“ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย!” แซมซั่นพูดทั้งน้ำตานอกจากร่างของแจ็คสันและริฟที่ซีดเผือดแล้ว ร่างของคนอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดเป็นเพราะกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งที่ทำให้พวกเขาได้มาพบกับฉากนองเลือดดังกล่าว เฮย์เดนเงยหน้าขึ้นมองและพูดอย่างจริงจังว่า "เนื่องจากมันไม่ใช่เพราะสมบัติล้ำค่า และไม่อาจเป็นเพราะพวกเขาบุ่มบ่ามอยากจะต่อสู้โดยไม่มีเหตุผล และทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้น่ะเหรอ? พวกเขาต้องมีเป้าหมายอะไรแน่ แต่ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเป้าหมายนั่นมันคืออะไร!"เฟนด์หันกลับไปมองที่ภูเขาใต้พิภพ "ไม่ว่าเป้าหมายนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม ศพทั้งเจ็ดศพนี้เพียงอย่างเดียวคงบอกอะไรเราไม่ได้มาก เราต้องค้นหาต่อไปและและดูว่าจะมีเบาะแสใด ๆ เพิ่มขึ้นอีกหรือเปล่า"พวกเขาทั้งสามพยักหน้า รู้สึกว่าเฟนด์พูดถูก เฟนด์หันกลับไปมองร่างกายของริฟด้วยอารมณ์อันมากมาย เฟนด์อยากรู้จริง ๆ ว่านี่เป็นฝีมือของใครหรือว่าตัวเขาจะเป็นสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นนี้? ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาจะตามหาฆาตกรให้ริฟและช่วยริฟแก้แค้นเฟนด์ถอนหายใจ "เอาล่ะ มาจัดการศพของพวกเขาให้เรียบร้อยสักหน่อยแล้วนำศพของพวกเขาใส่ไว้ในแหวนยุทธเรา“เ
ในขณะนั้น เฮย์เดนซึ่งนิ่งเงียบมาตลอดก็พูดว่า "ผมจำได้แล้ว!"พวกเขาทั้งสามหันกลับมาและเห็นเฮย์เดนที่มีสีหน้าสำนึกผิด เขาเงยหน้าขึ้นมองเฟนด์ด้วยใบหน้าจริงจัง และรีบก้าวไปข้างหน้าจนเดินมาอยู่ข้าง ๆ เฟนด์“มันคือทักษะอสุนีโลหิตมาร!” เฮย์เดนพูดอย่างหนักแน่นเฟนด์หยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่า "ทักษะอสุนีโลหิตมารคืออะไร"เฮย์เดนตอบอย่างรวดเร็วว่า "ที่เราสัมผัสได้ถึงกระแสไฟฟ้าจำนวนหนึ่งรอบบาดแผลของแจ็คสันและริฟก็เพราะว่ามันคือทักษะอสุนีโลหิตมารไงล่ะ!“รอบ ๆ บาดแผลของพวกเขายังมีกระแสไฟฟ้าหลงเหลืออยู่ และร่างของพวกเขาไม่มีเลือดเหลืออยู่เลย มันดูแปลกมาก ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกว่ามันดูคุ้นตาก็คงจะเห็นมันจากที่ไหนสักแห่งมาก่อน“ระหว่างทางที่เราเดินมาผมพยายามจำมันให้ได้ จนในที่สุดผมก็จำได้จริง ๆ ครั้งหนึ่งผมเคยเห็นทักษะยุทธที่เรียกว่าทักษะอสุนีโลหิตมารในตำราโบราณมาก่อน หลังจากใช้ทักษะนี้ฆ่าใครสักคนลงไปมันจะเหลือร่องรอยเช่นนี้ไว้!”หลังจากพูดอย่างนั้น ใบหน้าของเขาก็เริ่มจริงจังขึ้น เขาสูดลมหายใจเข้าปอด และตั้งสติก่อนจะพูดต่อ “มันเป็นทักษะที่โหดร้ายอย่างที่สุด แต่ก็ถือเป็นทักษะระดับสูง ทักษะดังกล่าว
แซมซั่นพูดด้วยท่าทางหวาดกลัว "แล้วเราจะทำยังไงดี เราจะยืนรอความตายอยู่เฉย ๆ ไม่ได้! เราจะปล่อยให้คนพวกนั้นมาฆ่าเราไม่ได้ เราต้องร่วมมือกัน! “เราต้องให้ศิษย์ทั้งหมดจากสำนักทางเหนือมาทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับพวกเขา! อสูรหรือสมบัติไม่สำคัญเลย ชีวิตของเราสำคัญที่สุด!”แซมซั่นพูดถูกเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะของล้ำค่าเช่นไรก็ไม่อาจดึงดูดใจพวกเขาได้อีก สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาในตอนนี้ก็คือการได้มีชีวิตต่อไป และพวกเขาก็มั่นใจว่ากลุ่มของพวกเขาคงพอได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้างจากการที่สำนักวายชนม์พยายามสังหารทุกคนอย่างบ้าคลั่ง หากว่าเขาไม่หาวิธีตั้งรับให้ทันท่วงที พวกเขาทุกคนก็จะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด และหากพวกเขาไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ พวกเขาจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอนเฟนด์หันไปมองทั้งสามคน "คุณทั้งสามคนมีวิธีส่งข่าวให้ศิษย์คนอื่น ๆ จากสำนักของพวกคุณได้รับข่าวสารบ้างหรือเปล่า"เฮย์เดนพยักหน้า "ผมมีความคิดดี ๆ แล้ว! ผมใช้เวทย์สื่อสารกับเกรแฮมได้!"ขณะที่เขาพูด เขาได้ดึงป้ายผนึกเวทย์สื่อสารที่มีขนาดประมาณฝ่ามือออกมาจากแหวนยุทธ เฟนด์รู้ว่านั่นคืออะไรป้า
มันเป็นเพียงต้นไม้ยืนต้นตายและปราศจากร่องรอยของสิ่งมีชีวิต ความสูงของมันสูงเป็นสองเท่าของมนุษย์ ต้นไม้ดังกล่าวเหี่ยวแห้งถึงขนาดที่เมื่อสัมผัส ชั้นเปลือกไม้แห้งก็ร่วงหล่นลงมาเฟนด์เมินเฉยต่อผู้คนที่อยู่ข้างหลังเขา เขาค่อย ๆ คุกเข่าลง จ้องมองไปที่รากของต้นไม้ พวกเขาทั้งสามมองในสิ่งที่เฟนด์ทำและไม่สังเกตเห็นอะไรผิดปกติเลยรากของมันก็ดูคล้ายกับส่วนอื่น ๆ ของลำต้น เขาก็ไม่รู้ว่ามันยืนต้นตายมานานแค่ไหนแล้ว เปลือกไม้ขาวบอกได้เพียงว่ามันอยู่มานานแล้ว เฟนด์ยังคงนิ่งเงียบ อีกสามคนก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้าพวกเขาทั้งสามได้แต่จ้องมองไปยังเฟนด์ที่กำลังสำรวจอะไรบางอย่างอยู่ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะมองอย่างไร ก็ไม่พบอะไรแปลกประหลาดเกี่ยวกับมัน หลังจากคุกเข่าลงเป็นเวลานาน เฟนด์ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนสายตาของชายหนุ่มมองไปที่คนทั้งสามอย่างไม่ปกติ “ทำแบบนี้ไปทำไม? มันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมองดูสภาพแวดล้อมรอบตัว มันก็ยังคงเป็นโลกสีโลหิตที่ไม่มีจุดสิ้นสุดเช่นเดิมอยู่ดี ดูคล้ายจะไม่มีอะไรพิเศษสำหรับที่นั่น และไม่มีอะไรที่จะดึงดูดความสนใจของเฟนด์ได้อิเซยาห์ขมวดคิ้วแ
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ไม่อาจปิดกั้นญาณทิพย์ของเราได้ เพราะหากเราสังเกตเห็นถึงความผิดปกติเมื่อไหร่ เราก็จะหนีทันที ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความเลย!”ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก มันเป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการและไม่อยากเผชิญหน้า กลุ่มของพวกเขาไม่ได้โดดเด่นมากนักในหมู่อัจฉริยะที่มารวมตัวกันในแหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้าม แต่เมื่อเทียบกันเองภายในสำนัก พวกเขาต่างก็เป็นหนึ่งในกลุ่มยอดฝีมือพวกเขาเป็นศิษย์ภายในหรือไม่ก็ศิษย์ที่ถูกเลือกภายในสำนักของพวกเขา ศิษย์ภายนอก ศิษย์นอกสำนักทั่วไป และศิษย์ภายในทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่ไม่กล้าจะดูหมิ่นพวกเขาพวกเขาได้รับการต้อนรับด้วยความเคารพเสมอ และพวกเขามีอนาคตที่สดใสรออยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครเต็มใจจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ร่างกายของอิเซยาห์สั่นเล็กน้อยเพราะเขาถูกใบหน้าที่ซีดเซียวของริฟหลอกหลอนอยู่ในใจไม่ขาดเมื่อครึ่งวันก่อนริฟยังหยอกล้อกับพวกเขาอยู่เลย ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้พบกันอีกครั้ง ลูกศิษย์ภายในชั้นยอดผู้ไม่ทุกข์ร้อนต่อสิ่งใดและขี้เล่นเช่นเขาจะลงเอยด้วยการเป็นร่างไร้ลมหายใจเช่นนั้นเขาต้องมาตายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว โดยไม่มีโอกาสให้ต่อสู้กลับด้วยซ้ำ ม
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้แสดงออกมาอย่างโต้ง ๆ ดังนั้นเขาจึงระงับความประหลาดใจของตัวเองลง แต่เห็นได้ว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาไม่ได้ควบคุมตัวเองอย่างเดียวกับเกรแฮมทันทีที่พวกเขาเห็นเฟนด์พวกเขาต่างก็เบิกตากว้าง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยคำถาม เกรแฮมพยักหน้าให้เฮย์เดนเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้ามาทักทายเฟนด์“เฟนด์ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะได้พบกันที่นี่ ผมนึกว่าคุณมุ่งหน้าเข้าไปกำจัดอสูรได้มากมายแล้วเสียอีก”คำพูดดังกล่าวฟังดูคล้ายกับชมเชย แต่เฟนด์กลับไม่ได้ใส่ใจมันเลย เขาคิดว่ามันตลกดีที่เกรแฮมไม่ได้เป็นคนซื่อตรงและตรงไปตรงมาอย่างที่เขาอยากจะให้คนอื่นเห็น เพราะดูเหมือนเกรแฮมก็เจ้าเล่ห์ไม่น้อยเช่นกัน และเขาต้องคอยระมัดระวังคำพูดในการพูดคุยกับเกรแฮมไว้ด้วยเฟนด์เพียงพยักหน้าเล็กน้อยและมองเฮย์เดน เฮย์เดนเข้าใจทันทีว่าเฟนด์ต้องการอะไร และไม่ลังเลเลยที่จะเปิดเผยทุกสิ่งที่พวกเขาค้นพบให้ผู้มาเยือนรับทราบเกรแฮมมีสีหน้าถมึงทึงขึ้น ทันทีที่เฮย์เดนพูดจบ เกรแฮมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "อันที่จริง ระหว่างทางมาที่นี่ ฉันเองก็สังเกตเห็นศพสองสามศพเหมือนกัน ศพพวกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของสำนักทางเหนือ ฉัน
น้ำเสียงของเฟนด์สั่นเครือเล็กน้อย “เนลสัน?”ในขณะนี้ เนลสันอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างที่สุด เสื้อผ้าของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ร่างกายเป็นแผลเหวอะหวะจากอาวุธที่ไม่ทราบชนิด สภาพของเขาน่าสมเพชเสียยิ่งกว่าขอทานข้างถนนเสียอีก เขาสูญเสียคราบชายผู้สูงส่งตามปกติของตัวเองไปหมดแล้วเนลสันบีบแขนเฟนด์ไว้แน่น ริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย “เฟนด์! ในที่สุดฉันก็เจอนายสักที!”ในตอนนั้นเองที่คนที่เหลือเข้าใจถึงสถานการณ์ เมื่ออิเซยาห์เห็นว่าผู้มาเยือนคือเนลสัน ศิษย์ที่ถูกเลือก เขาได้แต่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ แทบไม่กล้าจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเขาคุกเข่าลงทันทีและจับเนลสันไว้ด้วยสองมือของตัวเอง “เกิดอะไรขึ้น! คุณบาดเจ็บขนาดนี้ได้ยังไง!”เฟนด์ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเนลสันอย่างรวดเร็ว หนึ่งในสามของเส้นเลือดแดงขาดออกจากกัน ร่างกายของเขามีบาดแผลทั้งใหญ่และเล็กนับไม่ถ้วน กระดูกหักถึงสองชิ้น การที่เนลสันมาถึงที่แห่งนี้ได้ ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นของเขาเนลสันไม่มีแรงที่จะตอบคำถามของอิเซยาห์อีกต่อไป เฟนด์รู้ดีว่าเนลสันทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดในขณะนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองอิเซยาห์ “คุณมีโอสถหรือเปล่า?
ริมฝีปากของเนลสันโค้งเป็นรอยยิ้มอันขมขื่นขณะที่เขาพูด ราวกับว่าเขากำลังเย้ยหยันตัวเองและสมาชิกในกลุ่มของตัวเองก่อนหน้านี้“ฉันนึกว่าตราบใดที่เราไม่ไปหาเรื่องพวกเขา และตราบใดที่เราไม่ไปขวางทางพวกเขา มันก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่คิดแล้วว่าพวกเขาจะหยุดฝีเท้ากะทันหัน และพุ่งตรงมาหาเราทันทีที่พวกเขาสังเกตเห็นเรา“พวกเราทั้งห้าคนรีบหนีทันทีที่พบว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น แต่ถ้าเราก็ช้าเกินไป ในที่สุดพวกเขาก็ไล่ตามเราทัน เพราะไม่คิดจะถามเลยสักนิดว่าเราเป็นใคร หรือมาจากไหน สิ่งที่พวกเขาทำคือการโจมตีเราด้วยอาวุธของพวกเขา!”ร่างกายของเนลสันสั่นสะท้าน ดวงตาของเขาแดงก่ำเมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจของเขาแตกสลายไปหมดเขากลืนน้ำลายและพูดต่อว่า “เราจะต่อสู้กับพวกเขาไหวได้ยังไง ฉันได้แต่มองดูสหายร่วมทีมของฉันตายต่อหน้าต่อตา และฉันก็ทำได้เพียงแค่วิ่งหนีมาเท่านั้น!“โชคดีที่ผู้อาวุโสเคยมอบเครื่องรางคุ้มภัยให้กับฉันก่อนที่เราจะมาที่นี่ พลังโจมตีจากเครื่องรางนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากใช้มัน มันทำให้พวกเขาล่าถอยไป ฉัน…ถึงได้มีโอกาสหนีมา”น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในดวงตาของเนลสันไหล่ลง