เฟนด์ไม่คิดว่าเซเลน่าจะพูดแบบนี้ในช่วงเวลานี้เฟนด์มองลูกสาวที่กําลังนอนหลับอยู่บนเตียงแล้วพยักหน้าว่า "แน่นอน ผมอยากจูบคุณ!"เซเลน่าหน้าแดง ตอนที่เซเลน่าเดินไปที่เฟนด์ แล้วเธอก็พูดว่า "ถ้าคุณบอกความจริงกับฉัน ฉันจะยอมให้คุณจูบฉัน!""คุณแน่ใจหรือ? ถ้าผมบอกความจริงกับคุณ คุณจะให้ผมจูบคุณ?"เฟนด์ขมวดคิ้ว เขาคิดว่ามันซับซ้อนกว่าที่เห็น"แน่นอน ฉันไม่เคยผิดสัญญา"เซเลน่า สาบาน"เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกความจริงกับคุณ!"เฟนด์ยกมือขึ้นสาบาน"แล้วบอกฉันตามตรงว่าสาวสวมหน้ากากคนนั้นเป็นเทพีแห่งสงครามจริงหรือ?"เซเลน่าถามเฟนด์พยักหน้า "แน่นอนเธอคือลาน่า เทพีแห่งสงครามเพียงหนึ่งเดียว เป็นเรื่องจริง!""เธอเป็นเพื่อนกับคุณจริง ๆ หรือ อย่าโกหกฉันนะ!"เซเลน่ามองเฟนด์ ราวกับว่าเธออยากจะรู้ทุกอย่างเฟนด์ยิ้มอย่างรู้สึกผิดว่า "โอเค ผมเคยโกหก จริง ๆ แล้วเธอไม่ใช่เพื่อนผม!"เซเลน่าฟังเขา หน้าซีดลง เธอไม่ใช่เพื่อนของหล่อน เธอรวยมาก เฟนด์กลายเป็นเด็กเลี้ยงของหล่อนจริง ๆ เขาถึงเงินได้สี่สิบล้านเหรียญจริงหรือเปล่า?"ฉันรู้แล้วว่าคุณโกหก!"เซเลน่ารู้สึกเจ็บ ตาแดงขึ้น"ผมขอโทษ ผมแค่ต้องการอย
"อื้ออ!"เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็มีคนก้มหัวลงแล้วจูบปากแดง ๆ ของเธอซะแล้วเซเลน่าตาเบิกกว้างขึ้นทันที เธอตกใจเธอไม่เคยคิดเลยว่าเฟนด์จะกล้ามากขนาดนี้ เขากล้าที่จะจูบเธอแบบนั้นหัวใจของเธอเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ เข่าของเธอรู้สึกไร้เรี่ยวแรง!เธอผลักเฟนด์ออกทันทีเมื่อตั้งสติได้ แล้วเธอก็พูดว่า "คนสารเลว คุณจูบฉันแบบนั้นได้ยังไง... ฉันไม่ควรให้คุณนอนห้องเดียวกับฉัน!""คุณสัญญาเมื่อกี้นี้ ตอนนี้ผมบอกความจริงกับคุณแล้ว คุณต้องรักษาคําพูด!"เฟนด์เลียริมฝีปากแล้วเดินกลับไปที่นอนของเขา เขานอนลงและลิ้มรสความรู้สึกนั้นว่า "ผมตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไม่แปรงฟันแล้ว คืนนี้ผมจะฝันหวานอย่างแน่นอน!"เซเลน่าโกรธมาก เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เฟนด์จะเป็นคนพาลแบบนี้เช้าวันรุ่งขึ้น เซเลน่ากับเฟนด์หยุดงานกันทั้งคู่ ทั้งคู่กําลังเตรียมส่งตัวไคลี ไปเข้าโรงเรียนอนุบาลของเธอความโกรธของเซเลน่าจางหายไปในคืนเดียว พวกเขาแต่งตัวกันเต็มยศ เดินไปเดินมาตามท้องถนน ดูราวกับภาพสวยงามในฉากภาพยนตร์"ขอบอกนะคะว่า อีกยี่สิบสี่วันจะถึงวันเกิดของคุณปู่ คุณเตรียมของขวัญไว้หรือยังคะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาของขวัญมูลค่าหล
เซเลน่ามีสีหน้าหม่นลงเมื่อได้ยินสิ่งที่ราเชลพูดเป็นความบังเอิญที่น่ายินดีที่ได้พบเพื่อนนักเรียนเก่าที่นี่ แต่เธอไม่คิดว่าหล่อนจะดูถูกเธอราเชลรู้จักและแต่งงานกับคนรวยในระยะเวลาสองปี หลังจากเรียนจบได้ไม่นาน เธอก็ตั้งท้องและมีลูกทั้งนี้ ลูกชายของเธออายุได้หกขวบ และกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลที่นี่"ค่าเล่าเรียนที่นี่เท่าไหร่?"เซเลน่าไม่แน่ใจเรื่องค่าเล่าเรียน เธอได้ยินแค่ว่า ที่นี่เป็นโรงเรียนอนุบาลดีที่สุด"ฮ่า ๆ รวมถึงค่าครองชีพอะไรทั้งหมด ต้องใช้เงินอย่างน้อยปีละแสนสองหมื่นเหรียญ เธอมีเงินพอรึเปล่า?"ราเชลหัวเราะเยาะและพูดว่า "เซเลน่า เธอคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในชั้นเรียนของเรา มีข่าวลือว่าคุณเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยเหมือนกัน ทุกคนในห้องของเราก็ต่างอิจฉาเธอ!"ราเชลหยุดอยู่พักหนึ่งหลังจากพูดจบ จากนั้นเธอเล่าต่อว่า "แย่จัง สามีฉันบอกว่า เธอแต่งงานกับคนส่งของ เขาถูกส่งเข้ากองทัพในวันรุ่งขึ้นของการแต่งงาน? เขาไม่ได้กลับมาห้าปีแล้ว พนันได้เลยว่าตอนนี้เขาต้องตายในสนามรบไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวของเธอยังถูกขับไล่เธอออกมาจากตระกูล เพราะเธอตั้งท้องด้วย ว้า ชีวิตช่างน่าเศร้า
เซเลน่ากลุ้มใจเธอไม่เคยคิดเลยว่าหลายปีผ่านไป ราเชลจะกลายเป็นพวกวัตถุนิยม"ไปกันเถอะ!" เฟนด์ยิ้มและบอกในขณะที่เขาเดินมาหาอย่างรวดเร็ว"เงินไม่พอ ฉันเพิ่งเจอเพื่อนสมัยเรียน ลูกชายของเธอก็เรียนที่โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้เช่นกัน เธอบอกฉันว่าค่าธรรมเนียมรายปีคือ หนึ่งแสนสองหมื่นเหรียญ! ฉันขาดไปอีกสองหมื่นเหรียญ!เซเลน่าขมวดคิ้วว่า "ฉันไม่รู้ว่าพ่อกับแม่ เอาเงินไปฝากหมดรึยัง ไม่อย่างนั้นถ้าเสร็จแล้วฉันจะให้พวกเขาโอนเงินสองหมื่นมาให้ฉัน!” "ไปกันเถอะ! เดี๋ยวผมใช้บัตรของผมรูดเอง!"เฟนด์เห็นเซเลน่าขมวดคิ้ว ก็อดไม่ได้ที่จะกุมมือเธอและดึงเธอเข้ามา“อ่า!”เมื่อเซเลน่ารู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เฟนด์ก็ดึงเธอไปไกลแล้วเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่จับมือกันแบบนี้ ทําให้เธอแก้มแดงระเรื่อมืออีกข้างของเฟนด์กุมมืออ้วนท้วมของไคลีเอาไว้เมื่อเข้ามาในโรงเรียนอนุบาล เซเลน่ารู้สึกอายมาก และพยานามดิ้นรนจนหลุดเฟนด์ก็หยุดเหมือนกัน เขาก้มลงมองดูไคลีแล้วถามว่า "ไคลี หนูอยากเรียนที่นี่ไหม? ถ้าหนูเรียนที่นี่ หนูจะมีของเล่นและเพื่อน ๆ เล่นกับหนูมากมาย ในอนาคตพ่อกับแม่จะมารับหนูตอนที่เราว่าง ถ้าเรายุ่ง ป้าชาวน่าจะเป็
"สารเลว นายเป็นใครกัน? ฉันกําลังคุยกับเพื่อนนักเรียนอยู่ มันไม่ใช่ที่นายจะเข้ามายุ่ง!”หญิงสาววัยกลางคนคนนั้นโกรธมากอย่างไรก็ตาม เธอหัวเราะออกมาทันที พร้อมกับโวยวายอย่างไม่สนใจผู้อื่น “โอ้ว พระเจ้า เซเลน่า คนนี้เป็นผู้ชายของเธอหรือเปล่า? ไม่ใช่แค่ดูยากจน แต่เขายังดูขาดการอบรมสั่งสอน ทั้งหยาบคายและดูต่ำต้อย เขาช่างมีคุณสมบัติที่คนยากจนมีจนครบจริง ๆ ช่างน่าแปลกใจมาก!”"ฮะ! ใครบอกคุณว่าผมจนกัน?"เฟนด์หัวเราะแล้วหยิบบัตรเอทีเอ็มยื่นให้ผู้ช่วยผู้อํานวยการโรงเรียนอนุบาลที่ดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย "ขอโทษนะครับ ครูคนสวย ผมขอจ่ายด้วยบัตรเครดิต ไม่ต้องใช้รหัสผ่าน!""ชู่...ชู่...ชู่ว... เธอไปยืมเงินแสนสองหมื่นเหรียญเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ? มันต้องยากแน่ ๆ! ฉันเชื่อว่าเธอใช้ทุกวิธีเพื่อให้ได้มันมา!" ราเชลยิ้มอีกครั้ง"นั่นเป็นแค่เงินแสนสองหมื่นเหรียญเท่านั้นเอง ทําไมผมต้องไปยืมด้วย"เฟนด์รู้สึกงงมาก เธอนั้นเย่อหยิ่งเกินไป“ฮือ! ฮือออ!”ทั้งนี้ ลูกชายของหญิงวัยกลางคนคนนั้นเริ่มร้องไห้"เกิดอะไรขึ้น ที่รักของแม่? ทําไมถึงล้มลงกับพื้น?"เมื่อมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น ใจของเธอก็รู้สึก เธอไม่อยากยุ่งกั
ไคลีร้องไห้ในขณะที่เธอกำลังอธิบายเซเลน่าลูบหัวไคลีอย่างแผ่วเบา "เด็กดี อย่าร้องไห้นะคะ ไม่ร้องไห้นะ!"หลังจากปลอบใจไคลีแล้ว เซเลน่าก็ลุกขึ้น ใบหน้าของเธอดูเยือกเย็นในชั่วพริบตา "ราเชล ลินด์เซย์ เธอไปไกลเกินไปแล้ว! ลูกเธอล้มเอง และเธอจะมาโทษลูกสาวฉันเหรอ? นอกจากนี้ ไคลีไม่ใช่เด็กสวะ ไม่ใช่เด็กไม่มีพ่อ เธอมีพ่อ!”"เธอเป็นเด็กนอกคอก เป็นเด็กไม่มีพ่อ แม่บอกอย่างนั้น เด็กที่ไม่มีพ่อคือเด็กสวะ!”"พ่อของเธอตายในสงคราม ถ้าเธอไม่ใช่ลูกของไอ้สวะ แล้วจะเป็นอะไร?"ลูกชายของราเชลไม่ยอมฟัง เขาเริ่มตะโกนโหวกเหวก"ใครบอกว่าเธอไม่มีพ่อ? เขาเป็นพ่อของเธอ เขาเพิ่งกลับมาจากสงคราม"นี่เป็นครั้งแรกที่เฟนด์เห็นเซเลน่าอาละวาดแบบนี้ ลูกสาวคือโลกทั้งใบของเธอ เธอสามารถทนอดทนต่อการทะเลาะเบาะแว้งเล็ก ๆ ระหว่างเด็ก ๆ ได้ แต่เมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ที่ผลักไคลีอย่างไม่มีเหตุผล นั่นทำให้เธอไม่สามารถทนได้"ใครจะไปรู้ว่าลูกสาวเธอโกหกหรือเปล่า อีกอย่างฉันจะรู้ได้ไงว่าเขาเป็นพ่อแท้ ๆ ของลูกสาวเธอ"แม้ว่าราเชลจะรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงยืนหยัดต่อไป แม้ว่าเธอจะทำผิดก็ตาม"เธอต้องขอโทษลูกสาวฉันทันที ไม่งั้นฉั
“อ๊ากก!”ดีแลนรู้สึกว่ากระดูกของตัวเองเกือบแตก และส่งเสียงร้องอันน่ารังเกียจออกมา ความเจ็บปวดนี้ทําให้เส้นเลือดดําที่หน้าผากของเขาพุ่งโผล่ออกมา ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น“ไอ้ลูกหมา! แกรู้ไหมฉันเป็นใคร? ฉันเป็นผู้จัดการโรงงาน มีลูกน้องเป็นพันกว่าคน แกกล้าทำร้ายฉันเหรอ?" เขากัดฟันตะคอกใส่เฟนด์“คุณผู้ปกครอง ได้โปรดอย่าทะเลาะกันเลย เราค่อย ๆ คุยกันดี ๆ นะคะ!”ทั้งครูและครูใหญ่ของโรงเรียนอนุบาลต่างตกใจไปตาม ๆ กัน พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดการทะเลาะวิวาทกันในวันลงทะเบียน"ผู้จัดการโรงงาน? ฉันไม่สนว่าแกจะเป็นผู้จัดการคนไหน และฉันจะไม่ยอมให้แกรังแกลูกสาวและเมียของฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะโทรไปสั่งปิดโรงงานของแก!” เฟนด์หัวเราะเกอนเข้าไปผลักเขาดีแลนดูรูปร่างใหญ่ แต่ค่อยข้างอ่อนแอ เฟนด์ไม่ได้ใช้แรงมากนัก แต่สุดท้ายเขาก็ล้มฟุบลงไปนอนหงายกับพื้น"โอ๊ย!"ดีแลนร้อง จากนั้นเขาพยายามประคับประคองตัวเองลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก และนวดบริเวณบั้นท้ายของเขา"คุณมันไร้ค่า คุณจะมาแพ้ให้กับคนผอมขี้โรคแบบนี้ได้ยังไง!"เมื่อเห็นสามีตัวเองพึ่งพาไม่ได้ ราเชลยิ่งรู้สึกหงุดหงิด"ฮึ เจ้าหนู แกกล้ารอฉันอยู่ที่น
"โอ้ ฉันกล้าอยู่แล้ว แต่ทําไมฉันต้องรอแกพาคนมาตีฉัน"เฟนด์หัวเราะ และตอบตรง ๆ"หึ แกก็แค่กลัว แล้วกำลังจะหนี ถ้าแกไม่กลัว แกจะหนีไปทำไม?”ดีแลนไม่เชื่อ เอามือขวางประตูไว้"แกคิดว่าผมอยากไปรึเปล่า? เพราะเมียของฉันต้องการให้ฉันไป มันยากที่จะมีเวลาพาเมียและลูกไปช้อปปิ้ง ฉันจะมาเสียเวลากับคนอย่างแกเพื่ออะไร”เฟนด์ยักไหล่ อย่างไม่สนใจคนตัวอ้วนที่อยู่ตรงหน้าเลยสักนิดอย่างไรก็ตาม จังหวะนั้น รถตู้หลายคันแล่นผ่านหน้าประตูโรงเรียนอนุบาล และมาหยุดจอดที่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาลเมื่อเห็นหน้าลูกน้องของเขามาถึง สีหน้าของดีแลนกลายเป็นความปลื้มปริ่ม "ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ ไอ้หนู สายไปแล้ว คนของฉันมาถึงแล้ว!""สุดยอดมาก!"ราเชลเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งไปหาผู้ชายของเธอทันที และพูดว่า "ไอ้สารเลว แกอยากให้ฉันขอโทษใช่ไหม? ถุย! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันกลัวแกก่อนหน้านี้ ฉันจะไม่มีวันขอโทษ ฉันจะบอกให้แกรู้ไว้เลย วันนี้แหละเป็นวันตายของพวกแก”เฟนด์รีบส่งไคบีให้กับเซเลน่า แล้วยิ้มให้ “เฮ้อ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องมอบความหวาดกลัวให้กับพวกแกสินะ ไม่อย่างนั้นพวกแกก็จะไม่พึงพอใจเป็นอันขาด”"เอาชนะมันให้ได้! บ้าจริง ทํายังไงก
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ