข้าใจนะ”
----------------------------------
เรือนไทยยกสูงในซอยของหมู่บ้านริมชานเมือง พันธนาการรักเรียบง่ายแม้เป็นแค่แหวนเพชรเม็ดงามสองกะรัต ไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินไป ก็ไม่น้อยหน้าฝ่ายชายซึ่งวางสินสอดมากพอ คุณพ่อคุณแม่ของฝ่ายหญิงยอมยกลูกสาวให้โดยไม่เสียหน้าเพื่อนฝูง
นอกเสียจากหลักฐานคือลูกน้อยในครรภ์ของคุณแม่ ท้องไม่โตขึ้นสักเท่าไร เป็นแหวนสองวงบนนิ้วนางข้างซ้าย เจ้าบ่าวตั้งใจไปเลือกแหวนและสั่งทำด้วยตนเอง
เจ้าสาวคนสวยคอยก้มหน้าลงมองมันด้วยความรู้สึกสับสนลึก ๆ ในใจ ขณะเรียวปากอิ่มงานเคลือบลิปสติกสีแดงสดยังขยับยิ้ม ยกมือไหว้ทักทายแขกเหรื่ออย่างเป็นกันเอง
“มีแหวนสองวง ไว้ใส่เวลาไปทำงาน เข้าเรือนหอเราแล้วค่อยถอดวงนี้ไปเก็บนะ...” บอกพลางจับกุมมือเรียวไว้ เพชรระยิบระยับบนปลายนิ้วเรียวยาวถูกลูบไปมาด้วยแววตาหลงใหล ใบหม่อนบอกลาแขกคนสุดท้ายซึ่งเป็นเพื่อนของคุณแม่ไปแล้วกลับทำเป็นไม่สนใจสามี แต่ปากพูด
“ค่ะ พ่อคนรวย”
“นี่ซื้อเองนะ เงินเดือนตัวเอง ค่าคอมฯ รถสปอร์ตหรู โบนัสทำงานทั้งปีของปีที่แล้ว เอามาซื้อแหวนให้เมีย”
“เป็นไปได้ยังไง”
“คิดว่าไอ้ตะวันมันขี้งกล่ะสิ”
“เอ้อ ก็งกอยู่ เท่าที่รู้จักกันมา เกลือเรียกพี่”
“ที่เคยยืมเงินเพราะอยากคุยด้วย ที่บอกให้เอาเงินมาคืนด้วยเวลาเธอยืมเรา ก็เพราะ...” เงียบไป พอดวงตากลมโตเหลือบมองมายังเขา ด้วยสีหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว ตะวันพูดด้วยสีหน้าขึงขังจริงจัง
“แอบชอบมานานแล้ว”
“อั๊ยหยาา! ตะวัน มึงพูดแบบนี้ กูขนลุกมาก” เธอหันกลับมาแหวตะวันเข้า ซึ่งเขายังคงจริงจัง
“หม่อน... มึงไม่เข้าใจกู กูชอบมึงมานานแล้ว แต่มึงไม่รู้ตัวไง กูไม่อยากเป็นเพื่อนกับมึงเลยสักวัน ทุกวันของกูคิดถึงแต่มึง กูไม่เคยคิดกับมึงแค่เพื่อน”
ตะวันถือว่าวันนี้เป็นวันของเขา ใบหม่อนเป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถึงที่ผ่านมาตัวเขาจะมีเสเพล ทำตัวเป็นผู้ชายบ้าเซ็กซ์บ้าง แต่ไม่มีวันไหน ไม่มีผู้หญิงคนไหนในชีวิตที่จะทำให้เขาคิดถึงเพื่อนรักคนนี้น้อยลง
เมื่อได้สารภาพความในใจ แขกเหรื่อเริ่มทยอยกันกลับ มือหนาที่ยังคงจับกุมมือน้อยไม่ยอมปล่อย กระตุกดึงคนตัวเล็กให้เดินไปทางอาหารในถาดซึ่งวางเรียงรายกัน ตักขนมปังกรอบกับขนมชั้นหวาน ๆ ส่งให้เจ้าสาวรับไป
“มึงเลิกติดต่อกับพี่แม็กแล้วใช่ไหม? กูให้คุยได้แค่เมนี่นะ กับแก๊งเรา”
“เออ... มึงจะทำไมนักหนากับกูล่ะ กูรู้น่ะ กูไม่เล่นชู้หรอก”
“บอกเอาไว้ก่อน รู้นะว่าพ่อดุ ถ้ามึงกล้ามีชู้ ชู้มึงตาย กูไม่เอาไว้ แล้วกูไม่ยอมติดคุก กูจะหนีคดี กูจะเอาลูกไปด้วย”
ไม่น่าคบมันเป็นเพื่อนเลยจริง ๆ!
ใบหม่อนเคี้ยวอาหารแก้มกลมตุ่ยด้วยความหิว ท้องเล็ก ๆ ร้องโครกครากเสียงดัง ประสาคุณแม่ท้องอ่อนกำลังต้องการสารอาหารไปเลี้ยงเจ้าตัวน้อย
รับประทานของรองท้องแล้วว่าที่คุณพ่อเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดปากให้อย่างใจดี
แปลก... ประหลาด...ตะวันเอาอกเอาใจผิดปกติ!ในสีหน้าสงสัยระคนค้างคาใจว่าอีกคนเป็นอะไร เขาไม่เหมือนหนุ่มห้าวหาญที่เคยรู้จัก ยังสบตาเธออย่างจริงจังจริงใจ ผิดจากตะวันคนเดิม“เมื่อยใช่ไหม? รองเท้าน่ะ” พูดพลางก้มตัวลงนั่งถอดรองเท้าให้ สองเท้าเปลือยเปล่าสัมผัสพรมเย็นเฉียบ เย็น... ยิ่งขึ้นไปอีกพอชายหนุ่มไปคว้าเก้าอี้มาให้เธอนั่งดวงตาคู่สวยคอยมองตามทุกกิริยา มือหนาจับข้อเท้าขาวสวยอย่างอ่อนโยน หมุนไปมาเบา ๆ ไม่ให้เธอรู้สึกเจ็บแม้สักน้อย ค่อนข้างสบาย...“ทำอะไรน่ะ?”“นวดให้ไง...”“เอ้อ... ทำตัวแปลก จังเลยนะ”“หม่อน... เป็นเมียตะวัน เป็นแม่ของลูกตะวัน ก็ต้องดูแลดี ๆ”‘แล้วจะให้ทำหน้ายังไงดีล่ะ ทำตัวยังไงดี’ใบหม่อนไม่ได้พูดออกไป เมื่อรอยยิ้มจริงใจบนใบหน้าหล่อเหลาทำใบหม่อนรู้สึกขนลุกขึ้นมา พอเขายิ้ม นวดข้อเท้าให้เธอ เลยเลือกที่จะเบือนหน้าหนีพ่อของลูกไปอีกทาง----------------------------------เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อก่อนเธอเป็นเด็กสาวที่โดนบูลลี่เป็นประจำน่ะสิ พอได้มาเป็นเพื่อนกับตะวัน อย่าว่าแต่รอยขีดเขียนบนโต๊ะว่า ‘อีแรด’ สารพัดเรื่องราวที่พวกขี้อิจฉาสามารถจะสรรหามาแกล้งเธอได้ ไม่มีให้เห็นอีก บรรดา
น่าตกใจกว่าอาหารหน้าตาน่ารับประทาน เป็นคำเรียกที่เปลี่ยนแปลงไป ตะวันดูสุภาพนุ่มนวล เหมือนตอนพูดจากับสาว ๆ ใบหม่อนนั่งลงชิมฝีมือของเขายังเผลออุทานออกมาอร่อย มันอร่อยมาก! เธอไม่คิดว่าลูกคนรวย มีแม่บ้านคอยจัดการงานให้ทุกอย่างจะทำอาหารเป็น ปลาทูนึ่งมะนาวแกะก้างปลาออกให้เรียบร้อย รสชาติไม่เปรี้ยวจนเกินไป ไม่เผ็ดจัดจ้านมากไป เอาใจคนท้องที่อาจจะมีปัญหาเรื่องกรดไหลย้อนในอนาคต“ไม่น่าเชื่อเลยอะ เป็นเพื่อนกันมาเป็นสิบปี ไม่เคยกินฝีมือมึงได้ไงวะ”“ไม่เคยทำให้ใครกิน ปกติทำเองกินเอง นักเลงไง”“จริง ๆ ก็งกหรือเปล่า ทำเองกินเอง กินคนเดียว กะไม่แบ่งใครล่ะสิ”“เอ้อ นั่นแหละ อย่างที่มึงว่า กูงก ของซื้อมา นั่งกินคนเดียวอร่อยเหาะ ไม่มีใครแย่ง” แล้วคนพูดก็หัวเราะ มองชามข้าวสีขาวลายกระต่ายน่ารัก เห็นภรรยาก้มหน้าก้มตาตักข้าวหอมมะลิอุ่นเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย“แต่ว่าต่อไปนี้จะทำให้หม่อนกับลูกกินบ่อย ๆ เลยนะ”หญิงสาวหน้าตะลึงงัน เรียกเสียงหัวเราะจากว่าที่คุณพ่อ“โธ่... ใบหม่อน ดูทำหน้าเข้า กินไป ๆ เหอะ กินให้อิ่มนะครับ”ตะวันแสนเป็นกันเองแถมพูดจาไพเราะขึ้น ไม่วางบุคลิกเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน ยังนั่งดูเธอทานข้า
ร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีครีมอ่อนเปียกชื้นเหงื่อ ชักชวนภรรยาให้นั่งลงบนโซฟาเพื่อที่เขาจะไปชงชามาให้เธอดื่มใบหม่อนหย่อนนั่งรอบนโซฟาในห้องรับแขกได้สักพัก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาเพื่อนสาว แต่พอเห็นว่าอีกคนก็ยังไม่ออกมา เธอจึงชะโงกคอมองหา ลุกขึ้นไปเปิดลูกบิดประตูห้องครัวหาคนที่เพิ่งจะถอดเสื้อโยนทิ้งลงพื้นมัดกล้ามที่ไล่เรียงกันอย่างสวยงามลงตัวถึงหน้าอกแน่นขนัดทำเอาเธอจ้องเขม็ง หากพอมุมปากหนาหยักได้รูปฉีกยิ้มออกมา จึงรีบส่ายแก้มแดง ๆ หนี“ถอดเสื้อทำไมเล่า”“ร้อน...” พูดพลางส่งแก้วชาอุ่นร้อนให้พร้อมจานรองถ้วยลายน่ารัก ปลายนิ้วเรียวยาวยังเชยคางมนขึ้นให้เธอมองหน้าเขา เพราะกลัวว่าจะทำแก้วน้ำร้อนหกท่าทีเขินอายนั้นทำให้ตะวันได้ใจใหญ่ ถึงเมียไม่ยอมเข้าใกล้ แม้แต่จะพูดจากันยังเว้นระยะห่าง เขายืนมองเธอจิบชาได้ไม่กี่คำ รับถ้วยไปวางบนเคาน์เตอร์ครัวค่อยหันกลับไปคว้าเอวบางเข้าหมับ คนในอ้อมแขนสะดุ้งตกใจ“ผัวทำหน้าที่ทุกอย่างแล้ว เมียไม่ทำหน้าที่...?” เลิกคิ้วถามคนที่เงยหน้าขึ้นมองตามรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตรงมุมปาก ใบหม่อนไม่ทันตั้งรับการรุกของสามี“พูดอะไรของมึง เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องทะ
ลูกยังไม่ได้ยินเสียงของเขาหรอก...สักประมาณห้าเดือน เด็กน้อยถึงสามารถรับรู้ได้ถึงเสียงของโลกภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลงหรือเสียงของคุณพ่อตะวันอ่านหนังสือเกี่ยวกับทารกในครรภ์มาพอสมควร และทั้งที่รู้อย่างนั้น เขายังพยายามพูดคุยกับเจ้าตัวเล็กในท้อง หยอกคุณแม่เล่นเป็นประจำคืนก่อนเขาไม่ได้ล่วงเกินภรรยา เพราะเห็นว่าเธอยังไม่พร้อม ปล่อยให้นอนหลับสบายจนสาย ก่อนออกไปทำงานเงียบ ๆ ในวันหยุดอยู่บ้านเขาก็ลุกจากเตียงก่อน หุงหาอาหารวางไว้บนเคาน์เตอร์ครัว นั่งดูโทรทัศน์รอในห้องรับแขก กว่าที่คุณแม่จะงัวเงียตื่นเดินมาหา“มึง...” เสียงหวานเรียก ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นจากนิตยสารที่นั่งอ่านอยู่สักพักบนโซฟาสีดำสนิท หญิงสาวหน้าชะงัก ยืนขาแข็งไปเสียอย่างนั้น“เอ้อ... ตะวัน เรามีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”“ครับเมีย นั่งสิ...”ร่างสูงในชุดอยู่บ้านตบที่นั่งเบา ๆ เป็นเชิงเรียก ภรรยาก็นั่งลงข้างกันใบหม่อนเริ่มสวมชุดคลุมท้อง เป็นเสื้อตัวหลวมโพรกความยาวถึงหัวเข่า เธอดูกล้า ๆ กลัว ๆ ในความสัมพันธ์ฉันเพื่อนซึ่งเคยแน่นแฟ้น เธอทำตัวห่างเหินมากขึ้น ยังบอกกับเขาไปตรง ๆ ว่าทั้งเธอและเขาควรเปลี่ยนคำที่ใช้เรียกตัวเอง หลังแต่งงา
ใบหม่อนคงต้องยอมรับว่ามันดี ดีไปหมดทุกท่าที่เขาขยับ มือที่จับ ริมฝีปากที่บรรจงจูบ อ้อมแขนที่ตระกองกอดเธออย่างแสนรัก ถึงแม้ว่าเขายังไม่ได้สานสัมพันธ์กับเธอ เมื่อโทรศัพท์เจ้ากรรมดันส่งเสียงดังซะก่อน แต่นั่นคงไม่ขัดจังหวะมากมายนักในเมื่อเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอกับสามีไม่มี Plan จะออกไปไหน โทรสั่งอาหารมาทานกันที่บ้านหญิงสาวยังคงไม่หิวเพราะเพิ่งทานข้าวเช้าไป เธอเห็นตะวันคุยโทรศัพท์กับลูกน้อง เหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะวางสาย แต่สามีเธออยากวาง“สงสัยอะไรโทรไปถามพี่ปิ๋วก่อนนะครับ วันนี้วันหยุดพี่ อยู่บ้านกับเมีย” น้ำเสียงห้วน ๆ บอกว่าเขาไม่อยากทำงานล่วงเวลา อยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง แม้นั่นจะเป็นไปได้ยากในความเป็นจริง ตะวันทำงานจันทร์ถึงศุกร์ กลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่มแล้วใบหม่อนไม่คิดก้าวก่ายเรื่องในที่ทำงานของสามี แต่พอเขาวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะกระจกใส หน้าโซฟาที่นั่งอยู่ด้วยกัน เธอตัดสินใจถาม“น้องที่ทำงานเหรอ?”“อืม... เด็กจบใหม่ ไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะ” ตอบแล้วตะวันท่าทางดีใจขึ้นมา “หวงเหรอ?”“หวงทำไมล่ะ”“หวงสิ ต้องหวง มีผัวหน้าตาดี ควรจะต้องหวง”ดูพูดเข้าสิ ยกหางตัวเองอีกต่างหาก! ใบหม่อน
“จับมันสิ... ทำให้ผัวหน่อย”ขนาดอันใหญ่โตโอฬารทำเอาหญิงสาวไรขนลุกชูชัน ตะวันเป็นผู้ชายสรีระสูงใหญ่ ถึงไม่อาจเท่ากับในสื่อลามกที่เธอเคยพบเห็นตามอินเทอร์เน็ต แต่เอาเรื่องสำหรับเธอไม่น้อยปลายหัวแดงก่ำชุ่มฉ่ำ น้ำหนืดเหนียวถูกละเลงอยู่ในกำมือน้อย รูดขึ้นลงเบา ๆ ชายหนุ่มส่งเสียงคำราม กัดกรามกรอด ๆ มองคนใต้ร่างคอยปรนเปรอสามีอย่างเต็มใจ แม้ว่าเธอจะค่อนข้างเงอะงะไม่เป็นงานใบหน้าหล่อเหลาขมวดมุ่นมองเธอด้วยสีหน้าทรมาน กำขึ้นลงครั้งหนึ่ง เรียกเสียงแหบพร่า “หม่อนจ๋า เมียจ๋า... อาา อูยส์... ตรงนั้นแหละ”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเร่าร้อน ทำให้เธอยิ่งอยากสานงานสำคัญต่อเจียนคลั่ง และก็คงไม่ใช่เธอคนเดียว เกิดรู้สึกว่าในท้องเบาหวิว ต้องการการเติมเต็มจากชายตรงหน้า เรียวขานวลเนียนขยับออกกว้าง เปิดทางให้มังกรร้ายที่กำลังตื่นตัวค้นหาหนทางของมันกลีบดอกไม้งามสีชมพูหวานยังคงสดใหม่ ราวกับว่าไม่เคยผ่านมือชาย ปลายหัวกลมมนสะกิดบนยอดเกสรชุ่มฉ่ำครั้งหนึ่ง หญิงสาวสูดปากครางสยิว ส่ายหน้ามองสามีใต้แสงนวลสลัว ขณะที่เขายังรั้งรออยู่หน้าปากทางเข้าไม่ยอมเข้าไปชิมชมมันสักที“อยาก... ให้เอาเข้าไปไหม?”“มาถามอะไรเล่า”“ก็ถ้าหม่
เพื่อนฝูงสมัยเรียนนัดหมายว่าจะมาตั้งโต๊ะปิ้งย่างที่บ้านหลังใหม่ของตะวัน เมนี่อาสาขับรถพาคุณแม่ใบหม่อนกลับบ้านมาด้วยกัน ส่วนตะวันกลับมาถึงก่อนไม่ได้ไปรับภรรยา นั่งรออยู่บริเวณสวนหย่อม จนรถยนต์ญี่ปุ่นสีขาวจอดเทียบริมรั้วด้านหน้า สองสาวเปิดประตูลงจากรถใบหม่อนท้องไม่โตขึ้นสักเท่าไร เธอตั้งครรภ์ประมาณสี่เดือนครึ่งหรือสิบแปดสัปดาห์ แต่แทบไม่เห็นว่าเป็นคนท้อง ดูออกไปทางว่าเป็นสาวลงพุงซะมากกว่าเวลาไปไหนมาไหน เธอสวมเดรสทรงกระโปรงบานพลิ้วลายดอกไม้น่ารัก เพราะว่าเลยมักจะติดเข็มกลัดเอาไว้บนเสื้อ บริเวณเหนือสะดือ“เมียไปไหนมาครับ? ทำไมกลับช้าจัง” เสียงทุ้มถามภรรยาทันทีที่เปิดประตูบานเลื่อนหน้าบ้าน ใบหม่อนส่งถุงใส่อาหารหลายใบให้เขารับไป“ไปทำงานไง ไลน์มาบอกแล้ว ไปถ่ายรูปมาด้วย”“ถ่ายรูป?” ถามตาโต ตะวันเพิ่งนึกออกว่าภรรยาพูดกับเขาเรื่องถ่ายรูปตอนท้อง เธออยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่เพราะว่าเขางานยุ่งมากเสียจนลืมไปสนิท“ใช้ตากล้องที่ไหนอะ?”“เพื่อนที่ทำงานไง พี่เอฟ”ไอ้เอฟ! ตะวันจำหน้าเพื่อนร่วมงานหนุ่มขาวตี๋อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับภรรยาได้ หน้าตาท่าทางไม่น่าไว้วางใจ เขาเลยถามแต่เรื่องรูปถ่ายว่าถ่าย
บรรยากาศในบ้านเริ่มอึมครึมเพราะคุณพ่อตะวันโกรธขึ้นมาน้อย ๆ เมนี่คิดขึ้นได้เรื่องหนึ่งทำโวยวาย“เอ๊ย มันสนมึงนะ กูเห็นมันมองมึงตลอด แต่ว่ามึงไม่เห็นเองไงยัยใบหม่อน”“รู้ตัวอีกทีไงล่ะ ป่องแล้วนะ ฮ่า ๆ”“เฮอะ!” แล้วคนทำเสียงดังก็ลุกขึ้นเดินปึงปังไปช่วยเพื่อนหนุ่มจัดการเตาปิ้งย่างให้เรียบร้อย เดินกลับมาสะบัดหน้างอนใส่ภรรยาที่ทำเป็นไม่สนใจเขากลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างงอนแต่ไม่มีใครเป็นฝ่ายง้อ จนกระทั่งคนในบ้านเมาแอ๋ หลับสนิทบนโซฟาหัวไปทางเท้าไปทาง สองสามีภรรยาจึงกลับมาพูดคุยกัน ใบหม่อนยกจานไปไว้ในอ่างล้างจานแล้วบอกลาสามี“ไปนอนก่อนนะ”“ไปด้วย!”ตะวันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ รีบวิ่งตามขึ้นบันไดบ้านไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งกองจานไว้อย่างนั้น ด้วยรู้ดีว่าเพื่อนในบ้านสร่างเมาแล้วคงจะมาล้างกัน ซึ่งใบหม่อนก็ไม่ยื้อให้ล้างมันเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ทั้งที่เธอเป็นคนรักสะอาดเมื่อคนข้างหน้าหยุดปลายเท้าลงหน้าประตูไม้ สลักลายดอกไม้สวยงามกลางบานประตู หน้าห้องนอนห้องใหญ่ สองสายตาสบประสานกัน คนหนึ่งต้องการปรับความเข้าใจ“เมีย... ทำไมเมียทำแบบนี้อะ”“บอกไปแล้ว แกลืมเองหรือเปล่า”“โธ่... เมียจ๋า คุณพ่อตะวันไม่ได้ตั้งใจลื
ถึงแม้ว่าเธอยอมมอบหัวใจให้เขาแล้วก็ตาม ไม่มีวันไหน ที่เขาจะรักเธอน้อยลงสักวันเรือนไทยยกสูงด้านในเป็นเวลาของผู้หลักผู้ใหญ่จับกลุ่มพูดคุยกัน บ่าวสาวขอตัวออกมายืนสูดอากาศด้านนอก หญิงสาวยังอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายตัวโต อุ้มประคองเธอออกมาวางลงบนพื้นหญ้าด้านหน้าอย่างระวัง ถอดรองเท้าส้นเตี้ยให้ใส่เป็นรองเท้าแตะแทน ยังกำชับบอกว่าจะไม่ดีต่อลูกน้อยไม่ควรยืนนาน ๆสักพักหนึ่งเขามองเข้าไปในบ้าน แผ่นป้ายติดดอกไม้น่ารักด้านบน “ผมเคยมองป้ายแต่งงานของพวกเขา จินตนาการอยู่ว่าอาจเป็นชื่อของเรา”“เห็นค่ะ... ตาเยิ้มเชียว แหม่มเลยยอมไปกินหูฉลามด้วยไง แหม่มไม่ไปอาฟเตอร์ปาร์ตี้ ท่าทางน่าสนุกจะตาย”“แล้วหูฉลามอร่อยไหม?”“คนพาไปอร่อยกว่า...”“อ้อ ยังไงก็ขอบคุณที่รับรักคุณอคินนะครับ... ครูแหม่ม” เขายิ้ม มือโอบเอวบางเข้าแนบชิดสะโพก ก้มหน้าลงมองชุดไทยสีขาวคาดสไบทอง เครื่องประดับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามสาย ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ใบหน้าหวานงามแต่งแต้มเครื่องสำอางเบาบาง ทว่าริมฝีปากสีแดงสดเข้ากับชุดสวย เธอระบายยิ้มอ่อน“แหม่มชอบคุณก่อน คอยเฝ้าไปถามหาหนังสือประหลาด ๆ ก็แค่ข้ออ้างของแหม่ม แหม่มจะเอาหนังสือภาษามือสำหรับเด็กไปทำอะไร
ใบหน้างามระรื่นอารมณ์ดี แค่เจอโทรศัพท์เครื่องเดียว หญิงสาวรีบเปิดตู้เสื้อผ้า สวมเดรสลายดอกไม้มีสม็อคเอวน่ารัก ออกจากห้องไปซื้อของเข้าบ้านมาใส่ตู้เย็นเอาไว้ เผื่อแฟนหนุ่มกลับบ้านมา จะได้มีขนมปังมีข้าวรองท้องเสียหน่อย“น่าหมั่นไส้ ตัวลืมเรื่องของเราแล้วสิ เราสนิทกันขนาดไหน” บ่นพลางอมลมไว้ในแก้มป่อง คนถือถุงพะรุงพะรังเดินตามหญิงสาวที่นำหน้าเข้าลิฟต์ไป ปลายนิ้วเรียวกดเลข 15 ก่อนจะหันไปบอกกับพี่ชายซึ่งอยู่กันตามลำพัง“คนเราต้องโตไหม มิกกี้... ไม่เอานะ ไม่คิดมาก”เธอยอมเป็นฝ่ายง้อพี่ชายฝาแฝดก่อนวันนี้ ส่งยิ้มหวานให้ มือข้างหนึ่งเลื่อนไปกุมมือหนา ชายหนุ่มไม่ถนัดมือที่จะกุมน้องสาวก็ย้ายของไปถือไว้อีกข้างทั้งหมด เพื่อสอดประสานปลายนิ้วเข้าด้วยกันเหมือนอย่างเคย“เค้ายังรักตัวเหมือนเดิมนะ ตัวเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นคนที่เกิดมาด้วยกัน เค้าจะเป็นแม่คนแล้วนะ ตัวต้องดีใจสิถึงจะถูก”“I love you too Anika...”แววตาซึ่งเต็มไปด้วยความโหยหาอาทรสบประสานกัน สองพี่น้องได้ปรับความเข้าใจ บีบมือกันและกันแน่น ประตูลิฟต์เปิดอ้าออกกว้าง พร้อมความรู้สึกใหม่ ๆ ซึ่งยังคงเหมือนเดิม และแตกต่างไปในขณะเดียว----------
ว่าที่คุณพ่ออ่อนโยนกว่าที่เธอคิด เขาลิ้มชิมเรือนร่างอย่างนิ่มนวลกระทั่งเต้าตึงซึ่งขยายใหญ่กว่าเดิม แทรกกายเข้าหาเธออย่างเร่าร้อนทว่าโอนอ่อนตาม บนโต๊ะกินข้าวก็ใช่ว่าจะไม่เคย ไม้สีดำแข็งแรงทนทานสมราคาคุยของเซลล์ขายเฟอร์นิเจอร์ หลังจากที่เจ้าของห้องเพิ่งถอยมาใหม่ เพราะตัวเก่ามันหัก!ผู้ชายตัวโตใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก อย่างไม่น่าเชื่อเลยว่า...พ่อหนุ่มเอวดุจะกลายเป็นพ่อหนุ่มเอวหวาน สองขาเรียวที่โอบรัดรอบเอวสอบ ขยับเบา ๆ หมุนวนเป็นวงกลมแต่ทำให้เธอรู้สึกถึงความล้ำลึกอัณณิกาก็คงไม่ไหว ร่างกายส่ายเร่า ส่งเสียงครวญครางปานขาดใจ เพราะติดใจสามีคนใหม่คนเดิม“คุณอคิน อ๊าาย!” เสียงหวานหวีดร้อง สะโพกงามกระตุกเกร็งเมื่อเดินทางมาสุดทางฝัน เธอหายใจหอบโยนทว่าตะโบมจูบริมฝีปากหนาหยักได้รูปช่องทางรัดร้อนกระตุกเป็นจังหวะ เร็วแรง ทำให้เรือนกายกำยำรุ่มร้อนราคะกัดกรามแน่นเป็นสันนูนอคินฟุบหน้าลงบนไหล่มน ฝังกายแกร่งครั้งสุดท้ายเพื่อปลดปล่อย ราวกับว่าเขาพร้อมละทิ้งทุกสิ่งอย่าง แม้ทำได้เพียงตัวสั่นเป็นลูกนกตกรังในอ้อมแขนเล็ก ๆ ส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่าออกมา ทันทีที่การบีดรัดคลายตัวลง สองขาเรียวไขว้กันเหนือแ
ภาพขาวดำซึ่งเจ้าตัวที่ขยับไปมา ถีบแขนถีบขาวุ่นวายกับร่างกายตัวเองซึ่งยังไม่สมบูรณ์ดี เลขด้านบนสุดของจอ 12w6d ประมาณสิบสองสัปดาห์หกวันสาววัยห้าสิบกว่าตะลึงงัน ประคองจับแท็บเล็ตด้วยมือทั้งสองข้าง หรี่ตามองดูให้ชัด ถึงแม้ว่าจอสี่เหลี่ยมขนาดสิบนิ้วกว่า ใหญ่พอที่จะมองภาพได้อย่างชัดเจนคุณแม่ป้อมดูวิดีโอสั้น ๆ เรียงกันหลายตอนจบแล้วกลับหันมาจ้องลูกชายตาเขม็ง“ไม่ดีใจเหรอ?” ถามหน้าเหลอหลา ด้วยสายตาที่ดุดันก้าวร้าวของหญิงตรงหน้า ไม่ได้ตั้งตัวก็โดนฝ่ามือพิฆาตเข้าบนต้นแขนเป็นล่ำสันเพราะว่าใกล้มือที่สุด ถึงลูกชายจะมีมัดกล้ามแข็งแรง คุณแม่ก็ไม่คณนามือจนเจ้าตัวต้องร้อง“โอ๊ยแม่! ตีผมทำไมอะ ผมตั้งใจมากเลยนะ เห็นแม่บ่นว่าอยากได้หลาน เมื่อไรลูกชายจะมีเมีย ผมตั้งใจกินแต่ของดี ๆ ขยันทำการบ้านมากเลยนะแม่”“หลานก็ส่วนหลาน แต่แก... มันน่านักนะ!” เสียงตะคอกว่าก่อนจะลดเสียงลงเพราะกลัวใครมาได้ยินเข้า หญิงสาวรีบเข้ามากอดแขน“คุณแม่คะ... หนูลืมกินยาเองค่ะ อย่าตีพี่เขาเลย”“ตกลง... ลืมหรอ?”หญิงสาวส่ายหน้า ขยิบตาส่งสัญญาณให้เขาบอกว่าให้รับคำแก้ตัวของเธอหน่อย จะได้ไม่ถูกคุณแม่ตีจนแขนแดงไปหมด ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเพ
‘เอ๊ย! มิสแว่น ๆ’‘ลุกเร็วมึง!’‘ยังไม่เลิกเรียนมานั่งร้านกาแฟได้ไง!’เสียงหวานใสของครูสาวผมฟู แว่นหน้าเตอะ ดังก้องเข้ามาในหัว ขนาดว่าเธอตะโกนอย่างดุดันที่สุดแล้วกลับไร้ซึ่งความน่ากลัว จะว่าดุก็ยังไม่ได้เลยเด็กหนุ่มวิ่งหนีคุณครูสาว ตะโกนเรียกมิสแว่น ๆ อะไร ๆ ทำไม ๆ แก๊งเด็กแสบที่ถึงจะสวมกางเกงน้ำเงินแต่หน้าตาเอาเรื่องเอาราว เกินกว่าครูตัวเล็กนิดเดียวจะรับมือไหว คุณครูยังทำกาแฟหกใส่เสื้อหนุ่มในร้านกาแฟ ล้มหน้าคะมำ!อัณณิกาสารภาพความในใจว่าเธอซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเมื่อได้รับน้ำใจจากเขา ไม่ใช่เพียงผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก ๆ ในวันที่ไม่ได้ดูแลตัวเองจนดูสวยเท่านี้วันนั้นอคินไม่ถือโทษโกรธเธอเรื่องกาแฟ จับตัวเด็กแสบได้ สั่งสอนแทนคุณครู แต่ละคนเงยหน้ากันแทบไม่ขึ้น‘ไม่เป็นไรนะครับ ครู...’เขาพูดเท่านั้น คุณครูไม่ได้บอกชื่อเสียงเรียงนามกับเขาเลย ทำให้จำครูแหม่มไม่ได้อคินไม่คิดว่าเธอยังคงเก็บของเล็กน้อยเอาไว้ ตัวเขาเองก็ไม่คิดอะไรจนพบเธออีกครั้งหนึ่ง มายืมหนังสือ มาคืนหนังสือ เขาเห็นหน้าเธอบ่อยขึ้น มาก ๆ เข้าก็เริ่มหลงใหลในความน่ารักอ่อนหวานของหญิงสาวตรงหน้า“แหม่ม... ดีใจจังค่ะ ขอบคุณที่ดูแลแหม่ม
งอนกันไปงอนกันมา วันต่อมาก็หายโกรธ ความสัมพันธ์ของเธอและเขาไม่ซับซ้อน สามารถนั่งพูดจากันอย่างตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อมเมื่อกลับบ้านด้วยกัน เขาพูดกับเธอเรื่องพี่ชายว่าเขาไม่ชอบ เธอก็จะพยายามวางตัวให้ดีกว่านี้เย็นนี้เธอมารอพบเขาหน้าห้องสมุด ใต้ร่มไม้ใหญ่บนม้านั่งหินตัวเดิม สวมเดรสสีขาวสะอาด เข้ารูปสมส่วน แต่งหน้าบาง ๆ เข้ากับลิปสติกสีชมพู“รอนานไหม?” เป็นคำถามแรกของคนที่ถือน้ำหวานชื่นใจติดมือมาพร้อมกับกระเป๋าหนัง มือส่งให้หญิงสาวที่ดูมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย เธอรับแก้วน้ำไปดื่ม แก้วพลาสติกใสมีหลอดมองดูเหมือนจะเป็นน้ำหวานทั่วไป“น้ำนมข้าวโพดหรือคะ?”“ครับ ซื้อมาตอนพักกลางวัน บำรุงแฟนหน่อย”คนได้ยินหยิบหลอดเข้าปากชิมน้ำอร่อยไปหนึ่งคำ รสชาติไม่หวานมาก ขณะร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาสีกรมท่านั่งลงข้างเธอ ตั้งใจจะนั่งคุยกับแฟนสักหน่อย“ช่วงนี้เลิกงานเร็วหรือครับ?”“ค่ะ เดือนนี้งานไม่ยุ่ง แต่ว่าเดือนหน้าเลิกช้าแล้วนะ”“ไม่เป็นไร ผมจะไปรอแหม่ม... เหมือนเดิม” ปลายเสียงย้ำชัด กระทั่งแววตาเอ็นดูเห็นเธอดื่มน้ำจนหมดแก้วอย่างเอร็ดอร่อย ไม่ลืมถามถึงมาสเซอร์หนุ่ม “เย็นนี้มาสเซอร์มิกจะมาชวนดูหนังอีกหรือเปล่า?”“ไ
นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า ของป๋าสายเปย์ เหมือนเกทับเดรสลายดอกไม้ตัวสวยที่ตากอยู่บนราวตากผ้าริมระเบียง กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นฝีมือของพ่อบ้าน ซักตากเสื้อผ้าให้ในระหว่างเธอออกไปทำงาน แต่เป็นวันหยุดของเขาอัณณิกาสังเกตว่าเสื้อผ้าตัวไหนที่พี่ชายฝาแฝดซื้อให้มักหลบอยู่ในซอกมุม ถึงเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าพับวางอย่างเรียบร้อย ก็พับซ่อนเอาไว้ แขวนไว้ด้านในสุดเหมือนจงใจให้เธอไม่หยิบมันขึ้นมาสวมเธอไม่ได้ต่อว่าผู้ชายขี้หวงทั้งที่รู้ว่าเขาน่ะคิดอะไร เพราะเวลาที่มีสาว ๆ มาเจ๊าะแจ๊ะบรรณารักษ์หนุ่มฮ็อตเนิร์ด โดยเฉพาะนักศึกษาฝึกงาน เธอแอบหวงเขาอยู่เหมือนกันวันนี้เธอเลิกงานไวสักหน่อย เดินเลาะริมทางเท้าไปถึงแล้วก็นั่งรอบริเวณม้าหิน ใกล้กับลานจอดรถยนต์ มองเห็นประตูกระจกอัตโนมัติเปิดอ้ากว้าง และปิดลงพร้อมแอร์เย็นฉ่ำจากด้านใน ร่างสูงในเชิ้ตหล่อเหลาลายทางเดินออกมาพบเธอด้วยสีหน้าคร่ำเครียด“ผมเลิกช้านิดนึงนะครับ หนังสือชำรุด... หลายเล่ม”“ไม่เป็นไร ๆ แหม่มรอได้ คุณอคินทำงานก่อนเลย” เธอโบกมือไปมาบอกให้เขาไปทำงาน ชายหนุ่มคะยั้นคะยอเธอให้เข้าไปนั่งข้างใน อัณณิการู้สึกไม่ค่อยสบายตัวนัก เธอจำเป็นต้องปฏิเสธชายที
รอยยิ้มพริ้มพรายบนวงหน้าหล่อเหลายามก้มลงมองริมฝีปากงาม พูดจาเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้ว ทั้งเอ็นดูหลงใหลเมื่อใดที่อัณณิกาตั้งคำถามกับเขาจะตอบเธอมากขึ้น ทั้งที่ไม่ใช่คนพูดเยอะ พักหลังมานี้เขาสามารถพูดจาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเธอ“เราสองคน... อาจเป็นเรื่องสั้นสักเล่ม อาจมีตอนจบที่ไม่ดี ก็ได้นะคะ”“ต้องดีสิ ทำไมจะไม่ดีล่ะ ผมกับแหม่มชอบอะไรเหมือนกัน แล้ว... เราชอบหนังสือเหมือนกัน ผมชอบอ่านนิยายเหมือนแหม่มเลยนะ”หนังสือเล่มบางในมือของอัณณิกาไม่ใช่เรื่องราวที่ดีนัก หญิงสาวหยิบผิดเล่มมาจากห้องสมุดของเขา เธออ่านมันแล้วมีสีหน้าเศร้าหมองเพราะตอนจบที่ไม่สมหวังของตัวละคร“แล้วแหม่มจะทำยังไงดี...” คิดเองเออเอง ตอบเอง! “ไม่รู้เหมือนกัน เป็นเรื่องอนาคต”ร่างบางในเดรสกระโปรงน่ารักนั่งลงในมุมหนึ่งของห้องสมุดในบ้านหลังใหญ่ เธอเอาหลังพิงกำแพงอย่างท้อแท้ ได้รับการปลอบใจจากแฟนหนุ่ม ที่เฝ้าติดตามเธอไม่ห่าง“นั่นสิ เป็นเรื่องอนาคต แล้วจะไปคิดเยอะแยะทำไม” ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ชายหนุ่มนั่งลงข้าง ๆ เธอ ระหว่างชั้นหนังสือสูงจรดเพดาน มองหาหนังสือเล่มใหม่ หวังว่าอีกคนจะอารมณ์ดีขึ้น“มีเ
Maiken หรือ Mike หวงน้องสาวยังกับอะไรดี ถึงวันนี้จะแต่งงานไปแล้ว นั่นเป็นสาเหตุให้หลายคนคิดด้วยว่าเรื่องที่พูดทั้งหมดคงมั่นใจไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริง อาจไม่จริงเลยก็ได้“ตัวยังไม่รู้จักผู้ชายดีพอ ไม่มีใครหวังดีกับเรานอกจากมิกกี้ เค้าบอกตลอดไม่ให้ไว้ใจหนุ่ม ๆ จะมีดีสักกี่คน”“โธ่... มาสเซอร์มิก เค้าโตแล้วปะ” เธอโวยวายพี่ชาย ขีดเส้นสัมพันธ์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ด้วยการเรียกเขาว่า ‘มาสเซอร์มิก’ เป็นความหมายนัย ๆ ว่าต่างคนต่างมีหน้าที่การงานแล้ว ควรมีอิสรภาพของตนเอง“มาสเซอร์มิก ขอเถอะ ๆ นะ”“พูดไม่รู้เรื่องนะ”“ตัวอะพูดไม่รู้เรื่อง”“ไปเหอะ ไปคุยกันสองคนดีกว่า” คนประท้วงรวบช้อนกินข้าวทั้งที่ยังไม่ได้กินเลยสักคำ คว้าข้อมือน้องสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ “วันนี้อยู่นอนคุยกัน... เค้าไปเที่ยวมา มีเรื่องเล่าให้ฟังตั้งเยอะแยะ”“ได้ไงเล่า ตัวไปนอนกับเมียตัวดิ”“ไม่”พี่ชายฝาแฝดยังคงดื้อรั้นหัวชนฝา แต่ไม่ทันจะได้พาน้องสาวไปจากห้องรับประทานอาหาร คุณพ่อคุณแม่เรียกให้รอผู้ใหญ่มาครบก่อนเขาก็ต้องอยู่ บอกด้วยว่าภรรยาของเขาจะมารับประทานอาหารค่ำด้วย และรอกลับบ้านด้วยกัน---------------------------------