“รื้อเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็ควรได้รับค่าตอบแทนสักหน่อยไม่ใช่หรือ”เฟนด์ คิดฟุ้งซ่านอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินตามเซเลน่า เข้าไปในบ้านในตอนนี้ห้องนั่งเล่นกลับมีชีวิตชีวามาก มีคนงานจำนวนหนึ่งกำลังคุยกับฟีโอน่า และแอนดรูว์“โอ้ เซเลน่า เกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่? ทำไมลูกถึงมอมแมมไปด้วยหมดเลยล่ะ?”เมื่อเห็นเซเลน่า และเฟนด์ ทั้งสองคน โจแอนก็ตกใจถามอย่างรวดเร็ว“คือเราอยู่ใกล้แอ่งน้ำ และรถคันหนึ่งไม่ชะลอตัวตอนที่ผ่านแอ่งน้ำนั้น... เราเลยโดนน้ำกระเด็นใส่นะคะ!”เซเลน่า ขมวดคิ้วอธิบายอย่างตะกุกตะกัก เธอเองก็ละอายใจเกินกว่าจะพูดออกไป ถ้าแม่ของเธอรู้ว่าพวกเขาทำให้ ตระกูลฮิวโก้ ขุ่นเคืองเข้าแล้ว แม่จะมีปฏิกิริยาอย่างไรกันนะ?“โอ้! นี่คือ คุณเทย์เลอร์!”ชายวัยกลางคนยืนขึ้นอย่างกระตือรือร้นแล้วอธิบายว่า “ผมเป็นคนงานที่รับผิดชอบงานในครั้งนี้ครับ คือตอนนี้ที่ดินผืนนี้กำลังถูกเวนคืนเนื่องจากที่นี่ค่อนข้างสงบ เรากำลังมีแผนที่จะสร้างบ้านหลังเกษียณจึงจำเป็นต้องรื้อถอนบ้านหลังนี้ครับ!”"บ้านพักคนชราเหรอคะ?"เซเลน่าขมวดคิ้วทันที"ใช่แล้วครับ คุณสามารถถือว่ามันเป็นการบริจาคเพื่อประเทศของเราก็ได้ครั
“นอกจากนี้เรายังได้รับการแจ้งร้องเรียนว่าสถานที่แห่งที่สร้างขึ้นอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย คุณเข้าใจไหม? โชคดีแค่ไหนแล้วที่พวกคุณไม่โดนปรับ เรากำลังเจรจาเพื่อจะให้คุณออกไปโดยสมัครใจ อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าจะมีค่าชดเชย?”ชายวัยกลางคนมีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า แต่คำพูดของเขานั้นกลับทำให้คนที่เหลือและฟีโอน่านั้น รู้สึกอารมณ์เสียทันที การรื้อถอนครั้งนี้ไม่มีค่าชดเชย?“มันเป็นไปไม่ได้ ที่นี่คือคฤหาสน์เก่าแก่ของครอบครัวเทย์เลอร์ ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีใครอยู่เป็นเวลาหลายปี ปู่ของฉันเป็นคนบอกให้เราอยู่ที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ควรมีการชดเชยการรื้อถอน แล้วที่นี่จะเป็นอาคารที่ผิดกฎหมายได้อย่างไร? เราอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว!”เซเลน่ารู้สึกโกรธมาก แต่เดิมที่ตั้งใจไว้ว่าจะกลับบ้านมาอาบน้ำอาบท่า แต่ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์นั้นอีกแล้วแผนเดิมของเธอคือการกลับบ้านเพื่ออาบน้ำ แต่ในขณะนี้เธอไม่มีอารมณ์ อีกฝ่ายนั้นทำตัวช่างไร้เหตุผล“ฉันคิดว่าเงินคงอยู่กับแก แต่แกตั้งใจที่จะวางแผนเพื่อจะเก็บเงินเอาไว้ใช้เองใช่ไหม? ฮ่า ๆ แกรู้ไหมว่าเรามาจากครอบครัวเทย์เลอร์ แกควรจะตรวจสอบรายละเอียดอย่างรอบคอบก่อนที่จะมา แกคิดว่าแก
“โอ้! นายน้อยคลาร์ก ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้? นานมากที่ไม่ได้เจอ!”เมื่อฟีโอน่า เห็นเคนยืนอยู่กับช่าง เธอก็ต้อนรับเขาอย่างเป็นกันเอง“ฮ่า ๆ คุณป้าไม่นานหรอก เราเพิ่งพบกันเมื่อสองวันก่อนเอง!”เคนหัวเราะเบา ๆ แล้วชี้ไปที่ฟันของเขา “ดูผมสิ ดูปากของผม ทั้งหมดนี้เป็นเพราะลูกเขยที่ล้ำค่าของคุณทำ!” ท่าทางของฟีโอน่าเปลี่ยนไปในทันที เธอฝืนยิ้มและตอบว่า “คุณกำลังพูดอะไร เขาไม่ใช่ลูกเขยของฉัน เราจะได้คำตอบหลังจากวันเกิดครอบรอบปีทีเจ็ดสิบของนายใหญ่อีกประมาณยี่สิบวันเท่านั้น!”เคนถึงกับชะงัก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ปนแปลกใจ “คุณป้าหมายถึงอะไร? พวกเขาได้แต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมาย และยังมีลูกน้อยอีก ทำไมเราถึงต้องรออีกประมาณ 20 วันจึงจะรู้?” “ใช่ ใช่ ใช่!”ฟีโอน่ารีบพยักหน้าทันที “เป็นแบบนั้นแหละ ฉันไม่ขอพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น เรื่องมันเป็นแบบนี้ หลังจากที่เฟนด์กลับมา เขาได้ต่อสู้กับนายน้อยอีวาน และสามารถเอาชนะเขาได้”“หลังจากนั้น… มันจึงเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงต้องเอาเงินสามสิบล้านเหรียญมาให้เรา ไม่อย่างนั้นเขาจะถูกไล่ออกจากครอบครัวเทย์เลอร์ แน่นอนว่าถ้าเขาไม่เอาของขวัญวันหมั้นมู
ฟีโอน่าที่คิดได้ดังนั้น เธอจึงเข้าไปหาเซเลน่าในที่สุด “นายน้อยคลาร์ก เขาบอกว่าต้องการที่จะปรึกษาหารือเกี่ยวกับบ้านหลังนี้กับลูก ลูกลองเจรจากับเขาดู ขอให้เขาไม่รื้อถอนบ้านหลังนี้ ถ้ามันถูกรื้อถอนครอบครัวของเราจะไปพักที่ไหนกัน”เซเลน่านิ่งเงียบครู่หนึ่งจากนั้นพยักหน้าแล้วเดินไป“บ้านหลังนี้เป็นคฤหาสน์เก่าแก่ของครอบครัวเรา ถึงจะไม่ได้เป็นทรัพย์สินที่จดทะเบียน แต่ก็ถือว่าเป็นทรัพย์สินของตระกูลเทย์เลอร์ คุณไม่สามารถทำลายมันได้!”เซเลน่ามองไปที่นายน้อยคลาร์ก ที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างเย็นชา ขณะที่เธอพูดออกไปก่อนที่เฟนด์จะกลับมา นายน้อยคลาร์กมักจะมาหาเธอตลอดเวลา มีไม่กั่ครั้งที่เขามาเพื่อให้เธอไปยื่นใบมรณะบัตร เพื่อที่จะให้เธอหย่ากับเฟนด์ แล้วมาแต่งงานกับเขาถึงแม้ว่าเธอรู้สึกรำคาญคน ๆ นี้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่แย่ขนาดนั้น อย่างน้อยความประทับที่เธอมีต่อเขาก็มากกว่าไมเคิลมากเธอไม่เคยคิดว่าคน ๆ นี้ จะใช้กลยุทธ์เช่นนี้ สิ่งนี้มันทำให้เธอรู้สึกผิดหวังกับนายน้อยคลาร์ก เพื่อที่จะก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายอันสูงใหม่นี้“เฮ้! นี่มันไม่ใช่เพื่อภาพลักษณ์จองเมือง และประโยชน์ของอาณาเขตกลางหรอกเหรอ?”นายน้อย
ในขณะเดียวกันที่บ้านพักตระกูลคลาร์ก แดน เจมส์สัน ที่ปรึกษาของครอบครัวคลาร์ก เมื่อเขากลับมาแล้วไม่เห็นนายน้อยคลาร์ก เขาขมวดคิ้วขึ้น“นายน้อยคลาร์กอยู่ที่ไหน? เขาไปไหน?” แดนถามเรื่องนี้จากหนึ่งในบอดี้การ์ด“เป็นไปไม่ได้!”เมื่อได้ยินแบบนั้น แดนก็หายใจเข้าลึก ๆ “นายน้อยคลาร์กคนนี้! ฉันเพิ่งเตือนเขาครั้งสุดท้ายว่าอย่าไปหาเรื่องกับ เฟนด์ วู๊ด ทำไมเขาถึงไม่ฟัง?!”นับตั้งแต่ที่เขาได้เสียนิ้วจากการเล่นงัดข้อกับเฟนด์ แดนก็รู้สึกได้ทันทีว่า เฟนด์นั้นน่ากลัวแค่ไหนด้วยความสามารถที่เฟนด์มี แม้แต่อยู่ในกองทัพทหารประจำการ อย่างน้อยเขาก็น่าจะอยู่ในอันดับที่ดีคนแบบนั้นถ้าเป็นไปได้ครอบครัวคลาร์กของพวกเขา หลีกเลี่ยงที่จะพบเจอกันเป็นดีที่สุดตอนแรกเขาคิดว่าเคนจะเชื่อฟังเขา ใครจะไปคิดว่าเคนจะไปตามหาเซเลน่าอีกครั้ง“เฮ้! ผู้บัญชาการเจมส์สัน คุณก็ระแวงเกินไป ครั้งนี้นายน้อยคลาร์ก สามารถควบคุมทุกอย่างได้! ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ไป เขาบอกว่าเขาจะใช้วิธีที่แข็งข้อขึ้น หลังจากที่เขาใช้ไม้อ่อนแล้วล้มเหลว เพราะเขาสุภาพเกินไป!”บอดี้การ์ดคนนั้นหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวเสริมว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยคลาร์ก
บอดี้การ์ดคนนั้นกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "เท่าที่เรารู้ เขาอาจจะทําสําเร็จแล้ว! เรากำลังรอให้นายน้อยของเราพาสาวสวยกลับมาที่บ้าน!"…"รื้อมันออก!"เคนสั่ง เขาวางแผนให้คนเหล่านั้นลงมือ"เกิดอะไรขึ้น?" เฟนด์แอบได้ยินพวกเขาคุยกันใช่ไหม? ทําไมเขาต้องเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาด้วย"รู้เรื่องทันที ฟีโอน่าช็อคจริงๆตอนแรกเธอคิดว่าลูกสาวของเธอเป็นคนดี และคงจะเห็นด้วยกับพวกเขา แต่..."ฉันจะดูว่าใครหน้าไหนจะกล้า!"เฟนด์เดินหน้าไปหลายก้าว เขายืนอยู่หน้าประตู วินาทีนั้นแม้ว่าชุดของเขาจะดูสกปรกด้วยเสื้อผ้าที่เปื้อนโคลน แต่รัศมีที่แผ่กระจายออกมาตอนที่เขายืนอยู่ตรงนั้นกลับทําให้กลัวมากฮ่า ฮ่า เฟนด์ วู๊ด แกมันหน้าด้าน!เคนหัวเราะแล้วพูดกับคนแก่วัยกลางคนที่อยู่ในละแวกนั้นว่า "พี่ฮาเวิร์ด ผมต้องอาศัยพี่มาช่วยสั่งสอนเด็กคนนี้ให้สักหน่อย!"..เฟนด์สังเกตมานานแล้ว ถึงแม้ว่าคนนั้นจะยืนเฉย ๆ แต่เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาเขามีคุณสมบัติเฉพาะของทหารเท่านั้น ท่าทางของเขาดูสง่าสงาอย่าสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่มีฝ่ายตรงข้ามมองเฟนด์แล้วขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ว่าเฟนเ์มีคุณสมบัติหลายอย่างคล้าย ๆ กันกับเขา
"ในกรณีนี้คุณก็รู้ว่าการรื้อบ้านของเรา โดยที่ไม่ให้ค่าชดเชยนั้นก็ผิดใช่ไหม?”“คุณไม่สบายใจเกี่ยวเรื่องนี้ เลยอยากจะชดเชยให้กับเราใช่ไหม?” เมื่อหันหน้าไปทางจอมพล เฟนด์ไม่ได้มีความกลัวหรือความกังวลใจแม้แต่น้อย เขากลับยิ้มอย่างเมินเฉย"ถ้านี่อยู่ในสนามรบแล้วเรายังอยู่ในกองทัพ ก็คงไม่มีท่าทีแบบนี้หรอก เมื่อเห็นทหารแล้ว!" ..ใบหน้าของเดนนิสหม่นลง “ผมไม่อยากถูกนับรวมไปกับ ห้าสิบล้านครอบครัว และครอบครัวของคุณที่จำเป็นต้องย้ายออกไป อย่างไรก็ตามไม่สามารถบอก เคน คลาร์ก ได้!”"แปลกจัง คุณเป็นทหารที่ดีและมีชื่อเสียง แต่คุณกลับมากลัวคนอย่างเคนเหรอ? ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคุณกลัวอะไร?"แฟนขมวดคิ้วด้วยความสับสน"ผมไม่ได้กลัว แต่เมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่ผมจะมาเป็นทหาร ครอบครัวของเรายากจนมาก ครั้งหนึ่งพี่สาวและผมกําลังจะอดตาย แม้ว่าเงินจะไม่มีอะไรสําหรับเขา แต่สําหรับผมมันมีความหมายมาก เพราะมันช่วยชีวิตพวกเราไว้!“นอกเหนือจากนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง เพราะผมชอบพี่สาวของเคน ... ”เดนนิสยิ้มอย่างหดหู่ และหลังจากที่เขาพูดจบเขาก็พูดกับเฟนด์ว่า “ตั้งแต่ผมสัญญากับเขาว่า ผมจะช่วยเขาในเรื่องนี้ ดังนั้นผมจะใ
อาจจะเห็นความตกใจในแววตาของเดนนิส เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามนั้นรวดเร็วมากขนาดนี้ เขาสามารถหลบการโจมตีของเขาได้ทุกครั้ง คู่ต่อสู้ของเขานั้นแข็งแกร่งมากร่างกายของเขาสั่นและกำลังจะลุกขึ้นยืนอย่างไรก็ตาม เฟนด์วางมือบนไหล่ของเขาเพื่อกดเขาลง ด้วยแรงบางอย่าง ขาอีกข้างของเขาก็ถูกบังคับให้คุกเข่าขณะที่เขาบ่น"อา!"เขากัดฟันแน่น และพยายามลุกขึ้นยืน เขาได้รู้ว่าพลังของเฟนด์นั้นน่ากลัวราวกับภูเขาลูกใหญ่ เขาไม่สามารถยืนได้ เฟนด์กำลังกดเขาไว้เดนนิสเหลือบมองเฟนด์ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเฟนด์ เฟนด์ดูผ่อนคลายมาก ราวกับว่าเขาไม่ได้ใช้พลังมากนัก“ถ้าคุณเป็นศัตรูในสนามรบคุณจะต้องตายไปหลายพันครั้งแล้ว!”เฟนด์พูดเบา ๆ ก่อนจะปล่อยเดนนิสเดนนิสคุกเข่าลงกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความงุนงงเข้มแข็ง! เขาแข็งแกร่งมาก!ชายตรงหน้าเขาคนนี้เป็นใครกัน ทำไมเขาถึงมีพลังมากมายขนาดนี้?เขาไม่สงสัยในสิ่งที่เฟนด์พูดก่อนหน้านี้ ถ้าเฟนด์ต้องการที่จะฆ่าเขา เขาคงจะตายเร็วกว่านี้มาก"คุณคือใคร?"เดนนิสขมวดคิ้วและเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ด้วยความสงสัย “ แม้แต่ราชา
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ