หยางไท่หมิงและฟงเฉิงฮ่าว ได้เข้าพักในโรงเตี๊ยมผู่เฉิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งสองยังไม่ยอมพักผ่อนเนื่องจากรอฟังข่าวจากไห่หยุน ผู้รับคำสั่งจากฟงเฉิงฮ่าวไปสืบความเป็นมา เกี่ยวกับสตรีที่เจ้านายให้ความสนใจ ทันทีที่มาถึงเมืองผู่เถียน ซึ่งมิใช่แค่ไห่หยุนที่แปลกใจ แต่บ่าวที่ติดตามเจ้านายทั้งสองคนก็รู้สึ
“คุณหนูเล็กตั้งแต่ข้าเติบโตมาในหมู่บ้าน ไม่เคยมีผู้ใดเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับช่างทอผ้าฝีมือเก่งกาจเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรก ที่ผู้อาวุโสได้พบเจอเช่นกันขอรับ”เมื่อเรื่องราวที่ได้รับรู้ดูผิดปกติ ซูอันจึงไม่อาจวางใจได้อีกต่อไป “อวี้เหลียนเจ้ากำชับคนที่จะไปเฝ้าดูหมู่บ้านให้ดี และบอกกับชาวบ้านว่า อย่าได้เล่
ผ่านค่ำคืนที่แสนมีความสุขของจวนตระกูลจิน พวกเขารู้สึกโล่งอกที่ผ้าไหมและผ้าปักของร้าน มีลูกค้าให้ความสนใจอย่างล้นหลาม เพียงเปิดร้านวันแรกก็ขายดีจนผ้าบางผืนเหลือไม่กี่พับ ส่วนเรื่องสินค้าที่เหลือน้อยได้รับการแก้ไขจากบุตรสาวคนเล็กของครอบครัว มู่ถงกับฮูหยินอย่างจือเหมยจึงได้วางใจเพราะซูอันรู้ดีว่าบิดาม
‘รับทราบขอรับคุณหนูเล็ก’แต่ขณะที่ฟงเฉิงฮ่าวคิดจะเอาคืนสหายอยู่นั้น เขาพลันได้ยินเสียงสนทนาฝั่งตรงข้ามเสียก่อน เมื่อหันไปมองก็กวักมือเรียกหยางไท่หมิงทันที “อาหมิง ๆ ๆ พวกนางมาที่ร้านผ้าไหมแล้วเจ้ารีบมาดูสิ เด็กดื้อของเจ้ายามนางพูดคุยกับเทพธิดาของข้า ช่างดูสดใสร่าเริงแต่พอหันไปสั่งงานบ่าวไพร่ กลับมีด
หยางไท่หมิงรอจนหลงจู๊เหวยฉินนำน้ำชาและของว่าง วางลงบนโต๊ะและกลับออกไปเสียก่อน จึงได้เริ่มสนทนากับซูอัน โดยมีฟงเฉิงฮ่าวกับเยี่ยนหลิง นั่งฟังการสนทนาของทั้งสองคน“รบกวนคุณชายพูดธุระของท่านมาเถิด ข้ากับพี่สาวยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก”หยางไท่หมิงมองซูอันนิ่ง ๆ อย่างชอบใจกับท่าทางของนาง จากนั้นจึงได้พูด
เมื่อข่าวนี้กระจายกันไปปากต่อปาก เหล่าบุรุษในหมู่บ้าน จึงถืออาวุธที่หาได้ไว้ในมือ และให้คนในครอบครัวที่เป็นสตรี รวมถึงเด็กกับคนชราหลบอยู่ในบ้าน ส่วนพวกเขามารวมกันกับหัวหน้าหมู่บ้าน ที่มีเจียนฉางยืนถือดาบอยู่ด้านหน้าด้วยระยะทางจากหมู่บ้านซานอี๋ถึงตัวเมืองผู่เถียน ใช้เวลาไม่นานกับการขี่ม้าของจ้าวถา
กู้ต้าหลางเก็บความเคียดแค้น ที่ถูกซูอันทำให้อับอายต่อหน้าพวกชาวบ้าน และยังทำให้เขาบาดเจ็บมีรอยแผลเป็น ลูกน้องคนสนิททั้งสองอย่างอูหานกับอี๋ซื่อยังบาดเจ็บหนัก ต้องรักษาตัวอยู่นานนับเดือนกว่าจะหายเป็นปกติเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านซานอี๋ หลังจากกู้ต้าหลางกลับถึงจวน จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนให้บิดา
ซูอันที่ยามนี้สีหน้าของนางบ่งบอกถึงความโกรธ จ้องมองไปยังกู้ต้าหลางจากบนหลังม้า และยังได้พูดถึงคำเตือนของนางเมื่อครั้งก่อนหน้า “คำเตือนของข้าเจ้าคงไม่ยอมจดจำไว้ในหัวขี้เลื่อยของเจ้าเลยสินะ กู้ต้าหลาง เจ้าคิดว่าคนอย่างจินซูอันผู้นี้ เพียงแค่พูดเล่น ๆ ไม่กล้าลงมือกับเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าถึงได้กล้าพาคนกลั
แต่คนที่หวังประจบประแจงองค์ชายน้อย ย่อมไม่รอดพ้นการลงทัณฑ์จากฮ่องเต้ “หึ พวกเจ้าทุกคนควรยึดองค์ชายเจิ้งหลงรวมถึงคุณชายกับคุณหนู จากตระกูลหยางและตระกูลฟงเป็นแบบอย่าง ต้องมีความพยายามในการฝึกฝนให้มากกว่านี้ อย่าได้เกียจคร้านจะได้ไม่ทำให้บิดามารดาพวกเจ้าต้องขายหน้าส่วนเจ้ากู่จื่อเซียวเป็นถึงอาจารย์ของ
ฟงเหยาเหวินยืดหลังตรงสายตาเย็นชา เขายังไม่ทันได้พูดอะไรเพราะถูกหยางเฟิ่งเซียนพูดแทนเสียก่อน “ข้ากับญาติผู้พี่ไม่ได้เริ่มก่อเรื่องวุ่นวาย แต่เป็นองค์ชายกับองค์หญิงต่างหากที่เริ่มก่อน พวกเขาต้องการเอากระดาษที่มีตัวอักษรของพวกเราไป” หยางเฟิ่งเซียนกล่าวตอบอย่างไม่เกรงกลัวผู้เป็นอาจารย์องค์ชายและองค์หญิ
หยางเฟิ่งเซียนได้ยินญาติผู้พี่เริ่มตอบกลับ จึงพูดเสริมด้วยเสียงเล็ก ๆ ตามประสาเด็ก แต่ใช่ว่าภายในหัวของหยางเฟิ่งเซียนจะไม่คิดอันใด “ส่วนฝีมือหัดเขียนของหม่อมฉันยังไม่ดีพอ หากถวายไปแล้วหมึกไม่สมดุลหรือเส้นขาดความสง่างาม มันอาจจะทำให้เสียเกียรติขององค์หญิงได้เช่นกัน”องค์ชายและองค์หญิงขมวดพระขนง พระพั
หนึ่งปีต่อมาณ วังหลวงอันโอ่อ่าซึ่งมีสำนักวั่งซูเก๋อ สถานที่สำหรับให้ความรู้แก่องค์ชายองค์หญิง รวมถึงบุตรหลานขุนนาง ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาเรียนร่วมเป็นสหายของเชื้อพระวงศ์ยามเยาว์วัย และสองคู่แฝดจากตระกูลหยางกับตระกูลฟง ก็เป็นผู้ถูกเลือกจากฮ่องเต้ที่ทรงเล็งเห็นความสามารถแต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระราชนัดด
สองคู่แฝดจากสองตระกูลที่เกิดในเวลาไล่เลี่ยกัน เด็กน้อยทั้งสี่คนถูกเลี้ยงดูด้วยความรักและความเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นปู่ย่าตายายหรือท่านลุงท่านน้า ตั้งแต่สองคู่แฝดเริ่มหัดคลานจนเดินก้าวแรกได้ อยากหยิบจับสิ่งใดหรือจ้องมองสิ่งที่อยากได้ล้วนได้รับสิ่งนั้นเสมอในเมื่อมีคนเอาใจย่อมมีคนคอยขัด โดยให้เหตุผลสำหร
“ไอหยา ฮูหยินน้อยสงสัยลูก ๆ ของท่านจะกลัวคำขู่ไม่น้อย คนน้องถึงได้รีบตามออกมาทันที ท่านออกแรงเบ่งอีกครั้งนะเจ้าคะ”ซูอันรวบรวมลมหายใจอีกครั้ง และออกแรงเบ่งเพื่อให้บุตรอีกคนรีบออกมา เพราะตอนนี้นางเหนื่อยจนแทบจะหมดแรงอยู่แล้ว และในที่สุดเสียงร้องอันไพเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง“ฮูหยินน้อยคนนี้เป็นคุณหนูเจ้
เยี่ยนหลิงกัดฟันแน่นมือจิกผ้าปูที่นอนจนยับย่น นางรู้ดีว่าต้องเข้มแข็งกับการให้ชีวิตใหม่ของบุตรของนาง “ลูกแม่พวกเจ้ารีบออกมาเถิดอย่าได้กลั่นแกล้งแม่เช่นนี้เลย หากยังไม่ยอมออกมาแม่อาจขาดใจตายเอาได้ แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นเด็กกำพร้อมแม่นะ”“จินฮูหยินหัวเด็กคนแรกเริ่มโผล่ออกมาแล้วเจ้าค่ะ ท่านแข็งใจเบ่งออก
ข่าวการตั้งครรภ์ของบุตรสาวนายท่านตระกูลจิน ผู้เป็นเจ้าของร้านผ้าไหมทอเมฆาต่างกระจายไปถึงหูของคู่ค้า เมื่อใดที่ได้แวะเวียนมายังเมืองผู่เถียน ล้วนมีของขวัญติดไม้ติดมือมาเสมอ ซูอันไม่มีอาการแพ้ท้องอย่างอื่น มีเพียงการให้สามีตัวติดกับนางเท่านั้น ส่วนเยี่ยนหลิงกว่าจะหายเหม็นสามี อายุครรภ์ก็ปาเข้าไปเกือบห
“หลิงเอ๋อร์! เจ้าอาการหนักถึงเพียงนี้ ไยไม่ให้น้องเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนเล่า หากเจ้าหมดสติล้มลงจนบาดเจ็บจะทำเช่นไร ท่านพี่พาลูกขึ้นไปนอนพักบนเตียงก่อนเถิดเจ้าค่ะ”“ได้ ๆ ๆ นี่มันเกิดอันใดขึ้นกับลูกกันแน่ฮูหยิน เมื่อเช้าก่อนจะแยกกลับเรือนยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ” มู่ถงไม่เคยเจออาการแพ้ท้องของสตรีตั้งครรภ์ เนื