"โอเค ถ้างั้นพี่เหรินจัดการเองเลย! ยาแพงๆ แบบนั้น หยุดผลิตไปก็ไม่เป็นไร!"เย่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา"อืม! ไม่เพียงแต่ผู้ค้าสมุนไพรยาเมื่อคราวก่อนเท่านั้น แต่ผมจะใช้การเครือข่ายความสัมพันธ์ของผมทั้งหมด เพื่อไม่ให้บริษัทยาตระกูลหลีหาซัพพลายเออร์วัตถุดิบยารายใหม่ได้อีก!อย่างน้อยผู้ค้าสมุนไพรยาในมณฑลนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องไปติดต่อแล้ว! ความพยายามของคุณเย่จะกลายเป็นเครื่องมือดูดเลือดและทำกำไรให้คนอื่นได้ยังไง?" เหรินลี่ชวิ๋นพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงสูง "แบบนี้... จะส่งผลต่อกำไรของคุณไหม?” เย่เฟิงถาม“ไม่เป็นไรเลย! ลูกของผมเองก็เป็นผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว และผมก็เกลียดราคายาที่แพงลิบลิ่วด้วย ผมเกลียดพวกนักธุรกิจใจดำที่ทำกำไรมากมาย ภายใต้ความลำบากของคนป่วยพวกนั้นจนเข้าไส้! คุณเย่ คุณไม่ต้องห่วง!”เหรินลี่ชวิ๋นพูดอย่างหนักแน่นแล้วเปลี่ยนน้ำเสียง "จริงสิ คุณเย่ ตอนนี้คุณกับคุณหลีเอียนกำลังทำอะไรอยู่? มีความคิดที่จะออกยาใหม่หรือก่อตั้งบริษัทใหม่ไหมครับ?"เขาถามอย่างคาดหวัง“กำลังดำเนินการอยู่ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเลย! ถึงตอนนั้น ถ้าเป็นไปตามแผน คงต้องรบกวนเรื่องวัตถุดิบยาจากพี่เหรินอ
เมื่อได้ยินว่าตัวเองหายดีแล้ว ความมืดมนนั้นก็เหมือนถูกแทนที่ด้วยแสงสว่าง กลายเป็นคนสดใสในบัดดลเย่เฟิงเห็นนั่วนั่วแบบนี้ ในใจก็ตัดสินใจว่าจะหาสาเหตุให้เจอ!ถึงครั้งนี้จะล้มเหลว แต่เย่เฟิงก็สามารถถ่ายทอดปราณมังกรให้กับนั่วนั่ว เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่เป็นอะไรไม่ต้องกินยา เด็กน้อยก็จะไม่รู้ความจริงถ้าลูกสาวสามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องมีเรื่องกังวลก็คงดี…เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เฟิงส่งนั่วนั่วไปที่โรงเรียนอนุบาลเสร็จ ก็ขับรถไปรับหลีเอียนที่หยู่กวงตี่เมื่อมาถึง หลีเอียนก็เตรียมตัวเสร็จแล้ววันนี้บอสสาวสวยแต่งตัวชุดออกกำลังกายสบายๆ ดูเย็นชาน้อยกว่าปกติ แต่ให้ความรู้สึกขี้เล่น และมีชีวิตชีวามากหลายส่วนแบบนี้กลับทำให้ดูเหมือนน้องสาวข้างบ้านอย่างไรอย่างนั้น“ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้ล่ะ?”เย่เฟิงถามอย่างแปลกใจ“หลายๆ เรื่องในโรงงานตอนนี้ ฉันต้องจัดการเองทั้งหมด จะให้ฉันใส่ส้นสูงไปหรือไง? ทำไม แบบนี้ไม่สวยเหรอ?”หลีเอียนถาม แววตาคู่งามแฝงไปด้วยความกังวลไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอเริ่มใส่ใจภาพลักษณ์ของตนต่อหน้าเย่เฟิง“สวย! คุณใส่อะไรก็สวยหมดแหละ!”เย่เฟิงพูดยิ้มๆ“ปากมันลิ้นลื่นจริ
"เพียงเห็นหลีเอียนที่เผชิญหน้ากับการสารภาพรักของเถียนอวี่เซวียน ใบหน้าสวยของเธอก็ยังคงเย็นชาไร้อารมณ์ราวกับน้ำแข็งในวินาทีถัดมา เธอก็เดินอ้อมผ่านเถียนอวี่เซวียนที่คุกเข่าอยู่ไป เปิดประตูและเข้าไปในรถทันทีเธอปิดประตูแรงเสียงดัง ‘ปัง’เย่เฟิงที่เห็นดังนั้น แววตาพลันสั่นไหวเล็กน้อยไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกโล่งใจบอกไม่ถูกแม้ว่าเขาจะเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลีเอียนนั้นไม่ใช่สามีภรรยาที่แท้จริง แต่หลังจากผ่านเรื่องราวมามากมาย เขาก็ไม่อาจทำเป็นไม่สนใจได้เลยเย่เฟิงต้องยอมรับว่า เมื่อครู่นี้เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะในใจลึกๆ เขาไม่เห็นหลีเอียนรับคำสารภาพนั้นเลย“เอียนเอ๋อร์! เอียนเอ๋อร์ ขอร้องล่ะ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะ!” เมื่อเถียนอวี่เซวียนเห็นหลีเอียนเดินจากไป สีหน้าที่เต็มไปด้วยความลึกซึ้งของเขาก็แข็งทื่อไปทันที เขาลุกขึ้นยืน พยายามที่จะตามไปรั้งหลีเอียนไว้แต่ในขณะนั้น เย่เฟิงก็ขยับตัวบังเขาไว้ทันที“ขอโทษทีนะ แต่ดูเหมือนว่าภรรยาของผมจะไม่อยากสนใจคุณนะ!”เย่เฟิงพูดพลางยิ้มเย้ย “ภรรยา?”เมื่อเถียนอวี่เซวียนได้ยินคำว่า ‘ภรรยา’ สีหน้าของเขา
"ถ้างั้นก็ดี"สวีเพ่ยเพ่ยพยักหน้าอย่างโล่งใจ จริงๆ แล้วพวกเขาเองก็ไม่รู้จักบัตรเชิญของงานนี้หรอก เย่เฟิงบอกว่าใช่ก็คือใช่นั่นแหละ“อุ๊ย พวกแกกล้ามาจริงๆ ด้วยนะ!” ในขณะนั้น เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งมาถึงหน้าโรงแรมเหมือนกัน บังเอิญพบกับเย่เฟิงทั้งสี่คนพอดีคนที่เดินนำหน้ามาคือ ผู้อาวุโสหลี ตามมาด้วยครอบครัวหลีเทียนกังทั้งสามคน รวมถึงลุงสาม ลุงสี่ และอาเล็กของหลีเอียนผู้เป็นทายาทสายตรงของตระกูลหลีงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าที่จัดขึ้นโดยถงว่านจินเป็นโอกาสที่แม้แต่ตระกูลหลีก็ต้องการใช้เพื่อขยายเครือข่ายทางธุรกิจนอกจากนี้ พวกเขายังตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ในการทำความรู้จักผู้ค้าสมุนไพรยาให้มากขึ้น เพื่อบรรเทาวิกฤตการณ์ขาดแคลนวัตถุดิบยาของบริษัทยาตระกูลหลีในขณะนี้ทุกคนต่างสวมสูทเรียบหรู ดูดีมีระดับ เหมือนกลุ่มคนชนชั้นสูงปานนั้น เสียงเย้ยหยันที่ดังขึ้นเมื่อครู่นี้ ไม่ใช่หลีถิงแล้วจะเป็นใครได้?หลีเทียนกังเดินเข้ามาหาหลีเทียนหยาง พร้อมกับหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “พี่ใหญ่ ไม่นึกเลยว่าพวกพี่จะกล้ามาจริงๆ พวกพี่มาทำอะไรล่ะ?”“ก็มาร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าน่ะสิ จ
หลีเอียนเองกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใช่ค่ะคุณย่า เรามีบัตรเชิญของเราเอง ไม่จำเป็นต้องอ้างชื่อตระกูลหลี!”พวกเขาไม่จำเป็นต้องอ้างชื่อตระกูลหลี แต่การกระทำของผู้อาวุโสหลีทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังมาก“หืม? พวกเธอก็มีบัตรเชิญด้วยเหรอ? เป็นไปได้ยังไง?” หลีเทียนกังพูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อสีหน้าของผู้อาวุโสหลีก็ไม่แน่ใจและโกรธเคืองเช่นกัน!หลี่เยว่ผิงในตอนนี้ มองไปที่บัตรเชิญที่เย่เฟิงยื่นออกไป ดวงตาของเธอเป็นประกายและตะโกนขึ้นว่า “บัตรนั่นมันของปลอม! ต้องเป็นของปลอมแน่ๆ แค่มองก็รู้แล้วว่ามันไม่เหมือนกับของเรา!”พูดจบ เธอก็หยิบบัตรเชิญที่ตระกูลหลีได้รับจากมือของผู้อาวุโสหลี แล้วยื่นให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัย“พวกคุณดูดีๆ นี่ถึงจะเป็นบัตรเชิญของแท้ บัตรของเขาทำออกมาดูดี แต่เห็นได้ชัดว่ามันปลอม!”เมื่อสังเกตเห็นดังนั้น หลีเทียนกังและผู้อาวุโสหลีรวมถึงหลีถิงต่างก็มีสีหน้าเย้ยหยัน“ที่แท้ก็ของปลอมนี่เอง!”“แค่มีบัตรปลอมๆ ใบหนึ่งก็คิดจะเข้าไปงั้นเหรอ?”“ถึงจะปลอม ก็ควรทำให้มันเหมือนกว่านี้หน่อยสิ…”ในขณะนั้นเอง พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ส่งบัตรเชิญคืนให้เย่เฟิง พร้อมทำท่าเชิญให้
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาต่างก็รู้จักเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเจียงคนนี้ล่ะก็ พวกเขาคงคิดว่าเย่เฟิงไปจ้างคนให้มาแสดงละคนด้วยแน่เป็นไปได้ยังไง?ทำไมเศรษฐีอันดับหนึ่งแห่งมณฑล ประธานอาวุโสของถงฟากรุ๊ปถึงได้ทำตัวเกรงอกเกรงใจไอ้หน้าขาวขนาดนี้?“ประธานถง หมายความว่ายังไงกัน? เพื่อไอ้หน้าขาวคนนี้ คุณถึงกับตัดความสัมพันธ์กับตระกูลหลีของเราแบบนี้ คุณคิดดีแล้วหรือยัง!”ผู้อาวุโสหลีกล่าวเสียงโกรธ สีหน้ามืดมนเมื่อได้ยินดังนั้น ถงว่านจินก็หัวเราะออกมา “ผมคิดดีมากแล้ว! ทำไม ตระกูลหลีอยากเจอกับผมสักหน่อยเหรอ?”“นาย…”ผู้อาวุโสหลีได้ยินดังนั้น สีหน้าพลันหมองหม่นจนแทบจะกลายเป็นหมึกดำแต่ทว่าสุดท้ายก้ไม่ได้พูดประโยคเด็ดขาดอะไรออกไป!ถงว่านจินเป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งของมณฑล อำนาจสะท้านผู้คนอยู่แล้ว ตระกูลหลีเป็นเพียงตระกูลต้นๆ ของหยุนเฉิงเท่านั้น อีกฝ่ายจะกลัวตระกูลหลีได้อย่างไร?หลีเทียนกังทั้งครอบครัวที่ก่อนหน้านี้ยังทำตัวเหิมใจเยาะเย้ยเย่เฟิงและคนอื่นๆ อยู่อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกสมาชิกสายตรงของตระกูลหลีคนอื่นๆ ก็สีหน้าบูดบึ้งเช่นกัน“ผมบอกแล้วว่าพวกคุณจะถูกไล่ออกไป! เชื่อหรือยังล่ะ?”“ที่รัก พ
ถงว่านจินพาเย่เฟิงมาส่งถึงห้องจัดเลี้ยงด้วยตัวเอง แล้วไปทำธุระของตนต่อภายในห้องจัดเลี้ยงเต็มไปด้วยบุคคลชั้นสูงที่มีชื่อเสียง แต่ละคนจับกลุ่มสนทนากัน ทั้งพูดถึงเรื่องเก่าๆ ทั้งทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ในงานนี้มีอาหารและเครื่องดื่มแบบบริการตัวเอง บรรยากาศของงานประชุมแลกเปลี่ยนสินค้าดูดีเลยทีเดียวหลังจากหลีเอียนและพ่อแม่ของเธอเข้ามาถึง ก็มีหลายคนเข้ามาทักทายถึงแม้หลีเทียนหยางจะถูกขับออกจากตระกูลหลีไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีเครือข่ายในแวดวงชนชั้นสูงของหยุนเฉิงอยู่ อีกทั้งหลีเอียนเองก็เป็นซีอีโอสาวสวยที่เย็นชา ทำให้ยากที่จะไม่ดึงดูดสายตาของผู้คน เมื่อเข้ามาในงาน หลีเอียนและพ่อแม่ก็เริ่มทักทายกับคนในงานตามมารยาท!เย่เฟิงไม่ได้สนใจบรรยากาศแบบนี้เท่าไร เขามาร่วมงานนี้ก็เพื่อหลีเอียนเท่านั้นอยู่ที่นี่ เขาได้พบคนรู้จักหลายคน เช่น กัวไป๋ชวนที่เพิ่งพบกันเมื่อวาน เวินต้าชวนพ่อของเวินเสี่ยวเหมิง และเติ้งเหว่ยเหมา เจ้าของบริษัทคู่แข่งของตระกูลหลี แต่เย่เฟิงก็ไม่ได้เข้าไปทักทายใคร จึงเลือกหามุมเงียบๆ นั่งทานอาหารคนเดียว ไม่นาน หลีเอียนที่กำลังสนทนากับประธานบริษัทผลิตเครื่องจักรยาอยู่ ก็
แต่คุณ ทำไมต้องปิดบังผม ทำไมต้องหลอกผมด้วย?”หลังจากที่เย่เฟิงเคยผ่านการถูกโจวชิ้งหักหลังมาแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกครั้ง ก็ยิ่งทำให้เย่เฟิงรู้สึกไม่สบายใจยิ่งกว่าเดิมหลังจากกลับมาที่ห้องจัดเลี้ยง เย่เฟิงนั่งลงตรงนั้น แล้วรินบรั่นดีใส่แก้วจนเต็ม จากนั้นดื่มเข้าไปหลายอึกอย่างรวดเร็วคราวนี้เขาไม่ได้ใช้พลังพิเศษของเขาในการขับไล่แอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย ปล่อยให้ความมึนเมานั้นซึมซาบเข้าไปในเส้นประสาทของเขาเหมือนกับว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้รู้สึกสบายขึ้นบ้าง!อีกด้านหนึ่ง!ในห้อง 0811!“เถียนอวี่เซวียน คุณจะทำอะไรกันแน่?” หลังจากที่หลีเอียนเข้ามาในห้อง ดวงตาสวยเปล่งประกายไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง พร้อมถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“เอียนเอ๋อร์ คุณยังไม่เข้าใจความรู้สึกของผมอีกเหรอ? ผมรักคุณ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย!ผมคิดว่าถ้าทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยให้ผมลืมคุณได้แต่ผมค้นพบว่าผมคิดผิด!เอียนเอ๋อร์ ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะ เรากลับมาเริ่มต้นใหม่กันดีไหม?”เถียนอวี่เซวียนพูดด้วยความจริงใจ พร้อมกับจับมืออันนุ่มนวลของหลีเอียนเอาไว้ เมื่อได้สัม
"ไอ้บ้า เย่เฟิงมันเสียสติไปแล้ว!""นึกว่ามีเงินนิดหน่อยจะยุ่งกับใครก็ได้เหรอ? กล้าตบหวงเจี้ยน นายจบเห่แน่!"เจี่ยอี้ยกมือกุมหน้าตัวเอง พลางกัดฟันพูดในใจคนอื่นๆ ในห้องก็คิดเหมือนกัน ว่าเย่เฟิงคงจะทำอะไรไม่คิดถึงผลที่จะตามมา และครั้งนี้เขาคงสร้างปัญหาใหญ่ให้ตัวเองแล้ว"ไอ้ขยะ! โมโหไร้เหตุผล! ทำอะไรก็ไม่คิดถึงผลลัพธ์!"เหอปิง ครูประจำชั้นเก่า ด่าขึ้นด้วยความโมโห"ตบซะสะใจแบบนี้ เดี๋ยวครอบครัวคุณชายหวงคงจัดการนายให้ตายแน่!"หลี่เวยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา"ไม่ต้องรอถึงครอบครัว คุณชายหวงโทรหาเฮียเฉวียนแล้ว หมอนี่ต้องตายเร็วๆ นี้แน่นอน!"ผู้หญิงอีกคนพูดพลางหัวเราะเยาะถึงจะพูดแบบนั้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปหยุดเย่เฟิง เพราะพลังอันดุดันของเขาทำให้ทุกคนหวาดกลัวเย่เฟิงในขณะนี้ น่ากลัวมาก!มีเพียงเจียงหว่านที่พยายามดึงแขนเย่เฟิง พลางพูดด้วยความร้อนใจ "เย่เฟิง พอได้แล้ว! ถ้านายยังทำแบบนี้ต่อไป เดี๋ยวจะถึงขั้นฆ่ากันตายนะ! ครอบครัวหวงเจี้ยน นายสู้พวกเขาไม่ได้หรอก รีบไปเถอะ ก่อนจะสายเกินไป!""ไม่เป็นไร"เย่เฟิงพูดอย่างเรียบๆ จากนั้นก็ยกตัวหวงเจี้ยนขึ้นมาอีกครั้งเจียงหว่านเห็นท่าทีไม่แยแ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หวงเจี้ยนชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ปาแก้วไวน์ในมือลงพื้นจนแตกละเอียด"แกล้งทำตัวใหญ่โตไปได้! ถ้านายไม่อยากไสหัวไป ก็เลียรองเท้าฉันให้สะอาดซะสิ! ฉันอาจเห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมชั้นแล้วให้นายอยู่กินข้าวได้!""เอาสิ! ตอนเรียน นายก็เก่งเรื่องซักถุงเท้ากับขัดรองเท้าอยู่แล้ว นี่มันงานถนัดของนายไม่ใช่หรือ? ฮ่าๆๆ…""เลียให้สะอาด ฉันอาจพิจารณาหางานให้ทำก็ได้นะ!"เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นอีกครั้งทั่วทั้งห้องเจียงหว่านทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอพูดขึ้นอย่างโกรธจัด "หวงเจี้ยน! นายอย่าทำตัวเกินไปนักนะ!"เธอจับมือเย่เฟิงแล้วพูด "เย่เฟิง เราไปกันเถอะ งานเลี้ยงรุ่นนี่ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว"เมื่อเห็นแบบนี้ หวงเจี้ยนมองทั้งสองคนด้วยสายตาเย็นชา เต็มไปด้วยความอิจฉาดูเหมือนที่หลี่เวยบอกเขาเมื่อกี้จะเป็นความจริง เจียงหว่านยังมีใจให้เย่เฟิงอยู่!"จะไปไหน?""พวกแก ช่วยจับไอ้จนคนนี้ไว้ที! ฉันจะใช้หน้ามันเช็ดรองเท้าฉัน!"หวงเจี้ยนตั้งใจจะทำให้เย่เฟิงอับอายต่อหน้าเจียงหว่านเมื่อเขาพูดจบ เพื่อนชายบางคนที่เคยเป็นลูกน้องของหวงเจี้ยนในสมัยเรียนก็กระโดดเข้ามาทันทีพวกนี้เคยเป็นพวกเดียวกับหว
เย่เฟิงหันไปมองเจี่ยอี้ด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกทั้งหมดที่เคยคิดว่าเขาเป็น "พี่น้อง" ถูกลบล้างจนหมดสิ้นเสียงหัวเราะเยาะที่ดังรอบตัวไม่ได้กระทบจิตใจเขาแม้แต่น้อย เขายืนอยู่ตรงนั้นนิ่งเฉย ราวกับทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขา"พวกนายทำแบบนี้ได้ยังไง? เอาความเจ็บปวดของคนอื่นมาล้อเลียน?"มีเพียงเจียงหว่านเท่านั้นที่ยืนขึ้นปกป้องเย่เฟิงเย่เฟิงดึงแขนเธอเบาๆ พร้อมส่ายหัวเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องพูดอะไรให้มากความสำหรับเขาในตอนนี้ สายตาและมุมมองต่อโลกของเขาต่างจากคนเหล่านี้ไปไกลแล้วมังกรที่บินอยู่บนฟ้าย่อมไม่สนใจคำดูถูกจากมดปลวกบนดิน"หัวเราะพอแล้วใช่ไหม? ถ้าพอแล้ว ก็เชิญไสหัวไปได้เลย!"เย่เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสียงของเขาไม่ได้ดังนัก แต่ทุกคนในห้องได้ยินชัดเจนคำพูดนี้ทำให้เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง"ไสหัวไป? ฉันได้ยินถูกไหม ไอ้คนว่างงานมาบอกให้พวกเราหัวไป?"หลี่เวยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนกระซิบอะไรบางอย่างกับหวงเจี้ยน"อาหารมื้อนี้คุณชายหวงเลี้ยง นายเป็นใครถึงกล้ามาบอกให้คนอื่นออกไป?"เหอปิง ครูประจำชั้นเก่าเอ่ยขึ้นด้วยความดูถูกหวงเจี้ยนที่ได้ยินหลี่เวยกระซิบแล้วหันไปมอ
หลังจากเดินเข้ามาเห็นภาพนั้น เจียงหว่านก็อดขมวดคิ้วไม่ได้เธอรู้สึกว่างานเลี้ยงรุ่นนี้กลายเป็นการอวดรวย แข่งขันกัน และสร้างเครือข่ายไปเสียแล้ว"โอ้ ดาวโรงเรียนของพวกเรามาแล้วเหรอ?"ทันใดนั้น มีคนสังเกตเห็นเจียงหว่านและตะโกนขึ้นหวงเจี้ยนที่กำลังถูกล้อมรอบดั่งดวงดาวกลางวงก็รีบหันมาทางเธอ ดวงตาเป็นประกาย เขาย้ายมือที่วางอยู่บนตัวเหอปิงออก แล้วเดินตรงเข้ามา "เสี่ยวหว่าน เธอมาเสียที! ฉันคิดถึงเธอแทบแย่"เจียงหว่านยิ้มเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบสนองอะไรในขณะนั้นเอง มีคนสังเกตเห็นเย่เฟิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเจียงหว่าน"เอ๊ะ? นั่นเย่เฟิงไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ทำอะไรอยู่ล่ะ?"เมื่อได้ยิน ทุกคนก็หันมามองเย่เฟิงด้วยสายตาหลากหลายในสมัยเรียน เย่เฟิงมีชื่อเสียงในฐานะคนจน ทำให้ทุกคนยังจดจำเขาได้"ไม่ได้ทำอะไร"เย่เฟิงตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์"ไม่ได้ทำอะไร? หมายความว่าตอนนี้ว่างงานสินะ?""ฉันมีถุงเท้าคู่หนึ่ง นายช่วยซักให้หน่อยสิ ฉันให้ห้าร้อย เป็นไง?"ทันใดนั้น เสียงหัวเราะดังลั่นห้องแม้กระทั่งเหอปิง อดีตครูประจำชั้นของเขา ก็เบะปากพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม "เย่เฟิง ฉันไม่คิดเลยว่านายจะยังไร้ประโยช
"ไม่เป็นไร! งานเลี้ยงรุ่นที่คุณชายหวงเป็นคนจัด ฉันจะไม่ไปได้ยังไง!"เย่เฟิงส่ายหัว พร้อมยิ้มบางๆเมื่อได้ยิน หลี่เวยหัวเราะเสียงดัง "ทำไมล่ะ เย่เฟิง? นายก็รู้ว่าคุณชายหวงตอนนี้ไปได้สวยเลยอยากจะเอาใจเขาใช่ไหม? นายก็ถือว่ารู้จักประจบคนเป็นนะเนี่ย ถ้าทำให้คุณชายหวงพอใจ บางทีเขาอาจให้ไปทำงานเป็นพ่อบ้านที่บริษัทเขาก็ได้ยังไงตอนเรียน นายก็ซักเสื้อผ้าให้คนอื่นจนชินมือแล้วนี่ ฮ่าๆๆ!"หลี่เวยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจ"เหอะๆ ใช่สิ! ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าตอนนี้คุณชายหวงจะเจ๋งแค่ไหน! แต่ดูจากสภาพเธอตอนนี้ ท่าทางจะประจบเขาไม่น้อยเลยสินะ? ถึงขั้นขึ้นเตียงด้วยหรือเปล่า?"เย่เฟิงตอบด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันคำพูดนี้ทำให้หลี่เวยโกรธจนหน้าแดง "ไปให้พ้นเลย เย่เฟิง! ไม่เจอกันหลายปี นายกลายเป็นคนต่ำช้าขนาดนี้เลยเหรอ?"ในใจเธอแอบคิดอย่างเกรี้ยวกราด (นายมันก็แค่ขยะ ยังกล้าคิดจะไปประจบคุณชายหวง หวังจะเกาะเขาด้วย?ได้ รอให้ฉันไปปั่นหัวคุณชายหวงสักหน่อย นายเจอดีแน่!)ในขณะเดียวกัน เจียงหว่านที่ได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าหวงเจี้ยนประสบความสำเร็จ เย
หญิงสาวคนนี้เห็นเย่เฟิงก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง พอจำได้ก็เบะปากแล้วพูดขึ้นเธอชื่อหลี่เวย เป็นเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายของเย่เฟิงเช่นเดียวกันแต่ตั้งแต่สมัยเรียน หลี่เวยก็ไม่ค่อยชอบเย่เฟิงอยู่แล้วหรือจะพูดให้ถูกก็คือ เพื่อนส่วนใหญ่ในตอนนั้น ต่างก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาดูถูกตอนอายุ 18 ปี พ่อแม่ของเย่เฟิงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยที่ทิเบต ทำให้เขาขาดแคลนทั้งเงินและค่าใช้จ่ายเพื่อหาเงินค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่าย เย่เฟิงต้องทำงานพิเศษในโรงเรียน เช่น ซักผ้า ทำความสะอาด และวิ่งซื้อของให้เพื่อนแม้กระทั่งกางเกงใน รองเท้าเหม็นๆ และถุงเท้าสกปรกของเพื่อนผู้ชายบางคน เย่เฟิงก็เป็นคนซักเรื่องนี้ทำให้เพื่อนหลายคนมองเย่เฟิงด้วยความดูถูกแต่ก็มีเพื่อนบางคนที่แตกต่างออกไป ซึ่งเจียงหว่านเป็นหนึ่งในนั้น สมัยนั้น เธอไม่เพียงไม่ดูถูกเย่เฟิง แต่ยังมักจะซื้อข้าวให้เย่เฟิงอยู่บ่อยๆจนมีข่าวลือในโรงเรียนว่า เจียงหว่านชอบเย่เฟิงเพียงแต่ ตอนนั้นเย่เฟิงมีความรู้สึกด้อยค่า แม้ว่าเขาจะแอบชอบเจียงหว่านเช่นกัน แต่เขาไม่มีความกล้าที่จะแสดงออก"หวงเจี้ยนอาจลืมเชิญนายล่ะมั้ง! เย่เฟิง ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว มาด้วยกันสิน
เวลา 3 ทุ่ม เย่เฟิงมาถึงโรงแรมโกลด์เดนรอยัลโรงแรมแห่งนี้เป็นของหลีหย่วนเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลหลีหลีหย่วนพาอาเจียงและเหล่าหยู ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทมายืนรออยู่หน้าประตูตั้งแต่เนิ่นๆ"พี่เขย!""คุณเย่!"เมื่อเห็นเย่เฟิง พวกเขาตะโกนพร้อมกัน"พี่ พี่คิดว่าโรงแรมนี้เป็นยังไง? ชอบไหมครับ?"หลีหย่วนเดินมาโอบไหล่เย่เฟิงแล้วถามด้วยรอยยิ้ม"ดีนะ ดูดีเลย"เย่เฟิงพยักหน้า"ถ้าชอบ งั้นโรงแรมนี้ผมยกให้พี่เลย! จากนี้ไป พี่คือเจ้าของที่นี่!"หลีหย่วนหัวเราะเสียงดัง พร้อมผายมือเย่เฟิงได้ยินก็ทำหน้าอึ้ง "ยกให้ฉัน? ฉันไม่เอาหรอก! ฉันไม่มีเวลามาบริหารจัดการ แล้วฉันก็ไม่เก่งเรื่องนี้ด้วย""โธ่ พี่ จะลงมือเองทำไมล่ะ? ก็มีผู้จัดการโรงแรมอยู่แล้วนี่ พี่แค่รอรับเงินก็พอ!""ผมไม่สนล่ะ ยังไงพี่ก็ต้องรับไว้ ถ้าไม่รับ…ถ้าไม่รับ ผมจะฟ้องพี่สาวผมว่าพี่แอบไปนวดร้านแบบนั้นมา!"หลีหย่วนพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์"ไปให้พ้นเลย! ไอ้เด็กนี่ แกนี่มันแสบจริงๆ!"เย่เฟิงยิ้มขำ พร้อมด่าแบบไม่จริงจังนัก"ฮ่าๆๆ…"หลีหย่วนหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะพาเย่เฟิงเดินเข้าไปในโรงแรมเมื่อขึ้นไปถึงห้องส่วนตัวขนาดใหญ่บนชั
หลี่ชื่อสะบัดแขนของตัวเองดู พบว่าไม่เพียงแค่หายดี แต่ยังดูแข็งแรงและทรงพลังขึ้นอีกด้วย!ยิ่งไปกว่านั้น…"นี่มัน…""ฉันทะลุถึงระดับพลังแปรสภาพแล้วเหรอ? ฉันไม่เพียงแค่หายดี แต่ยังทะลุขีดจำกัดได้อีก?"หลี่ชื่อเบิกตากว้าง เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ!วินาทีถัดมา เขาดีใจจนตาแดง น้ำตาไหลพรั่งพรูอีกครั้งน้ำตาแห่งความปิติ!"ขอบคุณท่านมาก! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านคือผู้มีพระคุณที่สร้างชีวิตใหม่ให้กับผม! ผมหลี่ชื่อจะขอรับใช้ท่านเย่ตลอดไป!"หลี่ชื่อคุกเข่าลงกับพื้น เสียงสั่นเครือพลางเอ่ยขอบคุณเย่เฟิงมุมปากกระตุก ในใจคิดว่าหมอนี่บ่อน้ำตาตื้นเกินไปไหม นิดๆ หน่อยๆ ก็ร้องไห้ซะละ?"ไม่ต้องถึงขั้นเรียกฉันว่าอาจารย์หรอก แค่ตั้งใจทำงานให้ฉันก็พอ!""แต่จำไว้ ฉันสามารถเพิ่มพลังให้นายได้ ฉันก็สามารถทำลายมันได้เหมือนกัน ถ้าวันไหนที่ฉันรู้ว่านายทรยศฉัน นายคิดเองแล้วกันว่าผลจะเป็นยังไง!"เย่เฟิงโบกมือ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกฝ่ายที่อายุมากกว่าเย่เฟิงสองสามปี ย่อมไม่เหมาะสมที่จะเป็นศิษย์ของเขา ดังนั้นเรื่องรับเป็นศิษย์ก็ช่างมันเถอะ…อย่างไรก็ตาม หลี่ชื่อจะเป็นกำลังสำคัญให้เย่เฟิงได้ เพราะมีบ
หลังจากออกมาจากวิลล่าตระกูลเฉา เย่เฟิงเห็นเพียงเงาร่างที่ดูสิ้นหวังเดินอยู่ข้างหน้า แขนขวาของเขาปล่อยห้อยไร้เรี่ยวแรงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง หลี่ชื่อหันกลับไปมอง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันที"นายมาเพื่อฆ่าฉันใช่ไหม?"หลี่ชื่อบังคับตัวเองให้ฮึดสู้ พลางจ้องมองเย่เฟิงด้วยสายตาเคร่งเครียดและถามด้วยความโกรธ"เปล่า!"เย่เฟิงส่ายหัว"เหอะๆ ไม่ใช่เหรอ? นายโหดเหี้ยมขนาดนี้ ถึงกับทำลายฉันจนหมดสภาพ ฉันนึกว่านายตามมาเพื่อเอาชีวิตฉันเสียอีก"วินาทีต่อมา เขามองเย่เฟิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าเมื่อคิดถึงแขนขวาที่ถูกทำลาย หลี่ชื่อก็รู้สึกเจ็บปวดและโกรธเคืองในใจ!เย่เฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อรับรู้ถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย เขาถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า "นายมีแผนอะไรหรือเปล่า? ยังคิดจะทำร้ายครอบครัวเขาอีกหรือเปล่า?"ระหว่างพูด เขาพลางชี้ไปยังวิลล่าของตระกูลเฉาหลี่ชื่อส่ายหัว "ไม่มีแผนอะไรหรอก ฉันกลับไปที่สำนักไม่ได้แล้ว! อาจารย์บอกว่าฉันไร้พรสวรรค์เกินไป เลยไล่ฉันลงจากเขา! ส่วนจะไปทำร้ายเขาอีกไหมนั้น? เหอะๆ...มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว…"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่เฟิงอุทานเบาๆ ใ