“พวกมันเป็นเมฆโอสถ เอาล่ะ โอสถที่ผู้ชายคนนี้ศึกษาและลงมือบ่มเพาะด้วยตัวเองขึ้นมาสามารถบรรลุผลลัพธ์ได้ถึงระดับนี้เลยหรือนี่?” ชายชราสำลักขณะเขาจ้องเฟนด์ด้วยความตกใจเควินจับตาดูยาอยู่พักใหญ่ก่อนที่เขาจะหันไปหาเฟนด์และถามอย่างลังเลว่า “คุณเต็มใจให้โอสถเช่นนี้กับฉันจริงเหรอ?”เฟนด์พยักหน้า "ก็เรามีข้อตกลงกันอยู่ไม่ใช่หรือครับ?""ใช่ ใช่!" เควินพยักหน้า ข้อสงสัยที่ว่าเฟนด์ไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสองนั้นไม่มีอีกแล้ว เขาเชื่อว่าเฟนด์เป็นคนที่บ่มเพาะโอสถดังกล่าวเฟนด์พลิกมือของเขาอีกครั้งและเปิดเผยวิธีการบ่มเพาะโอสถขั้นกลางระดับสอง ก่อนที่จะมอบให้เควินจากนั้นเควินก็นําตำราโบราณที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองออกมาส่งมอบให้เฟนด์"ขอบคุณครับ ผู้อาวุโสลำดับแรก!" เฟนด์ยิ้มแย้มแจ่มใสกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ“ไม่จําเป็นต้องสุภาพมากขนาดนี้ ฉันมาคิดถึงมันดูแล้วตำราโบราณเล่มนี้ก็ไม่สําคัญขนาดนั้น ฉันศึกษามันมานานแล้วและมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ฉันเคยคิดว่ามันมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการฝ่าฟันไปสู่ระดับเทพสูงสุด” เควินยิ้มขมขื่น “ตำราโบราณเล่มนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับคนอื่นมากนัก แต่สําคัญสําหรับค
สภาพของเฟอร์นันโดทําให้หัวใจของเฟนด์หนักอึ้งด้วยความรู้สึกผิดเฟนด์สาบานว่าจะทําทุกอย่างเพื่อช่วยเขาไม่ใช่แค่เพราะเฟอร์นันโดเป็นศิษย์ของเขา และไม่ใช่เพราะเฟอร์นันโดฆ่าศัตรูแผ่นดินของพวกเขาได้เป็นจํานวนมากและมีส่วนสนับสนุนต่อแคทธีเซียมากมายเหลือคณาเหนือสิ่งอื่นใด เหตุที่ทำให้เฟอร์นันโดตกอยู่ในสภาพนี้คือ เฟนด์มอบหมายให้เขาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเกล็ดมังกร จนส่งผลให้เฟอร์นันโดตกอยู่ในสภาพปัจจุบันแน่นอนว่าร่างกายของเฟนด์นั้นสมบูรณ์แล้วเพราะพวกเขาได้รับเกล็ดมังกรมา นั่นคือเหตุผลที่เขาสามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้หลังจากที่เขาบรรลุเข้าถึงระดับเทพแท้จริงเฟนด์ข้ามไปดูที่ครึ่งล่างของหนังสือโบราณเล่มโตและเริ่มดูมันไปทีละหน้า หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นบันทึกของมีค่าสามชิ้นที่เควินกล่าวถึงหนึ่งในรายการเหล่านี้คือโอสถขั้นต้นระดับสี่ที่เรียกว่ายาฟื้นคืนชีพ อีกสองรายการเป็นผลไม้จิตวิญญาณที่มีชื่อว่า ‘ผลวิญญาณ’ และหญ้าพันปี ของมีค่าทั้งสองสิ่งนี้มีคุณภาพสูงและเป็นสิ่งล้ำค่าระดับสามเฟนด์บันทึกคุณสมบัติของสิ่งของล้ำค่าทั้งสองนี้และคัดลอกวิธีการรักษาของยาฟื้นคืนชีพก่อนที่เขาจะคืนหนังสือโบราณให้เคว
เฟนด์ล้มเลิกแผนนั้นไปในที่สุดเพราะเขารู้สึกผิดหากทําอย่างนั้นอย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าความซื่อสัตย์ของเขาจะสร้างความประทับใจให้เควิน จนทําให้เขาได้ยืมหนังสือเล่มหนาไปอีกสองสามวันในที่สุด“ฮ่าฮ่า! ใช่ ฉันแน่ใจเกี่ยวกับมัน ในฐานะผู้อาวุโสลำดับแรกของตระกูลคาเบลโล ฉันจะโกหกคุณทำไม? แน่นอน ฉันหวังว่าคุณจะยังคงแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกที่คุณมีเกี่ยวกับการบ่มเพาะโอสถต่อไป!” เควินหัวเราะอย่างจริงใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าการมีน้ำใจจะนำพาความสุขที่ยิ่งใหญ่มาให้เขา“แน่นอนอยู่แล้ว ฮ่าฮ่า!” ”เฟนด์หัวเราะเบา ๆ ด้วยความเบิกบานใจเช่นกัน เขาเริ่มอ่านหนังสือโบราณขณะบังคับดาบบิน“ผู้อาวุโสลำดับแรก คุณลำเอียงเหรอ? ก่อนหน้านี้ฉันขอยืมหนังสือโบราณคุณแค่ประเดี๋ยวเดียว ไม่เพียงแต่คุณขอให้ฉันอ่านมันต่อหน้าคุณเท่านั้น แต่คุณยังตั้งเวลาให้ฉันอ่านด้วย คุณตั้งนาฬิกาปลุกให้ฉันอย่างกับว่ากลัวว่าฉันจะใช้เวลาเพิ่มอีกนาทีกับมัน!”“แต่ตอนนี้คุณให้มันกับเฟนด์ และอนุญาตให้เขาครอบครองมันไว้ตั้งหลายวัน? ให้ตายสิ... ฉันสงสัยแล้วว่าคุณคือผู้อาวุโสลำดับแรกของตระกูลคาร์เบลโลหรือเปล่า นี่คุณกลายเป็นผู้อาวุโสล
เมื่อท้องฟ้ามืดลง ทุกคนก็ได้ใช้พลังฉีไปค่อนข้างมากแล้ว เนื่องจากใช้เวลาบนท้องฟ้ามาเป็นเวลายาวนาน และแล้วพวกเขาก็พบเกาะร้างและใช้เวลาช่วงกลางคืนฟื้นพลังตัวเองเมื่อเฟนด์ว่าง เขานั่งลงข้างกองไฟอ่านหนังสือโบราณ เขามีข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ เชื่อมโยงกับรายการที่เกี่ยวข้องกับโอสถด้วยเขาพบโอสถรักษาโรคมากมายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนอยู่ในหนังสือโบราณ และหลงใหลไปในสิ่งที่เขาได้อ่าน พยายามจดจํามันอย่างเต็มที่เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนกลับมาเริ่มเดินทางกันต่อดังที่คาดไว้ พวกเขาพบกับสัตว์อสูรมากขึ้นเมื่อเทียบกับวันแรก และสัตว์อสูรเหล่านี้มีความสามารถในการต่อสู้และพลังการต่อสู้ที่สูงขึ้นไม่ต้องบอกเลย ยิ่งพวกเขาข้ามทะเลลึกเข้าไปมากขึ้นเท่าไร สัตว์อสูรก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นเกาะเล็ก ๆ บางแห่งมีกองกําลังเล็ก ๆ อยู่บ้าง แต่ชาวเกาะเหล่านี้ไม่กล้าออกมาถามอะไรเลยเมื่อเห็นคนกลุ่มใหญ่ ประมาณสองแสนถึงสามแสนคนลอยมาบนท้องฟ้า พวกเขายังแอบสวดอ้อนวอนให้คนเหล่านี้จะไม่ลงมาทำให้พวกเขาเดือดร้อนแน่นอนว่าการรวมตัวของผู้คนจํานวนมหาศาลเช่นนี้ดึงดูดความสนใจของกองกําลังที่มีขนาดใหญ่กว่าในท้องทะเลเหล่านี้เมื่อเวลาผ่า
ดวงตาของชายชราเปล่งประกายขณะที่พูด “เรามีปรมาจารย์มากมายในระดับเทพแท้จริงอยู่ที่นี่ ร่วมกับกองกําลังทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การนําของเรา หากเราดําเนินการร่วมกัน เราจะมีจํานวนมากกว่าพวกเขา ฉันเชื่อว่าพวกเขาคงไม่กล้าต่อสู้และจะส่งมอบของมีค่าของพวกเขาแต่โดยดี”หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ โดยคิดไปว่าพวกเขาสามารถบรรลุความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เจ้าวิหารแห่งวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หันไปหา ผู้อาวุโสโมสลีย์ ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างและไม่พูดอะไรเลย เขาจึงถามว่า “ท่านผู้อาวุโสโมสลีย์ ทําไมคุณไม่พูดอะไรเลย? มีความคิดเห็นถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?”ผู้อาวุโสเกือบทั้งหมดพยักหน้าเห็นด้วยกับมุมมองของชายชรา แต่มีเพียงผู้อาวุโสโมสลีย์เท่านั้นที่ยืนอยู่ที่นั่นราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น“ฮ่าฮ่า! ท่านผู้อาวุโสโมสลีย์คิดอะไรได้หรือ? ฉันมั่นใจว่าความคิดของฉันดีที่สุด และเนื่องจากคนอื่น ๆ ทุกคนก็เห็นด้วยกับฉัน เขาจะมีความคิดอะไรออกมาอีกก็ไม่สำคัญ!” ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนหัวเราะ ดวงตาเต็มไปด้วยการสบประมาทและยั่วยุเหมือนที่เขาทําอยู่ ท้ายที่สุด เขาและผู้อาวุโสโมสลีย์ชิงความได้เปรียบกันอยู่เสมอ ผู้อาวุ
“ระดับเทพสูงสุด!”ทุกคนตะลึงเมื่อได้ยินคํานั้นถึงกับผงะหงายอย่างเห็นได้ชัดแต่ละคนที่เข้าการประชุมนั้นคือนักสู้ระดับบนสุด ด้วยระดับการบ่มเพาะอย่างน้อยขั้นสูงของระดับเทพแท้จริง เนื่องจากพวกเขาต่อสู้กับบรรดาสัตว์อสูรในทะเลบ่อยครั้ง นักสู้จากดินแดนท้องทะเลจึงมีวิชายุทธต่างๆ ที่น่าหวาดหวั่น สมรรรถนะความอดทนของร่างกายพวกเขาถูกหล่อหลอมผ่านประสบการณ์มากมาย“ผู้อาวุโสโมสลีย์ คุณต้องล้อเล่นแน่ ๆ? คุณกําลังบอกว่าพวกเขามาที่ดินแดนของเราเพื่อบรรลุระดับเทพสูงสุด? คุณมีหลักฐานอะไร?”ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็สงบสติอารมณ์และถามผู้อาวุโสโมสลีย์“ถูกต้อง.. ผู้อาวุโสโมสลีย์ อย่าหลงกลพวกเขา เราอยู่ในมหาสมุทรมาตั้งหลายปีแล้วและไม่เคยรู้เรื่องระดับเทพสูงสุด เบาะแสอะไรที่พวกเขาบนแผ่นดินมาตามหา? อย่าบอกฉันนะว่าพวกเขาคุ้นเคยกับมหาสมุทรมากกว่าพวกเรา?”ผู้อาวุโสอีกคนที่อยู่เบื้องหลังผู้อาวุโสฮาร์ทแมนก็ก้าวมาข้างหน้าด้วยเช่นกัน พร้อมกับรอยยิ้มเย็นเยือกทว่าผู้อาวุโสโมสลีย์ไม่สนใจทั้งสองคน เขาเผชิญหน้ากับเจ้าวิหารแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งและยกมือขึ้นทำการคารวะ “ท่านอาจารย์ คิดทบ
“นายท่าน เราไม่อาจให้พวกเขารู้ตัวก่อนที่เราจะเคลื่อนไหว แต่ฉันคิดว่าเราก็ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาอยู่โดยลำพังด้วยเช่นกัน!”ไม่มีใครคิดว่าผู้อาวุโสโมสลีย์จะพูดขึ้นมาอีกในตอนนั้น“คุณหมายความว่าอะไร? ก็คุณบอกว่าเราไม่สามารถโจมตีพวกเขาได้ไม่ใช่หรอกเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้น ทําไมคุณถึงบอกว่าเราไม่สามารถปล่อยพวกเขาไว้? คุณกําลังพูดถึงอะไร?"เจ้าวิหารแห่งวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วถาม“เราสามารถตรวจสอบอย่างเงียบ ๆ และดูว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน! หรือตรวจสอบเพื่อดูว่าพวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อระดับเทพสูงสุดหรือไม่!”ผู้อาวุโสโมสลีย์ตอบอย่างยิ้มแย้ม“เราจะตรวจสอบอย่างไรหรือว่าแรงจูงใจของพวกเขาคืออะไร? เราคงทำเช่นนั้นไม่ได้ถ้าเราไม่ลงมือ!” ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนแกว่งแขนของเขา เขารู้สึกว่าผู้อาวุโสโมสลีย์แค่ล้อเล่น“มันก็ง่าย ๆ เราแค่ต้องส่งนักสู้กลุ่มเล็ก ๆ ไปกลุ่มนึงเข้าไปโจมตีพวกเขา เราจะบอกให้พวกเขาออกจากมหาสมุทรและไม่คิดที่จะเอาทรัพยากรของเราไป แค่นั้นก็พอแล้วที่เราจะคุกคามพวกเขา หากพวกเขายืนกรานเดินหน้าต่อและไม่กลัวว่าจะทำให้เราขุ่นเคือง นั่นหมายความว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อระดับเทพสูงสุดอย่างแน่น
แก้มของเฮเลน่าแดงขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอจ้องที่เขา “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ยังไม่เกิดขึ้นหรอก ยังไงก็ตามฉันไม่ได้รู้จักเขามานานเกินไปแล้ว!”จากนั้นเฮเลน่าก็มองไปที่เฟนด์อีกครั้ง “อันที่จริง เขาไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่คุณคิด!” เธอกล่าว“โอ้โห คุณหนูใหญ่คาเบลโล ผู้ชายเช่นนี้ยังไม่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบอีกหรือ? ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงมาก และเขาก็เป็นหนุ่มหล่อ แม้แต่เหล่าเจ้าตำหนักแห่งชนเผ่าโบราณทั้งสี่ก็เทียบเขาไม่ได้ นอกจากนี้เขารู้จักเล่นแร่แปรธาตุ ขนาดผมเองยังคิดว่าผู้ชายคนนี้สมบูรณ์แบบแล้ว แล้วคุณคิดว่าเขาไม่ใช่เหรอ?”ท่าทีของชายคนนั้นดูไม่เชื่อเอาซะเลยหลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้น “ผู้หญิงในตระกูลของเราทุกคนล้วนเป็นแฟนคลับเขา และพวกเธอล้วนใฝ่ฝันที่จะแต่งงานกับเขา คุณคิดว่าเขาไม่ดีพออีกเหรอ?”เฮเลน่าโกรธมาก เธอจ้องอย่างดุร้าย และพูดอย่างฉุนเฉียวใส่เขาว่า “คนคนนึงจะพูดเรื่องไร้สาระขนาดนี้ได้ยังไง? ทําไมมันถึงสําคัญกับคุณนักว่าเขาจะสมบูรณ์แบบหรือไม่? ออกไป!"ชายคนนั้นก็ยิ่งไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมเฮเลน่าถึงกับโกรธขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะพูดงึมงัมขอโทษและรีบกลับไปหาครอบครัวเขาดาเนียลล่