เย่เฟิงไม่มีเบอร์ติดต่อของกัวไป๋ชวน แต่อีกฝ่ายกลับยังให้เกียรติเย่เฟิงขนาดนี้แบบนี้หมายความว่าอะไร? หมายความว่ากัวไป๋ชวนกำลังประจบเย่เฟิงฝ่ายเดียวไงล่ะเย่เฟิงไม่มีเบอร์ติดต่อของอีกฝ่าย ดูเหมือนแค่ไม่สำคัญพอที่จะบันทึกไว้เท่านั้น!ส่วนสวีเพ่ยเพ่ยและหลีเทียนหยาง ตอนนี้ยิ้มจนปากแทบถึงหูแล้ว ไม่ต้องพูดเลยว่ามีหน้ามีตามากแค่ไหนเป็นลูกเขยเหมือนกัน แต่ทำไมถึงได้ต่างกันขนาดนี้ล่ะ?ลูกเขยของตนเพียงแค่พูดประโยคเดียว ว่าที่ลูกเขยของป้าใหญ่ก็ถูกจัดการในทันที!“เอ๋? ป้าใหญ่ ลุงเขยใหญ่? มาได้ยังไงครับ?”ทันใดนั้นเอง ในที่สุดหลีหย่วนก็จัดแจงงานวันเกิดของแม่เสร็จ โดยมีพนักงานหลายคนเดินตามหลังมา“เจ้าเด็กนี่มาถึงสักที! ป้าใหญ่ของแกมาเลี้ยงฉลองวันเกิดให้แม่น่ะสิ พร้อมมาขอร้องพี่เขยแกสักหน่อย ใช่ไหมพี่ใหญ่?”สวีเพ่ยเพ่ยพูดด้วยสีหน้าชนะ“ใช่…ใช่สิ!”ป้าใหญ่ยิ้มตอบอย่างไม่เป็นธรรมชาติ“ฮ่าๆ ป้าใหญ่ พวกป้าก็รู้เหรอว่าพี่เขยเก่งแค่ไหน?”หลีหย่วนได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรมาก เพียงแค่ยิ้มๆเมื่อได้ยินดังนั้น ป้าใหญ่ทั้งครอบครัวก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาอีกครั้งหลีหย่วนที่ดื้
"โอเค ถ้างั้นพี่เหรินจัดการเองเลย! ยาแพงๆ แบบนั้น หยุดผลิตไปก็ไม่เป็นไร!"เย่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา"อืม! ไม่เพียงแต่ผู้ค้าสมุนไพรยาเมื่อคราวก่อนเท่านั้น แต่ผมจะใช้การเครือข่ายความสัมพันธ์ของผมทั้งหมด เพื่อไม่ให้บริษัทยาตระกูลหลีหาซัพพลายเออร์วัตถุดิบยารายใหม่ได้อีก!อย่างน้อยผู้ค้าสมุนไพรยาในมณฑลนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องไปติดต่อแล้ว! ความพยายามของคุณเย่จะกลายเป็นเครื่องมือดูดเลือดและทำกำไรให้คนอื่นได้ยังไง?" เหรินลี่ชวิ๋นพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงสูง "แบบนี้... จะส่งผลต่อกำไรของคุณไหม?” เย่เฟิงถาม“ไม่เป็นไรเลย! ลูกของผมเองก็เป็นผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว และผมก็เกลียดราคายาที่แพงลิบลิ่วด้วย ผมเกลียดพวกนักธุรกิจใจดำที่ทำกำไรมากมาย ภายใต้ความลำบากของคนป่วยพวกนั้นจนเข้าไส้! คุณเย่ คุณไม่ต้องห่วง!”เหรินลี่ชวิ๋นพูดอย่างหนักแน่นแล้วเปลี่ยนน้ำเสียง "จริงสิ คุณเย่ ตอนนี้คุณกับคุณหลีเอียนกำลังทำอะไรอยู่? มีความคิดที่จะออกยาใหม่หรือก่อตั้งบริษัทใหม่ไหมครับ?"เขาถามอย่างคาดหวัง“กำลังดำเนินการอยู่ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเลย! ถึงตอนนั้น ถ้าเป็นไปตามแผน คงต้องรบกวนเรื่องวัตถุดิบยาจากพี่เหรินอ
เมื่อได้ยินว่าตัวเองหายดีแล้ว ความมืดมนนั้นก็เหมือนถูกแทนที่ด้วยแสงสว่าง กลายเป็นคนสดใสในบัดดลเย่เฟิงเห็นนั่วนั่วแบบนี้ ในใจก็ตัดสินใจว่าจะหาสาเหตุให้เจอ!ถึงครั้งนี้จะล้มเหลว แต่เย่เฟิงก็สามารถถ่ายทอดปราณมังกรให้กับนั่วนั่ว เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรไม่ต้องกินยา เด็กน้อยก็จะไม่รู้ความจริงถ้าลูกสาวสามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องมีเรื่องกังวลก็คงดี…เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เฟิงส่งนั่วนั่วไปที่โรงเรียนอนุบาลเสร็จ ก็ขับรถไปรับหลีเอียนที่หยู่กวงตี่เมื่อมาถึง หลีเอียนก็เตรียมตัวเสร็จแล้ววันนี้บอสสาวสวยแต่งตัวชุดออกกำลังกายสบายๆ ดูเย็นชาน้อยกว่าปกติ แต่ให้ความรู้สึกขี้เล่น และมีชีวิตชีวามากหลายส่วนแบบนี้กลับทำให้ดูเหมือนน้องสาวข้างบ้านอย่างไรอย่างนั้น“ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะ?”เย่เฟิงถามอย่างแปลกใจ“หลายๆ เรื่องในโรงงานตอนนี้ ฉันต้องจัดการเองทั้งหมด จะให้ฉันใส่ส้นสูงไปหรือไง? ทำไม แบบนี้ไม่สวยเหรอ?”หลีเอียนถาม แววตาคู่งามแฝงไปด้วยความกังวลไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเริ่มใส่ใจภาพลักษณ์ของตนต่อหน้าเย่เฟิง“สวย! คุณใส่อะไรก็สวยหมดแหละ!”เย่เฟิงพูดยิ้มๆ“ปากมันลิ้นลื่นจริ
"เพียงเห็นหลีเอียนที่เผชิญหน้ากับการสารภาพรักของเถียนอวี่เซวียน ใบหน้าสวยของเธอก็ยังคงเย็นชาไร้อารมณ์ราวกับน้ำแข็งในวินาทีถัดมา เธอก็เดินอ้อมผ่านเถียนอวี่เซวียนที่คุกเข่าอยู่ไป เปิดประตูและเข้าไปในรถทันทีเธอปิดประตูแรงเสียงดัง ‘ปัง’เย่เฟิงที่เห็นดังนั้น แววตาพลันสั่นไหวเล็กน้อยไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกโล่งใจบอกไม่ถูกแม้ว่าเขาจะเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลีเอียนนั้นไม่ใช่สามีภรรยาที่แท้จริง แต่หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย เขาก็ไม่อาจทำเป็นไม่สนใจได้เลยเย่เฟิงต้องยอมรับว่า เมื่อครู่นี้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะในใจลึกๆ เขาไม่เห็นหลีเอียนรับคำสารภาพนั้นเลย“เอียนเอ๋อร์! เอียนเอ๋อร์ ขอร้องล่ะ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะ!” เมื่อเถียนอวี่เซวียนเห็นหลีเอียนเดินจากไป สีหน้าที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้งของเขาก็แข็งทื่อไปทันที เขาลุกขึ้นยืน พยายามที่จะตามไปรั้งหลีเอียนไว้แต่ในขณะนั้น เย่เฟิงก็ขยับตัวบังเขาไว้ทันที“ขอโทษทีนะ แต่ดูเหมือนว่าภรรยาของผมจะไม่อยากสนใจคุณนะ!”เย่เฟิงพูดพลางยิ้มเย้ย “ภรรยา?”เมื่อเถียนอวี่เซวียนได้ยินคำว่า ‘ภรรยา’ สีหน้าของเขา
"ถ้างั้นก็ดี"สวีเพ่ยเพ่ยพยักหน้าอย่างโล่งใจ จริงๆ แล้วพวกเขาเองก็ไม่รู้จักบัตรเชิญของงานนี้หรอก เย่เฟิงบอกว่าใช่ก็คือใช่นั่นแหละ“อุ๊ย พวกแกกล้ามาจริงๆ ด้วยนะ!” ในขณะนั้น เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งมาถึงหน้าโรงแรมเหมือนกัน บังเอิญพบกับเย่เฟิงทั้งสี่คนพอดีคนที่เดินนำหน้ามาคือ ผู้อาวุโสหลี ตามมาด้วยครอบครัวหลีเทียนกังทั้งสามคน รวมถึงลุงสาม ลุงสี่ และอาเล็กของหลีเอียนผู้เป็นทายาทสายตรงของตระกูลหลีงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าที่จัดขึ้นโดยถงว่านจินเป็นโอกาสที่แม้แต่ตระกูลหลีก็ต้องการใช้เพื่อขยายเครือข่ายทางธุรกิจนอกจากนี้ พวกเขายังตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ในการทำความรู้จักผู้ค้าสมุนไพรยาให้มากขึ้น เพื่อบรรเทาวิกฤตการณ์ขาดแคลนวัตถุดิบยาของบริษัทยาตระกูลหลีในขณะนี้ทุกคนต่างสวมสูทเรียบหรู ดูดีมีระดับ เหมือนกลุ่มคนชนชั้นสูงปานนั้น เสียงเย้ยหยันที่ดังขึ้นเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่หลีถิงแล้วจะเป็นใครได้?หลีเทียนกังเดินเข้ามาหาหลีเทียนหยาง พร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “พี่ใหญ่ ไม่นึกเลยว่าพวกพี่จะกล้ามาจริงๆ พวกพี่มาทำอะไรล่ะ?”“ก็มาร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าน่ะสิ จ
หลีเอียนเองกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใช่ค่ะคุณย่า เรามีบัตรเชิญของเราเอง ไม่จำเป็นต้องอ้างชื่อตระกูลหลี!”พวกเขาไม่จำเป็นต้องอ้างชื่อตระกูลหลี แต่การกระทำของผู้อาวุโสหลีทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังมาก“หืม? พวกเธอก็มีบัตรเชิญด้วยเหรอ? เป็นไปได้ยังไง?” หลีเทียนกังพูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อสีหน้าของผู้อาวุโสหลีก็ไม่แน่ใจและโกรธเคืองเช่นกัน!หลี่เยว่ผิงในตอนนี้ มองไปที่บัตรเชิญที่เย่เฟิงยื่นออกไป ดวงตาของเธอเป็นประกายและตะโกนขึ้นว่า “บัตรนั่นมันของปลอม! ต้องเป็นของปลอมแน่ๆ แค่มองก็รู้แล้วว่ามันไม่เหมือนกับของเรา!”พูดจบ เธอก็หยิบบัตรเชิญที่ตระกูลหลีได้รับจากมือของผู้อาวุโสหลี แล้วยื่นให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัย“พวกคุณดูดีๆ นี่ถึงจะเป็นบัตรเชิญของแท้ บัตรของเขาทำออกมาดูดี แต่เห็นได้ชัดว่ามันปลอม!”เมื่อสังเกตเห็นดังนั้น หลีเทียนกังและผู้อาวุโสหลีรวมถึงหลีถิงต่างก็มีสีหน้าเย้ยหยัน“ที่แท้ก็ของปลอมนี่เอง!”“แค่มีบัตรปลอมๆ ใบหนึ่งก็คิดจะเข้าไปงั้นเหรอ?”“ถึงจะปลอม ก็ควรทำให้มันเหมือนกว่านี้หน่อยสิ…”ในขณะนั้นเอง พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ส่งบัตรเชิญคืนให้เย่เฟิง พร้อมทำท่าเชิญให้
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาต่างก็รู้จักเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเจียงคนนี้ล่ะก็ พวกเขาคงคิดว่าเย่เฟิงไปจ้างคนให้มาแสดงละคนด้วยแน่เป็นไปได้ยังไง?ทำไมเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งมณฑล ประธานอาวุโสของถงฟากรุ๊ปถึงได้ทำตัวเกรงอกเกรงใจไอ้หน้าขาวขนาดนี้?“ประธานถง หมายความว่ายังไงกัน? เพื่อไอ้หน้าขาวคนนี้ คุณถึงกับตัดความสัมพันธ์กับตระกูลหลีของเราแบบนี้ คุณคิดดีแล้วหรือยัง!”ผู้อาวุโสหลีกล่าวเสียงโกรธ สีหน้ามืดมนเมื่อได้ยินดังนั้น ถงว่านจินก็หัวเราะออกมา “ผมคิดดีมากแล้ว! ทำไม ตระกูลหลีอยากเจอกับผมสักหน่อยเหรอ?”“นาย…”ผู้อาวุโสหลีได้ยินดังนั้น สีหน้าพลันหมองหม่นจนแทบจะกลายเป็นหมึกดำแต่ทว่าสุดท้ายก้ไม่ได้พูดประโยคเด็ดขาดอะไรออกไป!ถงว่านจินเป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งของมณฑล อำนาจสะท้านผู้คนอยู่แล้ว ตระกูลหลีเป็นเพียงตระกูลต้นๆ ของหยุนเฉิงเท่านั้น อีกฝ่ายจะกลัวตระกูลหลีได้อย่างไร?หลีเทียนกังทั้งครอบครัวที่ก่อนหน้านี้ยังทำตัวเหิมใจเยาะเย้ยเย่เฟิงและคนอื่นๆ อยู่อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกสมาชิกสายตรงของตระกูลหลีคนอื่นๆ ก็สีหน้าบูดบึ้งเช่นกัน“ผมบอกแล้วว่าพวกคุณจะถูกไล่ออกไป! เชื่อหรือยังล่ะ?”“ที่รัก พ
ถงว่านจินพาเย่เฟิงมาส่งถึงห้องจัดเลี้ยงด้วยตัวเอง แล้วไปทำธุระของตนต่อภายในห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยบุคคลชั้นสูงที่มีชื่อเสียง แต่ละคนจับกลุ่มสนทนากัน ทั้งพูดถึงเรื่องเก่าๆ ทั้งทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ในงานนี้มีอาหารและเครื่องดื่มแบบบริการตัวเอง บรรยากาศของงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าดูดีเลยทีเดียวหลังจากหลีเอียนและพ่อแม่ของเธอเข้ามาถึง ก็มีหลายคนเข้ามาทักทายถึงแม้หลีเทียนหยางจะถูกขับออกจากตระกูลหลีไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีเครือข่ายในแวดวงชนชั้นสูงของหยุนเฉิงอยู่ อีกทั้งหลีเอียนเองก็เป็นซีอีโอสาวสวยที่เย็นชา ทำให้ยากที่จะไม่ดึงดูดสายตาของผู้คน เมื่อเข้ามาในงาน หลีเอียนและพ่อแม่ก็เริ่มทักทายกับคนในงานตามมารยาท!เย่เฟิงไม่ได้สนใจบรรยากาศแบบนี้เท่าไร เขามาร่วมงานนี้ก็เพื่อหลีเอียนเท่านั้นอยู่ที่นี่ เขาได้พบคนรู้จักหลายคน เช่น กัวไป๋ชวนที่เพิ่งพบกันเมื่อวาน เวินต้าชวนพ่อของเวินเสี่ยวเหมิง และเติ้งเหว่ยเหมา เจ้าของบริษัทคู่แข่งของตระกูลหลี แต่เย่เฟิงก็ไม่ได้เข้าไปทักทายใคร จึงเลือกหามุมเงียบๆ นั่งทานอาหารคนเดียว ไม่นาน หลีเอียนที่กำลังสนทนากับประธานบริษัทผลิตเครื่องจักรยาอยู่ ก็