"นายหญิงจะไปที่เรือนนั้นจริง ๆ หรือเจ้าคะ" อาฉือเอ่ยถามนายสาวด้วยความไม่แน่ใจ แม้จะรู้ดีว่าอนุเผิงหาได้ติดโรคระบาดไม่ หากแต่สภาพของนางในตอนนี้ก็ช่างไม่น่าพิสมัยยิ่ง ตุ่มหนองขึ้นเต็มทั่วร่างกายแม้ยามนอนก็ได้แต่ร้องโอดโอยด้วยความทุกข์ทรมาน"เจ้ากลัวหรือ" เมิ่งจิ่วซือหันไปถามสาวใช้ของนาง"ไม่กลัวเจ้าค่ะ เพียงแค่รังเกียจเท่านั้น ที่นั่นไม่สะอาดเลยสักนิดบ่าวว่านายหญิงอย่าไปเลยเจ้าค่ะ""ข้าอยากจะเห็นนางสักครั้ง อยากจะรู้ว่าชีวิตที่เอาแต่ทำร้ายคนอื่นมาตลอดเช่นนาง ยามที่ตกอยู่ในสภาพที่อยู่ไม่สู้ตายแล้วนางจะมีความรู้สึกเช่นไร" เมิ่งจิ่วซือเอ่ยพร้อมกับประกายดวงตาที่วาวโรจน์ ชีวิตที่สร้างศัตรูเอาไว้มากมายเช่นนั้น สุดท้ายจุดจบก็คงไม่ต่างจากที่เป็นอยู่นางควรได้รับบทเรียนอย่างสาสม"ไปกันเถอะ""เจ้าค่ะ"เมิ่งจิ่วซือเดินตรงไปยังเรือนของเผิงอี้หรู หน้าเรือนและรอบ ๆ เรือนมีคนคุ้มกันอย่างแน่นหนาแม้แต่มดสักตัวก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาไปได้"คารวะพระชายาพ่ะย่ะค่ะ""ข้ามาเยี่ยมอนุเผิง" ทหารยามที่เฝ้าอยู่หน้าเรือนหันมามองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะรีบเปิดประตูให้หญิงสาว พร้อมกับบังอาจเอ่ยเตือนนางเล็กน้อย"พระชายาได้โป
เมิ่งจิ่วซือยังคงรู้สึกว่านางและบุตรสาวมาอยู่ที่เจียงหนานได้เพียงไม่นานจริง ๆ แต่วันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วนับจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้ก็กลับเข้าสู่เหมันต์ฤดูอีกครั้งอีกไม่นานก็จะปีใหม่แล้ว หวาหวาที่ในตอนนั้นเพียงสองขวบปีมาถึงตอนนี้ก็ก้าวเข้าสู่สามขวบ เขาถึงว่ากันว่าความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอเมิ่งจิ่วซือลองคิด ๆ ดูแล้วว่านางควรจะกลับไปยังหมู่บ้านตระกูลเสิ่นอีกสักรอบหนึ่ง เพื่อบอกลาทุกคนที่นั่นและรับตัวคนของนางมาอยู่เจียงหนานเป็นการถาวร อย่างไรก็ตามเรื่องที่นางจะต้องปกป้องดูแลรั่วหวาไปจนกว่าเด็กน้อยจะเติบใหญ่ก็ยังเป็นภารกิจที่หนักหนาจะมามัวแต่เขินอายมิได้ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของนางและเป่ยติ้งหรงอ๋องแม้จะรู้ว่าเขาคิดเช่นไรกับตนเองก็ตาม แต่เพราะนางไม่ต้องการหลอกลวงเขาจึงได้เว้นระยะห่างในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนให้อยู่ในฐานะของคนรู้จักที่ไม่เคยเปลี่ยนเป็นคนรู้ใจได้อีก นางไม่ใช่เมิ่งจิ่วซือตัวจริงหากการที่นางดำเนินความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเขาต่อไปหญิงสาวเองก็รู้สึกไม่สบายใจ มันไม่เหมือนกับความรักของแม่ลูกที่ไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น หากวันหนึ่งเขาได้ค้นพบว่านางนั้นไม่ใช่เมิ่งจิ่วซือตัวจริงหา
เมิ่งจิ่วซือพาบุตรสาวเดินทางกลับมายังหมู่บ้านตระกูลเสิ่น ยามที่เดินทางมาถึงไห่หมัวมัวและเกาหมัวมัวต่างก็ดีอกดีใจ ก่อนจะรับตู๋กูรั่วหวาที่โตขึ้นมากไปดูแลทันที จากไปหลายเดือนแต่ที่นี่ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ในยามที่รถม้าจอดเทียบหน้าเรือนไม่นานก็มีผู้คนผ่านมาเยี่ยมเยือนหากแต่มิใช่ใครที่ไหนแต่ก็เป็นป้ากัวคนเดิม"นายหญิงเมิ่งกลับมาแล้วหรือ?" กัวอวิ๋นเอ่ยถามองครักษ์จางที่ทำหน้าที่ยกข้าวของเข้าเรือน"กลับมาแล้วขอรับ" จางเซียงอวี้ที่พอรู้จักกับกัวอวิ๋นจึงตอบนางไป ก่อนที่อาฉือที่เดินมาพอดีพบเข้า"อ้าว แม่นางอาฉือ สบายดีหรือ?""สบายดีเจ้าค่ะ ท่านป้ามีธุระอันใดงั้นหรือ?""เปล่า ๆ ไม่มีอันใดเพียงแต่เห็นว่านายหญิงเมิ่งไม่อยู่เสียนานเลยอยากจะแวะมาทักทาย""เช่นนั้นเชิญท่านเข้าเรือนก่อนเถิด" อาฉือเอ่ยชักชวนอีกฝ่ายเข้าเรือน เพราะยามที่เดินทางกลับมาที่นี่เมิ่งจิ่วซือย้ำให้พวกนางเป็นมิตรกับคนในหมู่บ้านเสียหน่อย อาฉือจึงได้มีท่าทีอ่อนลงกว่าเมื่อก่อนอยู่หลายส่วนกัวอวิ๋นที่เห็นว่าตนเองได้รับการต้อนรับก็รู้สึกยินดีตามประสาหญิงวัยกลางคนที่อยู่คนเดียวอย่างเงียบเหงา เดิมทีสามีของนางนั้นเป็นทหารเพียงแต่เสียช
เมิ่งจิ่วซือที่เพิ่งกลับมาได้เพียงสองวันก็ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย วันนี้เป็นวันที่นางจะต้องไปร่วมงานแต่งงานของแม่นางชุยฟางบ้านท่านผู้เฒ่า แต่ในขณะที่กำลังจะออกจากเรือนอยู่ ๆ ก็มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งมาก่อนจะจอดเทียบบริเวณหน้าเรือนของนาง เมิ่งจิ่วซือขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินลงมาจากรถม้าชายผู้นั้นสวมชุดผ้าไหมหางโจวเนื้อดีราคาแพง ส่งผลให้รูปร่างที่สูงโปร่งของเขายิ่งขับเน้นให้ดูดียิ่งขึ้น ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาทำให้เป็นที่สะดุดตาเป็นอย่างมาก หากแต่อีกฝ่ายยิ้มแย้มราวกับว่ารู้จักกับนางมาก่อน ชายหนุ่มเดินเข้ามาก่อนจะเอ่ยทักทายนาง"ท่านคงจะเป็นแม่นางเมิ่งใช่หรือไม่?" เมิ่งจิ่วซือเลิกคิ้วก่อนจะแก้ไขคำพูดของอีกฝ่ายให้ถูกต้อง"รบกวนเรียกข้าว่าฮูหยินเมิ่งเถิดเจ้าค่ะ ข้าเป็นสตรีที่ออกเรือนแล้วไม่เหมาะสมหากว่าท่านจะเรียกขานเช่นนั้น" หญิงสาวกล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงติดเย็นชาเล็กน้อย"อ้อ ข้าต้องขออภัย""ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครหรือเจ้าคะ แล้วมาที่นี่มีธุระอันใด" เมิ่งจิ่วซือไม่อยากอ้อมค้อม"ข้าลืมแนะนำตัว ข้ามีนามว่าเสิ่นชิงหลวน""เสิ่นชิงหลวน คุณชายใหญ่เสิ่นน่ะหรือ
ตู๋กูรั่วหวาตื่นนอนกลางวันขึ้นมาอย่างงัวเงีย เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งบนเตียงดวงตาของนางยังคงหนักอึ้ง ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้งทำเอาเกาหมัวมัวที่เห็นท่าทางขี้เซาของคุณหนูน้อยของนางถึงกับขบขันอย่างเอ็นดู"คนดีของบ่าวตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพ่อมารออยู่นานแล้วนะเจ้าคะ" เกาหมัวมัวเอ่ยกับเด็กน้อย แต่เมื่อรั่วหวาที่ได้ยินว่าบิดาเดินทางมาถึงหมู่บ้านตระกูลเสิ่นแล้วก็ถึงกับแปลกใจ ก่อนจะคิดว่านี่พึ่งผ่านไปเพียงแค่สองวันเองไม่ใช่หรือ? เหตุใดบิดาของนางจึงได้มาเร็วนัก เด็กน้อยเก็บความสงสัยไว้ในใจก่อนจะแสร้งเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น"ท่านพ่อมาแล้วงั้นหรือ?""เจ้าค่ะ" หญิงชราพยักหน้าอาเป่ายกอ่างน้ำเข้ามาพอดีก่อนที่เกาหมัวมัวจะใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำพร้อมกำลังตั้งท่าที่จะเช็ดใบหน้าและเนื้อตัวให้กับเด็กน้อยแต่รั่วหวาปฏิเสธ ก่อนจะหยิบผ้าผืนนั้นมาเช็ดใบหน้าของตนเองด้วยท่าทางราวกับไม่ใช่เด็กน้อยอายุสามขวบปี แล้วส่งคืนผ้าผืนนั้นให้กับเกาหมัวมัว จากนั้นปีนลงจากเตียงด้วยตนเอง"คุณหนูจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ?" อาเป่าเอ่ยถามคุณหนูน้อยของนางเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินออกจากห้อง"ไปหาท่านพ่อน่ะ" กล่าวจบเด็กน้อยก็เดิน
เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่นานสายลมก็พัดพาเอาความหนาวเข้ามาพร้อมกับการเข้าสู่เหมันต์ฤดูอย่างเป็นที่เรียบร้อย หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ โชคดีที่ก่อนหน้าที่หิมะจะตกเพียงแค่หนึ่งเดือน เป่ยติ้งหรงอ๋องก็นำช่างฝีมือเข้ามาซ่อมแซมเรือนทั้งหมด ทั้งยังเพิ่มเตียงเตาให้กับทุกคนรวมถึงสาวใช้และเหล่าองครักษ์ไม่เว้นแม้แต่เรือนรับรองที่ถูกสร้างเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเรือน แม้ว่าจะมีเสียงห้ามปรามจากหญิงสาวแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจฟังคำนางเลยแม้แต่น้อยอีกไม่นานก็จะย้ายไปอยู่ที่เจียงหนานแล้วเหตุใดจะต้องทำโน่นทำนี่ให้เสียเงินเปล่าด้วยเล่า ยามที่นางเอ่ยบ่นเขาก็มักจะมีคำโต้แย้งกลับมาเสมอ เช่นว่า ในเมื่อตอนนี้ยังไม่ได้ย้ายก็เพียงซ่อมแซมให้ดี หากย้ายแล้วภายหน้าอยากจะมาเที่ยวพักผ่อนก็จะได้อยู่ได้อย่างสบายใจ เมื่อได้ยินคำแก้ต่างเช่นนั้นเมิ่งจิ่วซือก็ไร้ซึ่งเหตุผลจะกล่าวต่อหลายวันมานี้หิมะตกหนักจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใด ทุกเช้าจึงต้องให้ทุก ๆ คนในเรือนออกมาช่วยกันกวาดหิมะออกจากทางเดิน ส่วนนางและบุตรสาวก็ดูจะสนุกสนานกับการปั้นตุ๊กตาหิมะเป็นอย่างมาก กองหิมะที่ดูเหมือนไร้ค่าในตอนแรกเริ่ม เวลาต่อมาก็กลายเป็นสวนตุ๊กตาหิมะที่ม
เช้าวันต่อมาเมิ่งจิ่วซือลุกขึ้นเตรียมตัวตั้งแต่ฟ้ามืด นางให้หมัวมัวทั้งสองช่วยทำสำรับที่เอาไว้ใช้ทานในช่วงกลางวัน อาหารถูกเตรียมเอาไว้เป็นจำนวนมากเพียงพอต่อจำนวนคนสิบถึงยี่สิบคน หญิงสาวไม่ได้คิดที่จะไปเที่ยวสนุกเพียงแค่สามคนพ่อแม่ลูกแต่รองเท้าที่เตรียมไว้ยังมีเผื่อแผ่ถึงสาวใช้ทั้งสองและองครักษ์อีกหลายคู่เป่ยติ้งหรงอ๋องอุ้มบุตรสาวที่ตอนนี้สวมชุดกันหนาวที่มารดาตัดให้ ผ้าไหมสีแดงมีหมวกคลุมหัวตรงบริเวณชายเสื้อและบริเวณขอบหมวกตกแต่งด้วยขนจิ้งจอกนุ่มนิ่ม แขนทั้งสองข้างของนางโอบรอบลำคอของบิดาพร้อมกับซบหน้าลงที่ไหล่ของเขาเมิ่งจิ่วซือที่เดินออกมาถึงหน้าเรือนจึงได้เอ่ยถาม"เหตุใดจึงไม่ขึ้นไปรอบนรถเจ้าคะ""ข้ากับลูกรอเจ้า" ชายหนุ่มเอ่ยออกมาก่อนจะก้มหน้าอมยิ้ม ท่าทางของเขาทำให้เมิ่งจิ่วซือรู้สึกหงุดหงิดเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ก่อนจะก่นด่าเขาในใจหึ คนเจ้าเล่ห์แอบหลอกกินเต้าหู้นาง"เช่นนั้นก็รีบขึ้นรถม้ากันเถิดเจ้าค่ะ อากาศด้านนอกเย็นนัก""อื้ม หวาหวาพวกเราขึ้นไปบนรถม้ากันเถอะ""เจ้าค่ะ" เด็กน้อยพยักหน้ารับในขณะที่ทุกคนกำลังที่จะเตรียมตัวออกเดินทางอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้า
การละเล่นรองเท้าเลื่อนน้ำแข็งในวันนี้กินเวลาไปจนกระทั่งถึงปลายยามเว่ย (บ่ายโมงถึงบ่ายสาม) ก่อนที่เมิ่งจิ่วซือจะออกความเห็นบางอย่าง"แถบนี้ไม่มีโรงเตี๊ยมที่มีบ่อน้ำร้อนหรือเจ้าคะ" เป่ยติ้งหรงอ๋องเมื่อได้ ยินภรรยาเอ่ยถามก็เลิกคิ้ว"เดิมทีบ่อน้ำร้อนหากถูกค้นพบจะต้องตกเป็นของราชวงศ์ ชาวบ้านทั่วไปจึงไม่มีสิทธิ์ครอบครอง แต่หากเจ้าอยากจะลงบ่อน้ำร้อนก็ยังมีอีกที่หนึ่งจริงหรือไม่ชิงหลวน" ชายหนุ่มเอ่ยกับน้องชาย เสิ่นชิงหลวนที่รู้ว่าตนเองไม่มีทางปฏิเสธจึงทำได้เพียงพยักหน้าก่อนจะสั่งการคนของเขาให้ไปจัดการให้เรียบร้อยเพราะที่นี่เป็นชายแดนระหว่างแคว้นต้าซ่งและแคว้นหนานเฉิน นั่งรถม้าไปอีกชั่วยามก็ถึงที่พักที่มีบ่อน้ำร้อนนั่นแล้ว แต่เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยได้ไปที่นั่นนักและนับว่าที่นั่นเป็นสถานที่พักลับ ๆ แห่งหนึ่งของแคว้นหนานเฉินมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใช้งานได้และหนึ่งในนั้นก็ยังมีเขาด้วย"เอ๊ะ! ทำไม..." เมิ่งจิ่วซือคิดที่จะเอ่ยต่อว่าเหตุใดคุณชายใหญ่เสิ่นจึงได้รู้จักสถานที่เช่นนั้นได้ ก็ไหนเป่ยติ้งหรงอ๋องกล่าวว่าชาวบ้านไม่อาจครอบครองหรือว่า... หญิงสาวมองดูเสิ่นชิงหลวนอีกครั้งก็นับว่าเป็นค
ในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้หากแต่เมิ่งจิ่วซือก็ยังมีท่าทีที่สงบนิ่งราวกับไม่ทุกข์ร้อน ต่างจากมู่หลงเองที่เป็นบุรุษแต่กลับรู้สึกหวาดหวั่น แม้จะพยายามให้ความสนใจกับการฝังเข็มตรงหน้าเป็นสำคัญหากแต่เสียงอาวุธที่ตกกระทบกันอยู่ตลอดเวลาด้านนอกนั้นก็ทำให้สมาธิของเขากระเจิดกระเจิงไม่น้อยเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม องครักษ์ของเมิ่งจิ่วซือและเป่ยติ้งหรงอ๋องยังคงรักษาสถานการณ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดีแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเองก็ไม่ยอมเลิกราเช่นกัน จนกระทั่งการถอนพิษเดินทางมาถึงในขั้นตอนสุดท้าย พิษกู่จำนวนมากถูกเข็มเงินขับไล่ให้หลั่งไหลออกมาในทิศทางเดียวกัน หนอนกู่ตัวเล็ก ๆ จำนวนไม่น้อยถูกหนอนเหมันต์กลืนกินจนขนาดตัวของมันใหญ่โตขึ้นและดูเหมือนว่าสีหน้าของเป่ยติ้งหรงอ๋องจะไม่ค่อยดีนักเมิ่งจิ่วซือจึงได้ตัดสินใจที่จะเปิดปากแผลที่แขนของชายหนุ่มอีกแผลก่อนที่จะหยิบเอาหนอนเหมันต์ที่อยู่ในขวดแก้ว มาวางบนปากแผลของชายหนุ่มอีกตัวท่ามกลางสีหน้าตกใจของเขา"จะ เจ้า! เจ้าอาจจะถูกพิษ""ข้าไม่เป็นอันใดหรอกเจ้าค่ะ" เมิ่งจิ่วซือเอ่ยเช่นนั้นหากแต่ว่าเป่ยติ้งหรงอ๋องยังคงมีสีหน้ากังวลใจและเมื่อปากแผลถูกเปิดออกถึงสองแผล ความเ
วังหลวงหลายเดือนก่อนเพล้ง!!!"สองพ่อลูกนั่นคิดจะถอนกู่งั้นหรือ?" เผิงฮองเฮาเอ่ยออกมาด้วยโทสะเมื่อได้รับรายงานจากองครักษ์ของนางว่าบุตรชายคนดีกับเยี่ยอ๋องคนรักเก่ากำลังคิดที่จะถอนพิษกู่"ขอฮองเฮาโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ" อู่หมัวมัวนางกำนัลคนสนิทของนางเอ่ยปลอบ"หึ พวกมันคงคิดว่าตนเองนั้นฉลาดมากกระมัง คิดจะทำร้ายข้าด้วยการถอนกู่งั้นหรือ? ช่างโง่งมนัก""เป็นเช่นนั้นเพคะ""วันนี้เจ้าจัดการเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่?""บ่าวจัดการให้อาหารกู่นางพญาตามคำสั่งของท่านเรียบร้อยแล้วเพคะ""ดี! ถึงอย่างไรเผิงไทเฮากับข้าก็มีสายเลือดเดียวกัน เลือดของนางก็เหมือนเลือดของข้า โชคดีที่ยายเฒ่าลู่อาหลางให้ข้าย้ายกู่นางพญาออกมาแล้วใช้โลหิตของท่านป้าเลี้ยงดูมันตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อน มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขเช่นไร สองพ่อลูกนั่นคิดจะสังหารข้าจริง ๆ สินะ!""พระองค์จะทรงให้บ่าวจัดการเช่นไรดีเพคะ?""จัดการพวกมันทั้งคู่ อย่าให้พวกมันถอนกู่ได้สำเร็จ""บ่าวทราบแล้วเพคะ บ่าวจะเร่งให้คนของเราไปจัดการทันทีเพคะ""ให้ยายเฒ่าลงมือจัดการด้วยตนเอง ข้าไม่ไว้ใจคนอื่น""เพคะ" นางกำนัลอาวุโสเดินออกจากตำหนักของเผิงฮองเฮาก่อนจะล
วันนี้เป็นวันเริ่มต้นการถอนพิษกู่ในวันแรกท่านหมอมู่เป็นผู้ฝังเข็มให้กับเป่ยติ้งหรงอ๋องและเยี่ยอ๋องด้วยตนเอง โดยมีเว่ยเหนียงเป็นผู้ช่วย การฝังเข็มกินเวลากว่าสามชั่วยามก่อนที่เข็มทุกเล่มจะถูกถอนออกในเวลาต่อมาแล้วให้ทั้งคู่ดื่มยาที่ถูกปรุงขึ้นแล้วพักผ่อนอาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการถอนพิษทำให้ทั้งเป่ยติ้งหรงอ๋องและเยี่ยอ๋องหลังจากดื่มยาเสร็จจึงได้หลับไปในทันที ท่านหมอมู่สั่งให้องครักษ์เฝ้าดูแลเอาไว้ก่อนที่ตัวเขาจะออกมาพักผ่อนบ้างเช่นกัน"หากมีสิ่งใดผิดปกติให้รีบไปแจ้งข้าที่เรือนรับรองทันที" มู่หลงหันไปเอ่ยกับองครักษ์ส่วนตัวของเป่ยติ้งหรงอ๋องและเยี่ยอ๋อง"ขอรับ/ขอรับท่านหมอ"ในขณะเดียวกันห้องด้านข้างที่ถูกปรับแต่งให้เป็นห้องที่ใช้ต้มยานั้น เว่ยเหนียงเป็นผู้ดูแลหนอนเหมันต์ด้วยตนเองแต่ในขณะที่นางกำลังจะสัมผัสที่ตัวของมันหญิงสาวก็รับรู้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างก่อนจะรีบชักมือกลับในทันที มือขวาของหญิงสาวยกขึ้นทาบที่หน้าอกด้วยความตื่นตระหนกเพราะกลัวว่าจะเป็นเช่นที่คิดเอาไว้นี่คงไม่ใช่ว่านางถูกพิษของมันแล้วกระมัง? จะเป็นไปได้อย่างไรในวันที่จับมันมา นางยังสามารถทำได้อย่างสบายไม่
เว่ยเหนียงคอยสังเกตพฤติกรรมของสามีภรรยาที่แทบจะเรียกได้ว่าไม่ให้คลาดสายตาก่อนที่จะเชื่อสนิทใจว่าคนทั้งคู่นั้นทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนใกล้ที่จะแยกทางจากกันในเร็ววันนี้แล้วทางด้านเป่ยติ้งหรงอ๋องที่ได้ลงความเห็นและปรึกษากับมู่หลงว่าในวันพรุ่งนี้จะเป็นการเริ่มต้นรักษาพิษกู่ทั้งของเขาและเยี่ยอ๋อง โดยให้ทั้งคู่พักฟื้นในห้องเดียวกันหากแต่แยกเตียงให้ไกลในระยะที่จะไม่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกถึงความเจ็บปวดได้"เช่นนั้นก็เริ่มลงมือในวันพรุ่งนี้เถิด" เป่ยติ้งหรงอ๋องกล่าว"ได้ ข้าจะให้เว่ยเหนียงเตรียมตัว แต่หากว่าท่านเปลี่ยนใจ...""ไม่ต้องหรอก""ข้าเองก็รู้สึกผิดหวัง อย่างไรก็ต้องขออภัยท่านเป็นอย่างยิ่ง" มู่หลงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด"ไม่ใช่ความผิดของท่านแม้แต่น้อย เอาไว้จัดการเรื่องพิษแล้วเราค่อยพูดคุยเรื่องนี้กันภายหลังเถิด""ได้" หมอหนุ่มเอ่ยรับปาก หลังจากที่เป่ยติ้งหรงอ๋องจากไปแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา หากไม่ใช่ว่านางเป็นคนที่สามารถจับหนอนเหมันต์ได้แล้วละก็เขาจะไม่มีวันพานางมาด้วยเด็ดขาด เว่ยเหนียงเป็นคนเช่นไรเขาที่เป็นศิษย์พี่ย่อมรู้ดีที่สุด เพียงแต่ชายหนุ่มไม่คาดคิดเลยว่าในครั้งนี้หญิงสาวจะกล้าลงมือรุนแรงเ
รถม้าเคลื่อนตัวมาจอดเทียบยังหน้าเรือนในหมู่บ้านตระกูลเสิ่น เมิ่งจิ่วซือกับบุตรสาวจับจูงมือกันเดินเข้ามาในเรือนก่อนจะพบกับร่างสูงของเป่ยติ้งหรงอ๋องที่ยืนทำสีหน้าบึ้งตึงอยู่ แขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มไพล่หลังราวกับกำลังรอนางและบุตรสาวอยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวที่เห็นท่าทางแปลกประหลาดของอีกฝ่ายก็ทำได้เพียงแค่เลิกคิ้ว พร้อมกับนึกในใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นอีก"พวกเจ้าพาคุณหนูกลับเข้าเรือนไปแช่น้ำอุ่นแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่" เมิ่งจิ่วซือหันมาเอ่ยกับสาวใช้ทั้งสองก่อนที่สาวใช้ทั้งสองจะพาเด็กน้อยเดินกลับไปยังเรือนนอนตู๋กูรั่วหวาหันมามองมารดาของนางเพียงครู่ก่อนจะหันกลับไป ดูท่าแล้วฤทธิ์ยานั่นคงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วท่านพ่อของนางจึงได้มีท่าทางเช่นนั้น ไม่รู้ว่าท่านแม่จะสามารถรับมือกับเขาได้หรือไม่? แม้ว่าจะรู้สึกเป็นห่วงมารดาอยู่บ้างแต่เด็กน้อยก็เชื่อในฝีมือของเมิ่งจิ่วซือ มารดาไม่เคยทำให้นางผิดหวังสักครั้งรอดูเถิดครั้งนี้ก็คงเช่นกัน เอาเป็นว่าคนที่น่าเป็นห่วงกลับกลายเป็นบิดาของนางเสียมากกว่า"ท่านอ๋อง" เมิ่งจิ่วซือเอ่ยเรียกสามีเบา ๆ "วันนี้เกิดสิ่งใดขึ้นที่อารามเช่นนั้นหรือ?" เมิ่งจิ่วซือเลิกคิ้วคงจะเป็
ทางด้านเมิ่งจิ่วซือที่ลืมตาขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่าบุตรสาวที่ควรอยู่ข้าง ๆ กลับหายไปท่ามกลางผู้คนที่พลุกพล่านไปมา หัวคิ้วของนางขมวดแน่นก่อนจะเอ่ยถามสาวใช้ทั้งสองด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด"คุณหนูเล่า?" อาฉือและอาเป่าต่างมองหน้ากันก่อนจะหันมาส่ายหน้า ใบหน้าของพวกนางดูตกใจเป็นอย่างมากเมื่อครู่นางยังกำชับให้คุณหนูยืนรอตรงนี้ห้ามไปไหนอยู่เลย เหตุใดเผลอครู่เดียวคุณหนูของนางก็หายไปแล้วเสียเล่า"พวกเจ้ารีบสั่งให้คนของเราออกตามหาคุณหนูเร็วเข้า!" เมิ่งจิ่วซือสั่งการสาวใช้ทั้งสอง ก่อนที่ร่างบางจะรีบสาวเท้าก้าวออกจากห้องโถงใหญ่ของวัดในทันที ดวงตาของนางเฝ้าคิดว่าเจ้าตัวเปี๊ยกจะไปที่ใด ในขณะนั้นเองนางก็มองเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งเข้า เขาคือซ่งรั่วอี้สามีของชุยฟางขาข้างหนึ่งที่ไม่ดีทำให้ชายหนุ่มเดินได้อย่างเชื่องช้าในขณะที่ชุยฟางก็เอาแต่หันมาก่นด่าชายหนุ่มไม่หยุด เดิมทีนางอยากจะตามสองคนนั้นไปเพียงแต่ตอนนี้การตามหาบุตรสาวดูเหมือนว่าจะสำคัญยิ่งกว่า"แยกย้ายกันออกไปตามหาคุณหนูให้เจอ" เมิ่งจิ่วซือหันไปออกคำสั่งกับสาวใช้ทั้งสอง ก่อนที่ตนเองจะเดินแยกออกไปอีกทาง ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้เด็กน้อยอย่าได้บังเ
ก่อนจะถึงวันที่ต้องทำการรักษาเป่ยติ้งหรงอ๋อง ก็มีงานไหว้เทพเจ้าเดิมทีเมิ่งจิ่วซือต้องการใช้โอกาสบางอย่างเพื่อเข้าช่วยเยี่ยอ๋องหากแต่ในตอนนี้เนื้อเรื่องดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้วเมื่อเยี่ยอ๋องนั้นก็ดูจะคุ้นเคยกับบุตรสาวของนางเป็นอย่างมากก็คงจะหมดห่วงเสียทีแต่ยังคงมีอีกเรื่องที่นางไม่อาจวางใจนั่นก็คือการที่ซ่งรั่วอี้สามีของชุยฟางจะได้พบกับพระเอกของเรื่อง ก่อนที่อีกฝ่ายจะติดตามพระเอกไปยังแคว้นหนานเฉินด้วยกัน ภายหน้าคนผู้นี้จะกลายเป็นภัยต่อบุตรสาวของนางไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาวิธีไม่ให้สองคนนั้นได้พบหรือสร้างบุญคุณต่อกันเด็ดขาดนางพอจะจดจำได้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดในช่วงตอนกลางวัน ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ไปเตรียมตัวแล้วตั้งใจจะไปชักชวนสามีของนางให้ไปด้วยกัน ระหว่างทางที่เดินไปยังเรือนรับรองก็ได้พบกับชายหนุ่มกำลังยืนอยู่กับเว่ยเหนียง เมิ่งจิ่วซือกำลังจะเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่หากแต่อยู่ ๆ เว่ยเหนียงก็โผเข้ากอดร่างของเป่ยติ้งหรงอ๋อง เมื่อเห็นเช่นนั้นร่างบางจึงได้หยุดชะงักไม่ได้เดินเข้าไปใกล้อีกพร้อมกับเดินหันหลังจากมาทางด้านเว่ยเหนียงได้แต่ยกยิ้มก่อนจะผละออกจากร่างของชายหนุ่มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสซื่อ"ขออ
สำหรับการทานอาหารร่วมกันในวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ดูเหมือนว่าเยี่ยอ๋องนั้นจะมีความสุขเป็นอย่างมาก ส่วนตู๋กูรั่วหวาก็เป็นเด็กช่างรู้ความทั้งยังช่างเอาใจทำเอาคนแก่เช่นเยี่ยอ๋องยิ้มไม่หุบ แถมยังดูเหมือนว่าเขาจะทานอาหารได้มากกว่าปกติอีกด้วย หลังจากที่แยกย้ายกันหวาหวาอาสาเดินไปส่งท่านปู่ของนางด้วยตนเองทำให้เยี่ยอ๋องมีความสุขมาก ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูเข้ากันได้ดีกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้"พรุ่งนี้ปู่จะมารับเจ้า พวกเราไปเดินเล่นที่หุบเขาอีกฝั่งกันดีหรือไม่?" ตู๋กูรั่วหวาพยักหน้าก่อนจะตอบไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำเอาหัวใจของผู้เป็นปู่มีความสุขเหลือล้น"ดีเจ้าค่ะ""ฮ่า ๆ เด็กดี ๆ เช่นนั้นพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน ปู่กลับละ""ท่านปู่เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ""เจ้าก็กลับเข้าไปได้แล้ว ระวังจะเป็นหวัด เจ้าพาท่านหญิงเข้าเรือนไปเสีย" เยี่ยอ๋องเอ่ยกับอาเป่าสาวใช้คนสนิทของหลานสาว"เพคะ" หญิงสาวรับคำก่อนจะรีบพาคนตัวเล็กกลับเข้าเรือนทันที เมื่อเดินเข้าเรือนมาเด็กน้อยก็เอ่ยขึ้น"ท่านอาเสิ่นไม่อยู่หรอกหรือ? เหตุใดตั้งแต่มาถึงที่นี่ข้าก็ไม่เห็นเขาแล้วล่ะ""บ่าวก็ไม่เห็นเช่นกันเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าคุณชายจะออกไปข้างนอกกระมัง
วันต่อมาดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่ค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อยเมื่อเยี่ยอ๋องจะมารับสำรับกลางวันพร้อมกันกับครอบครัวของเป่ยติ้งหรงอ๋อง เมิ่งจิ่วซือพยายามสรรหาเมนูแปลกใหม่ให้พวกเขาได้ลองลิ้มรสก่อนจะจบลงด้วยไก่ตุ๋นเครื่องเทศที่เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายส่วนในตอนเย็นก็จะเป็นหม้อไฟหม่าล่ารสจัดจ้าน หลังจากเตรียมอาหารเสร็จก็เหลือเวลาอีกมากหญิงสาวจึงได้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องย้อนกลับไปเมื่อคืนที่ผ่านมานางเฝ้าคิดหาวิธีในการจัดการกู่นางพญาจึงได้ตัดสินใจเข้าไปในช่องว่างมิติแล้วได้พบกับภูตน้อยจื่อรั่วอีกครั้ง