เฮเลน่ากลอกตาไปที่ดาเนียลล่า “ฉันบอกพ่อว่าเธอสัญญาว่าจะให้น้ำศักดิ์สิทธิ์แก่ตระกูลวู๊ด” เธอกล่าว “ความคิดที่จะขโมยของเธอมันผิด แม้ว่ามันจะเป็นสมบัติของตระกูลเราเองก็เถอะ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกพ่อ ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะยอมง่าย ๆ แถมเขายังบอกอีกด้วยว่าเนื่องจากเราไม่ได้รับข่าวว่านายท่านวู๊ดถูกสังหาร นั่นหมายความว่าสมาชิกในตระกูลวู๊ดสามารถป้องกันการซุ่มโจมตีได้ เราไม่อาจดูถูกตระกูลวู๊ดได้อีกต่อไป และเราควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาด้วย!”“พ่อเป็นคนให้สิ่งนี้มา ช่างดีเหลือเกิน ฉันคิดว่าเขาจะโกรธด้วยซ้ำหากเขารู้ ฉันไม่คิดว่าเขาจะให้น้ำศักดิ์สิทธิ์มากขนาดนี้เลย!”ดาเนียลล่ามีความสุขมากยิ่งขึ้น เธอตื่นเต้นราวกับเด็กที่เพิ่งได้ของกิน“หึ.. พ่อบอกว่าเฟนด์ช่วยเราฆ่านายน้อยลำดับที่หนึ่งตระกูลฮันท์ และช่วยชีวิตคนของเราจำนวนมาก ดังนั้นเราต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตระกูลของเขา เขายังแนะนำฉันแบบนี้ด้วยซ้ำ…”ขณะที่เธอพูด สีหน้าของเฮเลน่าก็เขินอายมากขึ้น เธออายที่จะพูดต่อไป“แนะนำพี่? พ่อแนะนำอะไรพี่บ้าง?”ดาเนียลล่าขมวดคิ้ว เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมของพี่สาวคนโตของเธอแล้ว ดูเหมือนว่ามันเ
“แต่นายน้อยลำดับแรกและลำดับที่สองของตระกูลฮันท์เสียชีวิตไม่นานมานี้ สมาชิกในตระกูลฮันท์อาจพยายามสืบหาว่าใครเป็นคนฆ่าพวกเขา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ฉันจะประกาศเลิกกับเฟนด์จริง ๆ!”เฮเลน่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดในสิ่งที่คิดเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ ดาเนียลล่าก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบว่า “นั่นไม่สำคัญหรอก อย่างไรเสีย นายน้อยลำดับที่สองตระกูลก็จะไม่อาจกวนใจพี่ได้อีกต่อไป เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนจะเริ่มลืมเรื่องนี้ ถ้ามีใครถามพี่ ก็แค่บอกว่าพวกพี่สองคนเลิกกันเพราะต่างเข้ากันไม่ได้!”“เธอก็แค่รอให้เรื่องความสัมพันธ์จอมปลอมของเราจบลง เพื่อที่ตัวเองจะได้อยู่กับเฟนด์ใช่ไหม?”เฮเลน่ากลอกตาไปที่ดาเนียลล่า แล้วพูดติดตลกว่า “เอาจริงนะ บางทีฉันควรเก็บเขาไว้คนเดียว คนรักของเธอเป็นคนรักตัวอย่างเลยทีเดียว!”“พี่ใหญ่ พี่ พี่ ถ้าพี่ทำอย่างนั้น ฉันคงทนไม่ได้แน่ ๆ!”ดาเนียลล่ากระทืบเท้า ทำตัวน่ารักต่อหน้าพี่สาว“หึ.. ฉันแค่ล้อเล่น ฉันแค่อยากเห็นการตอบสนองของเธอ!”เฮเลน่าตอบพร้อมหัวเราะเบา ๆเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันต่อมา ตระกูลคาเบลโลก็เริ่มตื่นเต้นในไม่ช้าสมาชิกในตร
“จริงสิ มันแปลกนะ ไม่มีข่าวจากตำหนักนภาเช่นกัน ว่ากันตามเหตุผลแล้วลิลลี่ ลาโกริโอต้องแต่งงานกับเจ้าตำหนักเพื่อโจมตีตระกูลวู๊ดแน่ แม้แต่คนไม่ฉลาดนักยังมองออก!”อเล็กซานเดอร์ขมวดคิ้ว ทั้งสองบินลงจากภูเขาอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นไม่นาน อีกเจ็ดตระกูลชั้นหนึ่งก็มาถึงอย่างช้า ๆเมื่อนายท่านฮันท์เห็นเฟนและคนอื่น ๆ สีหน้าของเขาก็มืดลง เขานึกอยากจะถลกหนังเฟนด์ทั้งเป็น“นายท่านวู๊ด ผมไม่คิดว่าลูกชายของคุณจะมีความสามารถขนาดนี้ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะเรียกเขาว่าอัจฉริยะใช่ไหม?”นายใหญ่ฮันท์แสดงความคิดเห็นหลังจากเห็นแนช“หึ.. ผมไม่รู้ว่าคุณหมายถึงอะไร นายใหญ่ฮันท์!”แนชหัวเราะเบา ๆ หลังจากได้ยินเช่นนั้น หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงจะกังวลกับคำพูดของชายชรา ทว่าตอนนี้เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวตระกูลฮันท์อีก“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก เราเพิ่งได้ยินข่าวลือว่าลูกชายของคุณฆ่าหลานชายทั้งสองคนของผม!”นายใหญ่ฮันท์ยิ้มอย่างเย็นชา “ด้วยพลังการต่อสู้นั้น ลูกชายของคุณคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง จะมีใครอีกที่มีสิทธิ์ใช้ฉายานั้น”เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ แนชไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ หลั
“ไม่สำคัญเหรอว่าใครเป็นคนฆ่าพวกเขา? แนช วู๊ด พวกเขาเป็นลูกชายของนายท่านฮันท์ ลูกชายอัจฉริยะถึงสองคน! ตอนนี้พวกเขาตายไปแล้ว! และคุณคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เหรอ?” ผู้อาวุโสของตระกูลฮันท์ก้าวไปข้างหน้าและตะคอกใส่แนช น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทและความเกลียดชัง และใบหน้าของเขาก็แดงจัดราวกับกำลังโกรธอย่างมาก ชายชราคนนี้จะพูดด้วยน้ำเสียงเมินเฉยเช่นนี้ได้อย่างไร? ชายชราลืมสถานะของตระกูลฮันท์ในโลกของการต่อสู้นี้ไปแล้วหรือ? ผู้อาวุโสอีกคนของตระกูลฮันท์พูดขึ้นและเย้ยหยัน “แนช วู๊ด ดูเหมือนว่าคุณจะไม่รู้ถึงพลังของตระกูลฮันท์ใช่ไหม? ผมจะบอกให้เอาบุญว่าผู้อาวุโสอีกคนในตระกูลฮันท์ได้ทะลวงไปสู่ขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงเมื่อเร็ว ๆ นี้ไปแล้ว!” ผู้อาวุโสเชิดหน้าขึ้นสูงในขณะที่เขาคุยโม้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจราวกับว่าตระกูลฮันท์กำลังครองโลก ความแข็งแกร่งของตระกูลขึ้นอยู่กับจำนวนนักสู้ชั้นยอดที่มี เมื่อมีคนที่บรรลุสู่ขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงในตระกูลฮันท์ ตำแหน่งของตระกูลฮันท์ในบรรดาตระกูลลึกลับนั้นย่อมสูงส่งมั่นคงกว่าเมื่อก่อนอย่างแน่นอน "อะไรกัน? เพิ่มอีกคนหนึ่งเหร
“ผู้อาวุโสฮันท์ ผมไม่คิดว่าสิ่งที่ลูกชายผมพูดจะมีปัญหาตรงไหน ก่อนหน้านี้ในการแข่งขัน กฎชีวิตหรือความตายถูกเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากปากของตระกูลฮันท์เอง เราก็แค่ปฏิบัติตามกฎนั้น อย่าบอกนะว่าคุณต้องการโยนความผิดทั้งหมดไปที่ลูกชายของผม และล้างแค้นให้หลานชายของคุณ หืม?” แนชยิ้มอย่างอ่อนโยนในขณะที่โต้ตอบนายใหญ่ฮันท์ หากสิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนที่เฟนด์จะปรากฏตัวในชีวิตของเขา เขาคงจะไม่กล้าพูดอย่างมั่นใจต่อหน้าตระกูลฮันท์เช่นนี้ “พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่?” ก่อนที่นายใหญ่ฮันท์จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ อเล็กซานเดอร์ก็ก้าวเข้ามาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ทันที “การแข่งขันได้ผ่านพ้นไปนานแล้ว และบุตรชายของตระกูลอื่น ๆ ก็เสียชีวิตในการแข่งขันนั้น พวกเขาต่างก็เป็นสิ่งล้ำค่าของตระกูลตัวเองเช่นกัน แต่หัวข้อหลักสำหรับวันนี้คือการพูดคุยถึงวิธีการบุกเข้าไปในเจ็ดจุดอันตรายและหาทางบรรลุไปสู่ระดับเทพสูงสุดไม่ใช่หรือ? นี่คือสิ่งที่เราควรคุยกัน!” “นายท่านคาเบลโลพูดถูก อย่ามาทะเลาะกันเรื่องนี้เลย เข้าใจไหม?” เชลบี้ แลงคาสเตอร์ นายหญิงตระกูลแลงคาสเตอร์ก้าวขึ้นมาและเปล่งเสียงออกมา “จริง ๆ แล้
เทรนตันรู้ดีอยู่ในใจว่าเขาไม่สามารถยอมรับได้ว่าลูกสาวของเขาบอกสี่ชนเผ่าโบราณเรื่องเจ็ดจุดอันตรายไป ถ้าตระกูลลึกลับเหล่านี้รู้เรื่องเข้า พวกเขาจะโยนความผิดทั้งหมดมาให้ตระกูลลาโกริโอ และนั่นจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับตระกูลของเขานายใหญ่ฮันท์จมดิ่งสู่ห้วงความคิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “มันไม่สำคัญหรอกว่าใครเป็นคนฉ้อฉล เรามาที่นี่ในวันนี้เพื่อหารือว่าเราควรจัดการกับเจ็ดจุดอันตรายอย่างไร สถานที่แต่ละแห่งในเจ็ดจุดอันตรายนั้นอันตรายและเสี่ยงอย่างยิ่ง และพวกเราก็ไม่เคยมีใครย่างกรายไปที่นั่นมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงจุดที่ลึกที่สุดของเจ็ดจุดอันตรายนั้นด้วยซ้ำ เราไม่รู้ว่าที่นั่นเป็นอย่างไร และแม้ว่าแต่ละตระกูลลึกลับจะส่งอัจฉริยะชั้นยอดมาตระกูลละหนึ่งคนมารวมพลังกัน ผมก็ยังคิดว่ามันอันตรายอยู่ดี!” เขาแสดงความคิดเห็นของเขาเกี่ยวกับแผนการ“ผมสงสัยว่าจุดอันตรายทั้งเจ็ดบนแผนที่หมายถึงอะไร… อืมมม… ยิ่งกว่านั้น หากชนเผ่าโบราณทั้งสี่ได้ส่งคนออกไปสำรวจเจ็ดจุดอันตรายแล้ว เราก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาอยู่ในจุดใดบ้าง และหากพวกเขาจัดคนไว้เฝ้าสถานที่เหล่านั้นด้วยล่ะ?”หัวหน้าตระกูลชั้นสองพูดความในใจของเขาหลังจากใช้ความคิดบางอย่
บางคนในฝูงชนอ้าปากค้างกับสถานการณ์ตรงหน้า พวกเขากังวลแทนเฟนด์“ทำไมนายท่านตระกูลวู๊ดถึงไม่ปรามลูกชายเรื่องมารยาท? พวกเขาไม่กลัวว่าเจ้าตำหนักคอลลินส์จะโกรธและฆ่าลูกชายของเขาทันทีหรือ? แย่ไปกว่านั้น เจ้าตำหนักคอลลินส์อาจทำให้ตระกูลวู๊ดทั้งตระกูลต้องสูญสิ้น!”หัวหน้าตระกูลของตระกูลชั้นสามรู้สึกประหลาดใจที่เฟนด์ กล้าบ้าบิ่นและเอ่ยในสิ่งที่คิดเช่นเดียวกันกับคนอื่น ๆแม้ว่าทุกคนจะรู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่ลิลลี่ทำ เรื่องที่ฉ้อฉลต่อพวกเขา แต่พวกเขาไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้ใส่โจเอล เจ้าตำหนักนภาอย่างแน่นอนทว่าสิ่งที่ฝูงชนไม่รู้ก็คืออีกฝ่ายเองรู้ว่าเฟนด์ลุกขึ้นเพราะเรื่องเมื่อตอนที่เฟนด์และอีกสองคนเข้าร่วมพิธีแต่งงานของลิลลี่และโจเอลที่ตำหนักนภา ถ้าเฟนด์ไม่หงายไพ่ที่ซ่อนอยู่ อีกฝ่ายคงฆ่าเฟนด์และพวกพ้องของเขาไปนานแล้ว และหากพวกเขาทั้งสามเสียชีวิต การคงอยู่ของตระกูลวู๊ดก็จะได้รับผลกระทบอย่างสาหัส ตระกูลวู๊ดอาจถึงคราวล่มสลายเมื่อเฟนด์นึกถึงวันที่ตำหนักนภาส่งนักสู้ชั้นยอดหกคนออกมาโจมตีพวกเขาทั้งสามคน ความโกรธแค้นก็ไหลผ่านร่างเขาราวกับลาวา“เฟนด์ คุณมันใจกล้าดีจริง ๆ คุณไม่รู้หรือว่าเขาเป็นใคร? เขา
“เจ้าหนุ่ม อย่ากล่าวหาเราโดยไม่มีหลักฐาน!” ผู้อาวุโสจากตำหนักนภาก้าวออกมาปกป้องเสียงดังในทันที “เรารู้ว่ามีสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏตัวขึ้นในป่าแห่งนั้น เราจึงส่งคนของเราไปฆ่ามัน เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรเข้ามาในหมู่บ้านหรือเมืองใกล้เคียงและทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่นั่น! แต่เราไม่ได้คาดหวังว่าสัตว์อสูรจะทรงพลังและมีกรงเล็บที่แหลมคมมากเช่นนั้น! มันฆ่าผู้อาวุโสทั้งหกของตำหนักนภา!” "เป็นไปไม่ได้! มีสัตว์อสูรที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ในป่าแห่งนั้นด้วยหรือ?” “พระเจ้า! ผู้อาวุโสทั้งหก! ผู้ที่สามารถเป็นผู้อาวุโสของตำหนักนภาได้จะต้องบรรลุผ่านไปสู่ขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริง! ทั้งที่มีความแข็งแกร่งและความกล้าหาญในการต่อสู้เช่นนั้น พวกเขากลับถูกฆ่าโดยสัตว์อสูร?” หลายคนอ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำนี้ พวกเขาตกใจกับข่าวนี้ “สัตว์อสูร?” เฟนด์และแนชสบตากันและสีหน้าของพวกเขาก็แปลกไป ตำหนักนภาไม่เชื่อว่าผู้อาวุโสของพวกเขาถูกฆ่าโดยคนทั้งสามจากตระกูลวู๊ด และพวกเขาคิดว่าผู้อาวุโสทั้งหกได้พบกับสัตว์อสูรที่ทรงพลังและถูกมันฆ่า! แต่เหตุผลของพวกเขาก็ไม่ผิดไปเสียทีเดียว ท้ายที่สุดเฟนด์ก็กลายร่างเป็นมังก