“น้องเฟนด์ ขอบคุณที่เลือกจะอยู่ต่อ ผมยังนึกว่าคุณจะเลือกไปกับตำหนักคลื่นเมฆาเสียอีก พวกเขามีพลังมากกว่าเรา แถมยังมีนักสู้ในระดับทะลวงวิญญาณมากกว่าเราเล็กน้อยอีกด้วย เจ้าตำหนักคลื่นเมฆายังอยู่ในขั้นที่สองระดับทะลวงวิญญาณอีกต่างหาก!” หลังจากที่ฝูงชนจำนวนไม่น้อยออกจากที่เกิดเหตุ ออสตินก็มองไปที่เฟนด์และกลุ่มของเขาด้วยใบหน้าที่ซาบซึ้ง ในครั้งนี้กองทัพทั้งเก้าก็เผชิญกลับการสูญเสียครั้งใหญ่ ดังนั้นเขาจึงกลัวจริง ๆ ว่าเฟนด์และคนของเขาจะตัดสินใจไปกับตำหนักคลื่นเมฆาและกองทัพทั้งเก้าจะต้องพบกับปัญหาใหญ่ หากกองกำลังภาคีส่งลูกน้องเข้ามาหาเรื่อง เฟนด์ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ผมไม่คิดว่าแลนซ์ พี่ชายของผมจะยกโทษให้ผมง่ายขนาดนั้น ตอนนี้เขาเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งของตำหนักคลื่นเมฆาผมไม่มีทางไปกับพวกเขา อีกอย่าง จู่ ๆ เราก็บุกเข้ามาที่นี่และทำให้พวกคุณตกอยู่ในอันตราย และผมก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องนั้นจริง ๆ ดังนั้น ผมจึงคิดว่ามันจะดีกว่าและฉลาดกว่าที่เราจะอยู่กับพวกคุณ และผ่านเรื่องร้าย ๆ ไปด้วยกัน!” คำพูดของเฟนด์ทำให้ออสตินรู้สึกผิดและละอายใจในตัวเองเพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาเทียบกับเผ่ากระหายเล
ออสตินคิดว่าเฟนด์กำลังโม้ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธอีกฝ่าย ออสตินกล่าวต่อว่า “เอาล่ะ น้องเฟนด์ คุณมีคนมากกว่าแสนคนอยู่ในมือ แต่พวกเขาทั้งหมดมาจากชนเผ่าและตระกูลที่แตกต่างกัน และสถานการณ์ก็คล้ายกับกองทัพทั้งเก้าไม่มีผิด กองทัพทั้งเก้าเองก็มาจากกองกำลังที่ต่างกัน อืมมม… ผมมีคำแนะนำนะ แต่ไม่แน่ใจว่าผมควรที่จะเสนอออกไปหรือเปล่า?” “อย่างนั้นเหรอ? เช่นนั้นก็บอกมาเถอะ หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่ง!” เฟนด์โค้งคำนับให้ออสตินอย่างสุภาพและพูดว่า “เนื่องจากเราตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ จึงถือว่าเราทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความภักดีของเราที่มีต่อคุณ เราไม่มีอะไรแอบแฝงและไม่มีแผนที่จะหักหลังคุณอย่างแน่นอน!” “แน่ใจนะ! เราร่วมมือกันและจะสู้ไปด้วยกัน! คนของเราจะไม่คิดร้ายอะไรกับคุณเช่นกัน! ผมเอาหัวเป็นประกัน!” ออสตินพยักหน้าแล้วเสนอความคิด “น้องเฟนด์ แนวคิดเรื่องนี้นั้นไม่ยากเลย คุณมีผู้คนมากมายจากชนเผ่าและตระกูลที่แตกต่างกัน และกองทัพทั้งเก้าก็ไม่ต่างไปจากคุณ! ทำไม…ทำไมเราไม่จับมือรวมกันเป็นกองกำลังเดียวล่ะ? เราทุกคนสามารถรวมเป็นกองกำลังเดียวกันได้! คุณคิดเห็นยังไง?" “กอง
"แน่นอน! ไม่มีปัญหา! เราเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมา เราควรได้พักและรักษาตัวในช่วงเวลานี้จริง ๆ ใช้เวลาพักผ่อนและฟื้นตัวกันเถอะ แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลายี่สิบวันก็ตาม!” หัวใจของออสตินกระโจนขึ้นด้วยความปิติ นี่เป็นโอกาสที่ดีในการรับคนเหล่านี้เข้ากลุ่มของเขาและยังสามารถควบคุมพวกเขาได้อีก เฟนด์และกลุ่มของเขาโดดเด่นในแง่ของจำนวน และสิ่งที่ดีที่สุดคือนอกจากเฟนด์แล้ว ยังมีนักสู้ในขั้นที่หกระดับเทพสูงสุดอยู่หลายคนและยังมีนักสู้ในขั้นที่ห้าของระดับเทพสูงสุดอยู่ด้วย พวกเขาไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด และทักษะยุทธของพวกเขาก็แข็งแกร่งอีกต่างหาก! นอกจากนี้ พวกเขามีคนที่อยู่ในขั้นที่หนึ่งระดับเทพสูงสุดอีกหลายคน เมื่อเขารับเฟนด์และคนของเขาแล้ว พลังการต่อสู้โดยรวมของกองกำลังจะเพิ่มขึ้นยังแน่นอน "ดี! เช่นนั้นก็เอาตามที่คุณว่า! เราจะพักกันอีกยี่สิบวัน แล้วจึงจะจัดการเลือกตั้งหลังจากนั้น!” เฟนด์ตอบด้วยรอยยิ้มที่แขวนอยู่บนใบหน้าของเขา ออสตินพูดไม่ออก เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เฟนด์ได้รับวันเพิ่มอีกห้าวัน! แต่เขาเชื่อว่า ต่อให้เขาจะให้เวลาเผื่อแก่เฟนด์ไปเป็นเวลาสามสิบวัน ตำแหน่งผู้นำก็ยังอยู่ใ
แนชก็พยักหน้าเช่นกัน “เดิมที การจัดตั้งกองกำลังใหม่ก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับเรา แต่ตอนที่เขากล่าวว่าอนาคตและการตัดสินใจทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มจะต้องถูกตัดสินโดยหัวหน้ากลุ่ม มันก็ฟังดูไม่เข้าท่านัก หากเป็นเช่นนั้น ในอนาคตหากเขากลายเป็นหัวหน้าขึ้นมา เราคงจะไม่มีโอกาสพูดอะไรเลย!”"ถูกต้อง หากอนาคตเกิดเรื่องอันตรายอะไรขึ้น คงไม่พ้นว่าเขาจะโยนให้คนของเรารับผิดชอบ อย่างไรเสียเขาก็เป็นหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งของกองทัพทั้งเก้า เขาย่อมต้องถือหางพวกเดียวกันอย่างแน่นอน!”เคนเนธก็โกรธมากเช่นกัน “ถ้าเรารู้ว่าสหายของเราคนนี้ต้องการที่จะสูบเลือดสูบเนื้อเราตั้งแต่แรก เราก็น่าจะไปกับผู้คนจากตำหนักคลื่นเมฆาแทน!”ไททัสยิ้มอย่างขมขื่น “คุณคิดน้อยเกินไปแล้ว ถึงเราจะไปกับตำหนักคลื่นเมฆาก็คงไม่ต่างกัน ตำหนักคลื่นเมฆาก็คงจะทำเช่นนั้นกับคนที่เหลือจากวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์และตำหนักนภาไม่ใช่เหรอ? ผมคิดว่าผู้คนของตำหนักคลื่นเมฆาคงไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก เพราะนายน้อยเฟนด์ไม่ได้เลือกที่จะเข้าร่วมกับกลุ่มของพวกเขา!”“เฮ้อ คนอ่อนแออย่างเราจะปริปากได้ยังไง หากเราไม่ได้ถูกตำหนักคลื่นเมฆาดูดกลืนก็ต้องเป็นกองทั
“ฮ่าฮ่า ไม่ว่าหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งจะขุ่นเคืองใจหรือไม่ ผมก็ไม่กล้ามอบโอสถให้เขาอยู่ดี!”เฟนด์หัวเราะและพูดว่า “หลังจากการเลือกตั้งจบลง ผมค่อยให้โอสถแก่เขา และแน่นอนว่าเขาจะไม่เกลียดผมอีกต่อไป นอกจากนี้ หากเขารู้ว่าผมเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสาม เขาคงจะดีใจมาก!”“นั่นก็จริง เขาจะสามารถบ่มเพราะโอสถได้อย่างรวดเร็ว ตราบใดที่ระดับพลังยุทธ์ของเขายังสูง บางทีเขาอาจจะไม่สนใจเรื่องการเป็นหัวหน้าเลยก็ได้!”ไททัสและคนอื่น ๆ พยักหน้ามีความสุขมาก"เอาล่ะ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วล่ะทุกคน เรามีทรัพยากรยุทธมากมายจากป่า เดือนนี้ทั้งเดือนเราไม่ต้องกังวลอีกแล้ว มันจะเพียงพอให้ทุกคนได้บ่มเพาะตัวเองในอีกสองหรือสามเดือนข้างหน้าด้วยซ้ำ ทุกคนควรสงบสติอารมณ์ก่อนเพื่อที่จะได้บ่มเพราะระดับพลังยุทธของตัวเอง!”เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่นและบอกทุกคนทุกคนพยักหน้า พวกเขาไม่กังวลอีกต่อไปแล้ว และพวกเขาก็ออกไปบ่มเพาะพลังยุทธของตนเองอย่างรวดเร็วในขณะนี้ ที่ที่พักของออสติน หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่ง มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันเช่นกัน“หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่ง การตัดสินใจของคุณยอดเยี่ยมมาก!”ชายชราคนห
เห็นได้ชัดว่าเมื่อโทมัสและคนอื่น ๆ ไปถึงก็สายไปเสียหน่อย พวกเขาพลาดการต่อสู้ของกองทัพทั้งเก้า เฟนด์และพรรคพวกต่อสู้กับเผ่ากระหายเลือด นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครรู้ว่าเฟนด์แข็งแกร่งเพียงใด และพวกเขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อยบนหน้าผาอีกฝั่งหนึ่ง ลิลลี่มองแลนซ์อย่างโกรธเคือง “ยังไงก็เถอะนะ แลนซ์ แม่ทำทุกอย่างเพื่อลูก อีกอย่าง แนชและคนของพวกเขาก็เป็นคนฆ่าคุณตากับคุณยายของลูก และผู้คนมากมายจากตระกูลลาโกริโอก็ถูกสมาชิกตระกูลวู๊ดสังหาร ลูกไม่เกลียดแนชและคนอื่น ๆ จริงหรือ?”แลนซ์ยิ้มอย่างเย็นชา “แม่ไม่ต้องห่วงหรอก ไม่ช้าก็เร็วผมจะฆ่าเฟนด์และแนช วันนี้ผมก็แค่ทำการแสดงให้พวกเขาดูก็เท่านั้น แม่ก็ไม่ใช่ผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเสียหน่อย แต่แนชทำเกินไป เขาทำลายระดับพลังยุทธ์ของแม่อีกต่างหาก หึ ผมว่าเขาไม่คิดว่าผมเป็นลูกชายของเขาอีกต่อไปแล้ว ในสายตาของเขา เขาคงเห็นเฟนด์เป็นลูกชายคนเดียวเท่านั้น!”ลิลลี่ดีใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เธอพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “แม่ก็คิดอยู่ว่าแค่เขาพูดแค่ไม่กี่คำทำไมลูกถึงให้อภัยเขาได้ ที่แท้ลูกก็แค่เสแสร้งต่อหน้าพวกเขา เยี่ยมไปเลย ที่นั่นมีคนอยู่มากมาย หากลูกวางแผนที่จะจัดการกับเ
“คุณไม่พูดจาแทงใจดำเราเกินไปหน่อยเหรอเฟนด์?”เอลล่าจ้องไปที่เขา แต่เธอรีบพูดเสริมในขณะที่ยิ้มว่า “ก็อย่างที่บอก ฉันดีใจจริง ๆ ที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ว่าเราไม่พยายามจะช่วย เราได้แจ้งหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งและคนอื่น ๆ เรื่องนี้แล้ว แต่เรารู้ว่ากองทัพทั้งเก้าต่อกรกับเผ่ากระหายเลือดไม่ได้ นั่นเป็นสาเหตุที่หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งไม่กล้าทำอะไร!”เอลล่ายกมือขึ้นและสาบาน “ฉันเอลล่า ลาวีนขอสาบานต่อพระเจ้าเลยว่าหัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งไม่ได้คิดที่จะเมินเฉยต่อพวกคุณทุกคน พวกเขาแค่ต้องการรอให้ตำหนักคลื่นเมฆามาถึงก่อนที่จะลงมือ แล้วคุณก็ได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วนี่ หัวหน้าป้อมปราการลำดับที่หนึ่งของเราเทียบอะไรกับเอ็ดเวิร์ด เกรย์คนนั้นไม่ได้เลยสักนิด!”"ก็ได้ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ผมไม่ได้คิดที่จะว่าคุณหรอก!”เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่าจะมีผู้คนมากมายในกองทัพทั้งเก้า แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขานั้นกลับอ่อนแอกว่าเผ่ากระหายเลือดมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคนของเขารีบไปช่วยและได้เขาช่วยฆ่าผู้อาวุโสที่มีระดับการบ่มเพาะสูงของเผ่ากระหายเลือดไปสองสามคน รวมทั้งร่วมมือกับออสตินเพื่อฆ่าเอ็ดเ
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว คุณพูดได้ไม่มีผิดเลย!”อาเธอร์อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเมื่อเห็นใบหน้าที่สวยงามของดาเนียลล่า เขาถามเฮเลน่าว่า “จริงสิ สองคนนี้เป็นน้องสาวของคุณ แล้วใครคือน้องสาวคนที่สอง? และคนที่สาม?”เฮเลน่าแนะนำพวกเขาในขณะที่ยิ้ม “นี่คือดาเนียลล่าน้องสาวคนที่สามของฉัน ข้างเธอคือวีนัส น้องสาวคนรองของฉัน”“คุณทั้งสามสวยอย่างกับนางฟ้าจริง ๆ แถมพรสวรรค์ในการต่อสู้ของพวกคุณก็ค่อนข้างดีด้วย ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าจะมีสาวสวยแบบนี้ในดินแดนรกร้าง!”เฮนดริกพูดในขณะที่ยิ้ม เขารู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสาวสวยทั้งสามคน จู่ ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีสาว ๆ สบตากันเมื่อเห็นคำพูดตรงไปตรงมาอย่างเป็นธรรมชาติของเฮนดริค และพวกเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆหลังจากนั้นไม่นาน วีนัสก็เริ่มแซวพวกเขาว่า “เอาล่ะ คุณสองคนพูดถึงคุณหนูเฮเลน่าทันทีที่อ้าปากพูด อย่าบอกนะว่าถูกใจพี่สาวฉันเพราะนิสัยของเธอ? ต้องขอบอกเลยว่าว่าตอนนี้พี่สาวคนโตของฉันยังไม่มีแฟน แล้วถ้าพวกคุณสนใจเธอแล้วล่ะก็คงต้องพยายามหนักหน่อยนะ!”“นี่เธอกำลังพูดเรื่องอะไร น้องรอง?”เฮเลน่ากลอกตามองวีนัสทันที แก้มของเ