ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก “ไอ้พวกสารเลวนี่ ทำไมพวกเขามาอยู่ที่นี่ได้?”เฟนด์เลิกคิ้วขึ้นขณะที่เขาจ้องมองรองเหรัญญิกอย่างนึกสงสัย กิลเบิร์ตและแอนดรูว์เองก็มีสีหน้าบูดบึ้งเช่นกัน ดูเหมือนว่าโอสถอำไพมาศและวิมานโอสถจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างแปลกแยก ราวกับว่าพวกเขาเกลียดชังกันเสียด้วยซ้ำคนจากโอสถอำไพมาศมาถึงสามคน และผู้นำในกลุ่มสามคนนั้นคือชายวัยกลางคนซึ่งสวมชุดคลุมสีม่วงทอง เขามองไปรอบ ๆ ขณะลูบหนวดเคราให้เรียบ คล้ายกำลังมองหาใครบางคน ทันทีที่สายตาของเขามองเห็นกลุ่มเป้าหมาย สายตาของเขาก็หันไปมองที่รองเหรัญญิกทันทีสีหน้าของรองเหรัญญิกดูบูดบึ้งมากยิ่งขึ้น ใบหน้ามืดมนราวกับถ่านไม้ ทันใดนั้นชายวัยกลางคนยกยิ้มมีเลศนัยออกมาทันทีเขาเดินนำเด็กหนุ่มอีกสองคนข้างหลังมาหาอีกฝ่าย “สวัสดีรองเหรัญญิก!”รองเหรัญญิกฝืนยิ้มขณะทักทายอย่างสุภาพว่า "สวัสดี คุณคอนสแตนซ์"แอนดรูว์กระซิบว่าชายคนนั้นเป็นเจ้าของร้าน แต่เฟนด์กลับรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกอยู่หน่อย ๆ เมื่อคิดถึงสถานะของรองเหรัญญิก เนื่องจากโอสถอำไพมาศเองก็เป็นร้านขายยาเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่น่าจะต่างไปจากวิมานโอสถ และเหตุใดผู้ชายคนนี้ถือม
“ผู้อาวุโสฮอร์สท์เป็นคนที่รับผิดชอบในวันนี้ คุณมาจากภูมิภาคชั้นใน เพราะงั้นคุณอาจไม่ค่อยรู้จักเขาเท่าไหร่ แทนที่จะมัวมาคุยกับผมที่นี่ ทำไมคุณไม่ลองไปศึกษาเรื่องของผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้มากกว่านี้ล่ะ”คำพูดเหล่านั้นทำให้คอนสแตนซ์ไม่อาจพูดอะไรต่อได้อีก เขามองรองเหรัญญิกด้วยสายตามีความหมายก่อนจะแยกทางและพาบัณฑิตทั้งสองที่เขาพามาด้วยออกไปบัณฑิตที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็มองเฟนด์และคนอื่น ๆ ด้วยสายตาเย็นชาและมืดมนก่อนจะจากไปสายตาของอีกฝ่ายจ้องไปที่เฟนด์เป็นเวลานาน เฟนด์รู้สึกได้เขาคงจะเหนื่อยมากขึ้นและมองกลับไปด้วยสายตาเรียบเฉยไร้อารมณ์ บัณฑิตผู้นั้นพ่นลมออกจากจมูกอย่างเย็นชาก่อนจะหันหลังกลับอย่างไม่แยแสใครเมื่อทั้งสามจากไปแล้ว ใบหน้าที่ตึงเครียดของรองเหรัญญิกในที่สุดก็ผ่อนคลายลงเขาเกือบจะควบคุมความโกรธในใจตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว“ไอ้สารเลวนั่นเอาแต่มากวนประสาทกันอยู่นั่น ดูเหมือนว่าเขาจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี เด็กสารเลวสองคนที่อยู่ข้างหลังเขาต้องแข็งแกร่งมากแน่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่อวดตัวเองขนาดนี้หรอก!”หลังจากพูดอย่างนั้น ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ซีดลง เขาขมวดคิ้วอย่างหนัก และหัวใจก็เต็มไปด้วยคว
“แต่การที่มีคนมาที่นี่มากขนาดนี้ แม้กระทั่งคนจากเมืองชั้นในนั่นก็หมายความว่าข่าวดังกล่าวได้แพร่กระจายไปนานแล้ว แต่พันธมิตรอาจจะเลือกกุมความลับนี้ไว้แทน คุณคิดว่าพันธมิตรต้องการอะไรกันแน่?”คำถามนั้นคือสิ่งที่เฟนด์คิด แต่เขารู้น้อยเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะคาดเดาอะไรได้รองเหรัญญิกมองไปที่เฟนด์ด้วยความชื่นชม เฟนด์ยังคงเป็นคนที่สามารถเข้าใจหลักสำคัญของปัญหาและตั้งคำถามที่มีความหมายได้ รองเหรัญญิกคิดอยู่นานก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ“ฉันก็นึกไม่ออกเหมือนกัน ฉันรู้สึกได้เลยว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ แต่ช่วงนี้ฉันไม่ได้รับข่าวคราวอะไรเลย…”เฟนด์ถอนหายใจ แม้แต่รองเหรัญญิกยังไม่รู้ น้ำหน้าอย่างเขาจึงไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยเขาหันไปมองทุกคนที่อยู่บนดาดฟ้า และจนพบว่าบนใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความตื่นเต้นอย่างชัดเจนเหนือสิ่งอื่นใดการได้เป็นบัณฑิตของพันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุถือเป็นตำแหน่งที่ดีกว่าตำแหน่งปัจจุบันมาก พวกเขาจะได้รับทรัพยากรมากขึ้นและเส้นทางในอนาคตก็จะราบรื่นขึ้นอีกด้วยบรรดาผู้ที่อยู่ที่นั่นได้ผ่านกระบวนการคัดเลือกกันมาแล้ว หลายคนเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างที่กิ
“ในภายภาคหน้า วิมานโอสถอาจได้รับเกียรติดังกล่าว แต่การที่เราพยายามจะเปิดร้านเพียงสองสามแห่งก็ทำให้เราเข้าไปพัวพันกับโอสถอำไพมาศโดยไม่รู้ตัว “พวกเขาจงใจวางหลุมพราง เราไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ของที่นั่นและสุดท้ายก็ตกหลุมพรางพวกเขา เราไม่เพียงแต่เปิดร้านไม่ได้เท่านั้น แต่มันยังส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเราด้วย”“ในช่วงเวลานั้น แม้แต่ธุรกิจของเราในเมืองปักษาสีชาดก็ได้รับผลกระทบไปด้วย เรากลายเป็นเพียงตัวตลก และนั่นนับว่าน่าอับอายมาก หลังจากนั้นเราก็พบว่านี่เป็นฝีมือของโอสถอำไพมาศ”เฟนด์ขมวดคิ้ว ดูเหมือนก่อนหน้านี้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น แม้ว่ารองเหรัญญิกจะไม่ได้ลงรายละเอียด แต่เฟนด์ก็สามารถบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นไม่มากก็น้อยผลกระทบที่ใหญ่ที่สุดสำหรับธุรกิจโดยปกติแล้วก็คือข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์หรือการเบี้ยวสัญญา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน มันก็จะสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับทั้งร้านค้าและผู้บริหารเบื้องหลังได้เมื่อเห็นรองเหรัญญิกกัดฟันพูดเช่นนั้น พวกเขาก็จินตนาการได้ถึงความลำบากที่วิมานโอสถต้องเผชิญหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เฟนด์ถอนหายใจโดยไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้ในตอนนั้นเองที
แม้แต่กิลเบิร์ตและแอนดรูว์ก็ยังตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน เฟนด์ขมวดคิ้วขณะมองดูพวกเขา อย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเขาไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงมีปฏิกิริยากันมากขนาดนี้ ขณะที่ทั้งสองคนยืนอยู่บนดาดฟ้า การสนทนารอบตัวพวกเขาก็ดังขึ้น แม้จะอยู่ห่างไกล แต่เฟนด์ก็ยังได้ยินสิ่งที่คนเหล่านั้นกำลังพูดถึง“เกรย์สันเป็นศิษย์ภายในไปแล้วไม่ใช่เหรอ! ทำไมเขาต้องมาแย่งตำแหน่งบัณฑิตของพวกเราด้วย? หรือว่าพวกเขาจะมีแผนอื่น?”“ใครจะรู้ พวกเขาอาจมีแผนการลับบางอย่างก็ได้ เราเคยได้ยินชื่อของเกรย์สันมาสองสามครั้งไม่ใช่เหรอ?”“ผู้ชายคนนั้นเป็นอัจฉริยะ แต่ด้านการต่อสู้เขาอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนักและหลายปีมานี้ก็เป็นเพียงลูกศิษย์นอกสำนัก แต่นับตั้งแต่เขาเริ่มแสดงศักยภาพอันน่าทึ่งในทักษะด้านการเล่นแร่แปรธาตุ คุณค่าของเขาก็พุ่งสูงขึ้น”“เขาใช้เวลาเพียงหนึ่งปีก็สามารถเลื่อนขั้นจากศิษย์นอกสำนักมาเป็นศิษย์ภายในได้! ไม่ว่าใครก็อิจฉาเขาทั้งนั้น”เฟนด์กระพริบตาปริบ ๆ ไม่น่าแปลกใจแล้วว่าทำไมพวกเขาจึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้ เกรย์สันอาศัยพรสวรรค์ด้านการเล่นแร่แปรธาตุในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนนี่เองเฟนด์
เฟนด์ได้ยินคำพูดของรองเหรัญญิกและได้แต่ครุ่นคิด จากคำพูดของรองเหรัญญิก สถานการณ์ดูเหมือนจะเริ่มแปลกขึ้นเรื่อย ๆด้วยพรสวรรค์ของเกรย์สัน ไม่มีทางที่สำนักปักษาสีชาดจะปล่อยเขามาแบบนี้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็พบว่ามันต้องมีเรื่องลึกเบื้องหลังอะไรนอกจากนี้เขามาที่นี่เพื่อจะมาเป็นบัณฑิต ซึ่งเทียบอะไรไม่ได้กับตำแหน่งศิษย์ภายใน นอกจากนี้สำนักปักษาสีชาดยังเป็นสำนักระดับห้าอีกด้วย เกรย์สันไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการหาทรัพยากรใด ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองเลยผู้อาวุโสของสำนักปักษาสีชาดคงยอมทำทุกอย่างเพื่อจะเลี้ยงดูเขาเอาไว้อย่างแน่นอน ตราบใดที่เกรย์สันไม่หยุดพัฒนา ในอนาคตเขาก็สามารถขึ้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับเจ็ดได้ไม่ยาก และน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสำนักปักษาสีชาดอย่างมากทีเดียวแทบทุกสำนักอยากจะมีนักเล่นแร่แปรธาตุเป็นของตนเอง เมื่อนักเล่นแร่แปรธาตุพัฒนาได้อย่างเต็มความสามารถ เขาจะสามารถช่วยปรับแต่งยาให้กับเหล่าศิษย์ของสำนักและแม้กระทั่งช่วยดูแลนักเล่นแร่แปรธาตุรุ่นต่อ ๆ ไปได้อีกด้วยแต่การเล่นแร่แปรธาตุเป็นอาชีพที่ต้องใช้พรสวรรค์อย่างมาก นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้“เขาจะมาที่นี่เพื่อเข้าเป็
ผู้นำสองสามคนแสดงความเคารพเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดร้องออกมาว่า "สวัสดี ผู้อาวุโสเทิร์นเนอร์!"บุคคลนั้นเป็นผู้อาวุโสภายในสหพันธ์พันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลาง ไม่ว่าจะไปที่ไหน สถานะของผู้อาวุโสก็ยังคงได้รับความเคารพอย่างดี เฟนด์อดไม่ได้ที่จะมองดูผู้อาวุโสเทิร์นเนอร์อีกครั้งเขาดูเป็นมิตรมาก ใบหน้าของเขากลมและยิ้มแย้ม มีเพียงเศษเสี้ยวความโหดเหี้ยมที่ไม่อาจเก็บซ่อนไว้ในดวงตาของเขา เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่เป็นมิตรอย่างที่คิดเลยผู้อาวุโสเทิร์นเนอร์โบกมือให้ผู้มาเยือนทุกคนและพูดว่า "ทุกท่าน ขอบคุณมากที่มาในวันนี้ ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีผู้คนมามากมายถึงเพียงนี้ แต่ด้วยคำสั่งจากเบื้องบน เราย่อมขัดไม่ได้"หลังจากที่ผู้อาวุโสเทิร์นเนอร์พูดจบ เขาก็มองทุกคนอย่างมีความหมาย หลังจากนั้นเขาก็ชูนิ้วทั้งห้าขึ้นแล้วพูดว่า "แค่ห้า! วันนี้เราจะรับศิษย์เพียงห้าคนเท่านั้น!"เฟนด์ไม่ใช่คนเดียวที่ตะลึงกับคำพูดเหล่านั้น ทุกคนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยิน เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครทันตั้งตัว รับศิษย์เพียงห้าคน? ทั้งที่บนดาดฟ้านี่มีคนอยู่อย่างน้อยแปดสิบคนน่ะหรือจำนวนแปดสิบคนล้วนเป็นบุคคลที่มีความสามารถในส
เฟนด์เลิกคิ้วขึ้น เห็นได้จากสีหน้าของรองเหรัญญิกว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย นอกจากซีนย์และคอนสแตนซ์แล้ว ทุกคนต่างมีสีหน้าตกตะลึงทั้งไม่ต้องละทิ้งตำแหน่งในปัจจุบันของตัวเองแถมยังได้รับทรัพยากรจากสหพันธ์อีก นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับทั้งเหล่าบัณฑิตและสำนักของพวกเขานี่แปลอย่างง่าย ๆ ว่าสหพันธ์กำลังเลี้ยงลูกให้คนอื่น หากพวกเขาไม่ได้ยินกับหูคงไม่มีทางเชื่อแน่ว่าจะมีเรื่องดีแบบนี้เกิดขึ้นในโลกเฟนด์ขมวดคิ้วขณะมองผู้อาวุโสอย่างนึกสงสัย แม้ว่ามันจะฟังดูคล้ายเป็นเรื่องที่ดี แต่เฟนด์ก็รู้แก่ใจดีว่าไม่มีใครเต็มใจจะเสียผลประโยชน์ตัวเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสหพันธ์เลยสหพันธ์พันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางจะต้องมีเหตุผลในการทำเช่นนั้น ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยเพื่อให้ทุกคนเงียบ การสนทนาของทุกคนเงียบลงเมื่อผู้อาวุโสฮอร์สท์ยกมือขึ้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ยิ้มและพูดว่า "ฉันรู้ว่าทุกคนกำลังคาดเดาอะไรอยู่ จริง ๆ แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องคาดเดาอะไรทั้งนั้น สหพันธ์กำลังประสบปัญหาเล็กน้อย และเราต้องการความช่วยเหลือจากอัจฉริยะบางคน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม เราถึงขอให้ทุกคนมารวมตัวกันที่