ชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมยิ้มและพูดว่า “ศิษย์พี่เวสลีย์ ผมตามหาคุณไปทั่วเลย! เด็กรับใช้บอกว่าคุณไปยังหอทักษะศิลปยุทธและหอทักษะยุทธ ผมเสียเวลาไปถามคนนู้นคนนี้ไปทั่ว กว่าจะเจอคนที่รู้ว่าคุณมายังหอสัตตะฤกษ์แล้ว”เวสลีย์เลิกคิ้วและไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขาด้วยซ้ำ "ไม่มีปัญหาอะไร? ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ตอนนี้ฉันยุ่งมาก อย่าเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาโยนใส่หัวฉัน!” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมไม่ได้สนใจน้ำเสียงของเวสลีย์ ราวกับว่าน้ำเสียงของเขาไม่ได้ลดความปรารถนาที่เขาจะทำให้อีกฝ่ายพอใจเลยแม้แต่น้อย “คนขอให้ผมจับตาดูเฟนด์วู๊ด และตอนนี้ผมก็มาเพื่อที่จะรายงานว่าเขาไปที่หอเจตสิกแล้ว!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวสลีย์ขยับคอขึ้นลงแก้เมื่อย “นี่นายพูดว่าเฟนด์ไปที่หอเจตสิกงั้นเหรอ? เขาไม่ได้ไปที่หอทักษะศิลปยุทธและหอทักษะยุทธเพื่อแลกทักษะยุทธหรือทักษะศิลปยุทธด้วยคะแนนห้าสิบแต้มอย่างนั้นหรือ? เขาไปทำอะไรในหอเจตสิกล่ะ? เขาวางแผนที่จะบ่มเพาะจิตวิญญาณของตัวเองงั้นเหรอ?”เวสลีย์พบว่านี่เป็นเรื่องน่าขำ และชายผู้มีตาสามเหลี่ยมก็พยักหน้ารับ “เขาไปที่หอเจตสิกไม่ผิดแน่ และจากสิ่งที่ผมได้ยินมา
แต่เฟนด์กลับมุ่งไปยังสถานที่ที่จะทำให้เขาสามารถเพิ่มระดับทักษะของตัวเองได้เร็วขึ้น! มีเพียงศิษย์ที่อยู่ในตำหนักสองกษัตริย์นานพอเท่านั้นถึงจะทำเช่นนั้นได้ เวสลีย์เย้ยหยันและพูดว่า “อืม เพราะอาจจะกำลังแสดงละครอยู่ก็ได้ เขาควรได้รับเกียรติที่เขาจะได้ยืนอยู่ในสนามประลองเดียวกับฉัน…”ในขณะเดียวกัน เฟนด์ก็ใกล้จะถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด การรวบรวมดาบวิญญาณสามเล่มไม่ง่ายเหมือนกับการเดินเล่นในสวนสาธารณะเลยสักนิด ในแง่หนึ่ง เขาต้องอดทนต่อคลื่นพลังวิญญาณ อีกแง่ เขายังต้องร่ายเคล็ดวิชาผ่าห้วงสุญญะเพื่อรวบรวมดาบวิญญาณทั้งสามเข้าด้วยกัน ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งหนึ่งว่าเหตุใดหอเจตสิกจึงสามารถเร่งการปรับระดับทักษะธาตุวิญญาณได้ ซึ่งเปรียบได้กับการเพิ่มระดับอาวุธหรือทักษะยุทธต่าง ๆ กับการแกะสลักหยกในช่วงเริ่มต้นของการบ่มเพาะ ก็เปรียบเสมือนกับชิ้นหยกดิบที่ยังไม่ได้เจียระไน และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องนั้นเทียบเท่ากับเจียระไนและแกะสลักหยกดิบอย่างต่อเนื่อง คลื่นกระแทกวิญญาณนั้นก็เปรียบเสมือนสิ่วที่ช่วยให้ผู้บ่มเพาะแกะสลักหยกดิบได้เร็วขึ้น แต่กระบวนการนี้อาจค่อนข้างโหดร้าย และอาจทำให้ถึงตายได้ง่าย ๆ หากเกิดข้
อย่างไรก็ตามโนเอลเรียกเขาก่อนที่เขาจะเดินออกจากประตูไป “ฉันได้ยินมาว่านายจะแข่งกับเวสลีย์ในสนามประลองเดิมพันเร็ว ๆ นี้?”เฟนด์เลิกคิ้วและหันกลับไปมองที่โนเอล เขาแน่ใจว่าโนเอลเอ่ยขึ้นเพราะอยากจะถาม เพราะศิษย์เกือบทั้งหมดของที่นี่รู้เรื่องนี้ดี เขารู้ด้วยว่าศิษย์คนอื่น ๆ ถือว่าข่าวนี้เป็นเป็นหัวข้อสนทนาและเรื่องน่าหัวเราะหลังอาหารเย็น ดังนั้นเขาจึงไม่ตอบ แต่รอให้อีกฝ่ายพูดต่อไปโนเอลเม้มริมฝีปากของเขาและพูดว่า “ตอนนี้นายคงขาดคะแนนสะสมอยู่ และดูเหมือนว่านายตั้งใจที่จะมาที่หอเจตสิกอีกครั้ง”เฟนด์พยักหน้า เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว หากเงื่อนไขอนุญาต เขายินดีที่จะอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ ให้ตายเถอะ คลื่นกระแทกวิญญาณนั่น! เขารู้สึกได้ว่าพลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย และแม้ว่าเขาจะไม่เห็นเวสลีย์เป็นคู่แข่ง แต่เขาก็ต้องระมัดระวังเพราะเขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะเขาได้โนเอลกระแอมไอเบา ๆ และดูเหมือนจะเขินอายกับสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไป แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยืดตัวขึ้นและพูดว่า “นายรู้ไหมว่าศิษย์ภายนอกที่เข้ามาใหม่จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?”ไม่ เฟนด์ไม่รู้ เขาเก็บ
เมื่อเฟนด์กลับมาที่ห้อง เขาก็ส่งบรู๊คไปแลกคะแนนที่หอสัตตะฤกษ์ทันที หน้าที่ของศิษย์นอกสำนักคือการทำธุระให้ศิษย์ทั้งภายนอกและภายใน และบรู๊คก็ถือเป็นผู้ช่ำชองในเรื่องเหล่านี้ เขารีบไปที่หอสัตตะฤกษ์พร้อมกับป้ายหยกประจำตัวของเฟนด์และผลึกวิญญาณ เฟนด์ทำได้เพียงแค่รอจนกว่าเขาจะกลับมาเฟนด์สามารถไปแลกเปลี่ยนด้วยตัวเองได้ แต่เขาไม่ชอบที่ที่มีคนพลุกพล่าน นอกจากนี้ เขาค่อนข้างมีชื่อเสียงในหมู่ศิษย์ภายนอกด้วยกัน และเป็นการดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการโต้เถียงกับเวสลีย์ เขารู้ว่าเวสลีย์จะไม่มีวันละทิ้งโอกาสที่จะได้พูดจาเหน็บแนมเขา และเขาก็ไม่อยากเสียเวลาไปกับคนแบบนี้ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาบรู๊คก็กลับมา และคืนป้ายหยกประจำตัวให้เฟนด์ซึ่งมีคะแนนสะสมเพิ่มขึ้นมาห้าสิบแต้ม เขามองไปที่เฟนด์ด้วยสีหน้าเป็นนัยว่าเขามีเรื่องจะบอกเขา แต่ไม่รู้ว่าควรจะบอกดีไหมเฟนด์เลิกคิ้วขึ้น เขาเชิญบรู๊คเข้าไปในห้องและรินชาให้เขา “มีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ คุณประสบปัญหาบางอย่างระหว่างทำธุระให้ผมงั้นเหรอ? หรือมีใครรังแกคุณหรือเปล่า?”บรู๊คส่ายหน้าและรับชาจากเฟนด์ “ผมไม่ได้ถูกใครรังแก ผมอยู่ในตำหนักมาหลายปีแล้ว และแม้ว่าศิษย์ภายในแ
“ผู้ช่วยที่รับผิดชอบการส่งงานคือผู้ช่วยเฟลมมิ่ง และเขาทำงานให้กลับผู้ดูแลแอมโบรส เข้าส่ายหน้าทันทีที่ได้ยินว่าผมไปที่นั่นเพื่อแลกเปลี่ยนผลึกวิญญาณระดับต่ำห้าร้อยชิ้นเป็นคะแนนสะสม เขาบอกว่าสิทธิประโยชน์นี้ไม่ครอบคลุมกับศิษย์ภายนอกที่พึ่งเข้ามาใหม่รอบนี้ และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาพูดแบบนั้น” บรู๊คกล่าวเฟนด์ขมวดคิ้ว เขานึกถึงสิ่งที่โนเอลเคยพูดกับเขาก่อนหน้านี้และยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น บางทีโนเอลอาจกำลังพยายามบอกเขาว่าตำหนักสองกษัตริย์กำลังปฏิบัติต่อศิษย์ภายนอกที่เข้ามาใหม่กลุ่มนี้แตกต่างจากศิษย์ภายนอกกลุ่มที่เข้ามาก่อนหน้านี้ทั้งหมด ประกอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคะแนนสะสมเฟนด์ได้แต่บอกกับตัวเองว่านับจากนี้ไปเขาควรจะระมัดระวังให้มากขึ้นเป็นไปได้ไหมว่าแม้แต่ฝ่ายบริหารก็จงใจดูแคลนศิษย์ภายนอกกลุ่มใหม่? หากเป็นกรณีนี้ ก็ไม่น่าแปลกใจที่เหล่าศิษย์รุ่นเก่าจะดูถูกเหล่าศิษย์ภายนอกกลุ่มใหม่เสียเหลือเกิน อย่างไรก็ตามเฟนด์ไม่คิดว่าเป็นเพราะเหตุนี้ ท้ายที่สุดแล้วตำหนักสองกษัตริย์ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นสำนักอันดับหนึ่งในรัฐเวสต์ เซอร์ซีอีกด้วย พฤติกรรมเช่นนี้จะทำให้เห
เฟนด์หัวเราะเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผมไม่คิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะหรอก แต่ถ้าว่าด้วยทักษะการบ่มเพาะธาตุวิญญาณผมก็ถือว่าตัวเองพอมีโชคอยู่บ้าง”โนเอลส่ายหน้าและใบหน้าของเขามีความเศร้าปนอยู่เล็กน้อยราวกับว่าเขาได้รับความเจ็บปวดจากคำพูดของเฟนด์เป็นอย่างมาก เขาใช้คางชี้ไปที่ประตูเรียงเนตร ทำให้แน่ชัดว่าเขาไม่ต้องการพูดกับเฟนด์อีกต่อไป เฟนด์หัวเราะเบา ๆ อีกครั้งและก้าวเท้าเข้าประตูไป ก่อนที่เขาจะมาที่นี่ เขายังนึกสงสัยว่าตัวเองควรจะเพิ่มระดับความยากขึ้นหรือเปล่า แต่หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ทำเช่นนั้น เขายังต้องหาหนทางให้ตัวเองปรับตัวเข้ากับความยากระดับสี่ให้ได้อย่างเต็มที่เสียก่อน และถ้าเขารีบเพิ่มระดับความยาก มันจะยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้กับตัวเองอย่างแน่นอน ผลกระทบที่หนักหนาเกินไปจากคลื่นกระแทกวิญญาณจะส่งผลเสียกับเขาหลังจากประตูเรียงเนตรถูกเปิดใช้งาน คลื่นกระแทกวิญญาณก็ถาโถมเต็มห้องอีกครั้ง เฟนด์หลับตาและทำการอัญเชิญด้วยมือทั้งสองข้าง ดาบวิญญาณสีดำสองเล่มลอยขึ้นและตกลงในมือของเขาทันที ครั้งนี้เป้าหมายของเขาคือการควบรวมดาบวิญญาณเล่มที่สามให้ได้ภายในห้าวัน แ
โนเอลไม่สงสัยในทักษะของเฟนด์เลยแม้แต่น้อย หลังจากได้เห็นเขาเผชิญกับความยากของประตูเรียงเนตรระดับสี่ในห้าวันแรกของเขา แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับผลกระทบทางวิญญาณและร่างกายไม่น้อย โนเอลรีบเดินไปรับเขาก่อนที่เขาจะล้มลง เฟนด์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ ว่า "ไม่ต้องห่วงเรื่องผมหรอก ผมไม่ได้บาดเจ็บ เพียงแต่ผมได้ใช้พลังวิญญาณและพลังงานที่แท้จริงของตัวเองไปจนหมดแล้ว”โนเอลเลิกคิ้วและใช้นิ้วกดจุดเส้นลมปราณของเฟนด์เบา ๆ และเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ พลังในเส้นลมปราณของเฟนด์ถูกใช้ไปจนหมด และเหลือพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้เขายิ่งพูดไม่ออก“นายเข้าไปทำอะไรข้างใน ถึงได้ใช้พลังงานที่แท้จริงและพลังวิญญาณของตัวเองจนเกลี้ยงแบบนี้?” โนเอลถามเฟนด์หัวเราะเบา ๆ และบอกความจริงกับเขา “ผมทะลวงผ่านจุดคอขวดไปได้แล้ว ก็แค่นั้นแหละ”เมื่อถึงตอนนี้ โนเอลก็เลิกคิ้วขึ้นทันที “ต้องยอมรับเลยว่านายมีทั้งพรสวรรค์และความกล้าหาญสูงมาก คลื่นกระแทกวิญญาณสำหรับความยากระดับสี่ในประตูเรียงเนตรก็รุนแรงขนาดที่ฆ่าใครก็ได้ด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้นนายก็รอดมาได้หลังจากทะลวงผ่านจุดคอขวด ถ้าเป็นคนอ
แนชตบไหล่เฟนด์และพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดเล็กน้อยว่า “ลูกควรพักผ่อนให้มากกว่านี้และทำอะไรให้ช้าลงสักหน่อย ยังมีเวลาเหลืออีกสองสัปดาห์ ลูกจะล้มไม่เป็นท่า ถ้าเข้มงวดกับตัวเองมากเกินไป”เฟนด์พยักหน้าและรู้ว่าพ่อของเขาพูดเช่นนี้เพียงเพราะเป็นห่วง “อย่ากังวลไปเลยพ่อ ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ จริงอยู่ที่เวสลีย์เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามแต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากอะไร เขาก็เป็นแค่แรงจูงใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการบ่มเพาะตัวเองอย่างหนักของผม แต่แรงจูงใจที่สำคัญที่สุดของผม คือการที่ผมอาจถูกส่งไปยังแนวหน้าเมื่อสงครามปะทุขึ้น หากผมพัฒนาระดับการบ่มเพาะได้ ผมคงนอนหลับได้อย่างสบายใจ อีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมไม่อาจสลัดความคิดที่ว่าตำหนักสองกษัตริย์กำลังมีแผนร้ายอะไรที่จะใช้กับศิษย์ภายนอกที่เข้ามาใหม่อย่างเราไม่ได้เลย”เฟนด์มีเหตุผลที่ดีพอที่จะรู้สึกแบบนั้น หนึ่งคือนัยยะของโนเอล และสองคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับการแลกเปลี่ยนคะแนนสะสม ยิ่งไปกว่านั้นเฟนด์ก็ตระหนักดีว่าตำแหน่งของเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรใน ตำหนักได้ และเขาควรให้ความสำคัญกับการหาวิธีป้องกันตัวเองด้วยเพิ่มระดับการบ่มเพาะเพื่อที่เขาจะได้คู