“นี่ไม่ได้หมายความว่าเฟนด์แข็งแกร่งกว่าพวกเขาเสียหน่อย อีกอย่างพวกเขาก็แค่แลกหมัดกันธรรมดา ๆ เท่านั้น ไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้หรืออะไรทำนองนั้นเลย ถ้าพวกเขาทุ่มสุดตัวกันจริง ๆ ผมไม่คิดว่าเฟนด์จะชนะหรอก!” เทรนตันยังคงไม่มั่นใจ เขาต้องการพึ่งพาตำหนักนภาเพื่อกวาดล้างตระกูลวู๊ด และมันก็เป็นเรื่องน่ายินดีเมื่อโจเอลโจมตีเฟนด์ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเฟนด์จะส่งโจเอลลอยไปในอากาศเช่นนั้นเพราะสมาชิกในตระกูลลึกลับจำนวนมากกำลังมองดูพวกเขาอยู่โจเอลจึงรู้สึกอายที่จะลงมือ อย่างน้อยเรื่องนั้นก็พอฟังขึ้นแต่ตระกูลฮันต์ก้ไม่ได้อ่อนแอ และหากฮันต์ต่อสู้กับตระกูลวู๊ดก็คงจะดีกว่านี้“ใช่ แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ชายหนุ่มจากตระกูลวู๊ดมีพลังเกินกว่าที่เราจะคาดคิด แต่เราก็อาจสามารถฆ่าเขาได้หากมีคนสี่หรือห้าคนเข้าโจมตีเขาพร้อมกัน” เควนตินอธิบายหลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้“เป็นไปได้อย่างไร? แม้ว่าหมอนั่นจะมีระดับพลังยุทธอยู่ในสูงสุดของระดับเทพแท้จริง แต่เขาก็เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับนั้นได้ไม่นาน ปรมาจารย์อย่างคุณเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะต่อกรกับพวกเขาหลายคน ถ้าเสริมคนของเราเข้าไปสักหนึ
“ฉันไม่มีโอกาสเอาชนะคุณได้หรอกถ้าเราต่อสู้กันเพื่อลูกบอล” อเล็กซานเดอร์เหลือบมองเฟนด์และยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันเห็นพลังการต่อสู้ของคุณเมื่อครู่นี้แล้ว ฉันแน่ใจว่าไม่เหมาะกับคุณ”หลายคนตกใจเมื่อได้ยินถ้อยคําที่กล้าหาญของอเล็กซานเดอร์ ท้ายที่สุด เขาคือเจ้านายตระกูลคาเบลโลซึ่งเป็นตระกูลชนชั้นสูงลำดับหนึ่ง ความแข็งแกร่งของเฟนด์จะต้องแข็งแกร่งเป็นพิเศษกระทั่งเจ้านายจากตระกูลหนึ่งถึงกับเอ่ยยกย่องหน้าตาเฉยด้วยรอยยิ้มเม้มปาก เจ้านายจากตระกูลชนชั้นสูงชั้นสอง ผู้อยู่ขั้นสุดท้ายของระดับเทพแท้จริงเสนอว่า “ในความคิดของฉัน เราจะมีโอกาสเช่นนี้ก็เมื่อเราเดินทางแยกกัน หากเราแยกกันไปพอไม่มีใครอีกอยู่กับเรา คนที่มีความสามารถในการต่อสู้ด้อยกว่าเช่นเราถึงจะมีโอกาสได้ลูกบอลที่เราเล็งหามัน”เจ้านายจากอีกตระกูลโต้แย้งว่า “เราจะไม่ลำบากเหรอถ้าเราแยกกันไป ไหนจะต้องเผชิญกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากบนเกาะวายุมืด? นอกจากนั้น มีปรมาจารย์ท้องถิ่นอีกมากมายบนเกาะ และดูทีว่าพวกเขาจะโจมตีพวกเราชาวแผ่นดินใหญ่ทันทีที่เห็น! ชนพื้นเมืองเหล่านี้ต้องมีความสามารถในการต่อสู้ที่ค่อนข้างสูงแน่นอนอยู่แล้ว! นั่นคือเหตุผลที่พวกฮันท์
นายท่านซีเมเนสตะลึงกับทฤษฎีของเฟนด์ แต่เมื่อเขาไตร่ตรองดู ท่าทีของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนมาเป็นประหลาดใจเฟนด์พยักหน้าพูดต่อไป “ลูกบอลหินไม่ใช่หญ้าวิญญาณหรือผลไม้วิญญาณ และทุกคนก็เห็นว่ามันก็ไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้เช่นกัน เป็นเพราะเหตุนี้เองผมถึงแน่ใจว่าจะไม่ได้อะไรจากการศึกษาลูกบอลหินลูกเดียว ไม่ว่ามันไปอยู่กับใครหรือคุณจะศึกษามันไปนานหลายปี เป็นไปได้ถึงขนาดที่ว่าหากไม่มีการรวบรวมลูกบอลหินทั้งเจ็ดลูกก็จะไม่มีใครได้เรียนรู้อะไรจากมัน!”“คําพูดของคุณดูเข้าท่า เป็นการดีที่สุดถ้าเราพยายามลดจํานวนคนที่เสียสละให้เหลือน้อยที่สุด ท้ายที่สุดไม่มีใครอยากให้คนในตระกูลของพวกเขาไปตายในพื้นที่นั้นมากเกินไปถูกไหม? คราวนี้ กองกําลังบางแห่งอาจประสบความสูญเสียครั้งใหญ่หากพวกเขาไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ดูวิหารทวยเทพและราชาสิ—พวกเขาสูญเสียยอดฝึมือไปมากมาย!” เชอร์ลีย์พยักหน้าเห็นด้วยแล้วกล่าว “ทําไมเราไม่ทําดังนี้แทน ถ้าเราเจอหญ้าวิญญาณหรือผลไม้วิญญาณ เราจะรวบรวมมันไว้ในแหวนจอมยุทธและมอบให้พวกเราคนหนึ่งเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เราจะวินิจฉัยพวกมันในภายหลังจากที่เราออกจากสถานที่แห่งนั้นมาแล้ว แน่นอนว่าตระกูลที่ทํามากก
เฟนด์ มองไปยังบรรดาหัวหน้าครอบครัวตระกูลชั้นหนึ่งคนอื่น ๆ แล้วถามอย่างยิ้มแย้ม ว่า “แบบนี้ว่ายังไงล่ะ? นายท่านคาเบลโล นายท่านซีเมเนส พวกคุณคิดว่ายังไง?”“ฮ่าฮ่า... ไม่มีปัญหากับเรื่องนั้นหรอก! หากเป็นวิชาการฝึกยุทธจริง เราก็สามารถแบ่งปันให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน ท้ายที่สุดนี่คือสิ่งที่ดีเยี่ยมกว่าสําหรับทุกคน! เราต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการสร้างพันธมิตรความร่วมมือเพราะมันจะเป็นผลดีกับทุกคน” อเล็กซานเดอร์หัวเราะเบา ๆ และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เริ่มชื่นชมความเข้าใจอย่างลึกซึ้งของลูกสาวของเขา เขาต้องยอมรับว่าเฟนด์เป็นอัจฉริยะจริง ๆ เขาไม่เพียงแต่มีความสามารถเท่านั้น แต่เขายังประพฤติตัวดีอีกด้วย ที่สําคัญกว่านั้น เขาฉลาดมากทีเดียวที่เขารู้วิธีชนะใจสมาชิกในตระกูลชั้นสองและชั้นสามสมาชิกของตระกูลชั้นสองและชั้นสามที่ติดตามพวกเขาอาจแม้แต่พยายามเอาใจหรือประจบประแจงตระกูลวู๊ดหลังจากเฟนด์เอ่ยปากก็ทำให้เมื่อเป็นแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยว่า ตระกูลวู๊ดจะกลายเป็นที่หนึ่งในบรรดาตระกูลลึกลับไม่ช้าก็เร็วในทางตรงกันข้าม พวกฮันท์มักจะใช้อำนาจเผด็จการอย่างน่ารังเกียจ อเล็กซานเดอร์ลงความเห็นว่าด้วยทัศนคติข
“ขณะนี้ ระดับความสูงของเราอยู่ห่างจากระดับน้ําทะเลอย่างน้อยหนึ่งพันเมตร สัตว์อสูรทั่วไปจะไม่พบเราได้ง่ายๆ ขณะที่สัตว์อสูรที่ความสามารถในการต่อสู้ต่ำก็ไม่สามารถบินขึ้นมาที่นี่ ดังนั้นทุกคนวางใจได้” เควิน คาเบลโล ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งของตระกูลคาเบลโลกล่าวกับผู้คนขณะมองลงไปยังเบื้องล่างของพวกเขา “ฉันได้เดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ บางแห่งในท้องทะเลเหล่านี้มาสองสามครั้งแล้ว ค้นหาส่วนประกอบที่ใช้ในการกลั่นโอสถ และฉันคุ้นเคยกับบางอย่างที่เกี่ยวกับท้องทะเลเหล่านี้ทีเดียว!” เฟนด์มองไปที่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งซึ่งยืนอยู่บนพรมลอยได้และเอ่ยว่า “ท่านผู้อาวุโสลำดับหนึ่ง ผมสนใจหนังสือตำราโบราณเล่มหนาของคุณ เนื่องจากเราพอมีเวลาว่างในการเดินทางไกลก่อนที่เราจะไปถึงเกาะวายุมืด ผมขอดูหนังสือโบราณของคุณได้ไหม?”รอยยิ้มบนใบหน้าเควินดูแข็ง ๆ มุมปากของเขาสั่น ชายหนุ่มคนนี้กล้าพอจะเอ่ยคําขอดังกล่าว! เขาไม่รู้หรือว่าแม้แต่นายท่านในตระกูลของพวกเขาเองก็ยังต้องเข้ามาปรึกษาหารือกับเขาก่อนหากต้องการมาดูหนังสือโบราณของเขา และให้อ่านได้ในช่วงเวลาจํากัดเท่านั้น?เขาตกตะลึงชั่วขณะก่อนที่เขาจะคืนสภาพดังเดิมในอีกไม่กี่วิน
“ขั้นกลางระดับสอง?” เควินตกตะลึงและในไม่ช้าดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ เขาหายใจแรงท้ายที่สุด โอสถรักษาโรคไม่ใช่สิ่งเดียวที่สําคัญสําหรับนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่ความสามารถในการบ่มเพาะโอสถที่ระดับสูงกว่านั้นสําคัญมากยิ่งกว่าการมีความสามารถในการบ่มเพาะโอสถที่มีระดับสูงขึ้นทําให้นักเล่นแร่แปรธาตุเติบโตก้าวหน้าสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้นแน่นอนว่าคุณค่าที่เกิดจากการบ่มเพาะโอสถที่ประสบความสําเร็จนั้นเทียบไม่ได้กับโอสถชนิดเม็ดรุ่นก่อน นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นต้นระดับสอง และนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสองดูเหมือนจะแตกต่างกันเล็กน้อยที่ระดับ แต่ความแตกต่างเล็กน้อยนี้ก็เพียงพอที่จะเพิ่มสถานภาพของฝ่ายหลังให้สูงขึ้นมากกว่าผู้อื่นท้ายที่สุด มูลค่าของโอสถขั้นกลางระดับสองนั้นมากกว่าโอสถขั้นต้นระดับสองหลายเท่าตัว“โอ้โห! ฉันได้ยินเขามาถูกต้องไหม? ชายหนุ่มคนนี้ต้องการสอนผู้อาวุโสลำดับแรกของเราถึงวิธีการบ่มเพาะโอสถขั้นกลางระดับสอง” รุ่นเยาว์บางส่วนจากตระกูลคาเบลโลร้องอุทาน หลังจากตื่นตระหนกตกใจสุดขีดและคิดว่าพวกเขากําลังฝันคนรุ่นเก่าบางคนขมวดคิ้วและถามอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก “นี่เป็นเรื่องตลกเหรอ? ถึง
“พวกมันเป็นเมฆโอสถ เอาล่ะ โอสถที่ผู้ชายคนนี้ศึกษาและลงมือบ่มเพาะด้วยตัวเองขึ้นมาสามารถบรรลุผลลัพธ์ได้ถึงระดับนี้เลยหรือนี่?” ชายชราสำลักขณะเขาจ้องเฟนด์ด้วยความตกใจเควินจับตาดูยาอยู่พักใหญ่ก่อนที่เขาจะหันไปหาเฟนด์และถามอย่างลังเลว่า “คุณเต็มใจให้โอสถเช่นนี้กับฉันจริงเหรอ?”เฟนด์พยักหน้า "ก็เรามีข้อตกลงกันอยู่ไม่ใช่หรือครับ?""ใช่ ใช่!" เควินพยักหน้า ข้อสงสัยที่ว่าเฟนด์ไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสองนั้นไม่มีอีกแล้ว เขาเชื่อว่าเฟนด์เป็นคนที่บ่มเพาะโอสถดังกล่าวเฟนด์พลิกมือของเขาอีกครั้งและเปิดเผยวิธีการบ่มเพาะโอสถขั้นกลางระดับสอง ก่อนที่จะมอบให้เควินจากนั้นเควินก็นําตำราโบราณที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองออกมาส่งมอบให้เฟนด์"ขอบคุณครับ ผู้อาวุโสลำดับแรก!" เฟนด์ยิ้มแย้มแจ่มใสกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ“ไม่จําเป็นต้องสุภาพมากขนาดนี้ ฉันมาคิดถึงมันดูแล้วตำราโบราณเล่มนี้ก็ไม่สําคัญขนาดนั้น ฉันศึกษามันมานานแล้วและมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ฉันเคยคิดว่ามันมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการฝ่าฟันไปสู่ระดับเทพสูงสุด” เควินยิ้มขมขื่น “ตำราโบราณเล่มนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับคนอื่นมากนัก แต่สําคัญสําหรับค
สภาพของเฟอร์นันโดทําให้หัวใจของเฟนด์หนักอึ้งด้วยความรู้สึกผิดเฟนด์สาบานว่าจะทําทุกอย่างเพื่อช่วยเขาไม่ใช่แค่เพราะเฟอร์นันโดเป็นศิษย์ของเขา และไม่ใช่เพราะเฟอร์นันโดฆ่าศัตรูแผ่นดินของพวกเขาได้เป็นจํานวนมากและมีส่วนสนับสนุนต่อแคทธีเซียมากมายเหลือคณาเหนือสิ่งอื่นใด เหตุที่ทำให้เฟอร์นันโดตกอยู่ในสภาพนี้คือ เฟนด์มอบหมายให้เขาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเกล็ดมังกร จนส่งผลให้เฟอร์นันโดตกอยู่ในสภาพปัจจุบันแน่นอนว่าร่างกายของเฟนด์นั้นสมบูรณ์แล้วเพราะพวกเขาได้รับเกล็ดมังกรมา นั่นคือเหตุผลที่เขาสามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้หลังจากที่เขาบรรลุเข้าถึงระดับเทพแท้จริงเฟนด์ข้ามไปดูที่ครึ่งล่างของหนังสือโบราณเล่มโตและเริ่มดูมันไปทีละหน้า หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นบันทึกของมีค่าสามชิ้นที่เควินกล่าวถึงหนึ่งในรายการเหล่านี้คือโอสถขั้นต้นระดับสี่ที่เรียกว่ายาฟื้นคืนชีพ อีกสองรายการเป็นผลไม้จิตวิญญาณที่มีชื่อว่า ‘ผลวิญญาณ’ และหญ้าพันปี ของมีค่าทั้งสองสิ่งนี้มีคุณภาพสูงและเป็นสิ่งล้ำค่าระดับสามเฟนด์บันทึกคุณสมบัติของสิ่งของล้ำค่าทั้งสองนี้และคัดลอกวิธีการรักษาของยาฟื้นคืนชีพก่อนที่เขาจะคืนหนังสือโบราณให้เคว