ซาเวียร์รู้สึกอึดอัดขณะที่ถูกสอบถาม เขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “นายท่าน ฉันวางแผนที่จะกลับไปที่ตระกูลวู๊ด เพราะยังไงซะ หัวหน้าตระกูลวู๊ดก็ดูแลฉันอย่างดี และเขายังเคยช่วยชีวิตฉันไว้ครั้งหนึ่ง… ในตอนนั้นฉันเป็นเพียงลาโกริโอที่เป็นแค่สมาชิกในตระกูลสาขาของตระกูลลาโกริโอ...”เมื่อได้ยินคำตอบของเขา เทรนตันก็ยิ้มอย่างขมขื่น “เยี่ยมมาก แม้ว่าคุณจะอยู่ที่นั้นมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าคุณจะกลายเป็นสุนัขเฝ้าบ้านของตระกูลวู๊ดไปแล้ว ฮ่าฮ่า...นั่นมันช่างไร้สาระเสียจริง! คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณคือลาโกริโอ?”ซาเวียร์รู้สึกโกรธมากเมื่อได้ยินสิ่งที่เทรนตันพูด เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างดีเลยสักครั้งตอนที่เขาอยู่กับพวกลาโกริโอ มันน่าโมโหมากเพราะเขากลับถูกรังแกแทนน่าแปลกที่เมื่อเข้าสู่ตระกูลวู๊ด เขาไม่เพียงแต่ได้รับตำแหน่งสำคัญเท่านั้น แต่แนชยังเคยช่วยชีวิตเขาไว้ครั้งหนึ่งด้วย ตั้งแต่วันนั้น เขาก็สาบานกับตัวเองว่า ชีวิตของเขาจะขึ้นตรงต่อตระกูลวู๊ดนั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะอยู่ข้างตระกูลวู๊ด แทนที่จะอยู่กับลิลลี่และผู้อาวุโสลำดับที่สามเขาไม่คิดเลยว่าการที่เขาใจดีส่งลิลลี่กลับมาที่ตระกูลล
แต่นายใหญ่ลาโกริโอกลับส่ายหัว “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราจะฆ่าเขาไม่ได้ ถ้าข่าวเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ตระกูลลาโกริโอของเราคงจะถูกคนทั้งโลกเยาะเย้ย”“ทำไมล่ะ? เราก็กำจัดปัญหาอย่างลับ ๆ สิ อีกอย่าง เขาก็เป็นสมาชิกตระกูลลาโกริโอของเรา แต่ตอนนี้เขากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับศัตรูแล้วและเขายังเต็มใจที่จะทำงานให้ตระกูลวู๊ดอีก ก็เป็นไปได้ที่ตระกูลอื่นจะพูดอะไรบางอย่างถ้าเราฆ่าเขา” ผู้อาวุโสลำดับที่หนึ่งขมวดคิ้วไม่เข้าใจตรรกะของตัวเองนายใหญ่ลาโกริโอตอบกลับว่า “ในอดีต ลูกชายของเขาตายในการต่อสู้เพื่อตระกูลลาโกริโอและเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อตระกูลลาโกริโอของเรา คนอื่นจะไม่พูดว่าเราโหดเหี้ยมเหรอถ้าข่าวเรื่องนี้หลุดออกไป?”นายใหญ่ลาโกริโอไขว้มือทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง มองไปยังบริเวณที่ซาเวียร์จากไป และพูดต่อว่า “ถ้าตอนแรกเขาเข้าข้างลิลลี่ เขาคงตายไปแล้ว แทนที่จะได้อยู่กับตระกูลวู๊ดเพื่อทดแทนบุญคุณพวกเขา การส่งลิลลี่กลับมาที่บ้านเป็นการกระทำที่มีน้ำใจจากเขาแล้ว”ในตอนนั้น เทรนตันก็พยักหน้าเห็นด้วย “ก็จริง... ถ้าไม่มีใครพาลิลลี่กลับมาหลังจากที่พลังยุทธของเธอถูกทำลาย ใครจะรู้ว่าเธอจะต้องเผชิญกับอันตรายอ
ไดอาน่าขมวดคิ้วเมื่อคิดถึงเกี่ยวกับมัน “แม้ว่าตระกูลพวกนี้จะมีเรื่องเข้าใจผิดกับตระกูลวู๊ด แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายมากเกินไป ก่อนหน้านี้ บางตระกูลกดขี่พวกเขาและไม่อยากให้พวกเขามีฐานะสูงขึ้น แต่แนชก็จัดการกับปัญหาได้ดีจริง ๆ เขาสั่งสอนผู้ใต้บังคับบัญชาและหยุดพวกเขาไม่ให้ขัดแย้งกับคนอื่น ๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้พวกเขากับตระกูลวู๊ดเริ่มทำสงครามกันเพราะความเข้าใจผิดเพียงอย่างเดียว”นายใหญ่ลาโกริโอพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง มันจะต้องมีโอกาสแน่ ไม่งั้นเราก็สร้างมันขึ้นมาเองสื”ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตระกูลลาโกริโอก็เตรียมตัวเพื่อเป็นศัตรูกับตระกูลวู๊ด...เฟนด์ตื่นแต่เช้าตรู่และไปอาบน้ำ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เดินไปที่สวน เขาสังเกตเห็นว่าไดอาเนียลล่ารอเขาอยู่ที่นั่นแล้วเฟนด์พูดยิ้ม ๆ ว่า “คุณหนูลำดับสามแห่งคาเบลโล คุณตื่นเช้าจัง!”“คิดว่าฉันจะตื่นเช้าไม่เป็นเหรอ? ฮึ่ม ถ้าฉันตื่นขึ้นมาทีหลังแล้วคุณแอบหนีไป ฉันจะทำยังไงล่ะ?” ไดอาเนียลล่าเม้มปากอันบอบบางของเธอและไขว้มือสองข้างไว้ข้างหลังก่อนจะพูดแทรกขึ้นมาว่า “ช่างเถอะ ฉันไม่สนหรอก ช่วงสองสามวันนี้ฉันจะติดตามคุณ
แม้ว่าเธอจะใช้ฉีไม่ได้ แต่ไดอาเนียลล่าก็ยังคงรักษาความแข็งแกร่งทางกายภาพของตัวเองไว้ไดอาเนียลล่าใช้มือข้างหนึ่งยกตัวขึ้นไปนั่งบนหลังม้าและยิ้มให้เฟนด์ขณะที่เธอตะโกนออกมาว่า “ขึ้นมานั่งข้างหลังฉันสิ ฉันจะพาคุณไปเอง!”“นี่มันดูไม่ค่อยเหมาะสมเลยนะ แต่ว่า...?” เฟนด์รู้สึกเขินนิด ๆ เพราะพวกเขาต่างมีเพศต่างกัน คุณหนูลำดับที่สามแห่งคาเบลโลไม่เพียงแค่สวยเท่านั้น แต่เธอยังมีรูปร่างที่ดีอีกด้วย เฟนด์พยายามยับยั้งความคิดที่ไม่จำเป็นตอนที่เขาแบกเธอบนหลังเมื่อวาน แม้ว่าเขาจะยังหนุ่มและเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง แต่มันก็มีบางเวลาที่การยับยั้งความคิดของเขาหยุดชะงักไปบ้างถ้าเขาต้องนั่งข้างหลังไดอาเนียลล่าบนหลังม้าตัวนั้นตลอดการเดินทาง เขากลัวว่า...ส่วนอีกด้าน ไดอาเนียลล่าพยายามเก็บความสนใจในตัวเฟนด์ไว้เงียบ ๆ ตอนที่เธอสังเกตเห็นว่าเขาขี้อายขนาดไหนเมื่อมีโอกาสที่ค่อนข้าง ‘น่าดึงดูด’ ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนเธอกลอกตามองเฟนด์และพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณเป็นผู้ชายหรือเปล่า? แค่ความกล้าที่จะกระโดดขึ้นมาบนนี้คุณยังไม่มีเลย ฉันเต็มใจพาคุณไปด้วยก็เพราะว่าคุณแบกฉันลงมาจากภูเขาเมื่อวานนี้ ฉันแค่อยากจะตอบแทนการ
“ม้าตัวนี้วิ่งเร็วมาก!” ไดอาเนียลล่าเคยขี่ม้ามังกรโลหิตมาหลายตัวตอนที่เธอยังเด็ก แม้ว่าตอนที่เธอโตขึ้นเธอจะเลิกขี่ไปแล้ว และหันมาฝึกวรยุทธแทนไม่เคยมีผู้ชายคนไหนนั่งข้างหลังเธอพร้อมกับเอาแขนโอบรอบเอวของเธอ เธอไม่คิดว่าจะมีวันแบบนั้นเหมือนกันหัวใจของเธอเต้นรัวกระแทกกับซี่โครง มันรู้สึกเหมือนจะกระโดดออกมาจากอกของเธอทั้งหมดที่ไดอาเนียลล่าทำได้คือทำตัวปกติและพูดตามปกติ ด้วยหน้าอกของเฟนด์ที่แนบกับแผ่นหลัง เธอรู้สึกอายมากกว่าตอนที่เฟนด์แบกเธอเมื่อวานอีกไม่นานนักเมื่อเฟนด์ตระหนักได้ถึงบางอย่าง เขาก็เตือนไดอาเนียลล่าอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ ไม่ใช่ทางนั้น เรากำลังไปผิดทาง ไปทางขวา!”นั่นทำให้ไดอาเนียลล่าสับสน “แล้วทำไมคุณไม่พูดให้เร็วกว่านี้? ฉันไม่รู้ว่าตระกูลสาขาถัดไปของคุณตั้งอยู่ที่ไหน!” เธอไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหน เธอรู้เพียงว่าต้องวิ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและลืมถามเฟนด์ว่าควรจะไปทางไหน“มีกองกำลังเล็ก ๆ ที่พึ่งพาตระกูลของเราอาศัยอยู่ที่นั่น แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่สมาชิกในตระกูลสาขาของตระกูลวู๊ด แต่พวกเขาก็ปฏิบัติต่อตระกูลวู๊ดอย่างดี พวกเขาส่งทรัพยากรตามเปอร์เซ็นต์ที่เราร้องขอเสมอ เราไ
ทั้งเฟนด์กับไดอาเนียลล่าลงมาจากหลังม้าทันทีหลังจากที่มันหยุดไดอาเนียลล่าที่หน้าแดงเดินไปผูกม้าไว้ใต้ต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขานัก ก่อนที่เธอจะเดินกลับมาหาเฟนด์ “ไง? ประสบการณ์การขี่ม้าครั้งแรกของคุณเป็นยังไงบ้าง?” เธอพยายามพูดเพื่อกระจายบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ แต่เพียงครู่เดียวเธอก็รู้ตัวว่าพูดผิดไปเธอเพิ่งถามเฟนด์ออกไปว่าเขารู้สึกยังไง?เพื่อคลายความตึงเครียด เฟนด์จึงตอบอย่างเป็นกันเองว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมขี่ม้า ตอนแรกผมรู้สึกค่อนข้างกังวล แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็น่าตื่นเต้น!”เฟนด์สังเกตเห็นว่าหน้าของไดอาเนียลล่ากลายเป็นสีแดงเข้มหลังจากที่เขาพูดจบ ขณะที่เธอก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาเขา“เอาล่ะ! เข้าไปกันเถอะ!” พฤติกรรมของเฟนด์ทำให้เธอสับสน ผู้ชายคนนี้เพิ่งพูดอย่างชัดเจนว่า “น่าตื่นเต้น” โรคจิตมาก! แล้วมันจะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงในเมื่อเขากอดเอวเธอไว้? เฟนด์อาจจะชอบเธอ แต่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับมันเฟนด์พูดไม่ออกเพราะเขารู้ว่าสุดท้ายจะต้องเข้าใจเขาผิดแน่ แต่เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายตัวเองยังไง ทำไมเมื่อกี้เขาถึงพูดออกมาว่ามัน 'น่าตื่นเต้น' นะ?ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเข้าไปในหมู่บ้าน ช
“โอ้ ภรรยาของนายน้อยเฟนด์เขินมากจนหน้าแดงเหมือนสาวน้อยเลย! แต่ทว่าเธอก็ยังคงดูอ่อนหวาน ไม่แปลกใจเลยที่นายน้อยเฟนด์เลือกคุณ!” ผู้อาวุโสกล่าวเสริมซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนความเห็นนั้นยิ่งทำให้ไดอาเนียลล่ามีความสุขมากเธอกลอกตามองอีกฝ่ายด้วยสายตาพราวเสน่ห์ก่อนจะพูดว่า “คุณพูดถูกที่บอกว่าฉันสวย แต่ฉันไม่ใช่ภรรยาของเขาหรอก”“อ...อะไรนะ?” ผู้อาวุโสรู้สึกเขินอายเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาเข้าใจผิดไปเองทั้งหมดเหรอ?เฟนด์ยิ้มอย่างอึดอัดก่อนจะก้าวออกมาข้างหน้าเพื่ออธิบาย “นี่คือคุณหนูลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโล ชื่อคุณไดอาเนียลล่า โปรดอย่าเข้าใจเราผิด”ผู้อาวุโสตกใจเมื่อได้ยินคำอธิบายของเฟนด์ “คุณหนูลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโล? เธอเป็นคนหนึ่งที่หน้าตาสวยงามมากเลยทีเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมเข้าใจฐานะของเธอผิดไป เพราะยังไงซะ ผมก็ได้ยินมาว่าภรรยาของนายน้อยเฟนด์ก็งดงามมากเช่นกัน และนั่นจึงสาเหตุที่ผมเข้าใจผิด คุณหนูลำดับที่สาม ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย!”“ช่างมันเถอะ คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด! เพราะยังไงซะคุณก็ไม่เคยเจอฉันมาก่อนหนิ!” ไดอาเนียลล่าโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แม้ว่าเธอจะมีความสุขที่ได้ยินแบบ
ผู้อาวุโสคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าและมองมาที่เฟนด์อย่างคาดหวังเฟนด์เหลือบมองชายหนุ่มกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เขาคิดเกี่ยวกับมันและพูดว่า “เอาแบบนี้ ฉันจะไปพักผ่อนก่อน แต่พวกเธอทั้งสองคนช่วยมาพบฉันที่ห้องในอีกหนึ่งชั่วโมงได้ไหม?”“ได้ครับ/ค่ะ นายน้อยเฟนด์!” ชายหนุ่มกับหญิงสาวมองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะงงนิดหน่อย แต่พวกเขาก็พยักหน้าตกลงไม่นาน ตระกูลโอเวนส์ก็จัดที่พักให้เฟนด์กับไดอาเนียลล่าในสวนที่เงียบสงบ“เราไม่ได้รีบอยู่หรอกเหรอ? ทำไมตอนนี้ไม่รีบล่ะ?” ไดอาเนียลล่าเหลือบมองเฟนด์และพูดอย่างสงสัย “ทำไมคุณถึงบอกให้อัจฉริยะของตระกูลนี้มาพบคุณที่ห้องในภายหลัง? มีเรื่องที่คุณอยากบอกพวกเขาเป็นการส่วนตัวเหรอ?”“ทั้งสองคนเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า พวกเขาอยู่ห่างจากระดับกึ่งเทพขั้นต้นเพียงขั้นเดียว” เฟนด์อธิบายให้เธอฟัง “ผมบังเอิญมีวัตถุดิบหลายอย่างที่ใช้ปรุงโอสถได้ ผมสามารถบ่มเพาะมันให้แต่ละคนได้ และช่วยให้พวกเขาทะทวงเข้าสู่ระดับกึ่งเทพขั้นต้น”“คุณ... คุณรู้วิธีบ่มเพาะโอสถด้วยเหรอ?” ไดอาเนียลล่าตกใจกับเรื่องที่ได้รู้ เธอไม่คิดว่าเฟนด์จะบ่มเพาะโอสถเป็นด้วยเพราะยังไงซะ การเล่นแร่แปรธาตุก็ไม่ใช