เฟนด์ได้ยินคำพูดของรองเหรัญญิกและได้แต่ครุ่นคิด จากคำพูดของรองเหรัญญิก สถานการณ์ดูเหมือนจะเริ่มแปลกขึ้นเรื่อย ๆด้วยพรสวรรค์ของเกรย์สัน ไม่มีทางที่สำนักปักษาสีชาดจะปล่อยเขามาแบบนี้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็พบว่ามันต้องมีเรื่องลึกเบื้องหลังอะไรนอกจากนี้เขามาที่นี่เพื่อจะมาเป็นบัณฑิต ซึ่งเทียบอะไรไม่ได้กับตำแหน่งศิษย์ภายใน นอกจากนี้สำนักปักษาสีชาดยังเป็นสำนักระดับห้าอีกด้วย เกรย์สันไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการหาทรัพยากรใด ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเองเลยผู้อาวุโสของสำนักปักษาสีชาดคงยอมทำทุกอย่างเพื่อจะเลี้ยงดูเขาเอาไว้อย่างแน่นอน ตราบใดที่เกรย์สันไม่หยุดพัฒนา ในอนาคตเขาก็สามารถขึ้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับเจ็ดได้ไม่ยาก และน่าจะเป็นประโยชน์ต่อสำนักปักษาสีชาดอย่างมากทีเดียวแทบทุกสำนักอยากจะมีนักเล่นแร่แปรธาตุเป็นของตนเอง เมื่อนักเล่นแร่แปรธาตุพัฒนาได้อย่างเต็มความสามารถ เขาจะสามารถช่วยปรับแต่งยาให้กับเหล่าศิษย์ของสำนักและแม้กระทั่งช่วยดูแลนักเล่นแร่แปรธาตุรุ่นต่อ ๆ ไปได้อีกด้วยแต่การเล่นแร่แปรธาตุเป็นอาชีพที่ต้องใช้พรสวรรค์อย่างมาก นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้“เขาจะมาที่นี่เพื่อเข้าเป็
ผู้นำสองสามคนแสดงความเคารพเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดร้องออกมาว่า "สวัสดี ผู้อาวุโสเทิร์นเนอร์!"บุคคลนั้นเป็นผู้อาวุโสภายในสหพันธ์พันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลาง ไม่ว่าจะไปที่ไหน สถานะของผู้อาวุโสก็ยังคงได้รับความเคารพอย่างดี เฟนด์อดไม่ได้ที่จะมองดูผู้อาวุโสเทิร์นเนอร์อีกครั้งเขาดูเป็นมิตรมาก ใบหน้าของเขากลมและยิ้มแย้ม มีเพียงเศษเสี้ยวความโหดเหี้ยมที่ไม่อาจเก็บซ่อนไว้ในดวงตาของเขา เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่เป็นมิตรอย่างที่คิดเลยผู้อาวุโสเทิร์นเนอร์โบกมือให้ผู้มาเยือนทุกคนและพูดว่า "ทุกท่าน ขอบคุณมากที่มาในวันนี้ ไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีผู้คนมามากมายถึงเพียงนี้ แต่ด้วยคำสั่งจากเบื้องบน เราย่อมขัดไม่ได้"หลังจากที่ผู้อาวุโสเทิร์นเนอร์พูดจบ เขาก็มองทุกคนอย่างมีความหมาย หลังจากนั้นเขาก็ชูนิ้วทั้งห้าขึ้นแล้วพูดว่า "แค่ห้า! วันนี้เราจะรับศิษย์เพียงห้าคนเท่านั้น!"เฟนด์ไม่ใช่คนเดียวที่ตะลึงกับคำพูดเหล่านั้น ทุกคนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยิน เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครทันตั้งตัว รับศิษย์เพียงห้าคน? ทั้งที่บนดาดฟ้านี่มีคนอยู่อย่างน้อยแปดสิบคนน่ะหรือจำนวนแปดสิบคนล้วนเป็นบุคคลที่มีความสามารถในส
เฟนด์เลิกคิ้วขึ้น เห็นได้จากสีหน้าของรองเหรัญญิกว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย นอกจากซีนย์และคอนสแตนซ์แล้ว ทุกคนต่างมีสีหน้าตกตะลึงทั้งไม่ต้องละทิ้งตำแหน่งในปัจจุบันของตัวเองแถมยังได้รับทรัพยากรจากสหพันธ์อีก นี่ถือเป็นข่าวดีสำหรับทั้งเหล่าบัณฑิตและสำนักของพวกเขานี่แปลอย่างง่าย ๆ ว่าสหพันธ์กำลังเลี้ยงลูกให้คนอื่น หากพวกเขาไม่ได้ยินกับหูคงไม่มีทางเชื่อแน่ว่าจะมีเรื่องดีแบบนี้เกิดขึ้นในโลกเฟนด์ขมวดคิ้วขณะมองผู้อาวุโสอย่างนึกสงสัย แม้ว่ามันจะฟังดูคล้ายเป็นเรื่องที่ดี แต่เฟนด์ก็รู้แก่ใจดีว่าไม่มีใครเต็มใจจะเสียผลประโยชน์ตัวเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสหพันธ์เลยสหพันธ์พันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางจะต้องมีเหตุผลในการทำเช่นนั้น ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยเพื่อให้ทุกคนเงียบ การสนทนาของทุกคนเงียบลงเมื่อผู้อาวุโสฮอร์สท์ยกมือขึ้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ยิ้มและพูดว่า "ฉันรู้ว่าทุกคนกำลังคาดเดาอะไรอยู่ จริง ๆ แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องคาดเดาอะไรทั้งนั้น สหพันธ์กำลังประสบปัญหาเล็กน้อย และเราต้องการความช่วยเหลือจากอัจฉริยะบางคน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม เราถึงขอให้ทุกคนมารวมตัวกันที่
“ฉันจะขอเตือนทุกคนอีกครั้ง การทดสอบในครั้งนี้ต่างจากครั้งไหน ๆ เมื่อได้รับเลือกแล้ว จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างเข้มงวด และการเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกก็ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”คำพูดเหล่านั้นทำให้ทุกคนที่ได้ยินเบิกตากว้าง มันกระตุ้นความกระหายชัยชนะของทุกคน นี่คือสมบัติล้ำค่า ซึ่งทำให้บัณฑิตในปัจจุบันน้ำลายสอสหพันธ์ไม่เคยเลี้ยงดูใครเช่นนี้มาก่อน และมันต้องเป็นข้อตกลงที่มีประโยชน์อย่างแน่นอน แม้ว่าจะฟังดูเหมือนคำลวงเพื่อหลอกล่อพวกเขา แต่สหพันธ์นี้ไม่ใช่สำนักเล็ก ๆ พวกเขาต้องรักษาคำพูดของตัวเองอย่างแน่นอนทันทีที่พวกเขานึกถึงสิ่งที่เขาจะได้รับจากสหพันธ์ มือของพวกเขาก็เริ่มสั่นด้วยความตื่นเต้น แรงกระตุ้นเข้าครอบครองร่างกาย แต่เฟนด์กลับไม่ได้สนใจคำพูดสองสามประโยคสุดท้ายที่ออกมาจากปากของผู้อาวุโสฮอร์สท์เลยมีเวลาสิบห้านาทีให้ทุกคนคิดหาวิธีพิสูจน์ศักยภาพและความสามารถของตนเองได้ เฟนด์ได้แต่นึกสงสัยว่านอกเหนือจากการสร้างอักขระทางยาแล้ว นักเล่นแร่แปรธาตุจะสามารถพิสูจน์ความสามารถของพวกเขาได้อย่างไรอีกเฟนด์ไม่อาจแม้แต่จะคิดถึงเรื่องนี้ได้ในขณะนั้น แม้ว่าจะมีผู้คนมากมาย แต่ก็ไม่มีใคร
เกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วตอบว่า "พวกนายทุกคนมาที่นี่ก็แค่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้น แต่อย่างน้อยนายก็กล้าพอที่จะพูดกับฉันแบบนี้ ฉันต้องยอมรับเลย”“ถ้านายสามารถสร้างอักขระทางยาได้ห้าร้อยอักษร ฉันจะยอมรับในตัวนายก็ได้ แต่ดูหน้าแล้ว กว่าจะสร้างอักขระทางยาได้สักร้อยอักษรคงต้องใช้พรสวรรค์อย่างมากเลยทีเดียว!”คนที่ถูกเกรย์สันตำหนิโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขาได้แต่นิ่งเงียบ ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก เกรย์สันพูดถูก เขาไม่สามารถสร้างอักขระทางยาได้ถึงร้อยอักษรด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงห้าร้อยอักษรเลยท้ายที่สุดแล้ว มรรคาแห่งโอสถก็เป็นสิ่งที่ลึกล้ำและยากจะเข้าใจมาโดยตลอด หากไร้ซึ่งพรสวรรค์สูงส่ง ก็ไม่มีทางที่จะศึกษาวิธีสร้างอักขระทางยาห้าร้อยอักษรในระยะเวลาอันสั้นได้ความแตกต่างระหว่างพรสวรรค์ของเขากับของเกรย์สันก็เป็นสิ่งที่เห็น ๆ กันอยู่ แม้ว่าเขาจะดื้อรั้น แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ในเมื่ออีกไม่นานพวกเขาก็ต้องเริ่มทำการทดสอบแล้ว“เกรย์สันดูมั่นใจในตัวเองมากทีเดียว…” จู่ ๆ คนที่อยู่เบื้องหลังคอนสแตนซ์ก็พูดขึ้นเฟนด์ขมวดคิ้วและมองตามเสียงไป เขาสังเกตเห็นว่าเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่มองพวกเขาด้วยส
ก่อนหน้านี้ เมื่อผู้อาวุโสฮอร์สท์พูดถึงการคัดเลือกพิเศษทั้งสองคนดูไม่ประหลาดใจเท่าไหร่นัก ปรากฏว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของพวกเขา นั่นทำให้รองเหรัญญิกรู้สึกกังวลอย่างเห็นได้ชัดผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้นำทั้งหมดคือสองคนนั้นและรองเหรัญญิก แต่รองเหรัญญิกกลับเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รับข่าวสารใด ๆ อย่างพวกเขา ไม่แปลกเลยที่เขาจะกังวลแบบนี้เฟนด์เลิกคิ้วขึ้น หลังจากสูดลมหายใจเข้าปอดอึกหนึ่ง เขาก็กล่าวขึ้นว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีก็เป็นอีกเรื่อง แต่ถ้าจะจบไม่สวยเราก็หลีกหนีมันไม่ได้อยู่ดี มันเป็นเพียงแค่การสอบคัดเลือก ต่อให้จะมีข้อมูลสำคัญอะไรรั่วไหลออกไป คุณก็คงไม่ได้อยากส่งศิษย์พี่ใหญ่มาที่นี่อยู่แล้ว”รองเหรัญญิกหันไปมองเฟนด์แล้วพูดว่า "ก็ไม่เสมอไปหรอก บางครั้งเราก็ต้องยอมสละสิ่งหนึ่งเพื่อให้ได้สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า สำนักปักษาสีชาดยังเต็มใจพาตัวเกรย์สันมาเลย เราก็ไม่มีเหตุผลจะต้องออมมือ"เฟนด์พยักหน้า อย่างไม่อาจโต้แย้งได้ หากสลับตำแหน่ง เขาอาจจะไม่ทำตามที่รองเหรัญญิกพูดและยอมแพ้ไป นั่นก็เพราะผู้อาวุโสฮอร์สท์ดูจะไม่ใช่คนธรรมดา การวางแผนใส่คนที่เคยชินกับเรื่องเช่น
“สิ่งที่นายพูดอาจจะฟังดูเข้าท่า แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันน่าจะมีเหตุผลอื่น…”“ทำไมทุกคนถึงออกห่างจากหัวข้อหลักมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนไม่ได้ยินสิ่งที่รูดี้พูดเหรอ? เขาต้องการสกัดโอสถระดับหก! นั่นมันหมายความว่าอะไร! มันก็หมายความว่าพรสวรรค์ของรูดี้เทียบเท่ากับเกรย์สันไงล่ะ!"“เราไม่มีทางแข่งกับคนพวกนี้ได้หรอก เรายังนั่งงงอยู่กับการสร้างอักขระทางยาอยู่เลย ทั้งที่พวกเขาได้เริ่มบ่มเพาะโอสถระดับหกกันแล้ว ต่อให้พวกเขาจะบ่มเพาะเพียงโอสถขั้นต้นระดับหกก็เถอะ แต่นั่นก็พอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าพวกเขาเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหก“อย่าลืมสิว่าตอนนี้พวกเราทุกคนอยู่ที่ไหน เราทุกคนอยู่ในเรือเหาะของพันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางนะ”“หากพวกเขาสามารถสกัดโอสถระดับหกได้สำเร็จ สหพันธ์ก็จะยอมรับสถานะของพวกเขา และมอบตรานักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกให้พวกเขาด้วย! เมื่อได้รับตานั้น พวกเขาก็จะทำอะไรตามต้องการได้ง่ายขึ้น!”การอภิปรายเกิดขึ้นไปทั่วทุกหัวระแหง เฟนด์ได้ยินจนเริ่มปวดหู เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เขาเพิกเฉยต่อเสียงเซ็งแซ่เหล่านั้นไปชั่วขณะเขามองไปที่รองเหรัญญิกด้วยสีหน้าจริงจังและพูดว่า "ผมจ
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ