กลางวัน โรงแรมโกลด์เดนรอยัลในห้องส่วนตัว เย่เฟิงและหลีเอียนมาถึงกันแล้วเวลานี้ หลีเอียนได้รับสายจากลวีปิงกง “คุณหลีครับ ผมถึงหน้าโรงแรมแล้ว คุณกับสามีหน้าขาวของคุณอยู่ไหนเหรอครับ?เชิญคนอื่นมาทานข้าว ขอร้องให้คนอื่นช่วย แม้แต่วิธีการต้อนรับแขกก็ทำไม่เป็นเหรอครับ? ผมว่าอาหารมื้อนี้ไม่ต้องกินมันแล้วล่ะ!”หลีเอียนได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป พยายามเก็บความรู้สึกโกรธในใจเอาไว้ แล้วกล่าวว่า “ขอโทษนะคะผู้จัดการลวี เดี๋ยวฉันจะลงไปรับคุณเดี๋ยวนี้เลย”“หึ ให้ไวล่ะ! ไม่มีคนมารับ ผมหาห้องไม่เจอหรอกนะ”ลวีปิงกงแค่นเสียงเย็นชา แล้วพูดชี้สั่งทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของหลีเอียนกลับถูกเย่เฟิงแย่งไป “ผู้จัดการลวีใช่ไหม? ผมว่าคุณดูเหมือนจะเข้าใจผิดไปนะ ที่เราเลี้ยงอาหารเที่ยงคุณในวันนี้ ก็เพื่อให้โอกาสคุณต่างหาก! เดินขึ้นมาเอง!ไม่อย่างนั้น ก็รอคณะกรรมการตรวจสอบของธนาคารมาตรวจสอบคุณได้เลย”ท่าทางของเย่เฟิงดูโหดเหี้ยมมาก“คุณคือไอ้หน้าขาวนั่นสินะ? ผมไม่ขึ้นไปจริงๆ ด้วย!”“ตลกเป็นบ้า คิดจะขู่ผมเหรอ?”ลวีปิงกงกล่าวอย่างไม่พอใจ“ตามใจ”เย่เฟิงตัดสายทันทีบริเวณนอกประตูโรงแรมในขณะนี้ ลวีปิง
เซียวฉางเหอทวนประโยคไม่น่าฟังที่ลวีปิงกงพูดเมื่อครู่นี้อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าโกรธ!ผู้จัดการลวีคนนี้ตกใจจนเสียภาพลักษณ์ แล้วกล่าวตัวสั่นเทาว่า “ประ…ประธานเซียว ผมไม่รู้ว่าคุณคือเพื่อนของไอ้…ไม่ใช่ คุณเย่คนนี้!”“ผู้จัดการลวี ที่นี่มีเอกสารฉบับหนึ่ง รบกวนคุณช่วยดูหน่อยได้ไหม?”เซียวฉางเหอพูดนิ่งๆ พร้อมโยนเอกสารไปที่ลวีปิงกงหลีเอียนมองดูเซียวฉางเหอทั้งครอบครัว ในดวงตาคู่งามฉายแววแปลกใจออกมาเธอเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเพื่อนของเย่เฟิงจะเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบของธนาคาร!นี่มัน…นี่มันตกใจ อ้อไม่ เซอร์ไพรส์มากแต่สีหน้าของทนายลวีกลับไม่มั่นคง เขาลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะยื่นมือออกไป แล้วพูดกับเซียวฉางเหอว่า “สวัสดีครับประธานเซียว ผมลวีปิงอี้ เป็นทนายส่วนตัวของคุณชายฉู่เทียนหลงแห่งตระกูลฉู่ครับ”เซียวฉางเหอนั่งลงข้างๆ เย่เฟิงนิ่งๆ ไม่สนใจมือของทนายลวีที่ยื่นออกมา “ผมคือเพื่อนของคุณเย่!”ความหมายที่จะสื่อนั้นชัดเจนโดยไม่ต้องสืบ ‘ฉันไม่สนหรอกว่าแกเป็นใคร ฉันรู้แค่ว่าฉันเป็นเพื่อนของคุณเย่!’ก่อนหน้านี้ปัญหาที่เย่เฟิงและถงว่านจินเป็นกังวล แน่นอนว่าครอบครัวของเซียวฉางเหอเองก็ต้องรู
ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบของธนาคาร เขามีหลักฐานมากมายว่าเขาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ราวกับว่ากำชีวิตของเขาอยู่ในมือ!“ ทนายลวี ถ่ายคลิปไว้แล้วใช่ไหม? รีบส่งไปให้คุณชายใหญ่ฉู่เจ้านายของคุณเถอะ!”ในเวลานี้ เย่เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงล้อเลียน"แก! รอก่อนเถอะ!"ใบหน้าของทนายลวีดูมืดมน หลังจากที่พ่นพูดคำรุนแรงออกไป เขาก็เดินจากไปทันทีอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะนำความอัปยศอดสูมาให้ตัวเอง จะรอให้เย่เฟิงกับหลีเอียนชวนเขาทานข้าวหรือไง?“ประธานเซียว ขอบคุณมากนะครับ!”หลังจากที่อีกฝ่ายจากไปแล้ว เย่เฟิงก็ลุกขึ้นยืนและขอบคุณเซียวฉางเหออย่างจริงจัง จากนั้นหันไปพยักหน้าให้กับคุณนายเซียวและคุณชายเซียว“เรื่องเล็กน้อย เทียบกับบุญคุณของคุณเย่แล้ว นี่ไม่ใช่อะไรเลย”“อาคุน ยังไม่สวัสดีคุณเย่อีก?”คุณนายเซียวขยิบตาให้ลูกชายของเธอเซียวคุนโค้งคำนับให้กับเย่เฟิงอย่างรวดเร็ว "ขอบคุณคุณเย่ที่ช่วยชีวิตไว้ครับ"ในเวลานี้ หลีเอียนก็ยืนขึ้นและทักทายครอบครัวของเซียวฉางเหอด้วย“คุณผู้หญิงเย่มีความงามที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างแท้จริง คุณเย่ช่างโชคดีและน่าอิจฉามาก ฮ่าๆ...”เซียวฉางเหอจับมือหลีเอียน และพูดติด
เมื่อเห็นผู้คนมากมายรออยู่ที่นี่ ความโกรธและความหนาวเหน็บก็แวบผ่านในดวงตาของหลีเอียน เธอรู้ดีว่าคนส่วนใหญ่เหล่านี้มาที่นี่เพื่อรอดูเรื่องตลกของเย่เฟิงและตัวเธอเองอย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเช่นนั้น!ท่ามกลางฝูงชนของคนตระกูลหลี หลีเทียนหยาง สวีเพ่ยเพ่ย และหลีหย่วนน้องชายของเธอก็อยู่ด้วยพวกเขาต่างมีท่าทีเคร่งเครียดและเป็นห่วง ในใจยังคงอยู่ข้างตน"โอ้โห คนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? คนตระกูลหลีไม่มีอะไรทำกันหรือไง?"ในขณะนี้ เย่เฟิงก็กวาดสายตามองไปที่ฝูงชน และถามอย่างเยาะเย้ย"ไม่เป็นไรหรอก คนเราต้องรักษาคำพูด! ในเมื่อฉันพนันกับนายแล้ว แม้ว่าจะยุ่งแค่ไหน ฉันก็ต้องหาเวลามาชื่นชมเสียงหมาหอนของนายหน่อยสิ”หลีถิงพูดด้วยท่าทีล้อเลียน และสะบัดสิ่งที่อยู่ในมือให้ดู ปรากฏว่ามันคือโซ่สำหรับสุนัข"อ้อ อีกอย่าง ตอนเห่าอย่าลืมใส่โซ่นี้นะ จะได้ดูเหมือนจริง ฮ่าๆๆๆ"ลูกสาวคนรองของตระกูลหลี หัวเราะคิกคักอย่างยั่วยุและเต็มไปด้วยการดูถูกผู้คนที่เหลือก็พากันหัวเราะเยาะเย่เฟิงอย่างสนุกสนานเช่นกัน"ถ้างั้นเธอเตรียมเรียกพ่อหรือยังล่ะ?"เย่เฟิงถามด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกเมื่อได้ยินเช่นนั้น หลีถิงช
ฉันพูดจริงนะ! เย่เฟิงเรียกประธานเซียวแห่งคณะกรรมการตรวจสอบของธนาคารมา แล้วผู้จัดการลวีก็ยอมปลดล็อกบัญชีให้แต่โดยดี!”หลีเอียนกัดฟันพูดเมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้อาวุโสหลีเยาะเย้ย “ประธานเซียวฉางเหอ? เอียนเอ๋อร์ ตอนนี้เธอถึงขั้นพูดโกหกแล้วเหรอ? ประธานเซียวเป็นใคร เย่เฟิงเป็นใครถึงจะไปขอให้เขามาได้?”“เรื่องจริงนะคะ!”หลีเอียนพยายามแก้ต่าง“พี่คะ พี่คบกับไอ้หน้าขาวคนนี้จนกลายเป็นพวกโกหกไปแล้ว!”หลีถิงเย้ย“นั่นน่ะสิ คุณหนูเอียน คุณจะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ!”“หลานเอ้ย รีบเลิกกับผู้ชายคนนี้ซะ อยู่ใกล้สิ่งไหน เราก็จะเป็นสิ่งนั้น นี่เราเริ่มจะกลายเป็นคนชอบโกหกแล้ว!”“ประธานเซียวไม่มีทางมาหรอก ถึงแม้ว่าเป็นหน้าเป็นตาของผู้อาวุโส เขาก็ไม่ให้ความสำคัญหรอก!”“เย่เฟิงจะมีหน้ามีตามากกว่าผู้อาวุโสอีกเหรอ?”คนในตระกูลหลีต่างแสดงสีหน้าเหยียดหยาม ไม่มีใครเชื่อ“อีกไม่นานพวกคุณก็จะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่! หวังว่าคนบางคนอย่าแพ้แล้วไม่ยอมรับก็พอ”เย่เฟิงหันไปมองหลีถิงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“ไอ้เวร ฝันไปเถอะ! มีแต่ในฝันเท่านั้นแหละถึงจะโกหกตัวเองได้!”หลีถิงสบถพร้อมถุยน้ำลายใส่หลังจากได้ยินดังนั้
หลีเทียนหยาง สวีเพ่ยเพ่ยและหลีหย่วนต่างก็มองหลีถิงด้วยความโกรธเช่นกัน+คำพูดของอีกฝ่ายน่าเกลียดชะมัด!ดูถูกเย่เฟิงไม่พอ แม้แต่หลีเอียนก็เหยียดหยามไปด้วย?“พูดว่าไงนะ?”เย่เฟิงถามชัดถ้อยชัดคำ“ทำไม? ไม่ใช่เหรอ? เย่เฟิง นายเองก็ถือเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เพียงแค่จะขอให้คนอื่นช่วย นายถึงกับให้ภรรยาของตัวเองไปนอนกับคนอื่นเลยเหรอ!”“ต้องเป็นเพราะหลีเอียนไปนอนกับผู้จัดการลวีแน่ๆ อีกฝ่ายเขาถึง…”หลีถิงจะยอมเรียกเย่เฟิงว่าพ่อได้ยังไง ดังนั้นเธอจึงพูดจาพร่ำเพรื่อไม่หยุดปากเพียะ!แต่เมื่อเธอกล่าวจบ เสียงตบอันดังชัดเจนก็ดังขึ้นเห็นเพียงสวีเพ่ยเพ่ยปั้นหน้าเย็นชา ในตาเต็มไปด้วยความโกรธหลีเอียนเป็นลูกสาวของเธอ อีกฝ่ายพูดจาดูถูกลูกสาวของเธอแบบนี้ สวีเพ่ยเพ่ยจะทนไหวได้ยังไงหลีเทียนหยางเองก็มองหลานสาวด้วยสีหน้านิ่งขรึม จากนั้นหันไปมองภรรยาของตัวเองแล้วไม่พูดอะไร“คุณ…คุณตีฉันเหรอ? ตีฉันทำไม? หลีเอียนกล้าทำ แต่ไม่กล้ารับเหรอ?”หลีถิงเอามือปิดหน้า แล้วพูดเสียงแหลม“สวีเพ่ยเพ่ย เธอกล้าตบหน้าลูกสาวฉันเหรอ? ฉัน…”หลีเทียนกังเห็นดังนั้นก็โกรธจนหน้าแดง แล้วเดินไปจะลงมือกับสวีเพ่ยเพ่ยพี่สะใภ้ของต
“…”หลายคนในตระกูลหลีที่เคยอิจฉาหลีเอียนอยู่แล้ว ต่างก็ร่วมใส่ร้ายเธอไปด้วย"แม่คะ แม่พูดเกินไปหรือเปล่า? เอียนเอ๋อร์ทำตามที่ตกลงกับตระกูล แถมทำให้บัญชีของบริษัทถูกปลดล็อก แต่ตระกูลกลับไม่ปกป้องเธอ ซ้ำยังจะไล่เธอออกจากตระกูลอีก? ทำไมกัน?"สวีเพ่ยเพ่ยถามด้วยความโกรธ"ทำไมงั้นเหรอ? เพราะฉันเป็นหัวหน้าของตระกูลนี้! ถ้าเธอไม่อยากอยู่ในตระกูลนี้ ก็ไสหัวออกจากตระกูลหลีซะ!"ผู้อาวุโสหลีพูดกับลูกสะใภ้คนโตอย่างไม่เกรงใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น สวีเพ่ยเพ่ยก็โมโหจนปากสั่นหลีเทียนหยางก็แสดงสีหน้าไม่พอใจสุดขีด "แม่ครับ แม่จะไล่ผมออกจากตระกูลด้วยใช่ไหมครับ?"เหอะๆ ทั้งภรรยาและลูกสาวของตนถูกไล่ออกจากตระกูลหมด?นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?"ไอ้คนไร้ประโยชน์! แม้แต่ภรรยากับลูกสาวของตัวเองก็จัดการไม่ได้! ถ้าแกไม่สามารถเกลี้ยกล่อมหลีเอียนให้แต่งงานกับคุณชายฉู่ได้ แกก็ไสหัวไปซะ!"ผู้อาวุโสหลีพูดอย่างเย็นชา"ถ้างั้น ผมก็จะไม่อยู่ในตระกูลนี้แล้ว! คุณย่า คุณย่าลำเอียงเกินไปแล้ว!"หลีหย่วนหน้าแดง และพูดออกมาด้วยความโกรธผู้อาวุโสหลีมองไปที่หลานชายของตนด้วยสีหน้าเย็นชาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า "
“"ที่รัก ก็แค่ถูกไล่ออกจากตระกูลหลีเท่านั้นเอง? เชื่อผม ผมจะอยู่เคียงข้างคุณ และเราจะกลับมาอีกครั้ง ทำให้คุณย่าของคุณ และคนในตระกูลหลีต้องเสียใจ"เย่เฟิงพูดขึ้นเมื่อเห็นหลีเอียนในสภาพเช่นนี้ เขารู้สึกแน่นในอกเล็กน้อยหลีเอียนส่ายหัว ดวงตาที่งดงามจ้องมองเย่เฟิงอย่างเหม่อลอย "เย่เฟิง สายสัมพันธ์ในครอบครัวมันเปราะบางขนาดนี้เลยเหรอ? ทั้งๆ ที่เป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ทำไมถึงต้องทะเลาะกันด้วย?"เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้น เขาส่ายหัวและตอบอย่างจริงจัง "ไม่ใช่แน่นอน! ดูสิ พ่อแม่คุณ แม้จะถูกไล่ออกจากตระกูลพร้อมกับคุณ แต่พวกเขาก็ไม่บ่นอะไรสักคำ ส่วนอาหย่วนเองก็ยืนเคียงข้างคุณตลอด"เมื่อพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเย่เฟิงก็แสดงรอยยิ้มแบบถากถาง "ลองคิดถึงผม กับนั่วนั่วสิ คุณมีความสุขมากกว่าเราแค่ไหน?"เมื่อได้ยินคำนี้ หลีเอียนก็ตะลึงเล็กน้อย มองชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนใช่สิ เย่เฟิงถูกภรรยาของเขาทรยศนั่วนั่วก็ถูกแม่แท้ๆ ของเธอทอดทิ้งอย่างไร้ความปรานีแต่ก่อนสำหรับหลีเอียนแล้ว เรื่องเหล่านี้ก็เป็นแค่ ‘ข้อมูล’ ที่เธอเคยสืบรู้เกี่ยวกับเย่เฟิงเท่านั้นเธอซึ่งเป็นคุณหนูใหญ่จากตระกูลหลีที่ไม่เคยเ