"ที่คุณพูดมาก็ถูก มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร! พวกคุณโชคดีมาก! ไม่มีใครสามารถค้นพบสถานที่นี้มาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีใครเคยเข้ามาที่นี่! เมื่อก่อนเคยมีผู้คนจำนวนมากคอยปกป้องสถานที่แห่งนี้ไว้ แต่ต่อมาก็ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ เคยมีนักสู้ที่แข็งแกร่งของระดับทะลวงวิญญาณเฝ้าทางเข้าอยู่ด้วย!” เด็กสาวหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อ “แต่พอผ่านไปหลายปี หลังจากที่ตระหนักว่าไม่มีใครสามารถหาทางเข้ามาที่นี่ได้ ก็ไม่มีใครสนใจที่จะปกป้องมันอีกต่อไป! ดังนั้น ผู้ที่ถูกส่งไปเฝ้าทางเข้ามักจะเป็นผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำ คุณโชคดีในแง่นี้ ไม่เช่นนั้น คุณคงตายตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาที่นี่! อีกอย่างเป็นเพราะไม่มีใครคอยดูแล ทางเข้าก็ไม่ได้รับการดูแลอย่างดี ดังนั้นเมื่อคุณเข้ามา คุณจึงไม่ได้เข้ามาจากทางด้านบนสุดของเนินเขา แต่กลับมาเข้าจากทางด้านล่างแทน ตำแหน่งของทางเข้าเปลี่ยนไปแล้ว!” "เห็นด้วย อืม วันนั้นเราโชคดีจริง ๆ! หากเป็นในอดีต ผู้พิทักษ์ทางเข้าเป็นผู้ที่อยู่ในระดับทะลวงวิญญาณ พวกเราจะตายทันทีที่ไปปรากฏตัวอยู่บนยอดเขา!” ฝูงชนอ้าปากค้างกับข้อมูลที่เพิ่งได้รับการแบ่งปันโดยหญิงสาว หัวใจของพวกเขาเต้นแรงและสั่นสะท้านอ
"ใช่ ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ จะเป็นเช่นไร เฮ้อ! ถ้าพวกเขาเจอคนของกองกำลังภาคีพวกเขาจะต้องเดือดร้อนแน่!” แนชขมวดคิ้วขณะที่เขาพูด หัวใจของเขาหนักอึ้ง ทั้งยูลและลิซซี่ ลูกสาวสุดที่รักและภรรยาคนที่สองของเขาก็ติดตามเขามาที่นี่ด้วย หากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับพวกเขา เขาจะต้องเจ็บปวดอย่างมากแน่นอน “หึหึ อย่าเพิ่งกังวลเรื่องนี้ไป ตอนนี้พวกเขาน่าจะยังปลอดภัยอยู่ เพราะคนของกองกำลังภาคีก็ไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มาที่นี่เพื่อหาของล้ำค่า นี่เป็นเพราะพื้นที่นี้เป็นของกองทัพทั้งเก้า!” หญิงสาวผู้สวมชุดสีม่วงยิ้มและแนะนำ “และกองทัพทั้งเก้ากำลังปฏิบัติหน้าที่ภายใต้คติพจน์ 'กองกำลังปฏิภาคี' คุณน่าจะรู้นะว่ามันหมายถึงอะไร?” “กองกำลังปฏิภาคี?” แนชและคนอื่น ๆ ผงะกับคำพูดของเธอ จากนั้นจิตใจของพวกเขาก็เบิกบานอีกครั้ง เฟนด์รู้สึกยินดีกับสถานการณ์นี้เช่นกัน “งั้นก็หมายความว่ายังมีคนบางส่วนที่ไม่เกลียดคนนอกอย่างเราอยู่งั้นเหรอ?” เขาถามอย่างระมัดระวัง หญิงสาวผงกหัวและเสริมว่า “แน่นอน! ผู้ที่นับถือแนวคิดกองกำลังปฏิภาคีมักชอบในความธรรมดาของโลก นั่นหมายความว่าหากมีคนพบสถานที่นี้และเ
“อืม…ถ้าอย่างนั้น…” ระหว่างคิ้วของเอลล่าขมวดเข้าหากัน หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ฉันจะแกล้งทำเป็นว่าวันนี้ไม่ได้พบกับพวกคุณเลย กองทัพทั้งเก้าจะประกอบด้วยป้อมปราการเก้าแห่ง และมีบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับเรา แม้ว่าเราจะเป็นสมาชิกของกองกำลังปฏิภาคีแต่ความจริงแล้วเราไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ป้อมปราการทั้งหมดมีเส้นทางและความต้องการของตนเอง ดังนั้นฉันขอแนะนำว่าหากไม่จวนตัวจริง ๆ ก็อย่าเข้าไปในป้อมปราการใด ๆ” เอลล่าจ้องมองไปที่เฟนด์และสัญลักษณ์ที่เอวของพวกเขา “ความจริงแล้ว มันง่ายมากที่จะแยกแยะได้ว่าคุณมาจากโลกภายนอกหรือเปล่า เช่นแผ่นป้ายที่ห้อยเอวพวกนี้ ในที่นี้ไม่ว่าจะเป็นกองทัพทั้งเก้าหรือกองกำลังภาคีเราทุกคนต่างมีสัญลักษณ์ประจำเผ่าอยู่ที่เข็มขัดคาดเอว ด้วยสัญลักษณ์เหล่านี้ เราจะสามารถระบุได้ทันทีว่าใครมาจากไหน!” มุมปากของฝูงชนกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดของเอลล่า หากสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง มันคงเป็นเรื่องลำบากสำหรับเฟนด์และพรรคพวก มันจะเสี่ยงและอันตรายในการเดินทางไปไหนมาไหน! "อ้อจริงสิ คุณเอลล่า ในที่ดินผืนนี้ เหล่าผู้ที่แข็งแกร่งจากเผ่ากระหายเลือดและคนของก
เมื่อมองไปที่ร่างของเอลล่าขณะที่เธอบินจากไปอเล็กซานเดอร์ขมวดคิ้ว และอารมณ์นับร้อยท่วมท้นหัวใจของเขา ในเวลานี้ชายชราจากตระกูลคาเบลโลก้าวไปข้างหน้าและกระซิบกับเฟนด์ว่า “นายน้อยเฟนด์ คุณจะปล่อยเธอไปจริง ๆ เหรอ? แค่นี้เลยเหรอ? ถ้าเธอกลับไปยังชนเผ่าของเธอแล้วบอกคนอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่จะทำอย่างไร? เพื่อความปลอดภัยของเรา ฉันขอแนะนำให้ฆ่าเธอเสียเดี๋ยวนี้! เธอบาดเจ็บและสู้กับคุณไม่ไหวหรอก!” อย่างไรก็ตาม เมื่อชายชราเสนอความคิด เขาก็ต้องพบกับสายตาที่เย็นชาและดุร้ายจากเฟนด์ “เราเป็นพวกสับปลับตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เราสัญญากับเธอแล้วนี่ว่าจะไว้ชีวิตเธอ!” เฟนด์หยุดพูดและรอยยิ้มแกน ๆ ก็คืบคลานเข้ามาบนใบหน้าของเขา “อีกอย่าง เธอยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายแก่เรา! มันเป็นข้อมูลที่สามารถช่วยชีวิตเราได้ ถ้าเธอไม่บอกเราจนหมดเปลือกอย่างนี้ เราคงท่องไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวและเข้าสู่พื้นที่ของพวกกองกำลังภาคีและเมื่อเราเข้าไปในพื้นที่ของพวกเขา คุณคิดว่าเราจะมีโอกาสรอดชีวิตหรือไง?” “เฟนด์พูดถูก เอลล่าบอกข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายแก่เรา!” อเล็กซานเดอร์ผงกศีรษะอย่างเห็นด้วย “นอกจากนี้ ถ
หลังจากที่เฟนด์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็บอกทุกคนว่า “ท้ายที่สุด ถ้าพวกเราทุกคนทะลวงเข้าสู่ในขั้นที่สามของระดับเทพขั้นสูงสุด ความสามารถของเราในการป้องกันตัวเองในป่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก”“ฮ่าฮ่า ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่รั้งรออะไรอีกต่อไป!”อเล็กซานเดอร์ระเบิดเสียงหัวเราะ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลวู๊ดเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง ถือว่าเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่อย่างนั้นเขาจะเข้าสู่ดินแดนนี้ได้อย่างง่ายดายและทะลวงเข้าสู่ในระดับเทพสูงสุดในเร็ว ๆ นี้ได้อย่างไร!หัวใจของแลนสล็อตเต็มไปด้วยความชื่นชม ในครั้งก่อน เขาล้มเหลวในการก้าวไปสู่ขั้นที่หนึ่งระดับเทพสูงสุด เขาอาจต้องรออีกสองสามวันก่อนที่จะได้ลองพยายามทะลวงไปสู่ขั้นที่หนึ่งระดับเทพสูงสุด มันดูราวกับว่าห่างกันเพียงก้าวเดียว แต่แท้จริงแล้วมันเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ แค่ก้าวเดียวก็รู้สึกเหมือนเดินข้ามช่องเขา พลังยุทธของขั้นที่หนึ่งระดับเทพสูงสุดและขั้นสูงสุดระดับเทพแท้จริงนั้นเป็นสองระดับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนค้นหาหญ้าวิญญาณอย่างมีความสุขทว่าพวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าระหว่างทา
“ฮ่าฮ่า ผมรู้ว่าพวกคุณทุกคนคันไม้คันมือ ถ้าคุณต้องการก็ออกไปสู้ได้เลย ผมจะคอยดู!”เฟนด์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจและตอบกลับพวกเขา"บุก!"เคนเนธ ไททัส และคนอื่น ๆ ต่างก็กระตือรือร้นที่จะแสดงทักษะของพวกเขา หลังจากได้ยินเฟนด์พูดแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็กระจายออกไปฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าแน่นอนว่าเวสตัน อเล็กซานเดอร์และคนอื่น ๆ ก็ตื่นตัวเช่นกัน พวกเขาบินออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าพวกเขาจะช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อย"ไม่มีทาง ระดับเทพสูงสุด?”"พระเจ้า พวกเขามีกันมากมายเหลือเกิน!”ผู้คนจากตำหนักนภามืดแปดทางเมื่อเห็นสิ่งนี้"พระเจ้า พวกเขาแข็งแกร่งเกินไป!”“ผ่านมาเพียงไม่กี่วัน กลับมีคนที่ทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดแล้วได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?”สมาชิกของตำหนักอินทรีทะยานรู้สึกประหลาดใจ แสงสีทองจาง ๆ ของพลังฉีทำให้พวกเขาแปลกใจปัง ปัง ปัง!เสียงการต่อสู้ดังขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกของตำหนักนภาก็กลายเป็นศพที่กระจายอยู่บนพื้น“ทำไมพวกคุณถึงรีบร้อนกันนัก? เราเพิ่งอุ่นเครื่องและทุกคนก็ตายหมดแล้วงั้นเหรอ?”เคนเนธมองไปที่เวสตัน และคนอื่น ๆ เอ่ยปากด้ว
ณ จุดนี้เฟนด์คือความหวังของทุกคน พวกเขาทำได้เพียงรีบเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง เพื่อให้สามารถป้องกันตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อรองรับการเผชิญหน้าที่จะเกิดขึ้นกับพวกกองกำลังภาคี“ฮ่า ๆ ๆ ผมจะเลือกล่ะนะ!”เฟนด์เริ่มเลือกหลังจากหัวเราะอย่างเต็มที่ในตอนบ่ายพวกเขายังคงค้นหาหญ้าวิญญาณกันต่อไป บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาฝึกทักษะยุทธกันอยู่ เฟนด์และคนอื่น ๆ จึงเดินทางล่าช้ากว่ากลุ่มอื่น ๆ อยู่สองสามวัน พวกเขาจึงแทบไม่ได้เจอกับคนอื่นเลยระหว่างทางนั่นทำให้เฟนรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขากังวลว่าอาจมีคนจำนวนมากถูกสังหารโดยกองกำลังภาคีหลังจากพ้นเขตป่านี้ไปแน่นอน เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผู้ที่มาจากตำหนักนภาหรือวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากพวกเขาเป็นศัตรูของฝ่ายเฟนด์ ถ้าเขาพบพวกนั้น เขาคงจะฆ่าพวกนั้นเหมือนกันในตอนกลางคืน เฟนด์และคนอื่น ๆ ก็พบถ้ำที่ค่อนข้างเงียบสงบ พวกเขาจัดการให้บางคนลาดตระเวนอยู่รอบ ๆ คอยคุ้มกัน ในขณะที่คนที่จำเป็นต้องฝึกก็ทำเช่นนั้นอยู่ภายในถ้ำกลุ่มผู้มีทักษะสูงทั้งหกคนที่อยู่ในระดับเทพสูงสุดขั้นที่หนึ่งทั้งหมดนั่งลงภายในถ้ำและนำโอสถระดับชั้นต้นระดับสามที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงออ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ต้องขอบคุณนายน้อยเฟนด์เพราะถ้าไม่ได้เขา เราคงไม่ได้รับโอสถชั้นต้นระดับสามที่มีค่าเหล่านี้ ใครจะรู้ว่าหากต้องใช้เพียงแค่หญ้าวิญญาณ การฝึกฝนของเราจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน?!” อเล็กซานเดอร์หัวเราะเขามองออกไปข้างนอกและขมวดคิ้ว “น่าเสียดายที่ข้างนอกมืดแล้ว มิฉะนั้นผมคงจะหาสัตว์อสูรที่ทรงพลังมาทดสอบความแข็งแกร่งของฉันสักสองสามตัว!”“เอาไว้พรุ่งนี้เช้าแล้วกัน!”แนชหัวเราะอย่างขมขื่นขณะกำหมัดแน่น ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นในร่างกายทำให้เขารู้สึกสบายตัวมาก“พี่เฟนด์ พี่เฟนด์ ฉันมีข่าวดีจะบอก พี่สะใภ้กับฉันต่างก็ทะลวงผ่านมาพร้อมกัน!” ยูลประกาศอย่างมีความสุขในขณะที่เธอรีบเข้าไปหาเฟนด์เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเฟนด์ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม "จริงเหรอเนี่ย? เธออยู่ขั้นกลางของระดับเทพแท้จริงแล้วงั้นหรือ? เธอน่ะมีพรสวรรค์พอตัวเลยนะ ฝึกให้หนักและตั้งเป้าที่จะไปให้ถึงขั้นที่หนึ่งของระดับเทพสูงสุดให้เร็วที่สุด ด้วยวิธีนี้เธอก็จะแข็งแกร่งขึ้น! เมื่อเธอไปถึงระดับเทพสูงสุด เธอก็จะยิ่งเด็กลงไปอีก!”"จริงเหรอ? ฮิ ฮิ ฮิ ถ้าอย่างนั้นฉันจะต้องฝึกฝนให้หนักขึ้นไปอีก!”ยูลหัวเราะเบา ๆ แล้วมองเซเลน่าอี