“นายน้อยเฟนด์ เป็นอะไรหรือเปล่า? อาการบาดเจ็บของคุณเป็นยังไงบ้าง? มันร้ายแรงไหม?” เมื่อเห็นเฟนด์ในสภาพเช่นนี้ เคนเนธรู้สึกกังวลเล็กน้อยในใจ เพราะกลัวว่าเฟนด์จะได้รับบาดเจ็บสาหัส “ผมไม่เป็นไร ทักษะการแปลงร่างมนุษย์เป็นมังกรจะทำได้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ะดับเทพแท้จริงแล้วเท่านั้น และผมก็ใช้มันได้แค่ครู่เดียว ข้อดีของทักษะนี้คือ พลังการต่อสู้และความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นมาก แต่ข้อเสียคือ มันใช้พลังฉีมากเกินไป!”เฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่นนิด ๆ ก่อนที่จะอธิบายว่า “ตอนนี้ผมต้องเติมพลังฉีก่อน ขอพักสักหนึ่งหรือสองชั่วโมงนะ!”“ดีจริง ๆ ที่คุณไม่เป็นไร ฉันดีใจมาก!" แนชกับเคนเนธถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีเมื่อได้ยินว่าเฟนด์ไม่เป็นไร ในที่สุดก้อนหินที่หนักอึ้งในใจของพวกเขาก็ถูกยกออกไป หลังจากพักไประยะหนึ่ง อาการบาดเจ็บของทุกคนก็ดีขึ้น และพลังฉีของเฟนด์ก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นเขาจึงกลับไปยังสถานที่ต่อสู้เมื่อกี้แล้วรวบรวมแหวนและอาวุธของผู้เสียชีวิตหกคนอย่างไรเสีย ทั้งหกคนนี้ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริง และเนื่องจากพวกเขาเป็นผู้อาวุโสของตำหนักนภา ดังนั้นแหวนจอ
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว แนชก็ยิ้มออกมา“หึ ๆ ฉันพนันได้เลยว่าครั้งนี้คนของตำหนักนภาคงจะร้องไห้แทบตาย ที่นักสู้หกคนในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงเสียชีวิตไปในคราวเดียว นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับพวกเขา! ในตอนแรก อาจพูดได้ว่าสี่เผ่าโบราณมีพลังและอำนาจเท่าเทียมกัน แต่ตอนนี้ ตำหนักนภา คงเป็นได้แค่ 'น้องเล็ก' ต่อหน้าเผ่าโบราณอีกสามเผ่าเท่านั้น!”เคนเนธรู้สึกตื่นเต้นนิด ๆ เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาและการแสดงออกของเจ้าตำหนักนภา โจเอล คอลลินส์ เมื่อเขารู้ว่านักสู้ชั้นยอดของเขาทั้งหกคนตายไปแล้ว“ฉันไม่สนใจว่าโจเอลจะมีปฏิกิริยายังไง แต่ฉันอยากรู้มากกว่าว่าลิลลี่จะมีปฏิกิริยายังไงหลังจากที่เธอรู้เรื่องนี้!”แนชยิ้มตาม “บางทีพวกเขาอาจจะไม่คิดว่าเราเป็นคนฆ่าด้วยซ้ำ พวกเขาอาจคิดว่าคนจากสามเผ่าโบราณที่เหลือเป็นคนลงมือ!” "ใช่แล้ว พวกเขาคงไม่คิดว่า พวกเราสามคนสามารถฆ่านักสู้ชั้นยอดทั้งหกคนนนั้นได้!”เคนเนธพยักหน้าเห็นด้วย แม้ว่าเขาจะยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ แต่เขาก็รู้สึกมีความสุขที่แก้แค้น หลังจากเหาะมาได้ไม่ถึงชั่วโมง ในที่สุดที่บ้านพักของตระกูลวู๊ดก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเฟนด์กับคนอื่นๆเซเลน่
"อะไรนะ? คุณฆ่านักสู้ชั้นยอดหกคนที่อยู่ขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงด้วยตัวคนเดียวงั้นเหรอ?”เซเลน่าอ้าปากค้างกับข่าวที่เพิ่งรู้ สงสัยว่าเธอได้ยินผิดไปหรือเปล่า เฟนด์ สามีของเธอ เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ขั้นสูงของระดับเทพแท้จริงเมื่อไม่นานนี้ไม่ใช่หรือ? เขาจะฆ่านักสู้ชั้นยอดหกคนด้วยตัวคนเดียวได้ยังไง?“อย่าไปฟังผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งเลย เขาพูดเรื่องไร้สาระ! ถ้าไม่ใช่เพราะเขากับพ่อช่วยถ่วงเวลาอีกสี่คนไว้ ผมจะฆ่าพวกเขาหกคนด้วยตัวคนเดียวได้ยังไง?” เฟนด์ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาคาดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งจะพูดให้สถานการณ์เกินจริงถึงขนาดนี้“ถึงอย่างนั้นมันก็ทรงพลังมากเหมือนกัน!” เซเลน่ายืนนิ่ง ๆ และปิดท้ายด้วยการยิ้มให้เฟนด์ “เอาล่ะ ไปพักผ่อนกันก่อน อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ดูตามเนื้อตัวของคุณสิ เลือดเต็มไปหมด!” “เอาล่ะ งั้นเราจะไม่รบกวนพวกเขาสองคน ออกไปกันเถอะ! พักผ่อนให้เต็มที่เพื่อวันที่กำลังจะมาถึง อีกสิบวันข้างหน้าเราจะต้องออกเดินทางอีกครั้ง!”แนชยิ้มและจากไปพร้อมกับเคนเนธ จากนั้นเฟนด์รีบเข้าไปในบ้าน อาบน้ำอุ่น เปลี่ยนเสื้อผ้า นอนลงบนเตียงและงีบหลับไป เหตุการ
"ว้าว! เจ๋งสุด ๆ ไปเลย! ในที่สุดหนูก็ได้ขี่ดาบบินแล้ว!” ไคลี่ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่บนดาบบิน มองไปที่แสงนับหมื่นดวงเบื้องล่าง เธออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเสียงดัง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เช้าวันต่อมา ลิลลี่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอสงสัยว่าทำไมผู้อาวุโสทั้งหกคนถึงยังไม่กลับมา“ที่รัก ทำไมพวกเขาทั้งหกยังไม่กลับมาอีกล่ะ? ตามแผนแล้ว พวกเขาน่าจะกลับมาถึงเช้านี้หนิ? แต่ตอนนี้จะเที่ยงแล้ว ทำไมยังไม่มีใครกลับมาเเลย!” ลิลลี่เดินเข้าไปหาโจเอล หน้าบึ้งและขมวดคิ้วสงสัย “เฮ้ จะรีบไปไหนล่ะ? มันไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับพวกเขาทั้งหกที่จะฆ่าหนอนสามตัวนั่น! พวกเขาคงหาที่ดื่มและฉลองหลังจากชนะการต่อสู้ ไม่ต้องกังวลไปหรอก! ตอนบ่ายพวกเขาจะกลับมาแน่นอน!” โจเอลยักไหล่และยิ้มอย่างเมินเฉย ไม่กังวลเลยสักนิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้อาวุโสทั้งหกที่เขาส่งไปหรือไม่อย่างไรก็ตาม ในตอนบ่าย โจเอลเองก็เริ่มกังวลเล็กน้อยเมื่อผู้อาวุโสทั้งหกคนยังไม่กลับมาจากนั้นโจเอลก็ส่งคนกลุ่มหนึ่งไปตามหาพวกเขาทั้งหกคนทันทีในทุกสถานที่ที่เป็นไปได้ รวมถึงบริเวณและเส้นทางไปบ้านพักของตระกูลวู๊ด เขาเชื่อว่าตราบใดที่มีการต่อสู้มันต้อ
“เจ้าตำหนัก เราไม่แน่ใจในเรื่องนี้ เราจึงยืนยันไม่ได้ พื้นที่นั้นล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ และแทบจะไม่มีอะไรอยู่รอบ ๆ เลย เราจึงไม่มีทางตรวจสอบได้ว่าจริง ๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น!”ชายชรายิ้มอย่างขมขื่น สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก “นั่นหมายความว่าสถานที่ที่ทั้งหกคนเลือกนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะวางกับดักและสังหารแนช วู๊ดกับพรรคพวก แต่ทำไมจู่ ๆ สัตว์อสูรจึงปรากฏตัวขึ้นและฆ่าพวกเขาไปจนหมดได้ มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!”ชายชราหยุดชั่วขณะหนึ่งก่อนที่จะพูดต่อ "โอ้ ใช่แล้ว ความเสียหายในที่เกิดเหตุนั้นอาจบอกอะไรเราไม่ได้มากนัก เนื่องจากการต่อสู้ส่วนใหญ่น่าจะเกิดขึ้นบนท้องฟ้า”“สัตว์อสูรชนิดใดกันที่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหกคนได้? แม้ว่าสัตว์อสูรเหล่านี้จะมีอยู่ในระดับเทพแท้จริง แต่แน่นอนว่าคงไม่ง่ายที่จะฆ่าพวกเขาทั้งหกคนได้ แม้ว่าคนของเราอาจจะไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรได้ แต่ก็น่าจะมีคนที่สามารถหลบหนีมาได้หากหนึ่งหรือสองคนในนั้นถ่วงเวลาสัตว์อสูรไว้ไม่ใช่หรือ? นี่หมายความว่าสัตว์อสูรตัวนั้นต้องมีพลังสูงกว่าพวกเขามาก!”โจเอลใบหน้าถอดสี นักสู้ทั้งหกของเขาเสียชีวิตไปเช่นนั้น ด้วยเหตุนี้ตำหนักนภาจะอ่อนแอที่สุดในบรรดาส
“ที่สำคัญกว่านั้น ถ้าชายสามคนจากตระกูลวู๊ดเห็นศพของพวกเขา พวกนั้นคงจะเดาออกว่าผมส่งคนไปซุ่มโจมตีพวกมัน หากเป็นเช่นนั้น ต่อจากนี้ไปพวกมันจะระวังตัวแจอย่างแน่นอน!”ชายชรากล่าวเสริมหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้"เอาล่ะ วันนี้ทุกคนคงเหนื่อยกันมามากแล้ว แยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อน!”โจเอลโบกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนลงไป“เฮ้อ การสูญเสียครั้งนี้มันมากเกินไป ด้วยเหตุนี้เราคงจะไม่อาจเชิดหน้าชูคอสู้กับอีกสามเผ่าโบราณที่เหลือได้!”หลังจากที่คนออกไปหมดแล้วโจเอลก็ถอนหายใจออกมา เขามองไปที่ลิลลี่และความเสียใจผุดขึ้นในหัวใจของเขา เธอเป็นคนสวย แต่น่าเสียดายที่ตำหนักของเขาต้องสูญเสียครั้งใหญ่เพราะเธอในที่สุดโจเอลก็นั่งลงข้าง ๆ “ขอบคุณพระเจ้าที่ยังมีคนในขั้นสูงของระดับเทพแท้จริงในตำหนักของเราอีกหลายคน” เขากล่าว “ในช่วงหลังมานี้พวกเขาฝึกยุทธอย่างหนัก หากมีสักหนึ่งหรือสองคนสามารถบรรลุไปอีกขั้นได้ก็คงจะดี”เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันเวลาล่วงเลยผ่านไปแปดวันก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทางไปเยี่ยมตระกูลคาเบลโล จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งรีบวิ่งไปยืนหัวเราะอยู่กลางอากาศ “ฮ่าฮ่า นี่มันดีจริง ๆ ผมทำสำเร็จแล้ว ในที่สุดผมก็บรร
"ไม่มีทาง ผู้อาวุโสลำดับที่สองก็บรรลุเช่นกันเหรอ?”ทุกคนสูดหายใจเข้าอย่างแรงเมื่อจำคนที่วิ่งออกมาได้ เกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้กัน? ผู้อาวุโสที่อยู่ขั้นสูงของระดับเทพแท้จริงสองคนบรรลุเข้าสู่ขั้นสูงสุดได้อย่างรวดเร็ว ในตอนนี้เนื่องจากยังไม่มีวิธีที่จะบรรลุเข้าสู่ระดับเทพสูงสุด ดังนั้นจุดสูงสุดของระดับเทพแท้จริงคือระดับการบ่มเพาะขั้นสูงสุด"อัศจรรย์นัก!"คนบางคนที่อยู่ขั้นกลางของระดับเทพแท้จริงชื่นชมพวกเขา ผู้ที่ไปถึงขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงได้นั้นเปรียบเสมือนเทพเจ้าสำหรับพวกเขา“คุณก็บรรลุแล้วเช่นกันหรือ?”ผู้อาวุโสลำดับที่สองเห็นแลนสล็อตและตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตัว“ฮ่าฮ่า ผมเร็วกว่าคุณสักหนึ่งหรือสองนาทีได้ คุณออกมาหลังจากที่ผมทำสำเร็จแทบจะในทันที!”แลนสล็อตพูดพลางหัวเราะ“นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก ฮ่า ๆ มันยอดเยี่ยมมาก! ไม่คิดว่าเราสองคนจะบรรลุไปได้ ถ้าเป็นแบบนี้เราจะไปกลัวใครทำไม เราไม่ต้องกลัวตระกูลฮันท์อีกต่อไปแล้ว ฮ่าฮ่า!”เวสตัน ผู้อาวุโสลำดับที่สองหัวเราะด้วยความอิ่มเอมใจ ในชั่วพริบตา พวกเขาก็มีนักสู้ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงเพิ่มขึ้นอีกสองคน พลังการต่อ
“ฮ่าฮ่า คุณยังไม่รู้ว่านี่มันหมายถึงอะไรเหรอ พ่อหนุ่ม? มันก็หมายความว่าตอนนี้คุณเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุชั้นนำแล้วอย่างไรเล่า!”ไททัสหัวเราะและพูดต่อผู้อาวุโสลำดับแรกเห็นว่าเฟนด์ดูเหมือนจะไม่เข้าใจสถานการณ์และอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้ คนเพียงคนเดียวที่สามารถเล่นแร่แปรธาตุได้คือนายน้อยลำดับที่สองตระกูลฮันต์และผู้อาวุโสลำดับแรกตระกูลคาเบลโล เราชื่นชมพวกเขามาเป็นเวลานาน และเมื่อเราได้ยินว่าคุณฝึกเล่นแร่แปรธาตุด้วย เราก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่นายน้อยลำดับที่สองตระกูลฮันต์เสียชีวิต ก็มีเพียงคุณและผู้อาวุโสลำดับแรกของตระกูลคาเบลโลเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงนักเล่นแร่แปรธาตุฝึกหัดเท่านั้น!”ตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสลำดับแรกหยุดชั่วขณะก่อนที่จะพูดต่อ “ผู้อาวุโสลำดับแรกของตระกูลคาเบลโลเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นต้นระดับสอง ซึ่งก็น่าประทับใจพอแล้ว แต่ตอนนี้คุณกลับเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นกลางระดับสอง ก็หมายความว่าตอนนี้คุณเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่เหรอ?”"ไม่มีทาง ผมคิดว่าผู้อาวุโสลำดับแรกของตระกูลคาเบลโลอยู่ในระดับที่สูงมาก!”หลังจากที่เฟนด์ได้ยินเรื่องน