“ขณะนี้ ระดับความสูงของเราอยู่ห่างจากระดับน้ําทะเลอย่างน้อยหนึ่งพันเมตร สัตว์อสูรทั่วไปจะไม่พบเราได้ง่ายๆ ขณะที่สัตว์อสูรที่ความสามารถในการต่อสู้ต่ำก็ไม่สามารถบินขึ้นมาที่นี่ ดังนั้นทุกคนวางใจได้” เควิน คาเบลโล ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งของตระกูลคาเบลโลกล่าวกับผู้คนขณะมองลงไปยังเบื้องล่างของพวกเขา “ฉันได้เดินทางไปยังเกาะต่าง ๆ บางแห่งในท้องทะเลเหล่านี้มาสองสามครั้งแล้ว ค้นหาส่วนประกอบที่ใช้ในการกลั่นโอสถ และฉันคุ้นเคยกับบางอย่างที่เกี่ยวกับท้องทะเลเหล่านี้ทีเดียว!” เฟนด์มองไปที่ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งซึ่งยืนอยู่บนพรมลอยได้และเอ่ยว่า “ท่านผู้อาวุโสลำดับหนึ่ง ผมสนใจหนังสือตำราโบราณเล่มหนาของคุณ เนื่องจากเราพอมีเวลาว่างในการเดินทางไกลก่อนที่เราจะไปถึงเกาะวายุมืด ผมขอดูหนังสือโบราณของคุณได้ไหม?”รอยยิ้มบนใบหน้าเควินดูแข็ง ๆ มุมปากของเขาสั่น ชายหนุ่มคนนี้กล้าพอจะเอ่ยคําขอดังกล่าว! เขาไม่รู้หรือว่าแม้แต่นายท่านในตระกูลของพวกเขาเองก็ยังต้องเข้ามาปรึกษาหารือกับเขาก่อนหากต้องการมาดูหนังสือโบราณของเขา และให้อ่านได้ในช่วงเวลาจํากัดเท่านั้น?เขาตกตะลึงชั่วขณะก่อนที่เขาจะคืนสภาพดังเดิมในอีกไม่กี่วิน
“ขั้นกลางระดับสอง?” เควินตกตะลึงและในไม่ช้าดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ เขาหายใจแรงท้ายที่สุด โอสถรักษาโรคไม่ใช่สิ่งเดียวที่สําคัญสําหรับนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่ความสามารถในการบ่มเพาะโอสถที่ระดับสูงกว่านั้นสําคัญมากยิ่งกว่าการมีความสามารถในการบ่มเพาะโอสถที่มีระดับสูงขึ้นทําให้นักเล่นแร่แปรธาตุเติบโตก้าวหน้าสู่ระดับชั้นที่สูงขึ้นแน่นอนว่าคุณค่าที่เกิดจากการบ่มเพาะโอสถที่ประสบความสําเร็จนั้นเทียบไม่ได้กับโอสถชนิดเม็ดรุ่นก่อน นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นต้นระดับสอง และนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสองดูเหมือนจะแตกต่างกันเล็กน้อยที่ระดับ แต่ความแตกต่างเล็กน้อยนี้ก็เพียงพอที่จะเพิ่มสถานภาพของฝ่ายหลังให้สูงขึ้นมากกว่าผู้อื่นท้ายที่สุด มูลค่าของโอสถขั้นกลางระดับสองนั้นมากกว่าโอสถขั้นต้นระดับสองหลายเท่าตัว“โอ้โห! ฉันได้ยินเขามาถูกต้องไหม? ชายหนุ่มคนนี้ต้องการสอนผู้อาวุโสลำดับแรกของเราถึงวิธีการบ่มเพาะโอสถขั้นกลางระดับสอง” รุ่นเยาว์บางส่วนจากตระกูลคาเบลโลร้องอุทาน หลังจากตื่นตระหนกตกใจสุดขีดและคิดว่าพวกเขากําลังฝันคนรุ่นเก่าบางคนขมวดคิ้วและถามอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก “นี่เป็นเรื่องตลกเหรอ? ถึง
“พวกมันเป็นเมฆโอสถ เอาล่ะ โอสถที่ผู้ชายคนนี้ศึกษาและลงมือบ่มเพาะด้วยตัวเองขึ้นมาสามารถบรรลุผลลัพธ์ได้ถึงระดับนี้เลยหรือนี่?” ชายชราสำลักขณะเขาจ้องเฟนด์ด้วยความตกใจเควินจับตาดูยาอยู่พักใหญ่ก่อนที่เขาจะหันไปหาเฟนด์และถามอย่างลังเลว่า “คุณเต็มใจให้โอสถเช่นนี้กับฉันจริงเหรอ?”เฟนด์พยักหน้า "ก็เรามีข้อตกลงกันอยู่ไม่ใช่หรือครับ?""ใช่ ใช่!" เควินพยักหน้า ข้อสงสัยที่ว่าเฟนด์ไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสองนั้นไม่มีอีกแล้ว เขาเชื่อว่าเฟนด์เป็นคนที่บ่มเพาะโอสถดังกล่าวเฟนด์พลิกมือของเขาอีกครั้งและเปิดเผยวิธีการบ่มเพาะโอสถขั้นกลางระดับสอง ก่อนที่จะมอบให้เควินจากนั้นเควินก็นําตำราโบราณที่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองออกมาส่งมอบให้เฟนด์"ขอบคุณครับ ผู้อาวุโสลำดับแรก!" เฟนด์ยิ้มแย้มแจ่มใสกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ“ไม่จําเป็นต้องสุภาพมากขนาดนี้ ฉันมาคิดถึงมันดูแล้วตำราโบราณเล่มนี้ก็ไม่สําคัญขนาดนั้น ฉันศึกษามันมานานแล้วและมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ฉันเคยคิดว่ามันมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการฝ่าฟันไปสู่ระดับเทพสูงสุด” เควินยิ้มขมขื่น “ตำราโบราณเล่มนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรกับคนอื่นมากนัก แต่สําคัญสําหรับค
สภาพของเฟอร์นันโดทําให้หัวใจของเฟนด์หนักอึ้งด้วยความรู้สึกผิดเฟนด์สาบานว่าจะทําทุกอย่างเพื่อช่วยเขาไม่ใช่แค่เพราะเฟอร์นันโดเป็นศิษย์ของเขา และไม่ใช่เพราะเฟอร์นันโดฆ่าศัตรูแผ่นดินของพวกเขาได้เป็นจํานวนมากและมีส่วนสนับสนุนต่อแคทธีเซียมากมายเหลือคณาเหนือสิ่งอื่นใด เหตุที่ทำให้เฟอร์นันโดตกอยู่ในสภาพนี้คือ เฟนด์มอบหมายให้เขาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเกล็ดมังกร จนส่งผลให้เฟอร์นันโดตกอยู่ในสภาพปัจจุบันแน่นอนว่าร่างกายของเฟนด์นั้นสมบูรณ์แล้วเพราะพวกเขาได้รับเกล็ดมังกรมา นั่นคือเหตุผลที่เขาสามารถแปลงร่างเป็นมังกรได้หลังจากที่เขาบรรลุเข้าถึงระดับเทพแท้จริงเฟนด์ข้ามไปดูที่ครึ่งล่างของหนังสือโบราณเล่มโตและเริ่มดูมันไปทีละหน้า หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เห็นบันทึกของมีค่าสามชิ้นที่เควินกล่าวถึงหนึ่งในรายการเหล่านี้คือโอสถขั้นต้นระดับสี่ที่เรียกว่ายาฟื้นคืนชีพ อีกสองรายการเป็นผลไม้จิตวิญญาณที่มีชื่อว่า ‘ผลวิญญาณ’ และหญ้าพันปี ของมีค่าทั้งสองสิ่งนี้มีคุณภาพสูงและเป็นสิ่งล้ำค่าระดับสามเฟนด์บันทึกคุณสมบัติของสิ่งของล้ำค่าทั้งสองนี้และคัดลอกวิธีการรักษาของยาฟื้นคืนชีพก่อนที่เขาจะคืนหนังสือโบราณให้เคว
เฟนด์ล้มเลิกแผนนั้นไปในที่สุดเพราะเขารู้สึกผิดหากทําอย่างนั้นอย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าความซื่อสัตย์ของเขาจะสร้างความประทับใจให้เควิน จนทําให้เขาได้ยืมหนังสือเล่มหนาไปอีกสองสามวันในที่สุด“ฮ่าฮ่า! ใช่ ฉันแน่ใจเกี่ยวกับมัน ในฐานะผู้อาวุโสลำดับแรกของตระกูลคาเบลโล ฉันจะโกหกคุณทำไม? แน่นอน ฉันหวังว่าคุณจะยังคงแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกที่คุณมีเกี่ยวกับการบ่มเพาะโอสถต่อไป!” เควินหัวเราะอย่างจริงใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักว่าการมีน้ำใจจะนำพาความสุขที่ยิ่งใหญ่มาให้เขา“แน่นอนอยู่แล้ว ฮ่าฮ่า!” ”เฟนด์หัวเราะเบา ๆ ด้วยความเบิกบานใจเช่นกัน เขาเริ่มอ่านหนังสือโบราณขณะบังคับดาบบิน“ผู้อาวุโสลำดับแรก คุณลำเอียงเหรอ? ก่อนหน้านี้ฉันขอยืมหนังสือโบราณคุณแค่ประเดี๋ยวเดียว ไม่เพียงแต่คุณขอให้ฉันอ่านมันต่อหน้าคุณเท่านั้น แต่คุณยังตั้งเวลาให้ฉันอ่านด้วย คุณตั้งนาฬิกาปลุกให้ฉันอย่างกับว่ากลัวว่าฉันจะใช้เวลาเพิ่มอีกนาทีกับมัน!”“แต่ตอนนี้คุณให้มันกับเฟนด์ และอนุญาตให้เขาครอบครองมันไว้ตั้งหลายวัน? ให้ตายสิ... ฉันสงสัยแล้วว่าคุณคือผู้อาวุโสลำดับแรกของตระกูลคาร์เบลโลหรือเปล่า นี่คุณกลายเป็นผู้อาวุโสล
เมื่อท้องฟ้ามืดลง ทุกคนก็ได้ใช้พลังฉีไปค่อนข้างมากแล้ว เนื่องจากใช้เวลาบนท้องฟ้ามาเป็นเวลายาวนาน และแล้วพวกเขาก็พบเกาะร้างและใช้เวลาช่วงกลางคืนฟื้นพลังตัวเองเมื่อเฟนด์ว่าง เขานั่งลงข้างกองไฟอ่านหนังสือโบราณ เขามีข้อมูลเชิงลึกใหม่ ๆ เชื่อมโยงกับรายการที่เกี่ยวข้องกับโอสถด้วยเขาพบโอสถรักษาโรคมากมายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนอยู่ในหนังสือโบราณ และหลงใหลไปในสิ่งที่เขาได้อ่าน พยายามจดจํามันอย่างเต็มที่เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนกลับมาเริ่มเดินทางกันต่อดังที่คาดไว้ พวกเขาพบกับสัตว์อสูรมากขึ้นเมื่อเทียบกับวันแรก และสัตว์อสูรเหล่านี้มีความสามารถในการต่อสู้และพลังการต่อสู้ที่สูงขึ้นไม่ต้องบอกเลย ยิ่งพวกเขาข้ามทะเลลึกเข้าไปมากขึ้นเท่าไร สัตว์อสูรก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นเกาะเล็ก ๆ บางแห่งมีกองกําลังเล็ก ๆ อยู่บ้าง แต่ชาวเกาะเหล่านี้ไม่กล้าออกมาถามอะไรเลยเมื่อเห็นคนกลุ่มใหญ่ ประมาณสองแสนถึงสามแสนคนลอยมาบนท้องฟ้า พวกเขายังแอบสวดอ้อนวอนให้คนเหล่านี้จะไม่ลงมาทำให้พวกเขาเดือดร้อนแน่นอนว่าการรวมตัวของผู้คนจํานวนมหาศาลเช่นนี้ดึงดูดความสนใจของกองกําลังที่มีขนาดใหญ่กว่าในท้องทะเลเหล่านี้เมื่อเวลาผ่า
ดวงตาของชายชราเปล่งประกายขณะที่พูด “เรามีปรมาจารย์มากมายในระดับเทพแท้จริงอยู่ที่นี่ ร่วมกับกองกําลังทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การนําของเรา หากเราดําเนินการร่วมกัน เราจะมีจํานวนมากกว่าพวกเขา ฉันเชื่อว่าพวกเขาคงไม่กล้าต่อสู้และจะส่งมอบของมีค่าของพวกเขาแต่โดยดี”หลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ โดยคิดไปว่าพวกเขาสามารถบรรลุความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เจ้าวิหารแห่งวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หันไปหา ผู้อาวุโสโมสลีย์ ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างและไม่พูดอะไรเลย เขาจึงถามว่า “ท่านผู้อาวุโสโมสลีย์ ทําไมคุณไม่พูดอะไรเลย? มีความคิดเห็นถึงเรื่องนี้อย่างไรบ้าง?”ผู้อาวุโสเกือบทั้งหมดพยักหน้าเห็นด้วยกับมุมมองของชายชรา แต่มีเพียงผู้อาวุโสโมสลีย์เท่านั้นที่ยืนอยู่ที่นั่นราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น“ฮ่าฮ่า! ท่านผู้อาวุโสโมสลีย์คิดอะไรได้หรือ? ฉันมั่นใจว่าความคิดของฉันดีที่สุด และเนื่องจากคนอื่น ๆ ทุกคนก็เห็นด้วยกับฉัน เขาจะมีความคิดอะไรออกมาอีกก็ไม่สำคัญ!” ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนหัวเราะ ดวงตาเต็มไปด้วยการสบประมาทและยั่วยุเหมือนที่เขาทําอยู่ ท้ายที่สุด เขาและผู้อาวุโสโมสลีย์ชิงความได้เปรียบกันอยู่เสมอ ผู้อาวุ
“ระดับเทพสูงสุด!”ทุกคนตะลึงเมื่อได้ยินคํานั้นถึงกับผงะหงายอย่างเห็นได้ชัดแต่ละคนที่เข้าการประชุมนั้นคือนักสู้ระดับบนสุด ด้วยระดับการบ่มเพาะอย่างน้อยขั้นสูงของระดับเทพแท้จริง เนื่องจากพวกเขาต่อสู้กับบรรดาสัตว์อสูรในทะเลบ่อยครั้ง นักสู้จากดินแดนท้องทะเลจึงมีวิชายุทธต่างๆ ที่น่าหวาดหวั่น สมรรรถนะความอดทนของร่างกายพวกเขาถูกหล่อหลอมผ่านประสบการณ์มากมาย“ผู้อาวุโสโมสลีย์ คุณต้องล้อเล่นแน่ ๆ? คุณกําลังบอกว่าพวกเขามาที่ดินแดนของเราเพื่อบรรลุระดับเทพสูงสุด? คุณมีหลักฐานอะไร?”ผู้อาวุโสฮาร์ทแมนตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็สงบสติอารมณ์และถามผู้อาวุโสโมสลีย์“ถูกต้อง.. ผู้อาวุโสโมสลีย์ อย่าหลงกลพวกเขา เราอยู่ในมหาสมุทรมาตั้งหลายปีแล้วและไม่เคยรู้เรื่องระดับเทพสูงสุด เบาะแสอะไรที่พวกเขาบนแผ่นดินมาตามหา? อย่าบอกฉันนะว่าพวกเขาคุ้นเคยกับมหาสมุทรมากกว่าพวกเรา?”ผู้อาวุโสอีกคนที่อยู่เบื้องหลังผู้อาวุโสฮาร์ทแมนก็ก้าวมาข้างหน้าด้วยเช่นกัน พร้อมกับรอยยิ้มเย็นเยือกทว่าผู้อาวุโสโมสลีย์ไม่สนใจทั้งสองคน เขาเผชิญหน้ากับเจ้าวิหารแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งและยกมือขึ้นทำการคารวะ “ท่านอาจารย์ คิดทบ