น้ำเสียงของเฟนด์สั่นเครือเล็กน้อย “เนลสัน?”ในขณะนี้ เนลสันอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างที่สุด เสื้อผ้าของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ร่างกายเป็นแผลเหวอะหวะจากอาวุธที่ไม่ทราบชนิด สภาพของเขาน่าสมเพชเสียยิ่งกว่าขอทานข้างถนนเสียอีก เขาสูญเสียคราบชายผู้สูงส่งตามปกติของตัวเองไปหมดแล้วเนลสันบีบแขนเฟนด์ไว้แน่น ริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย “เฟนด์! ในที่สุดฉันก็เจอนายสักที!”ในตอนนั้นเองที่คนที่เหลือเข้าใจถึงสถานการณ์ เมื่ออิเซยาห์เห็นว่าผู้มาเยือนคือเนลสัน ศิษย์ที่ถูกเลือก เขาได้แต่อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ แทบไม่กล้าจะเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นเขาคุกเข่าลงทันทีและจับเนลสันไว้ด้วยสองมือของตัวเอง “เกิดอะไรขึ้น! คุณบาดเจ็บขนาดนี้ได้ยังไง!”เฟนด์ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเนลสันอย่างรวดเร็ว หนึ่งในสามของเส้นเลือดแดงขาดออกจากกัน ร่างกายของเขามีบาดแผลทั้งใหญ่และเล็กนับไม่ถ้วน กระดูกหักถึงสองชิ้น การที่เนลสันมาถึงที่แห่งนี้ได้ ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นของเขาเนลสันไม่มีแรงที่จะตอบคำถามของอิเซยาห์อีกต่อไป เฟนด์รู้ดีว่าเนลสันทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดในขณะนั้นเขาเงยหน้าขึ้นมองอิเซยาห์ “คุณมีโอสถหรือเปล่า?
ริมฝีปากของเนลสันโค้งเป็นรอยยิ้มอันขมขื่นขณะที่เขาพูด ราวกับว่าเขากำลังเย้ยหยันตัวเองและสมาชิกในกลุ่มของตัวเองก่อนหน้านี้“ฉันนึกว่าตราบใดที่เราไม่ไปหาเรื่องพวกเขา และตราบใดที่เราไม่ไปขวางทางพวกเขา มันก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ไม่คิดแล้วว่าพวกเขาจะหยุดฝีเท้ากะทันหัน และพุ่งตรงมาหาเราทันทีที่พวกเขาสังเกตเห็นเรา“พวกเราทั้งห้าคนรีบหนีทันทีที่พบว่ามีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น แต่ถ้าเราก็ช้าเกินไป ในที่สุดพวกเขาก็ไล่ตามเราทัน เพราะไม่คิดจะถามเลยสักนิดว่าเราเป็นใคร หรือมาจากไหน สิ่งที่พวกเขาทำคือการโจมตีเราด้วยอาวุธของพวกเขา!”ร่างกายของเนลสันสั่นสะท้าน ดวงตาของเขาแดงก่ำเมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจของเขาแตกสลายไปหมดเขากลืนน้ำลายและพูดต่อว่า “เราจะต่อสู้กับพวกเขาไหวได้ยังไง ฉันได้แต่มองดูสหายร่วมทีมของฉันตายต่อหน้าต่อตา และฉันก็ทำได้เพียงแค่วิ่งหนีมาเท่านั้น!“โชคดีที่ผู้อาวุโสเคยมอบเครื่องรางคุ้มภัยให้กับฉันก่อนที่เราจะมาที่นี่ พลังโจมตีจากเครื่องรางนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากใช้มัน มันทำให้พวกเขาล่าถอยไป ฉัน…ถึงได้มีโอกาสหนีมา”น้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในดวงตาของเนลสันไหล่ลง
เฟนด์ตะโกนขึ้นทันควัน “ผมว่าเขายังกลับไปได้ ถ้าพวกเราทุกคนตายอยู่ที่นี่กันหมด จนไม่มีใครไปเป็นพยานในสิ่งที่เขาทำ เขาจะสามารถกลับไปได้อย่างปลอดภัย และอาจได้รับรางวัลมากมายด้วยซ้ำ"คนอื่น ๆ รู้สึกขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัดกับสิ่งนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างเต็มปาก ด้วยสถานะของกริฟฟินและคนอื่น ๆ ก็มาจากตำหนักสองกษัตริย์ แต่พวกเขาก็แอบรู้สึกรังเกียจสิ่งที่กริฟฟินทำอยู่เงียบ ๆแม้แต่ทรราชก็ยังรังเกียจคนที่ยอมโอนอ่อนให้กับศัตรูในเวลาลำบากอิเซยาห์กัดฟันพูด “เขาทำเกินไปแล้ว สิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้ก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่เขาทำในครั้งนี้…”“พอกันที” เฟนด์พูดขณะยกมือขึ้น “เราไม่จำเป็นต้องเสียเวลามาพูดถึงเขาในตอนนี้หรอก”จากนั้นเฟนด์ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นและหันไปมองเกรแฮม “คุณมีวิธีติดต่อสื่อสารกับคนอื่น ๆ อีกบ้างหรือเปล่า?“ในเมื่อพวกเขารวบรวมกำลังมาเล่นงานเรา วิธีที่ดีที่สุดของเราก็คือการรวบรวมกำลังคนทั้งหมดที่มี”เกรแฮมพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม รีบหยิบป้ายผนึกเวทย์สื่อสารออกมาและติดต่อกับคนอื่น ๆ ตำหนักสองกษัตริย์มีวิธีแบ่งปันตำแหน่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับป้ายผน
เกรแฮมขมวดคิ้วขณะที่เขามองดูเฟนด์ด้วยแววตาจริงจัง เฟนด์เหม่อมองออกไป เขามองดูขอบฟ้าสีเลือดที่ไกลสุดลูกหูลูกตา ขณะจมอยู่ในความคิดของตัวเอง และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า "เขาต้องการฆ่าเรา เขาน่าจะได้สมบัติของเราด้วย และอีกอย่าง เราเป็นคู่แข่งของเขา และการฆ่าพวกเราทิ้งจะช่วยทำให้เขาได้รับรางวัลง่ายขึ้นอีก“หากเราไปถึงตีนเขาใต้พิภพได้สำเร็จและถูกส่งกลับไปยังหุบเหวแห่งสุญญะ ก็จะต้องมีการต่อสู้อีกครั้ง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาก็คงมั่นใจอย่างที่สุดว่าจะเอาชนะเราทั้งสองคนได้ แต่ตอนนี้...เขาคงไม่มั่นใจแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว"เกรแฮมพยักหน้าเห็นด้วย เฟนด์พูดถูก การฆ่าพวกเขาทิ้งจะช่วยให้อีกฝ่ายหลุดพ้นจากปัญหาได้ง่ายขึ้นเฟนด์ยิ้มอย่างเย็นชาก่อนจะกล่าวเสริมว่า “เขามีความแค้นต่อผมมาตั้งแต่ต้นแล้ว ในการเข้าสู่แหล่งทรัพยากรยุทธต้องห้ามของเขาน่าจะมีอีกเป้าหมายหนึ่ง และการกำจัดพวกเราทิ้งที่นี่ จะทำให้เขาสามารถผ่านด่านทดสอบไปได้ง่ายกว่าเดิม”ใบหน้าของเกรแฮมบูดบึ้งในขณะที่เขาพูดว่า "สาเหตุที่เขาต้องการจะฆ่าพวกเราทุกคน ก็เพราะไม่ต้องการให้ใครรอดไปได้สินะ?"เฟนด์พยักหน้า และเกรแฮมใกล้จะควบคุมอ
“มีของล้ำค่ามากมายบนหุบเหวแห่งสุญญะ ไม่ว่าใครก็ต้องการมันทั้งนั้น แน่นอนว่าเขาจะต้องอยากได้ทุกอย่างที่มีไว้ในครอบครอง และหากเป็นเช่นนั้น เขาต้องกำจัดพวกเราทุกคนก่อน!”เกรแฮมยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และความสงสัยทำให้ดวงตาของเขาขุ่นมัวเฟนด์ยิ้มเบา ๆ ขณะที่เขาเดินไปข้างหน้า วางมือบนไหล่ของเกรแฮม “ในเมื่อเป้าหมายของเขาชัดเจนถึงขนาดนี้ ดังนั้นทุกสิ่งที่เขาทำย่อมมีส่วนช่วยให้เป้าหมายของเขาสำเร็จลุล่วงไปได้ การที่เขาทิ้งร่องรอยไว้เช่นนี้ก็เพื่อเป้าหมายที่เขาตั้งไว้ด้วย “แม้ว่าเราจะยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด แต่หากเราหาหลักฐานได้มากกว่านี้ อีกไม่นานเราก็จะได้คำตอบ”เกรแฮมพยักหน้า แม้จะยังไม่เข้าใจทุกสิ่ง จู่ ๆ ทั้งสองก็เงียบไป และไม่มีใครพูดอะไรอีก พวกเขาทั้งคู่ต่างจมอยู่กับความคิดของตนเอง แต่ดูเหมือนว่าเฟนด์จะมีสีหน้าสงบกว่า ในขณะที่เกรแฮมมีสีหน้าหม่นหมองกว่ามากเขากังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าอย่างที่สุด หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน เกรแฮมก็เอ่ยขึ้นมา "ถ้าอย่างนั้น ต่อจากนี้เราจะทำยังไงดี"เฟนด์เดินไปข้างหน้าสองก้าว "ค้นหาไง"“ค้นหาอะไร?”“ค้นหาร่องรอยอื่น ๆ ที่ชายสวมหน้าก
ในแต่ละครั้งพวกเขาสี่คนจะส่งญาณทิพย์ออกไปในทิศทางเดียวกัน ด้วยวิธีนี้ เพราะเขาจะสามารถประคับประคองพลังวิญญาณและพลังงานที่แท้จริงไว้ทั้งยังสามารถเพิ่มความแม่นยำได้อีกด้วย หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจเลือกทิศทางที่จะมุ่งหน้าต่อไปขณะที่ทุกคนก้าวไปข้างหน้า เฟนด์ เกรแฮม และเพื่อนร่วมทางคนอื่น ๆ ก็ถูกจัดให้ยืนอยู่ที่แนวหน้า พวกเขารู้สึกถึงพลังของการเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มได้อย่างแท้จริงในขณะนั้น แล้วทุกคนก็รู้สึกปลอดภัยพวกเขาสูญเสียคนไปมากกว่าสองในสาม และพวกเขาก็อยู่ในจุดที่ไม่มีใครปลอดภัยอย่างแท้จริง ขณะที่ทั้งกลุ่มก้าวต่อไปอย่างมั่นคงเฟนด์ก็พูดคุยกับเกรแฮมและเบนจามินอีกครั้งอย่างไรก็ตามนี่ดูไม่ใช่บทสนทนาโต้ตอบกันธรรมดาสักเท่าไหร่ เพราะน้ำเสียงของเฟนด์ฟังดูราวกับกำลังกล่าวโทษถึงอะไรบางอย่าง ดวงตาสีเข้มของเขาจับจ้องไปที่เกรแฮมที่อยู่ทางด้านซ้ายของตัวเอง“เกรแฮม ในฐานะศิษย์ห้าอันดับแรกที่ได้รับเลือกในสำนักสหัสบรรณ คุณต้องได้รับความโปรดปรานจากผู้อาวุโสและเหล่าผู้ปกครองแน่ มีบางอย่างที่ผมคิดไม่ตกมาหลายวันแล้ว แล้วผมก็อยากรู้ว่าคุณจะช่วย ไขข้อสงสัยให้ผมได้หรือเปล่า”แม
เกรแฮมขมวดคิ้ว หันหน้าหนีสายตาคาดโทษของเฟนด์“บอกตามตรง ผมเองก็คิดเหมือนคุณนั่นแหละ แม้ว่าผมคือศิษย์อันดับสูงที่ถูกเลือก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะรู้ทุกอย่าง นี่เป็นความลับของสำนัก แล้วต่อให้จะมีตำแหน่งสูง ยังไงผมก็เป็นแค่ลูกศิษย์”เฟนด์พยักหน้า ยอมรับว่าเกรแฮมพูดไม่ผิดเบนจามินที่พยายามควบคุมอารมณ์อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นว่า "อย่าโกรธไปเลยนะเฟนด์ และอย่าได้อาฆาตแค้นกันด้วย ผมว่าเกรแฮมพูดถูก การที่สำนักทำเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล“ทางสำนักก็คงไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน เพราะการสูญเสียศิษย์ไปมากมายขนาดนี้คงไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของพวกเขา”วิธีที่เบนจามินพยายามปลอบใจเช่นนี้ดูค่อนข้างจะไร้ไหวพริบ เฟนด์ไม่ใช่คนหัวอ่อนที่จะยอมให้คำพูดไม่กี่คำของใครมาเปลี่ยนความคิดของเขาเขายิ้มเบา ๆ ขณะเอ่ยว่า "พวกคุณสองคนไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดพวกนี้มาปลอบประโลมผม ผมไม่ใช่พวกโลกสวย ถ้าเรื่องไม่บานปลายมาถึงขนาดนี้ ผมคงไม่ถามคำถามพวกนี้ขึ้นมาหรอก”หลังจากนั้น รอยยิ้มเย็นชาของเฟนด์ก็ยิ่งปรากฏชัดขึ้น “คุณบอกว่าพวกเขาไม่คิดว่าจะสูญเสียศิษย์ไปมากมายขนาดนี้งั้นเหรอ? ผมไม่เชื่อเลยสักนิด“ผู้อาว
เมื่อเฟนด์กลับมามองที่เกรแฮมอีกครั้ง สายตาของเขาก็ดูบูดบึ้งและดุร้ายเกรแฮมถอนหายใจ รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ขณะที่เบนจามินมองไปที่เฟนด์ก่อนจะหันไปมองเกรแฮมต่างจากเกรแฮม เบนจามินตกอยู่ในความมืดมนอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเขาอยากจะปกป้องเกรแฮมและออกตัวแทนเขาอยู่สักหน่อย แต่จริงๆแล้วเขาก็อยากที่จะได้คำตอบเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเกรแฮมตกอยู่กับความสิ้นหวังอยู่นานสองนาน ตอนที่สุดท้ายจะอ้าปากพูดอย่างไม่เต็มใจนัก “พวกเขาต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง มันเป็นสิ่งที่มีคุณอนันต์และโทษมหันต์ มันไม่ใช่สิ่งที่พลังของสำนักทางเหนือเพียงอย่างเดียวจะหามันเจอ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงให้บัตรผ่านครึ่งหนึ่งกับสำนักทางใต้ด้วย ”การคาดเดาของเฟนด์ไม่ผิดเลย และสีหน้าของเขาก็ไม่ได้ดูเบาใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย เกรแฮมถอนหายใจอีกครั้งและรู้ว่าเฟนด์ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด“ผมรู้ว่าตอนนี้คุณคงไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด แต่รับประกันได้เลยว่าผมไม่ได้โกหก ถ้าคุณไม่เชื่อผม ผมก็ทำอะไรไม่ได้”ทันใดนั้น เฟนด์ก็พูดขึ้นมาว่า "สิ่งนั้นคืออะไร? อยู่ที่ไหน? ใช่ของล้ำค่าที่มีอยู่บนหุบเหวแห่งสุญญะไหม หรือเป็นอย่างอื่นที่อยู่ใน