ผู้อาวุโสที่มีนามสกุลลาโกริโอซึ่งพาลิลลี่กลับมาอธิบายว่า “เรื่องมันเป็นอย่างนี้ แลนซ์เขายังไม่กลับมา และเนื่องจากไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับเขาเลย สมาชิกในตระกูลวู๊ดจึงออกตามหาเขา”ผู้อาวุโสหยุดก่อนจะพูดต่อว่า “แต่พวกเขาก็ยังค้นหาไม่เจอเลย จึงเป็นเรื่องปกติที่สมาชิกในตระกูลวู๊ดจะคิดว่านายน้อยแลนซ์ตายแล้ว และบังเอิญ หัวหน้าตระกูลวู๊ด แนช วู๊ด อยากเจอ โจแอน อนุภรรยาของเขาจากโลกภายนอก กับเฟนด์ ลูกนอกสมรสของเขา คุณหนูใหญ่ไม่พอใจจึงแอบวางยาพิษแนช แนชไม่ได้ป่วยเป็นโรคประหลาด เขาถูกวางยาพิษที่ค่อนข้างแปลก..”ผู้อาวุโสค่อย ๆ เล่าเรื่องทุกอย่างให้คนในตระกูลลาโกริโอฟังตั้งแต่ต้นจนจบด้วยสีหน้าเย็นชานายใหญ่ลาโกริโอรู้สึกโมโหมากเมื่อได้ฟังเรื่องทุกอย่างและชี้ไปที่ลิลลี่อย่างโกรธจัด “ลิลลี่ หลาน...หลานทำอะไรลงไป? ไม่แปลกใจเลยที่แนชจะทำลายพลังยุทธของหลานและขับไล่หลานออกจากตระกูลวู๊ด ผู้อาวุโสลำดับที่สามก็อายุมากแล้วนะ และหลานยังไม่สนใจฐานะของหลานที่เป็นนายหญิงใหญ่อีก หลานวางยาพิษแนชและยังมีความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสลำดับที่สามด้วย?! หลานทำให้ปู่อับอายมาก!”นายใหญ่ลาโกริโอกระวนกระวายใจมากขณะที่เขาพูด โก
“คุณหนูใหญ่ ทำไม...ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ? คุณแต่งงานกับเขาแล้ว ฉันขอเตือนคุณหน่อยได้ไหม ตอนแรกคุณเป็นคนผิดเอง ไม่งั้นนายท่านแนชคงจะไม่ปฏิบัติต่อคุณแบบนั้นหรอก”ผู้อาวุโสที่นามสกุลลาโกริโอพยายามเกลี้ยกล่อมลิลลี่หลังจากได้เห็นท่าทางที่ค่อนข้างก้าวร้าวของเธอ “ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่าถ้าปล่อยมันไป แน่นอน นายท่านแนชคงไม่ทำร้ายนายน้อยแลนซ์หากเขากลับมาถ้าคุณยอมถอย เขาจะส่งแลนซ์กลับมาหาเราที่ตระกูลลาโกริโออย่างแน่นอน เพราะภูเขาหนึ่งลูกไม่อาจมีเสือสองตัวได้ เขาคงจะไม่ปล่อยให้นายน้อยแลนซ์อยู่ในตระกูลวู๊ดต่อแน่ เพราะคุณถูกไล่ออกจากตระวู๊ดแล้ว”ผู้อาวุโสหยุดก่อนจะพูดต่อว่า “ในกรณีที่ทั้งสองตระกูลจะทำสงครามจริง ๆ อย่างแรกเลย ตระกูลลาโกริโอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลวู๊ดแน่นอน แม้ว่าตระวู๊ดจะสูญเสียผู้อาวุโสลำดับที่สามและมีหลายคนที่ยังซื่อสัตย์ต่อคุณหนูอยู่ก็ตาม แต่ตระกูลวู๊ดต้านทานต่อการสูญเสียครั้งนี้ได้แน่นอน อย่างที่สอง เมื่อสงครามเริ่มขึ้น คุณคิดว่าสมาชิกในตระกูลวู๊ดจะปฏิบัติต่อนายน้อยแลนซ์ยังไง ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่และกลับไปที่ตระกูลวู๊ด พวกเขาก็จะฆ่านายน้อยแลนซ์ทันที!”นายใหญ่ลาโกริโอก็พยักหน้
ซาเวียร์รู้สึกอึดอัดขณะที่ถูกสอบถาม เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “นายท่าน ฉันวางแผนที่จะกลับไปที่ตระกูลวู๊ด เพราะยังไงซะ หัวหน้าตระกูลวู๊ดก็ดูแลฉันอย่างดี และเขายังเคยช่วยชีวิตฉันไว้ครั้งหนึ่ง… ในตอนนั้นฉันเป็นเพียงลาโกริโอที่เป็นแค่สมาชิกในตระกูลสาขาของตระกูลลาโกริโอ...”เมื่อได้ยินคำตอบของเขา เทรนตันก็ยิ้มอย่างขมขื่น “เยี่ยมมาก แม้ว่าคุณจะอยู่ที่นั้นมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าคุณจะกลายเป็นสุนัขเฝ้าบ้านของตระกูลวู๊ดไปแล้ว ฮ่าฮ่า...นั่นมันช่างไร้สาระเสียจริง! คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณคือลาโกริโอ?”ซาเวียร์รู้สึกโกรธมากเมื่อได้ยินสิ่งที่เทรนตันพูด เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างดีเลยสักครั้งตอนที่เขาอยู่กับพวกลาโกริโอ มันน่าโมโหมากเพราะเขากลับถูกรังแกแทนน่าแปลกที่เมื่อเข้าสู่ตระกูลวู๊ด เขาไม่เพียงแต่ได้รับตำแหน่งสำคัญเท่านั้น แต่แนชยังเคยช่วยชีวิตเขาไว้ครั้งหนึ่งด้วย ตั้งแต่วันนั้น เขาก็สาบานกับตัวเองว่า ชีวิตของเขาจะขึ้นตรงต่อตระกูลวู๊ดนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะอยู่ข้างตระกูลวู๊ด แทนที่จะอยู่กับลิลลี่และผู้อาวุโสลำดับที่สามเขาไม่คิดเลยว่าการที่เขาใจดีส่งลิลลี่กลับมาที่ตระกูลล
แต่นายใหญ่ลาโกริโอกลับส่ายหัว “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะฆ่าเขาไม่ได้ ถ้าข่าวเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ตระกูลลาโกริโอของเราคงจะถูกคนทั้งโลกเยาะเย้ย”“ทำไมล่ะ? เราก็กำจัดปัญหาอย่างลับ ๆ สิ อีกอย่าง เขาก็เป็นสมาชิกตระกูลลาโกริโอของเรา แต่ตอนนี้เขากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูแล้วและเขายังเต็มใจที่จะทำงานให้ตระกูลวู๊ดอีก ก็เป็นไปได้ที่ตระกูลอื่นจะพูดอะไรบางอย่างถ้าเราฆ่าเขา” ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งขมวดคิ้วไม่เข้าใจตรรกะของตัวเองนายใหญ่ลาโกริโอตอบกลับว่า “ในอดีต ลูกชายของเขาตายในการต่อสู้เพื่อตระกูลลาโกริโอและเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อตระกูลลาโกริโอของเรา คนอื่นจะไม่พูดว่าเราโหดเหี้ยมเหรอถ้าข่าวเรื่องนี้หลุดออกไป?”นายใหญ่ลาโกริโอไขว้มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง มองไปยังบริเวณที่ซาเวียร์จากไป และพูดต่อว่า “ถ้าตอนแรกเขาเข้าข้างลิลลี่ เขาคงตายไปแล้ว แทนที่จะได้อยู่กับตระกูลวู๊ดเพื่อทดแทนบุญคุณพวกเขา การส่งลิลลี่กลับมาที่บ้านเป็นการกระทำที่มีน้ำใจจากเขาแล้ว”ในตอนนั้น เทรนตันก็พยักหน้าเห็นด้วย “ก็จริง... ถ้าไม่มีใครพาลิลลี่กลับมาหลังจากที่พลังยุทธของเธอถูกทำลาย ใครจะรู้ว่าเธอจะต้องเผชิญกับอันตรายอ
ไดอาน่าขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงเกี่ยวกับมัน “แม้ว่าตระกูลพวกนี้จะมีเรื่องเข้าใจผิดกับตระกูลวู๊ด แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายมากเกินไป ก่อนหน้านี้ บางตระกูลกดขี่พวกเขาและไม่อยากให้พวกเขามีฐานะสูงขึ้น แต่แนชก็จัดการกับปัญหาได้ดีจริง ๆ เขาสั่งสอนผู้ใต้บังคับบัญชาและหยุดพวกเขาไม่ให้ขัดแย้งกับคนอื่น ๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้พวกเขากับตระกูลวู๊ดเริ่มทำสงครามกันเพราะความเข้าใจผิดเพียงอย่างเดียว”นายใหญ่ลาโกริโอพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง มันจะต้องมีโอกาสแน่ ไม่งั้นเราก็สร้างมันขึ้นมาเองสื”ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตระกูลลาโกริโอก็เตรียมตัวเพื่อเป็นศัตรูกับตระกูลวู๊ด...เฟนด์ตื่นแต่เช้าตรู่และไปอาบน้ำ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินไปที่สวน เขาสังเกตเห็นว่าไดอาเนียลล่ารอเขาอยู่ที่นั่นแล้วเฟนด์พูดยิ้ม ๆ ว่า “คุณหนูลำดับสามแห่งคาเบลโล คุณตื่นเช้าจัง!”“คิดว่าฉันจะตื่นเช้าไม่เป็นเหรอ? ฮึ่ม ถ้าฉันตื่นขึ้นมาทีหลังแล้วคุณแอบหนีไป ฉันจะทำยังไงล่ะ?” ไดอาเนียลล่าเม้มปากอันบอบบางของเธอและไขว้มือสองข้างไว้ข้างหลังก่อนจะพูดแทรกขึ้นมาว่า “ช่างเถอะ ฉันไม่สนหรอก ช่วงสองสามวันนี้ฉันจะติดตามคุณ
แม้ว่าเธอจะใช้ฉีไม่ได้ แต่ไดอาเนียลล่าก็ยังคงรักษาความแข็งแกร่งทางกายภาพของตัวเองไว้ไดอาเนียลล่าใช้มือข้างหนึ่งยกตัวขึ้นไปนั่งบนหลังม้าและยิ้มให้เฟนด์ขณะที่เธอตะโกนออกมาว่า “ขึ้นมานั่งข้างหลังฉันสิ ฉันจะพาคุณไปเอง!”“นี่มันดูไม่ค่อยเหมาะสมเลยนะ แต่ว่า...?” เฟนด์รู้สึกเขินนิด ๆ เพราะพวกเขาต่างมีเพศต่างกัน คุณหนูลำดับที่สามแห่งคาเบลโลไม่เพียงแค่สวยเท่านั้น แต่เธอยังมีรูปร่างที่ดีอีกด้วย เฟนด์พยายามยับยั้งความคิดที่ไม่จำเป็นตอนที่เขาแบกเธอบนหลังเมื่อวาน แม้ว่าเขาจะยังหนุ่มและเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง แต่มันก็มีบางเวลาที่การยับยั้งความคิดของเขาหยุดชะงักไปบ้างถ้าเขาต้องนั่งข้างหลังไดอาเนียลล่าบนหลังม้าตัวนั้นตลอดการเดินทาง เขากลัวว่า...ส่วนอีกด้าน ไดอาเนียลล่าพยายามเก็บความสนใจในตัวเฟนด์ไว้เงียบ ๆ ตอนที่เธอสังเกตเห็นว่าเขาขี้อายขนาดไหนเมื่อมีโอกาสที่ค่อนข้าง ‘น่าดึงดูด’ ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเธอกลอกตามองเฟนด์และพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณเป็นผู้ชายหรือเปล่า? แค่ความกล้าที่จะกระโดดขึ้นมาบนนี้คุณยังไม่มีเลย ฉันเต็มใจพาคุณไปด้วยก็เพราะว่าคุณแบกฉันลงมาจากภูเขาเมื่อวานนี้ ฉันแค่อยากจะตอบแทนการ
“ม้าตัวนี้วิ่งเร็วมาก!” ไดอาเนียลล่าเคยขี่ม้ามังกรโลหิตมาหลายตัวตอนที่เธอยังเด็ก แม้ว่าตอนที่เธอโตขึ้นเธอจะเลิกขี่ไปแล้ว และหันมาฝึกวรยุทธแทนไม่เคยมีผู้ชายคนไหนนั่งข้างหลังเธอพร้อมกับเอาแขนโอบรอบเอวของเธอ เธอไม่คิดว่าจะมีวันแบบนั้นเหมือนกันหัวใจของเธอเต้นรัวกระแทกกับซี่โครง มันรู้สึกเหมือนจะกระโดดออกมาจากอกของเธอทั้งหมดที่ไดอาเนียลล่าทำได้คือทำตัวปกติและพูดตามปกติ ด้วยหน้าอกของเฟนด์ที่แนบกับแผ่นหลัง เธอรู้สึกอายมากกว่าตอนที่เฟนด์แบกเธอเมื่อวานอีกไม่นานนักเมื่อเฟนด์ตระหนักได้ถึงบางอย่าง เขาก็เตือนไดอาเนียลล่าอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ ไม่ใช่ทางนั้น เรากำลังไปผิดทาง ไปทางขวา!”นั่นทำให้ไดอาเนียลล่าสับสน “แล้วทำไมคุณไม่พูดให้เร็วกว่านี้? ฉันไม่รู้ว่าตระกูลสาขาถัดไปของคุณตั้งอยู่ที่ไหน!” เธอไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหน เธอรู้เพียงว่าต้องวิ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและลืมถามเฟนด์ว่าควรจะไปทางไหน“มีกองกำลังเล็ก ๆ ที่พึ่งพาตระกูลของเราอาศัยอยู่ที่นั่น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่สมาชิกในตระกูลสาขาของตระกูลวู๊ด แต่พวกเขาก็ปฏิบัติต่อตระกูลวู๊ดอย่างดี พวกเขาส่งทรัพยากรตามเปอร์เซ็นต์ที่เราร้องขอเสมอ เราไ
ทั้งเฟนด์กับไดอาเนียลล่าลงมาจากหลังม้าทันทีหลังจากที่มันหยุดไดอาเนียลล่าที่หน้าแดงเดินไปผูกม้าไว้ใต้ต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก ก่อนที่เธอจะเดินกลับมาหาเฟนด์ “ไง? ประสบการณ์การขี่ม้าครั้งแรกของคุณเป็นยังไงบ้าง?” เธอพยายามพูดเพื่อกระจายบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ แต่เพียงครู่เดียวเธอก็รู้ตัวว่าพูดผิดไปเธอเพิ่งถามเฟนด์ออกไปว่าเขารู้สึกยังไง?เพื่อคลายความตึงเครียด เฟนด์จึงตอบอย่างเป็นกันเองว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมขี่ม้า ตอนแรกผมรู้สึกค่อนข้างกังวล แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็น่าตื่นเต้น!”เฟนด์สังเกตเห็นว่าหน้าของไดอาเนียลล่ากลายเป็นสีแดงเข้มหลังจากที่เขาพูดจบ ขณะที่เธอก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาเขา“เอาล่ะ! เข้าไปกันเถอะ!” พฤติกรรมของเฟนด์ทำให้เธอสับสน ผู้ชายคนนี้เพิ่งพูดอย่างชัดเจนว่า “น่าตื่นเต้น” โรคจิตมาก! แล้วมันจะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงในเมื่อเขากอดเอวเธอไว้? เฟนด์อาจจะชอบเธอ แต่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับมันเฟนด์พูดไม่ออกเพราะเขารู้ว่าสุดท้ายจะต้องเข้าใจเขาผิดแน่ แต่เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายตัวเองยังไง ทำไมเมื่อกี้เขาถึงพูดออกมาว่ามัน 'น่าตื่นเต้น' นะ?ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเข้าไปในหมู่บ้าน ช