"เพียงเห็นหลีเอียนที่เผชิญหน้ากับการสารภาพรักของเถียนอวี่เซวียน ใบหน้าสวยของเธอก็ยังคงเย็นชาไร้อารมณ์ราวกับน้ำแข็งในวินาทีถัดมา เธอก็เดินอ้อมผ่านเถียนอวี่เซวียนที่คุกเข่าอยู่ไป เปิดประตูและเข้าไปในรถทันทีเธอปิดประตูแรงเสียงดัง ‘ปัง’เย่เฟิงที่เห็นดังนั้น แววตาพลันสั่นไหวเล็กน้อยไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกโล่งใจบอกไม่ถูกแม้ว่าเขาจะเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลีเอียนนั้นไม่ใช่สามีภรรยาที่แท้จริง แต่หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย เขาก็ไม่อาจทำเป็นไม่สนใจได้เลยเย่เฟิงต้องยอมรับว่า เมื่อครู่นี้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะในใจลึกๆ เขาไม่เห็นหลีเอียนรับคำสารภาพนั้นเลย“เอียนเอ๋อร์! เอียนเอ๋อร์ ขอร้องล่ะ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะ!” เมื่อเถียนอวี่เซวียนเห็นหลีเอียนเดินจากไป สีหน้าที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้งของเขาก็แข็งทื่อไปทันที เขาลุกขึ้นยืน พยายามที่จะตามไปรั้งหลีเอียนไว้แต่ในขณะนั้น เย่เฟิงก็ขยับตัวบังเขาไว้ทันที“ขอโทษทีนะ แต่ดูเหมือนว่าภรรยาของผมจะไม่อยากสนใจคุณนะ!”เย่เฟิงพูดพลางยิ้มเย้ย “ภรรยา?”เมื่อเถียนอวี่เซวียนได้ยินคำว่า ‘ภรรยา’ สีหน้าของเขา
"ถ้างั้นก็ดี"สวีเพ่ยเพ่ยพยักหน้าอย่างโล่งใจ จริงๆ แล้วพวกเขาเองก็ไม่รู้จักบัตรเชิญของงานนี้หรอก เย่เฟิงบอกว่าใช่ก็คือใช่นั่นแหละ“อุ๊ย พวกแกกล้ามาจริงๆ ด้วยนะ!” ในขณะนั้น เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งมาถึงหน้าโรงแรมเหมือนกัน บังเอิญพบกับเย่เฟิงทั้งสี่คนพอดีคนที่เดินนำหน้ามาคือ ผู้อาวุโสหลี ตามมาด้วยครอบครัวหลีเทียนกังทั้งสามคน รวมถึงลุงสาม ลุงสี่ และอาเล็กของหลีเอียนผู้เป็นทายาทสายตรงของตระกูลหลีงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าที่จัดขึ้นโดยถงว่านจินเป็นโอกาสที่แม้แต่ตระกูลหลีก็ต้องการใช้เพื่อขยายเครือข่ายทางธุรกิจนอกจากนี้ พวกเขายังตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ในการทำความรู้จักผู้ค้าสมุนไพรยาให้มากขึ้น เพื่อบรรเทาวิกฤตการณ์ขาดแคลนวัตถุดิบยาของบริษัทยาตระกูลหลีในขณะนี้ทุกคนต่างสวมสูทเรียบหรู ดูดีมีระดับ เหมือนกลุ่มคนชนชั้นสูงปานนั้น เสียงเย้ยหยันที่ดังขึ้นเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่หลีถิงแล้วจะเป็นใครได้?หลีเทียนกังเดินเข้ามาหาหลีเทียนหยาง พร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “พี่ใหญ่ ไม่นึกเลยว่าพวกพี่จะกล้ามาจริงๆ พวกพี่มาทำอะไรล่ะ?”“ก็มาร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าน่ะสิ จ
หลีเอียนเองกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใช่ค่ะคุณย่า เรามีบัตรเชิญของเราเอง ไม่จำเป็นต้องอ้างชื่อตระกูลหลี!”พวกเขาไม่จำเป็นต้องอ้างชื่อตระกูลหลี แต่การกระทำของผู้อาวุโสหลีทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังมาก“หืม? พวกเธอก็มีบัตรเชิญด้วยเหรอ? เป็นไปได้ยังไง?” หลีเทียนกังพูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อสีหน้าของผู้อาวุโสหลีก็ไม่แน่ใจและโกรธเคืองเช่นกัน!หลี่เยว่ผิงในตอนนี้ มองไปที่บัตรเชิญที่เย่เฟิงยื่นออกไป ดวงตาของเธอเป็นประกายและตะโกนขึ้นว่า “บัตรนั่นมันของปลอม! ต้องเป็นของปลอมแน่ๆ แค่มองก็รู้แล้วว่ามันไม่เหมือนกับของเรา!”พูดจบ เธอก็หยิบบัตรเชิญที่ตระกูลหลีได้รับจากมือของผู้อาวุโสหลี แล้วยื่นให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัย“พวกคุณดูดีๆ นี่ถึงจะเป็นบัตรเชิญของแท้ บัตรของเขาทำออกมาดูดี แต่เห็นได้ชัดว่ามันปลอม!”เมื่อสังเกตเห็นดังนั้น หลีเทียนกังและผู้อาวุโสหลีรวมถึงหลีถิงต่างก็มีสีหน้าเย้ยหยัน“ที่แท้ก็ของปลอมนี่เอง!”“แค่มีบัตรปลอมๆ ใบหนึ่งก็คิดจะเข้าไปงั้นเหรอ?”“ถึงจะปลอม ก็ควรทำให้มันเหมือนกว่านี้หน่อยสิ…”ในขณะนั้นเอง พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ส่งบัตรเชิญคืนให้เย่เฟิง พร้อมทำท่าเชิญให้
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาต่างก็รู้จักเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเจียงคนนี้ล่ะก็ พวกเขาคงคิดว่าเย่เฟิงไปจ้างคนให้มาแสดงละคนด้วยแน่เป็นไปได้ยังไง?ทำไมเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งมณฑล ประธานอาวุโสของถงฟากรุ๊ปถึงได้ทำตัวเกรงอกเกรงใจไอ้หน้าขาวขนาดนี้?“ประธานถง หมายความว่ายังไงกัน? เพื่อไอ้หน้าขาวคนนี้ คุณถึงกับตัดความสัมพันธ์กับตระกูลหลีของเราแบบนี้ คุณคิดดีแล้วหรือยัง!”ผู้อาวุโสหลีกล่าวเสียงโกรธ สีหน้ามืดมนเมื่อได้ยินดังนั้น ถงว่านจินก็หัวเราะออกมา “ผมคิดดีมากแล้ว! ทำไม ตระกูลหลีอยากเจอกับผมสักหน่อยเหรอ?”“นาย…”ผู้อาวุโสหลีได้ยินดังนั้น สีหน้าพลันหมองหม่นจนแทบจะกลายเป็นหมึกดำแต่ทว่าสุดท้ายก้ไม่ได้พูดประโยคเด็ดขาดอะไรออกไป!ถงว่านจินเป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งของมณฑล อำนาจสะท้านผู้คนอยู่แล้ว ตระกูลหลีเป็นเพียงตระกูลต้นๆ ของหยุนเฉิงเท่านั้น อีกฝ่ายจะกลัวตระกูลหลีได้อย่างไร?หลีเทียนกังทั้งครอบครัวที่ก่อนหน้านี้ยังทำตัวเหิมใจเยาะเย้ยเย่เฟิงและคนอื่นๆ อยู่อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกสมาชิกสายตรงของตระกูลหลีคนอื่นๆ ก็สีหน้าบูดบึ้งเช่นกัน“ผมบอกแล้วว่าพวกคุณจะถูกไล่ออกไป! เชื่อหรือยังล่ะ?”“ที่รัก พ
ถงว่านจินพาเย่เฟิงมาส่งถึงห้องจัดเลี้ยงด้วยตัวเอง แล้วไปทำธุระของตนต่อภายในห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยบุคคลชั้นสูงที่มีชื่อเสียง แต่ละคนจับกลุ่มสนทนากัน ทั้งพูดถึงเรื่องเก่าๆ ทั้งทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ในงานนี้มีอาหารและเครื่องดื่มแบบบริการตัวเอง บรรยากาศของงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าดูดีเลยทีเดียวหลังจากหลีเอียนและพ่อแม่ของเธอเข้ามาถึง ก็มีหลายคนเข้ามาทักทายถึงแม้หลีเทียนหยางจะถูกขับออกจากตระกูลหลีไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีเครือข่ายในแวดวงชนชั้นสูงของหยุนเฉิงอยู่ อีกทั้งหลีเอียนเองก็เป็นซีอีโอสาวสวยที่เย็นชา ทำให้ยากที่จะไม่ดึงดูดสายตาของผู้คน เมื่อเข้ามาในงาน หลีเอียนและพ่อแม่ก็เริ่มทักทายกับคนในงานตามมารยาท!เย่เฟิงไม่ได้สนใจบรรยากาศแบบนี้เท่าไร เขามาร่วมงานนี้ก็เพื่อหลีเอียนเท่านั้นอยู่ที่นี่ เขาได้พบคนรู้จักหลายคน เช่น กัวไป๋ชวนที่เพิ่งพบกันเมื่อวาน เวินต้าชวนพ่อของเวินเสี่ยวเหมิง และเติ้งเหว่ยเหมา เจ้าของบริษัทคู่แข่งของตระกูลหลี แต่เย่เฟิงก็ไม่ได้เข้าไปทักทายใคร จึงเลือกหามุมเงียบๆ นั่งทานอาหารคนเดียว ไม่นาน หลีเอียนที่กำลังสนทนากับประธานบริษัทผลิตเครื่องจักรยาอยู่ ก็
แต่คุณ ทำไมต้องปิดบังผม ทำไมต้องหลอกผมด้วย?”หลังจากที่เย่เฟิงเคยผ่านการถูกโจวชิ้งหักหลังมาแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกครั้ง ก็ยิ่งทำให้เย่เฟิงรู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิมหลังจากกลับมาที่ห้องจัดเลี้ยง เย่เฟิงนั่งลงตรงนั้น แล้วรินบรั่นดีใส่แก้วจนเต็ม จากนั้นดื่มเข้าไปหลายอึกอย่างรวดเร็วคราวนี้เขาไม่ได้ใช้พลังพิเศษของเขาในการขับไล่แอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ปล่อยให้ความมึนเมานั้นซึมซาบเข้าไปในเส้นประสาทของเขาเหมือนกับว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้รู้สึกสบายขึ้นบ้าง!อีกด้านหนึ่ง!ในห้อง 0811!“เถียนอวี่เซวียน คุณจะทำอะไรกันแน่?” หลังจากที่หลีเอียนเข้ามาในห้อง ดวงตาสวยเปล่งประกายไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง พร้อมถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“เอียนเอ๋อร์ คุณยังไม่เข้าใจความรู้สึกของผมอีกเหรอ? ผมรักคุณ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย!ผมคิดว่าถ้าทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยให้ผมลืมคุณได้แต่ผมค้นพบว่าผมคิดผิด!เอียนเอ๋อร์ ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ เรากลับมาเริ่มต้นใหม่กันดีไหม?”เถียนอวี่เซวียนพูดด้วยความจริงใจ พร้อมกับจับมืออันนุ่มนวลของหลีเอียนเอาไว้ เมื่อได้สัม
เมื่อได้ยินการข่มขู่ของเถียนอวี่เซวียน ใบหน้าของหลีเอียนก็แสดงความโกรธและความหวาดหวั่นออกมาเหตุผลที่หลีเอียนยอมมาเจอเถียนอวี่เซวียน ก็เพราะกลัวเรื่องวิดีโอพวกนั้น“เถียนอวี่เซวียน นายมันน่ารังเกียจ!”หลีเอียนกัดฟันพูดด้วยความโกรธเคืองและความเกลียดชังอย่างเต็มเปี่ยมในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากที่เถียนอวี่เซวียนตามจีบและพยายามเอาใจเธออย่างไม่ลดละ ในที่สุดหลีเอียนก็ยอมคบกับเขาทั้งสองคบหากันอยู่ช่วงหนึ่ง และถือเป็นรักครั้งแรกของหลีเอียนแต่สิ่งที่หลีเอียนคาดไม่ถึงก็คือ เถียนอวี่เซวียนแอบติดตั้งกล้องสอดแนมเล็กๆ ไว้ในอพาร์ตเมนต์ที่เธอเช่าอยู่ และลอบบันทึกภาพส่วนตัวของหลีเอียนไว้มากมาย เช่น ตอนอาบน้ำ ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า...ครั้งหนึ่งในวันเกิดของเถียนอวี่เซวียน หลีเอียนอยากจะเซอร์ไพรส์เขา เธอจึงไปที่บ้านของเขาโดยไม่บอกล่วงหน้าแต่กลับกลายเป็นว่า เธอโดนเถียนอวี่เซวียนเซอร์ไพรส์กลับด้วยฉากอุบาทว์ตาเขากำลังนัวเนียอยู่กับผู้หญิงอีกคน ไม่เพียงแค่นั้น ในมือของเขายังถือโทรศัพท์ที่กำลังเปิดคลิปส่วนตัวของหลีเอียนให้ผู้หญิงคนนั้นดูด้วยหลีเอียนเพิ่งได้รู้ว่า เขาไม่เพียงแต่จะนอกใจเธอเท่า
เย่เฟิงคิดมาตลอดว่า เขาไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรกับหลีเอียนเขาเชื่อมาตลอดว่าตัวเองสนใจแค่นั่วนั่วเท่านั้นแต่ตอนนี้เย่เฟิงกลับพบว่า ตัวเองคิดผิด!มนุษย์ย่อมไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ไร้หัวใจสักหน่อยเมื่อได้ใช้ชีวิตแต่งงานหลอกๆ กับหลีเอียนมาตลอดช่วงเวลานี้ เขาก็ค่อยๆ ตกหลุมรักเธอโดยไม่รู้ตัวหากเป็นเพียงข้อตกลงทางธุรกิจ เขาจะทำเพื่อเธอมากมายขนาดนั้นได้ยังไง? เหอะๆ…แต่ดูเหมือนตอนนี้ ทุกสิ่งที่เขาทำไป จะดูโง่เขลามากจริงๆ!เหมือนกับสิ่งที่เขาเคยทำเพื่อโจวชิ้งไม่มีผิด!“ผู้หญิงนี่นะ ฮึๆ…” เย่เฟิงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกรอบ รอยยิ้มเยาะปรากฏบนริมฝีปากทันใดนั้น เขารู้สึกเหมือนมีคนมาแตะไหล่ของเขาหันไปมองกลับเป็นลูกชายตระกูลซ่ง ซ่งหย่งไถ่“คุณซ่ง? บังเอิญจังนะครับ?”เย่เฟิงหัวเราะพร้อมพูดออกมาอย่างไม่ชัดเจนเพราะไม่ได้ขับไล่แอลกอฮอล์ออกไปด้วยกำลังภายใน ตอนนี้เย่เฟิงจึงเริ่มพูดจาไม่ค่อยชัดแล้ว…“คุณเย่ ผมมีบางอย่างจะให้คุณดู ตามผมมาครับ!”ซ่งหย่งไถ่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ดูอะไร? ไม่อยากดู”เย่เฟิงโบกมืออย่างเบื่อหน่าย“เกี่ยวกับภรรยาของคุณ คุณหลีเอียน”ซ่งหย่งไถ่สีหน้าจริงจังไ
“ถ้าขุดเจออะไรสกปรกจริงๆ ฉันจะกินมันเข้าไปเลย!”อาจารย์คงพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แสดงออกถึงความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง “เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว?”เย่เฟิงส่ายหัวพลางถอนหายใจ รถขุดเริ่มทำงานตามจุดที่เย่เฟิงชี้ไว้ขณะที่เย่เฟิงยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ถงซวี่เย่เองก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาจับจ้องไม่กะพริบส่วนเฉาเริ่นกับอาจารย์คงยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่กี่นาทีต่อมา ก็ขุดลึกลงไปได้สี่ถึงห้าเมตร แต่กลับพบเพียงก้อนหินรกๆ เท่านั้น“ตลกจริงๆ! ไอ้ที่นายบอกมันอยู่ไหนล่ะ? ไม่รู้รึไงว่าฉันมีชื่อเสียงขนาดไหนในวงการฮวงจุ้ย กล้ามาสงสัยในฝีมือฉันเนี่ยนะ? ไอ้หนุ่ม จ่ายค่าเสียหายมาเลย ฉันไม่เอาเยอะ สักห้าล้านพอ!”อาจารย์คงพูดด้วยความภูมิใจ “คุณเย่ ถ้าคุณไม่มีเงินจ่าย ก็ขอโทษอาจารย์คงซะ เดี๋ยวผมจะช่วยพูดให้ แล้วปล่อยให้เรื่องนี้จบๆ ไปอย่ากลับไปขอเงินคุณหลีเลยนะ แบบนั้นมันไม่ดี” เฉาเริ่นพูดพลางเย้ยหยัน “คุณชายเฉา จะขุดต่อไหมครับ?”คนงานของเขาเอียงศีรษะออกมาถาม“ขุดต่อไป!” เย่เฟิงพูดเสียงเรียบ ไม่สนใจคำพูดของอาจารย์คงและเฉาเริ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนท้ายที่เย่เฟิงพูดเชิงเย้ยหยันด้วยแก้วเหล้านั้น ทำให้เฉาเริ่นยิ่งรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก “ผมเรียกพี่เย่มาช่วยดูฮวงจุ้ยหน่อยน่ะ” ถงซวี่เย่พูดด้วยรอยยิ้ม พอได้ยินเช่นนั้น เฉาเริ่นก็ขมวดคิ้วทันที “คุณชายถง เรื่องงานก่อสร้างนี่ปล่อยให้ตระกูลเฉาของเราจัดการเถอะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”“ผมคอยดูสักหน่อยดีกว่า” ถงซวี่เย่ตอบ “คุณชายถง คุณไม่เชื่อใจผมแล้วเหรอ?”เฉาเริ่นพูดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ขณะนั้นเอง ชายชราที่ดูมีลักษณะคล้ายคนมีวิชาในชุดกี่เพ้าเหลืองก็แค่นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เฉาเริ่นแนะนำถงซวี่เย่ว่า “นี่คืออาจารย์คง ท่านเป็นอาจารย์ฮวงจุ้ยชื่อดังแห่งหยุนเฉิง ก่อนเริ่มงานก่อสร้างอะไรที่บ้านผมก็มักจะเชิญท่านอาจารย์คงมาดูให้เสมอ มีอาจารย์คงอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชิญใครที่ไม่ได้เรื่องมาดูอีกหรอกคุณชายถง คุณพาคุณเย่กลับไปเถอะ”พูดจบ เฉาเริ่นก็หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมโบกมือไล่ อาจารย์คงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนพูดด้วยความหยิ่งยโส “ผมตรวจดูที่นี่แล้ว ฮวงจุ้ยดีมาก มีแสงแห่งโชคลาภปกคลุม สามารถเริ่มงานก่อสร้างอย่างสบายใจได้เลยพลังชั่ว
เมื่อได้ยินหลีเทียนกังพูดเช่นนี้ หลี่เยว่ผิงก็ฉายแววดีใจออกมาหลีถิงกลับเผยสีหน้าตกใจ “พ่อคะ ไม่…ไม่จริงหรอกใช่ไหมคะ? พ่อเองก็อยาก…”หลีเทียนกังขรึมหน้าลง แล้วจ้องหลีถิงเขม็ง “ถิงถิง แกอย่าพูดออกไปมั่วซั่วล่ะ! ถ้าย่าของแกตาย นั่นก็เพราะหลีเอียนกับไอ้หน้าขาวแซ่เย่! เข้าใจไหม?”หลีถิงตัวสะดุ้ง แล้วพยักหน้าด้วยความหวาดกลัว “เข้า…เข้าใจแล้วค่ะ!”วินาทีต่อมา หลีเทียนกังพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกดโทรหาเบอร์หนึ่งในฐานะที่เป็น ‘คุณชายรอง’ ของตระกูลหลี อำนาจของเขาในตระกูลย่อมมีคนสนิทคนหนึ่งอยู่แล้ว“หลีปา จัดการหมอหลี่ที่มาดูอาการผู้อาวุโสวันนี้ซะ! จัดการให้สะอาดล่ะ!”หลังจากวางสาย หลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชาไปทีหนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงขรึมว่า “เรื่องนี้จะต้องหาแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจคนหนึ่ง และต้องทำแบบเงียบๆ ไร้ร่องรอยด้วย!”หลี่เยว่ผิงกล่าวด้วยสายตาเป็นประกาย “จริงสิคะที่รัก ฉันได้ยินมาว่าหมอเทวดาจู้จากโม๋ตูคนนั้นมาที่หยุนเฉิงแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมารักษาที่คลินิกจู้คังด้วย หรือว่า…จะหาเขาดี?”คลินิกจู้คังที่หมอเทวดาจู้คนนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นคลินิกลูกโซ่ ตอนนี้มีคลินิกย่อยอยู่ทั่วประเทศแล้ว
ส่วนสถานการณ์ของเจ้าสามและเจ้าสี่ไม่ชัดเจนนักผู้อาวุโสหลีหน้าเสียต่อหน้าหลีเอียนและเย่เฟิงมานักต่อนัก สุดท้ายยังต้องยอมจำนนอย่างน่าอับอายอีกเธอในตอนนี้ไม่ถูกกับครอบครัวลูกชายคนโตเลยแม้แต่นิด!ดังนั้นเธอย่อมต้องสนับสนุนคนที่ไม่ถูกกับอีกฝ่ายเช่นเดียวกันอยู่แล้วซึ่งคนคนนั้น ก็มีเพียงหลีเทียนกัง ลูกชายคนรองเท่านั้น…หลังจากที่กลับจากคฤหาสน์ตระกูลหลี ทันทีที่หลีเทียนกังขึ้นรถไป หลี่เยว่ผิวและหลีถิงที่รออยู่บนรถก่อนแล้วก็เอ่ยถามอย่างรอไม่ไหว“ที่รัก ผู้อาวุโสเป็นยังไงบ้าง? ใกล้จะไม่ไหวแล้วใช่ไหม?”ภรรยาคนนี้ทำหน้าตั้งตารอ“พ่อคะ พ่อต้องทำให้ย่าเขียนพินัยกรรมมอบหุ้นส่วนทั้งหมดให้พ่อก่อนที่ท่านจะตายนะคะ!”หลีถิงเองก็ทำหน้าโลภมากหลีเทียนกังแค่นเสียงเย็นชา แล้วโบกมืออย่างอารมณ์เสีย “คิดอะไรอยู่น่ะ? ผู้อาวุโสยังไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก หมอบอกว่าแค่พักผ่อนดีๆ รักษาอาการป่วยให้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เยว่ผิงและหลีถิงก็เผยสีหน้าผิดหวังออกมาหลีเทียนกังเห็นดังนั้น ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า “แต่ผมขู่ผู้อาวุโสไป ให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วแล
เมื่อเห็นท่าทางของลูกชายคนรอง ผู้อาวุโสหลีก็รู้สึกไม่ดี!ท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตนใกล้จะตายแล้วอย่างไรอย่างนั้น"เป็นอะไรกันแน่? บอกมา!"ผู้อาวุโสหลีถามเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเดิมพร้อมไอเป็นครั้งคราว"แม่ ไม่มีอะไรจริงๆ แม่พักผ่อนให้สบายเถอะ"หลีเทียนกังพยายามปลอบแต่ผู้อาวุโสหลียังจับตาดูลูกชายอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจ "เฮ้อ…ฉันเองก็อายุมากแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ไม่แปลก! เพียงแต่…ฉันไม่ยอม!"เธอพูดพลางตบโต๊ะด้วยความโกรธหลังจากใช้ชีวิตอย่างเด็ดเดี่ยวมาตลอด สุดท้ายเธอกลับพ่ายแพ้ให้กับหลานสาวตัวเอง จนถึงขั้นเสียบริษัทยาไปทั้งหมดความรู้สึกนี้ยากที่จะทำใจยอมรับได้ แม้จะเป็นวาระสุดท้ายก็ตาม!"แม่ครับ ผมจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีกลับมาให้แม่เอง!"หลีเทียนกังกัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นครั้งนี้ไม่ใช่การแสร้งทำ!เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ครอบครัวเขาหน้าด้านหน้าทนไปขอหลีเอียน แต่กลับถูกขับไล้ออกมาอย่างไร้เยื่อใย ในใจเขาเองก็รู้สึกอับอายและโกรธมากเช่นกัน"แม่ ถึงแม้เราจะเสียเปรียบเรื่องบริษัทยา แต่เราสามารถหาวิธีอื่นจัดการครอบครัวพี่ใหญ่ได้นี่ครับ!หลีหย่วนยังไงก็
“ราคาสูง? สูงแค่ไหน?”เย่เฟิงขมวดคิ้วถาม“ยกตัวอย่างเช่น ยาหนึ่งเม็ดจากตระกูลนี้ ราคาก็สูงถึงหลักสิบล้าน ส่วนทักษะวิชาการต่อสู้บางเล่มอาจทะลุไปถึงร้อยล้านเลย...”หลีหยวนเล่าความเป็นมาของตระกูลกู่นี้ให้เย่เฟิงฟังตระกูลกู่เป็นตระกูลที่เงียบสงบและไม่เผยตัวต่อสาธารณะ แต่ก็แข็งแกร่งมากพวกเขาไม่ทำธุรกิจข้างนอก แต่ก็ร่ำรวยมหาศาลลำพังแค่งานประมูลหนึ่งครั้ง ก็สามารถทำรายได้ถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลนี้ยังเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญฝีมือสูงที่สามารถรับงานต่างๆ ได้ แต่ค่าจ้างก็แพงมากเช่นกันแน่นอนว่าความสามารถของยอดฝีมือที่ส่งไปนั้น ก็เก่งกาจมากเช่นกันเฉินจิงเทียนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสู้อันดับหนึ่งในมณฑลเจียง ยังอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญบางคนในตระกูลนี้ด้วยซ้ำ เพียงแค่พวกเขาไม่เปิดเผยตัวเท่านั้นหลังจากที่หลีหย่วนพูดจบแล้ว เย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและรู้สึกหนักใจตระกูลกู่จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือยอดฝีมืออะไรไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาต้องการคือของประมูลราคาสูงลิ่วที่หลีหย่วนพูดถึงตามที่หลีหย่วนกล่าว ราคาของหยกพลังวิญญาณนั่น เผลอๆ อาจสูงถึงร้อยล้านเลยก็ได้
ใช่แล้ว หลีเอียนรู้เรื่องจี้หยกรูปมังกรของเย่เฟิงตอนที่เย่เฟิงโดนรถของเธอชนแล้วกระเด็นไป ตอนนั้นเขากำจี้หยกชิ้นนั้นไว้แน่น หลีเอียนจึงจำมันได้ขึ้นใจอีกทั้งตอนที่เย่อินเสวียนหยิบภาพวาดออกมา หลีเอียนเองก็สงสัยอยู่ในใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาเมื่อได้ยินคำขู่ของหลีเอียน สีหน้าของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของเขาแฝงด้วยความเย็นชา “คุณกำลังขู่ผมอยู่เหรอ?”หลีเอียนที่เห็นสายตาเย็นชาของเย่เฟิง ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ เธอจ้องมองเขาอย่างน้อยใจ“ใช่ ฉันขู่คุณ แล้วจะทำไม? ยังจะกล้าขัดคำสั่งฉันไหม?”เย่เฟิงถอนหายใจเล็กน้อย รู้สึกปั่นป่วนในใจเมื่อเห็นท่าทางของเธอ สุดท้ายเขาก็ยอมจำนน“โอเคๆ ผมจะทำตามที่คุณบอก โอเคไหม คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่ของผม...แต่คุณต้องช่วยผมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ”หลีเอียนจ้องเขาด้วยสายตาไม่พอใจแล้วพูดขึ้น “ก็ต้องดูพฤติกรรมของคุณแล้ว”“ผมว่าผมก็ทำตัวดีมาตลอดนะ”“แย่สุดๆ!”หลีเอียนกัดฟันและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาทำให้เย่เฟิงได้แต่นั่งหน้าหมอง พร้อมคิดในใจว่า(ผู้หญิง เหอะๆ…เปลี่ยนอารมณ์ง่ายเหมือนเปลี่ยนหน้าหนังสือเลย!
สวี่ซีเหยียนหน้าซีดด้วยความกลัว "เย่เฟิง ช่วยหน่อยเถอะนะ เห็นแก่ที่ฉันกับเอียนเอียนเป็นเพื่อนกัน นายอย่าถือสาฉันเลยนะ ช่วยฉันด้วย…ฉันไม่อยากโดนหนอนพิษ..."เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ทั้งหลายต่างพากันตกใจกลัว ร้องขอความช่วยเหลืออย่างหมดท่า"หึๆ ตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วเหรอ? ไม่ต้องตกใจไป หนอนพิษเพิ่งเข้าไปไม่นาน ยังอยู่แค่ในกระเพาะอาหารของพวกเธอ ยังไม่เข้ากระแสเลือดกลับไปเอาผงสารส้มละลายน้ำร้อน แล้วก็ล้วงคอให้อาเจียนออกมา อาเจียนออกมาให้หมดจนไม่มีอะไรเหลือค้างอยู่"เย่เฟิงพูดนิ่งๆเมื่อพูดจบ เหล่าทายาทตระกูลใหญ่ต่างรีบพุ่งออกจากห้อง ไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียวเซียวคุนกับถงซวี่เย่ยิ่งรู้สึกศรัทธาและเคารพเย่เฟิงมากขึ้นไปอีกหลังจากนั้น เซียวคุนก็เปลี่ยนห้องเพื่อทานอาหารกันสี่คนแบบเรียบง่ายหนึ่งชั่วโมงต่อมา...เย่เฟิงและหลีเอียนออกมาจากร้านเชียนเว่ยเซวียน กำลังจะขึ้นรถไปส่งบอสสาวสวยกลับบ้านหลีเอียนเดินตามหลังเย่เฟิง มองเย่เฟิงที่เดินนำหน้าไปอย่างไม่สนใจใยดีด้วยสายตาที่มีแววขุ่นเคืองตอนทานอาหารเมื่อครู่ หลีเอียนเห็นเซียวคุนหลงใหลและอ่อนโยนกับเย่อินเสวียน ก็รู้สึกแปลกๆ แล้วแม้จะรู้ว่าเซ
หลังจากหายใจได้ไม่กี่อึดใจ เซียวคุนก็รู้สึกถึงความขมคาวในลำคอของเขา"แหวะ!" ทันใดนั้น เขาก็อาเจียนออกมา!พบว่ามีหนอนสีแดงสดตัวหนึ่งถูกอาเจียนออกมาจากปากของเขา!"อ๊า!" ฉากนี้ทำให้หญิงสาวบางคนในที่นั้นกรีดร้องออกมาส่วนคนอื่นๆ ก็มองด้วยความตกใจกลัว รู้สึกขนลุกและหัวใจเต้นแรงเซียวคุนที่ตอนนี้สีหน้ากลับมาเป็นปกติ แววตาที่เคยหลงใหลในเย่อินเสวียนหายไป แทนที่ด้วยความสับสนสงสัยเขามองดูหนอนพิษที่ตัวเองอาเจียนออกมาอย่างตกใจและโมโห "เสวียนเอ๋อร์ ฝีมือคุณจริงๆ เหรอ?"แต่เย่อินเสวียนกลับไม่สนใจเขาเลย สำหรับเธอแล้ว เซียวคุนก็แค่เครื่องมือเท่านั้นในเมื่อเครื่องมือถูกทำลาย เธอก็มองเย่เฟิงด้วยความโกรธแค้น"ไอ้ผู้ชายบ้า มาขัดขวางฉันอีกแล้ว! วอนหาที่ตาย!”เธอด่าด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะเคลื่อนไหวพุ่งตรงไปหาเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งทำเป็นมีดแล้วฟันไปที่คอของเขา ส่งเสียงฟาดลมอันดุดันออกมาเย่เฟิงเบิกตากว้าง แล้วรีบรับมือทันที!ปัง! ปัง! ปัง...ทั้งสองกระโดดเหยียบบนโต๊ะ ต่อสู้กันไปมาสามครั้งในพริบตาเดียว เย่อินเสวียนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนจะถอยร่นกลับด้วยแรงผลักจากนั้นใช้