เฟนด์หัวเราะเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะหรอก แต่ถ้าว่าด้วยทักษะการบ่มเพาะธาตุวิญญาณผมก็ถือว่าตัวเองพอมีโชคอยู่บ้าง”โนเอลส่ายหน้าและใบหน้าของเขามีความเศร้าปนอยู่เล็กน้อยราวกับว่าเขาได้รับความเจ็บปวดจากคำพูดของเฟนด์เป็นอย่างมาก เขาใช้คางชี้ไปที่ประตูเรียงเนตร ทำให้แน่ชัดว่าเขาไม่ต้องการพูดกับเฟนด์อีกต่อไป เฟนด์หัวเราะเบา ๆ อีกครั้งและก้าวเท้าเข้าประตูไป ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ เขายังนึกสงสัยว่าตัวเองควรจะเพิ่มระดับความยากขึ้นหรือเปล่า แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำเช่นนั้น เขายังต้องหาหนทางให้ตัวเองปรับตัวเข้ากับความยากระดับสี่ให้ได้อย่างเต็มที่เสียก่อน และถ้าเขารีบเพิ่มระดับความยาก มันจะยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้กับตัวเองอย่างแน่นอน ผลกระทบที่หนักหนาเกินไปจากคลื่นกระแทกวิญญาณจะส่งผลเสียกับเขาหลังจากประตูเรียงเนตรถูกเปิดใช้งาน คลื่นกระแทกวิญญาณก็ถาโถมเต็มห้องอีกครั้ง เฟนด์หลับตาและทำการอัญเชิญด้วยมือทั้งสองข้าง ดาบวิญญาณสีดำสองเล่มลอยขึ้นและตกลงในมือของเขาทันที ครั้งนี้เป้าหมายของเขาคือการควบรวมดาบวิญญาณเล่มที่สามให้ได้ภายในห้าวัน แ
โนเอลไม่สงสัยในทักษะของเฟนด์เลยแม้แต่น้อย หลังจากได้เห็นเขาเผชิญกับความยากของประตูเรียงเนตรระดับสี่ในห้าวันแรกของเขา แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับผลกระทบทางวิญญาณและร่างกายไม่น้อย โนเอลรีบเดินไปรับเขาก่อนที่เขาจะล้มลง เฟนด์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ ว่า "ไม่ต้องห่วงเรื่องผมหรอก ผมไม่ได้บาดเจ็บ เพียงแต่ผมได้ใช้พลังวิญญาณและพลังงานที่แท้จริงของตัวเองไปจนหมดแล้ว”โนเอลเลิกคิ้วและใช้นิ้วกดจุดเส้นลมปราณของเฟนด์เบา ๆ และเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ พลังในเส้นลมปราณของเฟนด์ถูกใช้ไปจนหมด และเหลือพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งพูดไม่ออก“นายเข้าไปทำอะไรข้างใน ถึงได้ใช้พลังงานที่แท้จริงและพลังวิญญาณของตัวเองจนเกลี้ยงแบบนี้?” โนเอลถามเฟนด์หัวเราะเบา ๆ และบอกความจริงกับเขา “ผมทะลวงผ่านจุดคอขวดไปได้แล้ว ก็แค่นั้นแหละ”เมื่อถึงตอนนี้ โนเอลก็เลิกคิ้วขึ้นทันที “ต้องยอมรับเลยว่านายมีทั้งพรสวรรค์และความกล้าหาญสูงมาก คลื่นกระแทกวิญญาณสำหรับความยากระดับสี่ในประตูเรียงเนตรก็รุนแรงขนาดที่ฆ่าใครก็ได้ด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นนายก็รอดมาได้หลังจากทะลวงผ่านจุดคอขวด ถ้าเป็นคนอ
แนชตบไหล่เฟนด์และพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดเล็กน้อยว่า “ลูกควรพักผ่อนให้มากกว่านี้และทำอะไรให้ช้าลงสักหน่อย ยังมีเวลาเหลืออีกสองสัปดาห์ ลูกจะล้มไม่เป็นท่า ถ้าเข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป”เฟนด์พยักหน้าและรู้ว่าพ่อของเขาพูดเช่นนี้เพียงเพราะเป็นห่วง “อย่ากังวลไปเลยพ่อ ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ จริงอยู่ที่เวสลีย์เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามแต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากอะไร เขาก็เป็นแค่แรงจูงใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการบ่มเพาะตัวเองอย่างหนักของผม แต่แรงจูงใจที่สำคัญที่สุดของผม คือการที่ผมอาจถูกส่งไปยังแนวหน้าเมื่อสงครามปะทุขึ้น หากผมพัฒนาระดับการบ่มเพาะได้ ผมคงนอนหลับได้อย่างสบายใจ อีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมไม่อาจสลัดความคิดที่ว่าตำหนักสองกษัตริย์กำลังมีแผนร้ายอะไรที่จะใช้กับศิษย์ภายนอกที่เข้ามาใหม่อย่างเราไม่ได้เลย”เฟนด์มีเหตุผลที่ดีพอที่จะรู้สึกแบบนั้น หนึ่งคือนัยยะของโนเอล และสองคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับการแลกเปลี่ยนคะแนนสะสม ยิ่งไปกว่านั้นเฟนด์ก็ตระหนักดีว่าตำแหน่งของเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรใน ตำหนักได้ และเขาควรให้ความสำคัญกับการหาวิธีป้องกันตัวเองด้วยเพิ่มระดับการบ่มเพาะเพื่อที่เขาจะได้คู
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นผมมั่นใจ นอกจากนี้ทักษะทลายห้วงสุญญะยังมาพร้อมกับวิธีการอันเป็นประโยชน์ ตราบใดที่ผมมีไพ่ใบนี้ในมือ ก็เชื่อได้เลยว่าผมจะสามารถเอาชนะเวสลีย์ได้”แนชเลิกคิ้วด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่ถูกปลุกขึ้น “วิธีการแบบไหนกัน?”“การบ่มเพาะทักษะทลายห้วงสุญญะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพลังและเพิ่มการสำรองพลังที่แท้จริงของผมเท่านั้น แต่มันยังทำให้ผมเข้าใจกฎแห่งสุญญะในเบื้องต้นด้วย เพราะมันประกอบด้วยกฎแห่งสุญญะ”เฟนด์อธิบายอย่างอดทน“กฎแห่งสุญญะ?” นี่เป็นครั้งแรกที่แนชได้ยินคำนี้ เขาสามารถเข้าใจความหมายจากคำพูดนี้ได้ แต่ไม่เคยเห็นมันด้วยตาตัวเองเฟนด์จิบชาและพูดว่า “ก็อย่างที่ผมบอกไง ผมเองก็เข้าใจมันแค่เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ถ้าผมเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้แล้ว ผมจะแสดงให้พ่อดูว่าผมกำลังหมายถึงอะไร”แนชพยักหน้า เขายังคงกังวลว่าเฟนด์จะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับเวสลีย์ เขาถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “พ่อรู้ว่าลูกรู้จักจุดแข็งของตัวเองดีที่สุด แต่ยังไงพ่อก็ต้องพูด บางครั้งความแตกต่างในเรื่องระดับบ่มเพาะก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกจะสามารถมองข้ามไปได้ ถ้าเวสลีย์อยู่สูงกว่าลูกหนึ่งระดับ ก็หมายความว่าเขาอยู่สูง
การเฝ้าดูการต่อสู้สามารถช่วยให้เข้าใจในความแข็งแกร่งของศิษย์คนอื่น ๆ และเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้ได้ด้วย แม้ว่าอันดับปัจจุบันของเวสลีย์จะอยู่ที่หนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าเขาก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับนั้นในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากศิษย์อาวุโสเซเยอร์ทำให้เขากลายเป็นคนดังของตำหนัก เขาจะก้าวขึ้นสู่สิบอันดับแรกในเวลาไม่นานอย่างแน่นอนแม้แต่ศิษย์ภายนอกที่อยู่ในห้าสิบอันดับแรกก็ยังไม่มีชื่อเสียงมากเท่ากับเวสลีย์ เพราะพวกเขาส่วนใหญ่ไปถึงจุดนั้นได้เนื่องจากผ่านการฝึกมาอย่างยาวนานและเพิ่มพูนความแข็งแกร่งมาทีละเล็กทีละน้อย สิ่งที่พวกเขามีคือความอุตสาหะมากกว่าจะเป็นเพราะพรสวรรค์ และเวสลีย์ก็มีทั้งสองอย่างนี้อย่างล้นเหลือ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่การต่อสู้ของเขากับเดลได้รับความสนใจจากศิษย์ภายนอกมากมายเวสลีย์ซึ่งเป็นตัวตั้งตัวตีของเหตุการณ์ในวันนี้กำลังนั่งอยู่ที่อัฒจันทร์พร้อมกับพวกไม่เอาไหนที่รายล้อมรอบตัวเขา คนไม่เอาถ่านเหล่านี้ต้องการเอาชนะใจเวสลีย์ และคำพูดคำจาของพวกเขาก็ดูคล้ายจะเคลือบด้วยน้ำผึ้ง ขณะนี้พวกเขาชมเชยเวสลีย์ไม่รู้จักจบสิ้น และแน่นอนว่าเวสล
นั่นไม่ใช่เรื่องยากที่สุดที่เขาต้องยอมรับ สิ่งที่ยากที่สุดในการยอมรับก็คงเป็นคำที่คนอื่นคอยเปรียบเทียบเขากับดันแคน และเขามักจะเป็นฝ่ายที่แย่ที่สุดเสมอ ทั้งที่เมื่อสักครู่เขาเพิ่งรู้สึกว่าพรสวรรค์ของเขาด้อยกว่าศิษย์ที่ถูกเลือกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้ภาพลวงตาเหล่านั้นได้ถูกทำลายลงจากการปรากฏตัวของดันแคน ไม่ว่าเขาจะคิดว่าตัวเองเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่มีทางที่เขาจะหลอกใจตัวเองได้ว่าเขาเก่งกว่าดันแคน เพราะการดำรงอยู่ของดันแคนก็เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ทำให้ดาวดวงอื่น ๆ ต้องเลือนหายไปด้วยแสงอันทรงพลังของเขาผู้ชายที่มีตาสามเหลี่ยมรู้จักวิธีเลียแข้งเลียขาดีที่สุด เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าเวสลีย์รู้สึกแบบไหนและอย่างไร เขาจึงรีบพูดว่า “ความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ดันแคนนั้นล้วนเป็นที่ประจักษ์ เพราะอย่างไรเสียเขาก็ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเพียร์พอยท์ ศิษย์อาวุโสใหญ่ของตำหนักสองกษัตริย์ก็มาจากตระกูลเดียวกับเขา และถ้าผมเป็นเขา ผมก็จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อสนับสนุนเขาเช่นกัน ภายใต้เงื่อนไขเหล่านั้นไม่ว่าใครหน้าไหน หรือแม้แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ที่แย่ที่สุดก็จะมีความก้าวหน้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ น
ชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมกำลังมองไปที่เฟนด์ด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม เขาหัวเราะอย่างเย็นชาและพูดว่า “ดูเขาทำท่าทางเย็นชาราวกับว่าเขาไม่สนใจอะไรเลยสิ ถ้าเขาไม่สนใจจริงเขาคงไม่มาที่นี่หรอก เขาคงกลัวการที่ต้องประลองยุทธกับศิษย์พี่เวสลีย์แทบแย่เลยล่ะถึงได้มาที่นี่เพื่อหยั่งเชิงคุณ”ครั้งนี้ คำพูดของเขาไม่ได้มีขึ้นเพื่อประจบเวสลีย์เพียงเท่านั้น แต่มันเป็นเพราะว่าเขารำคาญอย่างที่สุดเมื่อเห็นเฟนด์ดูทำท่าราวกับไม่ใยดีกับอะไรในโลก ใครจะทำตัวแบบเขา? เขาคิดว่าแม้แต่ฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุดจากทั่วทั้งทวีปเฮสเทียก็คงไม่ทำตัวเหมือนไอ้บ้าเลือดร้อนที่เก่งกาจเหนือใครแบบเขา อะไรทำให้เฟนด์มีสิทธิ์อะไรทำท่าทางแบบนี้? เขาก็เป็นแค่ศิษย์ภายนอกที่เพิ่งเข้ามาใหม่เท่านั้น!อีกทั้งเขายังเข้ามาในตำหนักสองกษัตริย์ด้วยวิธีการที่ไม่ได้เป็นไปตามช่องทางปกติ ถ้าไม่ใช่เพราะสงครามกำลังจะปะทุเขาคงไม่มีสิทธิ์เข้ามาเหยียบที่นี่ จริงอยู่ที่เฟนด์ได้รับการยกย่องจากศิษย์อาวุโสลี ในเรื่องความแข็งแกร่งของเขา แต่คำชมนั่นจะมีน้ำหนักสักเท่าไหร่กันเชียว? อันที่จริง เขาก็คงเหนือกว่าพวกเศษสวะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่สมควรที่จะได้ร
ท้ายที่สุดเฟนด์ได้เตรียมใจพร้อมสำหรับข่าวซุบซิบทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อการปรากฏตัวของเขาเป็นที่รู้กันในสนามประลองเดิมพันเช่นนี้ ถึงจะนั้นบรู๊คก็ไม่อาจทานทนต่อสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเขา เนื่องจากเวสลีย์และพรรคพวกของเขาเอาแต่มองมาทางนี้ไม่หยุดบรู๊คถอนหายใจและกระซิบกับเฟนด์ว่า “ศิษย์พี่เฟนด์ระวังตัวด้วย คนพวกนั้นดูเหมือนจะมองเราด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไร ผมพนันได้เลยว่าเวสลีย์คงมีแผนร้ายอะไรอยู่ในใจเมื่อถึงคราวที่คุณกับเขาต้องประลองฝีมือกัน”เขามั่นใจเลยว่าเว้นเพียงการการฆ่าเฟนด์ เวสลีย์จะทำทุกอย่างและทำอย่างที่พูดแน่ เฟนด์ได้แต่พยักหน้า เขาก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน บรู๊คพบว่าเฟนด์ค่อนข้างสงบอย่างประหลาด แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเฟนด์มีพลังพิเศษ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเอาชนะการประลองกับเวสลีย์ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการแข่งขันเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกหลังจากเข้าร่วมตำหนักได้เพียงครึ่งปี พลังยุทธและพรสวรรค์ของเวสลีย์เป็นสิ่งที่บรู๊คใฝ่ฝันมากที่สุด“ทำไมคุณดูไม่กังวลเลยล่ะ?” บรู๊คถามเมื่อเขาเห็นว่าเฟนด์ยังคงจ้องมองไปที่เวทีด้วยท่าทีเมินเฉย และกำลังร