ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก มีหลายสิ่งที่เขาไม่อยากใส่ใจที่จะพูด แต่เขาถูกบังคับให้ต้องพูดรองเหรัญญิกชี้ไปยังจุดที่เฟนด์เคยอยู่ก่อนหน้านี้“เฟนด์ทำการควบแน่นอักขระทางยาสามร้อยอักษรเสร็จสิ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และคุณภาพของอักขระทางยาที่เขาควบแน่นได้นั้นดีกว่าที่พวกนายสองคนสร้างขึ้นมาก”“อักขระทางยาที่เขาสร้างขึ้นจะผสานเข้ากับโอสถได้อย่างแน่นอนและอีกทั้งมันยังประณีตกว่าห้าในสิบส่วนเสียด้วย”หลังจากที่เขาพูดออกมาเพียงเท่านั้น กิลเบิร์ตและแอนดรูว์ก็กลับมาตั้งสติได้ เฟนด์ทำภารกิจเสร็จสิ้นมาระยะหนึ่งแล้ว และคุณภาพของอักขระทางยาของเขาก็สูงกว่าของพวกเขาเองด้วยหลังจากได้ยินคำอธิบายนั้น แอนดรูว์และกิลเบิร์ตก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้“รองเหรัญญิก คุณคิดว่าผมโง่งั้นเหรอ?” กิลเบิร์ตเยาะเย้ย “เด็กสารเลวนี่จะควบแน่นอักขระทางยาได้จริงหรือ? เขาเพิ่งมาอยู่ในวิมานโอสถได้ไม่เท่าไหร่เองไม่ใช่หรือไง?“เขาไม่เคยเห็นโอสถเพลิงสีชาดมาก่อนด้วยซ้ำ แล้วเขาจะควบแน่นอักขระทางยาได้อย่างไร?! เขาหลอกลวงคุณหรือเปล่า?”รองเหรัญญิกเลิกคิ้วแล้วพูดว่า "ฉันรู้ว่ามันยากสำหรับพวกนายทั้งคู่ที่จะยอมรับสิ่งในสิ่งที่ฉันพูดออกไปได้
กิลเบิร์ตไม่เก็บงำอารมณ์อะไรอีกต่อไปแล้วในขณะนั้น จากนั้นเขาถึงได้ตระหนักว่าเหตุใดทุกคนถึงมองเขาแปลก ๆสายตาที่เขาได้รับและการแสดงออกของเหล่าบัณฑิตดูคล้ายกำลังเห็นใจเขากิลเบิร์ตได้สร้างอักขระทางยาขึ้นมาเป็นจำนวนสามร้อยอักษร และทุกคนได้เห็นสิ่งนั้นอย่างชัดเจน เขาจำได้ดีว่าเขาตื่นเต้นเพียงใดหลังจากที่สามารถพิชิตภารกิจที่รองเหรัญญิกมอบให้สำเร็จ แต่ความตื่นเต้นทั้งหมดนั้นกลับได้รับเพียงความผิดหวังราวกับถูกถังน้ำเย็นสาดใส่เป็นการตอบแทน กิลเบิร์ตตัวสั่นเล็กน้อย “ฉันไม่มีทางเชื่อหรอก! ฉันไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง! ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องจริง ทุกอย่างเป็นของปลอมทั้งนั้น! เฟนด์จะควบแน่นอักขระทางยาได้ถึงสามร้อยอักษรได้ยังไง เขาไม่เคยเห็นมรรคาแห่งโอสถเลยด้วยซ้ำ นี่ต้องเป็นภาพลวงตาทั้งหมดแน่ และทุกคนกำลังโกหกฉัน!” กิลเบิร์ตคำรามมือของเขาโบกไปซ้ายทีขวาที ใช้มือตะปบไปรอบ ๆ ในขณะที่เขาตะโกนออกมา ดูเหมือนเขาจะเชื่อจนสุดหัวใจว่าทุกอย่างคือภาพลวงตา และเขาพยายามที่จะพาตัวเองให้หลุดพ้นจากภาพลวงตาเหล่านี้ไปเขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริงและไม่เต็มใจที่จะเชื่อเลยแม้แต่น้อย ด้วยทักษะที่
กิลเบิร์ตและแอนดรูว์ไม่มีโอกาสเอาชนะเฟนด์ได้ ซึ่งนั่นทำให้แอนดรูว์กลายเป็นคนที่ต่อต้านอย่างหนักเขาหายใจเข้าลึก ๆ ขณะหันหลังกลับ มองตรงไปที่ดวงตาของเฟนด์ จ้องมองเขาอยู่อย่างนั้นเฟนด์เลิกคิ้วขณะที่เขามองแอนดรูว์และกิลเบิร์ตอย่างเย็นชากิลเบิร์ตชี้ไปที่เขาแล้วพูดกัดฟันว่า "สร้างมันขึ้นมาใหม่! ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่มีทางเชื่อนาย!"เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกของกิลเบิร์ตหนักหน่วงและซับซ้อนเพียงใดในขณะนั้น แต่เฟนด์เพียงแต่หัวเราะขณะที่เขาจ้องมองกิลเบิร์ตอย่างเยือกเย็น“นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แค่เพราะนายบอกให้ฉันทำแปลว่าฉันต้องทำงั้นเหรอ?“ทำไมฉันต้องสนด้วยว่านายจะเชื่อหรือเปล่า รองเหรัญญิกเห็นสิ่งที่ฉันทำแล้ว ทำไมฉันต้องสนด้วยว่าพวกนายสองคนจะเห็นหรือไม่เห็น?!”คำพูดเหล่านั้นหล่นทับกิลเบิร์ตราวกับอุกกาบาตที่ลงมาจากท้องฟ้า และการแสดงออกของกิลเบิร์ตก็มืดมนลงทุกนาที เขารู้สึกเหมือนว่าเขาไม่มีวันเอาชนะเฟนด์ได้หากต้องดวลกันด้วยคำพูดแม้แต่กับการตอบสนองของเฟนด์ก็ยังนับว่าถูกต้อง“ฉันไม่สน! ถ้านายไม่พิสูจน์ตัวเองให้ฉันดู ฉันก็ไม่มีทางยอมรับผลการแข่งขันนี้ แล้วคนที่จะถูกเสนอชื่อก็ยังต้องเป็นฉัน
พวกเขายังคงอยู่ในวิมานโอสถ แม้ว่าเฟนด์จะเอือมระอา แต่เขาไม่อาจฆ่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์ได้ ดังนั้นเขาควรออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด มันจะช่วยให้ปัญหาน้อยลงได้มากเมื่อเขาได้สร้างชื่อให้กับตัวเองและบรรลุเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว เขาจะตามหาสองคนนี้อีกครั้ง และพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าตัวเขานั้นไม่ใช่คนที่ใครจะดูแคลนได้รองเหรัญญิกรีบพยักหน้า ราวกับเขาเข้าใจว่าทำไมเฟนด์ถึงอยากรีบออกไปจากที่นี่นัก “เราจะออกเดินทางภายในสี่ชั่วโมง เราชักช้าไม่ได้อยู่แล้ว”เมื่อได้ยินคำพูดของรองเหรัญญิก เฟนด์ก็ยิ้มอย่างจริงใจ จะเป็นการดีที่สุดถ้าเขาได้จากไปโดยเร็วที่สุดเขาไม่อยากอยู่ต่อแม้อีกสักวินาที เฟนด์อยากจะบอกรองเหรัญญิกว่าเขาสามารถออกไปได้ทันทีโดยไม่ต้องจัดการอะไรเลยด้วยซ้ำทันใดนั้นประตูห้องรังสีแห่งโอสถก็ถูกกระแทกออก และรองเหรัญญิกก็ขมวดคิ้ว "เข้ามา!"บัณฑิตลำดับที่เก้านั่นเองที่เข้ามา เมื่อเฟนด์เห็นหน้าเขาก็เลิกคิ้วขึ้น เขายังคงจำได้ชัดเจนว่าก่อนหน้านี้บัณฑิตลำดับที่เก้ายังยืนอยู่ด้านหลังรองเหรัญญิกตลอดเวลาด้วยซ้ำแต่เมื่อรองเหรัญญิกได้เห็นอักขระทางยาของเฟนด์เขาจึงได้ส่งบัณฑิตลำดับที่เก้าออกไป ก่อนที่
รองเหรัญญิกจับตาดูผู้คนที่อยู่ข้างหน้าขณะที่เขากล่าวคำเหล่านั้นออกมา ดูจากลักษณะเครื่องแต่งกายของทุกคนแล้ว มีผู้คนที่แต่งตัวเหมือนกันอยู่หลายกลุ่มนั่นก็หมายความว่าเหล่าองค์กร สำนัก และกลุ่มการค้าต่าง ๆ เช่นวิมานโอสถกำลังต้องการเข้าไปเป็นบัณฑิตของสหพันธ์นี้ท้ายที่สุดแล้ว กลุ่มพันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางถือเป็นสหพันธ์ที่ค่อนข้างใหญ่ ที่นี่เป็นดินแดนสวรรค์สำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุทุกคนการได้เป็นสมาชิกของสหพันธ์นี้จะทำให้บุคคลดังกล่าวมีสถานะสูงขึ้นอย่างกับติดจรวด และไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาทางให้ได้รับการเสนอชื่อเพื่อทำการทดสอบอะไรเลยด้วยซ้ำ พวกเขาสามารถซื้อทรัพยากรจากพันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางในราคาถูกได้อีกด้วยโดยพื้นฐานแล้ว การเข้าร่วมในสหพันธ์พันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางนั้นมีประโยชน์อย่างมาก นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนมารวมตัวกันมากมายขนาดนี้แน่นอนว่า ยิ่งมีผลประโยชน์มากเท่าไร การแข่งขันก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ที่นี่มีอัจฉริยะมากเกินไป และไม่ง่ายเลยที่จะกอบโกยความนิยมชมชอบจากที่นี่ การสอบเข้าก็ถือว่ายากมากเช่นกันและคนธรรมดาก็ไม่มีวันผ่าน
รองเหรัญญิกเลิกคิ้วขณะที่เขาถอนหายใจอย่างโกรธ ๆ “อย่ามั่นใจให้มันมากนัก ฉันรู้ว่านายมั่นใจในความสามารถของตัวเอง แต่รู้เอาไว้ด้วยว่าที่นี่มีบางคนที่มีพรสวรรค์อย่างเหลือเชื่ออยู่“ความมั่นใจมากเกินไปจะทำให้นายต้องผิดหวัง และความมั่นใจนั้นก็จะขังนายเอาไว้จนหาทางออกไม่เจอ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น…นายจะพ่ายแพ้”คำพูดของรองเหรัญญิกนั้นฟังดูคลุมเครือ แต่ทั้งสามคนก็เข้าใจ รองเหรัญญิกรู้กลอุบายและแผนการต่าง ๆ ที่กิลเบิร์ตเคยทำมาก่อน และเขาต้องการเตือนกิลเบิร์ตถึงเรื่องนั้นหากเขาได้เป็นบัณฑิตของพันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางขึ้นมาจริง ๆ กิลเบิร์ตจะต้องทิ้งอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาไปเสีย มิฉะนั้น ความคิดเหล่านี้จะฉุดรั้งเขาและสร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ให้กับเขาอีกด้วยคำพูดของรองเหรัญญิกเกิดจากความเมตตา แต่กิลเบิร์ตมองมันในมุมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง สำหรับกิลเบิร์ตแล้ว เขารู้สึกเหมือนรองเหรัญญิกกำลังดูแคลนเขา หลังจากได้เห็นพรสวรรค์และทักษะของเฟนด์ เขารู้สึกเหมือนรองเหรัญญิกกำลังมองเขาอย่างดูถูกอยู่ ริมฝีปากของกิลเบิร์ตกระตุกขณะที่ดวงตามีแววดุร้ายฉายชัด เขาบอกกับตัวเองว่าสักวั
ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก “ไอ้พวกสารเลวนี่ ทำไมพวกเขามาอยู่ที่นี่ได้?”เฟนด์เลิกคิ้วขึ้นขณะที่เขาจ้องมองรองเหรัญญิกอย่างนึกสงสัย กิลเบิร์ตและแอนดรูว์เองก็มีสีหน้าบูดบึ้งเช่นกัน ดูเหมือนว่าโอสถอำไพมาศและวิมานโอสถจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างแปลกแยก ราวกับว่าพวกเขาเกลียดชังกันเสียด้วยซ้ำคนจากโอสถอำไพมาศมาถึงสามคน และผู้นำในกลุ่มสามคนนั้นคือชายวัยกลางคนซึ่งสวมชุดคลุมสีม่วงทอง เขามองไปรอบ ๆ ขณะลูบหนวดเคราให้เรียบ คล้ายกำลังมองหาใครบางคน ทันทีที่สายตาของเขามองเห็นกลุ่มเป้าหมาย สายตาของเขาก็หันไปมองที่รองเหรัญญิกทันทีสีหน้าของรองเหรัญญิกดูบูดบึ้งมากยิ่งขึ้น ใบหน้ามืดมนราวกับถ่านไม้ ทันใดนั้นชายวัยกลางคนยกยิ้มมีเลศนัยออกมาทันทีเขาเดินนำเด็กหนุ่มอีกสองคนข้างหลังมาหาอีกฝ่าย “สวัสดีรองเหรัญญิก!”รองเหรัญญิกฝืนยิ้มขณะทักทายอย่างสุภาพว่า "สวัสดี คุณคอนสแตนซ์"แอนดรูว์กระซิบว่าชายคนนั้นเป็นเจ้าของร้าน แต่เฟนด์กลับรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกอยู่หน่อย ๆ เมื่อคิดถึงสถานะของรองเหรัญญิก เนื่องจากโอสถอำไพมาศเองก็เป็นร้านขายยาเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่น่าจะต่างไปจากวิมานโอสถ และเหตุใดผู้ชายคนนี้ถือม
“ผู้อาวุโสฮอร์สท์เป็นคนที่รับผิดชอบในวันนี้ คุณมาจากภูมิภาคชั้นใน เพราะงั้นคุณอาจไม่ค่อยรู้จักเขาเท่าไหร่ แทนที่จะมัวมาคุยกับผมที่นี่ ทำไมคุณไม่ลองไปศึกษาเรื่องของผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้มากกว่านี้ล่ะ”คำพูดเหล่านั้นทำให้คอนสแตนซ์ไม่อาจพูดอะไรต่อได้อีก เขามองรองเหรัญญิกด้วยสายตามีความหมายก่อนจะแยกทางและพาบัณฑิตทั้งสองที่เขาพามาด้วยออกไปบัณฑิตที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็มองเฟนด์และคนอื่น ๆ ด้วยสายตาเย็นชาและมืดมนก่อนจะจากไปสายตาของอีกฝ่ายจ้องไปที่เฟนด์เป็นเวลานาน เฟนด์รู้สึกได้เขาคงจะเหนื่อยมากขึ้นและมองกลับไปด้วยสายตาเรียบเฉยไร้อารมณ์ บัณฑิตผู้นั้นพ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชาก่อนจะหันหลังกลับอย่างไม่แยแสใครเมื่อทั้งสามจากไปแล้ว ใบหน้าที่ตึงเครียดของรองเหรัญญิกในที่สุดก็ผ่อนคลายลงเขาเกือบจะควบคุมความโกรธในใจตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว“ไอ้สารเลวนั่นเอาแต่มากวนประสาทกันอยู่นั่น ดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี เด็กสารเลวสองคนที่อยู่ข้างหลังเขาต้องแข็งแกร่งมากแน่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่อวดตัวเองขนาดนี้หรอก!”หลังจากพูดอย่างนั้น ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ซีดลง เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก และหัวใจก็เต็มไปด้วยคว