“นี่ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่ความคิดที่ดีนะครับ พวกคุณพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้หญ้าวิญญาณพวกนี้มา”เฟนด์พูดตะกุกตะกักในขณะที่เขามองหญ้าวิญญาณที่อยู่ตรงหน้า“เฮ้ ไม่มีอะไรไม่ดีหรอก ไม่มีหญ้าวิญญาณต้นไหนมีค่าเท่าทักษะยุทธที่พวกคุณแบ่งปันให้กับเราแล้ว นอกเหนือจากทักษะยุทธที่ช่วยให้ก้าวไปสู่ระดับเทพสูงสุดแล้ว ยังมีทักษะยุทธที่ทำให้ทะลวงเข้าเพื่อเข้าสู่ระดับทะลวงวิญญาณด้วย เราสามารถไปถึงขั้นที่เก้าในระดับทะลวงวิญญาณได้อย่างแน่นอนด้วยสิ่งนั้น!” อเล็กซานเดอร์ยืนกรานด้วยความปิติ สายตาของเขาจับจ้องไปที่ดาเนียลล่าขณะที่เขาเสริมอย่างมีความหมายว่า “อีกอย่าง ตอนนี้เราไม่ได้เป็นแค่พันธมิตรกันเท่านั้น เราอาจจะเป็นทองแผ่นเดียวกันในอนาคต ทำไมเราต้องมองว่าอีกฝ่ายเป็นคนนอก? ฉันพูดถูกไหม?”ดาเนียลล่าซึ่งยืนอยู่ด้านข้างแสดงออกอย่างเขินอายทันที"ถูกต้อง! นายท่านคาเบลโลพูดถูก เราควรช่วยเหลือกันไม่ใช่หรือ?” แนชหัวเราะอย่างมีความสุขและพูดต่อ “นอกเหนือจากนั้น ลูกจะมอบโอสถเม็ดระดับสามให้แก่นายท่านคาเบลโลสักหนึ่งหรือสองเม็ดหลังจากที่ลูกประสบความสำเร็จได้ด้วยหญ้าวิญญาณที่ได้รับจากเขาได้ไหม?”"ตกลง ถ้าผมสามารถก้าวขึ้
เพื่อปรับตัวให้เข้ากับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นในร่างกายและเพื่อให้ควบคุมพลังงานที่เพิ่มมาได้ดีขึ้น อเล็กซานเดอร์ เคนเนธ และคนอื่น ๆ รีบพุ่งตัวไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้กับสัตว์อสูรทุกตัวที่ขวางทางพวกเขาสมาชิกของตระกูลคาเบลโลจะนำหญ้าวิญญาณที่ได้รับมาให้เฟนด์ดูเพื่อให้เขาเลือกว่ารายการใดเหมาะสมสำหรับการบ่มเพาะโอสถ หากพบหญ้าที่เหมาะสม พวกเขาจะมอบให้ฟนด์ในทันทีพวกเขาจำได้ว่าเฟนด์ให้สำเนาทักษะยุทธแก่พวกเขามา และนั่นถือเป็นพรแสนวิเศษสำหรับตระกูลคาเบลโลเมื่อเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงเย็น และทุกคนก็นั่งพักผ่อนกัน เฟนด์ก็เริ่มศึกษาวิธีการบ่มเพาะโอสถชั้นต้นระดับสามในช่วงหัวค่ำ เขาทำคุ้นเคยกับโอสถและขั้นตอนการฝึกฝนจนจำขึ้นใจ จากนั้นเฟนด์ก็บ่มเพาะโอสถในคืนนั้นเฟนด์พยายามบ่มเพาะโอสถถึงสามครั้งตลอดทั้งคืนและล้มเหลวทั้งสามครั้ง แม้ว่าเขาจะคิดไว้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น แต่มันก็ยังทำให้เขาคับแค้นใจนี่เป็นเพราะการบ่มเพาะโอสถระดับสามนี้ไม่เพียงแต่ต้องใช้หญ้าวิญญาณระดับสามเป็นส่วนผสมหลักเท่านั้น แต่ในโอสถนี้ยังต้องใช้หญ้าวิญญาณระดับสองและสมุนไพรที่เหมาะสมอื่น ๆ เป็นวัตถุดิบเสริมในระหว่างขั้นตอนกา
เซเลน่ารู้สึกประทับใจเมื่อเห็นท่าทีร้อนใจของดาเนียลล่า เธอสัมผัสได้เลยว่าดาเนียลล่าชื่นชอบเฟนด์เพียงใดและเป็นเด็กดีที่มีจิตใจบริสุทธิ์อย่างแท้จริงเซเลน่ายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “อย่ากังวล ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก ยังไงไคลี่ก็ยังรอให้ฉันกลับบ้าน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ เพราะพ่อแม่ของฉันเองก็อยู่บ้านรอการกลับมาของฉันเหมือนกัน ฉันแค่พูดในสิ่งมันอาจจะเกิดขึ้น”“พี่เซเลน่า ฉันรู้ได้เลยว่ามันจะไม่เกิดขึ้น!” ดาเนียลล่ายิ้มด้วยความมั่นใจขณะที่เธอจับแขนของเซเลน่า...ฝูงชนยังคงเดินทางต่อไป ทว่าพวกเขากลับได้ยินเสียงคนต่อสู้กันในบริเวณข้างหน้าโดยไม่ทันตั้งตัวในช่วงบ่ายเฟนด์และคนอื่น ๆ เคราะห์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจากระยะไกล และเฟนด์ขมวดคิ้วทันทีที่เขาสังเกตเห็นว่ากลุ่มที่ถูกล้อมอยู่คือ วีนัสและคนหนุ่มสาวจากตระกูลคาเบลโลอีกหลายคน ในขณะที่ผู้คนที่อยู่ล้อมพวกเขาอยู่ก็เป็นสมาชิกของตระกูลคาเบลโลด้วยเช่นกัน"เกิดอะไรขึ้น? ทำไมผู้อาวุโสของตระกูลคาเบลโลถึงไล่ต้อนคุณหนูลำดับที่สองตระกูลคาเบลโลและคนอื่น ๆ แบบนั้น?” เฟนด์ถามด้วยงงงวยพร้อมกับขมวดคิ้วอเล็กซาน
ผู้อาวุโสลำดับที่สองหัวเราะและมองไปที่ปรมาจารย์หลายสิบคนรอบตัวเขาก่อนที่เขาจะพูดเสียงดัง “อีก สาวงามย่อมเป็นที่ปรารถนาของสุภาพบุรุษ เมื่อผมก้าวเข้าสู่ขั้นที่สองและสามของระดับเทพสูงสุดได้แล้ว พี่สาวคนโตและน้องสาวคนสุดท้องของคุณจะต้องตกมาเป็นผู้หญิงของผมด้วย สามบุปผาทองคำจะต้องปรนนิบัติผมแต่โดยดี!”เขากำกำปั้นแน่นขณะที่เขาพูดอย่างถือดีว่า “ทุกคนในตระกูลคาเบลโลจะเชื่อฟังผม ใครที่เชื่อฟังจะอยู่ดีกินดี ส่วนใครที่แข็งข้อจะต้องตาย สำหรับคนที่แข็งข้อกับผมจะได้พบกับจุดจบเดียว นั่นคือความตาย!”"ถูกต้อง! หัวหน้าตระกูลคาเบลโลควรถูกเปลี่ยนตัวมานานมาแล้ว และเจ้านายของฉันก็ควรได้เป็นหัวหน้าตระกูล!” ชายที่เขายืนถัดจากผู้อาวุโสลำดับที่สองประกาศกร้าว “ในอดีต ตระกูลคาเบลโลปฏิบัติต่อเจ้านายของฉันอย่างดี แต่เมื่อใดก็ตามที่มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้น คนแรกที่ถูกนึกถึงคือเควิน คาเบลโล ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่ง ฮ่า ๆ …! เหตุผลคืออะไรกัน? หรือเพียงเพราะเจ้านายของฉันไม่ได้ใช้นามสกุลตระกูลคาเบลโลและเป็นคนนอกที่ใช้สกุลอื่นอย่างนั้นเหรอ?”"จริงอยู่ พวกเขามักจะบอกว่าพวกเขาปฏิบัติต่อผมอย่างดี แต่สุดท้ายแล้วมันเป็นอย่างไร? พ
ขณะที่วีนัสกำลังจะดิ่งลงสู่พื้น ทว่า...หวือ!ร่างสองร่างพุ่งเข้ามา โดยหนึ่งในนั้นโอบเอวเธอไว้ และค่อย ๆ พาเธอร่อนลงบนพื้นได้อย่างปลอดภัยทันทีที่วีนัสรู้ว่าเป็นเฟนด์เธอก็รู้สึกปั่นป่วนในใจและหน้าแดงเมื่อลุกขึ้นยืนในด้านของเฟนด์เขาหยิบโอสถออกมาด้วยการพลิกมือแล้วส่งมันให้วีนัส "คุณวีนัส โอสถนี้สามารถช่วยรักษาบาดแผลของคุณได้ ปล่อยให้ที่เหลือเป็นหน้าของเรา”"ตกลง ขอบคุณนะนายน้อยเฟนด์!” วีนัสรับยามาอย่างลำบากใจและในตอนรู้ว่าอีกคนคือพ่อของเธอ เธอมองไปที่อเล็กซานเดอร์โดยที่น้ำตาคลอเบ้าและพูดว่า “ในที่สุดหนูก็ได้พบพ่ออีกครั้ง พ่อ หนูกลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับพ่อ หนูได้ยินข่าวลือว่านายท่านตระกูลแซคคารีได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดไปตั้งแต่เนิ่น ๆ และหนูก็กลัวว่าคนที่อยู่ในพื้นที่นี้ก็จะทะลวงไปสู่ระดับเทพสูงสุดไปหลายคนแล้วเช่นกัน ก่อนหน้านี้มีคนเห็นพ่อและน้องสามถูกสัตว์อสูรล่า!”เธอมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนกขณะที่เธอพูดว่า “แล้วนี่ดาเนียลล่าอยู่ที่ไหน? เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า?”"ไม่ต้องห่วง น้องสาวของลูกและคนอื่น ๆ จะมาถึงในอีกไม่ช้า ใช่ มีสัตว์อสูรไล่ล่าเราก็จริง แต่ด้วยควา
"อย่างนั้นเหรอ? งั้นมาลองกันสักตั้ง!” อเล็กซานเดอร์กำหมัดแน่นและพุ่งเข้าหาออสก้าด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า… พวกที่เหลือให้ผมจัดการเอง!” เฟนด์ยิ้มอย่างไร้อารมณ์ ขณะที่พลังฉีโผล่ออกมาจากกำปั้นของเขา พลังฉีที่เขาปล่อยออกมานั้นก็มีสีทองเช่นกัน แต่สีนั้นชัดเจนกว่าของอเล็กซานเดอร์มาก“อะไรกัน? เขาทะลวงผ่านด้วยเหมือนกันเหรอ?” เหล่าลิ่วล้อของออสก้าตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพวกเขารู้ว่าเฟนด์ได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดแล้ว“นายน้อยเฟนด์อย่า...อย่าทำร้ายเรา ผู้อาวุโสลำดับที่สองบังคับให้เรายอมจำนน! เราไม่เคยคิดที่จะหักหลังตระกูล!” ลิ่วล้อของออสก้าวิงวอนขณะที่พวกเขาโบกมือปฏิเสธ เมื่อพวกเขารู้ว่าเฟนด์ก็เป็นปรมาจารย์ในระดับเทพสูงสุดเช่นกัน เขารู้ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีทางชนะ“ฮ่าฮ่า! คุณคิดว่าผมโง่นักรึไง?”เฟนด์ยิ้มเยาะและไม่เสียเวลาให้กับพวกปากหอยปากปู เขาพุ่งไปข้างหน้าเหมือนหมาป่าที่เข้าขย้ำฝูงแกะ ครู่ต่อมา สมาชิกตระกูลคาเบลโลหลายสิบคนก็กลายเป็นศพขณะร่วงหล่นลงกับพื้นหลังจากที่เขาสังหารคนพวกนั้นลง เฟนด์ก็มองไปที่การต่อสู้ระหว่างอเล็กซานเดอร์และออสก้าเห็นได้ชัดว่าทักษะยุทธที่อเล็กซานเดอร์ฝึกฝนนั้นแ
เมื่อได้ยินคำพูดของดาเนียลล่า วีนัสอ้าปากค้างจนปากกว้างพอที่จะเก็บไข่ได้หลังจากผ่านไปหลายวินาที เธอก็พึมพำออกมา “โอ้พระเจ้า… เฟนด์และนายท่านแนช ตระกูลของพวกเขามีปรมาจารย์ในขั้นหนึ่งระดับเทพสูงสุดทั้งหมดสี่คน? พวกเขาแข็งแกร่งมาก!”ดาเนียลล่ามองไปที่เฟนด์ด้วยความรักในดวงตาก่อนที่เธอจะพูดด้วยความภาคภูมิใจ "ถูกต้อง ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเฟนด์ที่เขาได้รับทักษะยุทธมาถึง 2 ทักษะ และเขายังให้เราทำสำเนาหนึ่งในนั้นมา มิฉะนั้น พ่อจะทะลวงเข้าสู่ขั้นที่หนึ่งในระดับเทพสูงสุดอย่างรวดเร็วได้ยังไงเล่า”ดวงตาของวีนัสเป็นประกายเมื่อได้ยินสิ่งนี้ "จริงหรือ? วิเศษไปเลย! หากเป็นเช่นนั้น ฉันก็สามารถฝึกฝนทักษะยุทธนี้ในอนาคตได้เช่นกันน่ะสิ ฉันต้องสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดได้เหมือนกันใช่ไหม?”“พี่รอง พี่เพิ่งทะลวงเข้าสู่ขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงเมื่อไม่นานนี้เองไม่ใช่เหรอ? พี่เพิ่งก้าวเข้าสู่ขั้นสูงสุดหลังจากเข้ามาที่นี่ แม้ว่าพี่จะต้องการเพิ่มทักษะยุทธ พี่ก็ควรจะรอสักสองสามวันจนกว่าระดับพลังยุทธของพี่จะเสถียรอย่างสมบูรณ์ก่อนที่จะลองทะลวงไปในขั้นต่อไปอีกครั้ง” ดาเนียลล่าทำหน้ามุ่ย เธอเริ่มอิจฉาวีนั
ดาเนียลล่าชำเลืองมองเฟนด์อย่างเย้ายวนก่อนที่เธอจะเดินเอามือไพล่หลังเข้าไปหาเขาตู้ม!อย่างที่เฟนด์ทำนายไว้ ออสก้าพ่ายแพ้ในการต่อสู้และเสียชีวิตลงด้วยน้ำมือของอเล็กซานเดอร์ ร่างของเขาตกลงมาจากท้องฟ้าสู่พื้นดิน และที่หน้าอกของเขามีรูโหว่ขนาดใหญ่"ที่มันยอดไปเลย! พลังยุทธของออสก้านั้นเทียบเท่ากับผม และการต่อสู้กับคนแบบนี้ก็นับว่าโลดโผนมาก! ฮ่าฮ่า!” อเล็กซานเดอร์บินลงมาและรับเอาแหวนยุทธของออสก้าไป ก่อนที่เขาก็บินไปยังที่ที่เฟนด์และคนอื่น ๆ อยู่พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า“เฮ้ คุณไม่ใช่คนเดียวหรอก ผมเองก็อยากลองเหมือนกัน ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องภายในของตระกูลคุณ ผมจะรีบพุ่งตัวไปที่นั่นเลย!” เคนเนธหัวเราะเสียงดัง เขาเต็มไปด้วยความฮึกเหิมหลังจากที่ความแข็งแกร่งในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้น และสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับฝ่ายตรงข้ามพลังยุทธอยู่ในระดับไล่เลี่ยกันก็ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะจะทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเขา“เฮ้อ… ไม่ คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ผู้อาวุโสลำดับที่สองคนนี้ ตอนเขาอยู่ที่ตระกูลคาเบลโล เขาเป็นคนซื่อสัตย์และไม่เคยทำตัวนอกลู่นอกทาง ใครจะไปคิดว่าเขาจะทำแบบนี้หลังจากทะลวงไปสู่ระดับเทพสูงสุด!”
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ