ผู้อาวุโสคนหนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าและมองมาที่เฟนด์อย่างคาดหวังเฟนด์เหลือบมองชายหนุ่มกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เขาคิดเกี่ยวกับมันและพูดว่า “เอาแบบนี้ ฉันจะไปพักผ่อนก่อน แต่พวกเธอทั้งสองคนช่วยมาพบฉันที่ห้องในอีกหนึ่งชั่วโมงได้ไหม?”“ได้ครับ/ค่ะ นายน้อยเฟนด์!” ชายหนุ่มกับหญิงสาวมองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะงงนิดหน่อย แต่พวกเขาก็พยักหน้าตกลงไม่นาน ตระกูลโอเวนส์ก็จัดที่พักให้เฟนด์กับไดอาเนียลล่าในสวนที่เงียบสงบ“เราไม่ได้รีบอยู่หรอกเหรอ? ทำไมตอนนี้ไม่รีบล่ะ?” ไดอาเนียลล่าเหลือบมองเฟนด์และพูดอย่างสงสัย “ทำไมคุณถึงบอกให้อัจฉริยะของตระกูลนี้มาพบคุณที่ห้องในภายหลัง? มีเรื่องที่คุณอยากบอกพวกเขาเป็นการส่วนตัวเหรอ?”“ทั้งสองคนเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า พวกเขาอยู่ห่างจากระดับกึ่งเทพขั้นต้นเพียงขั้นเดียว” เฟนด์อธิบายให้เธอฟัง “ผมบังเอิญมีวัตถุดิบหลายอย่างที่ใช้ปรุงโอสถได้ ผมสามารถบ่มเพาะมันให้แต่ละคนได้ และช่วยให้พวกเขาทะทวงเข้าสู่ระดับกึ่งเทพขั้นต้น”“คุณ... คุณรู้วิธีบ่มเพาะโอสถด้วยเหรอ?” ไดอาเนียลล่าตกใจกับเรื่องที่ได้รู้ เธอไม่คิดว่าเฟนด์จะบ่มเพาะโอสถเป็นด้วยเพราะยังไงซะ การเล่นแร่แปรธาตุก็ไม่ใช
อย่างไรก็ตาม หญิงสาวกลอกตามองไปที่ชายหนุ่ม “นายพูดเรื่องอะไรน่ะ? แล้วทำไมเขาถึงบอกให้นายไปด้วยล่ะถ้าเขาสนใจแค่ฉัน? งั้นนายก็ไม่จำเป็นต้องไปด้วยสิ จริงไหม? เขาจะบอกให้นายมองเราตอนที่เขาเอาเปรียบฉันงั้นเหรอ?”ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันเป็นห่วงเพราะเธอหน้าตาสวยมาก จะเกิดอะไรขึ้นถ้านายน้อยเฟนด์อ้างแบบนั้นเพราะทุกคนอยู่ตรงนั้น รวมถึงหัวหน้าตระกูลก็อยู่ตรงนั้นด้วย ถ้าหลังจากที่เราทั้งคู่ไปหาเขา แล้วเขาสั่งให้ฉันออกมาทีหลังล่ะ? ถ้าเขาชวนเธอเข้าไปในห้องคนเดียวล่ะ? เราไม่มีทางรู้หรอก!”“นายพูดเรื่องอะไร? นายน้อยเฟนด์ไม่ใช่คนแบบนั้น!” หญิงสาวกลอกตามองชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนที่จะยิ้มหวานออกมา “มันคงจะดีถ้าผู้ชายที่มีความสามารถอย่างนายน้อยเฟนด์สนใจในตัวฉัน... แต่ฉันได้ยินมาว่าภรรยาของเขาสวยมาก นายก็เห็นความงามของคุณหนูลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโลแล้วหนิ ฉันคิดว่าสองคนนั้นมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน อาจอธิบายได้ว่าสวรรค์เต็มใจสร้างพวกเขาขึ้นมา!”ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “พวกเขาก็พูดออกมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ภรรยาของเขา พวกเขาเป็นแค่เพื่อนกัน!”“นายนี่โง่จริง ๆ ?” หญิงสาวบ่น “ลองคิดดู
หลังจากที่ทั้งคู่พักได้สักสองสามนาที ไม่นานอัจฉริยะของตระกูลโอเวนส์ก็มาที่ห้องของเฟนด์“นายน้อยเฟนด์ มีอะไรสำคัญเหรอคุณถึงบอกให้พวกเรามาพบ?” ทั้งคู่ถามออกมาด้วยความสงสัย เหลือบตามองกันเมื่อพวกเขารู้ตัวว่าไดอาเนียลล่าก็อยู่ในห้องด้วยเฟนด์เพิ่งบ่มเพาะโอสถระดับกลางขั้นหนึ่งห้าเม็ดเมื่อกี้ เขาพลิกมือแล้วหยิบมันออกมาสองเม็ดและพูดว่า “นี่ให้พวกเธอคนละเม็ด พวกนี้เป็นโอสถระดับกลางขั้นหนึ่งที่ใช้เพื่อเพิ่มพลังยุทธ มันจะช่วยให้พวกเธอสองคนทะลวงและบรรลุระดับกึ่งเทพขั้นต้นได้ ฉันแนะนำให้พวกเธอทั้งคู่ฝึกฝนอยู่ที่นี่และค่อยไปที่ตระกูลหลักหลังจากที่พวกเธอทะลวงผ่านได้แล้ว นั่นจะช่วยเพิ่มความเร็วของพวกเธอในการเดินทาง”“อ-อะไรนะ? นี่...นี่สำหรับพวกเราเหรอ?” ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย สงสัยว่าเขาได้ยินผิดไปหรือเปล่า นี่คือโอสถ และการได้มันมาดีกว่าการได้หญ้าวิญญาณอีกเพราะเหตุนี้เอง โอสถจึงเป็นของล้ำค่ามากและหาได้ยากเฟนด์เอาของหายากสองชิ้นมาให้พวกเขาทั้งคู่จริง ๆ!“ขอบคุณมากครับ/ค่ะ นายน้อย!” หญิงสาวกินยาเข้าไปพลางขมวดคิ้วออกมานิด ๆ ก่อนที่สีหน้าของเธอจะเปลี่ยนไปอึ้งและตกใจสุด ๆ “ทำไม... ทำไมมันยังร้อนอยู่
“ขอบคุณมาก...!” ยังคงมีความเขินอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ เฟนด์ต่อสู้กับความเขินและขึ้นไปนั่งบนหลังม้าโดยนั่งอยู่ข้างหลังไดอาเนียลล่า“คุณแน่ใจนะว่าจะไม่จับฉันไว้? แล้วอย่ามาล้มทีหลังนะ!” ไดอาเนียลล่าเตือนพลางหน้าแดง“ก็ได้...!” เฟนด์ตอบก่อนจะวางมือรอบเอวของไดอาเนียลล่าจากด้านหลังเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ ไดอาเนียลล่าก็พูดขึ้นมาว่า “โอ้ จริงสิ การประลองยุทธที่จัดขึ้นทุก ๆ สามปีในหมู่ตระกูลลึกลับกำลังจะมีขึ้นในเดือนหน้า แม้ว่ามันจะจัดขึ้นเพื่อให้พวกเราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่มันก็มีความสำคัญมากต่อตระกูลลึกลับทั้งแปดและตระกูลลึกลับอื่น ๆ ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลวู๊ด คุณมีพลังยุทธที่สูงมาก คุณจะเข้าร่วมการประลองด้วยใช่ไหม เพราะคุณเป็นอัจฉริยะของตระกูลหลักหนิ ถูกไหม?”เฟนด์พยักหน้า “พ่อของผมก็บอกผมเกี่ยวกับเรื่องนั้น และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมต้องเดินทางไปเลือกอัจฉริยะสำหรับตระกูลหลักให้เสร็จโดยเร็ว ผมต้องกลับไปให้ถึงก่อนหน้านั้นเพื่อที่จะได้เข้าร่วมการประลองยุทธนี้ นั่นคือเหตุผลที่ผมไม่อยากพักที่นี่นานเกินไป และรีบออกเดินทางทันที่เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย”เฟนด์ชะงักไปครู
เฟนด์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “นั่นไม่ใช่แค่เรื่องเดียว คุณหายไปตั้งนาน แล้วถ้าคุณไม่กลับไป สมาชิกตระกูลคาเบลโลคงตามหาทุก ๆ ที่ ถ้าเขารู้ว่าคุณถูกจับตัวไป พ่อแม่คุณจะไม่ห่วงหรือไง ถ้าคุณหายไปนานขนาดนั้น?”ไดอาเนียลล่าหน้าหม่นลงเมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น เธอครุ่นคิด ก่อนจะพูดออกมาว่า “พวกเขาไม่รู้ว่าฉันถูกมันโรจับไป พวกเขารู้แค่ว่าฉันออกมาเล่น เพราะงั้น พวกเขาไม่ห่วงฉันหรอก เพราะฉันเองก็มีทักษะการต่อสู้ที่ดีด้วย แต่ถ้าฉันไม่กลับบ้านนานเกินไป พวกเขาก็อาจจะเป็นห่วงบ้าง”ขณะที่ม้าหยุด เธอหันไปหาเฟนด์ ก่อนจะพูดพลางยิ้ม “อย่างไรก็ตาม ฉันตัดสินใจแล้วที่จะตามคุณไปเล่นที่ตระกูลวู๊ดด้วย สุดท้ายแล้ว พวกคุณก็จะเข้าร่วมการประลองยุทธในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว ฉันจะตามคุณไปประลองด้วย จะได้เจอครอบครัวของฉัน แล้วหลังจากนั้น…”“ก็…ก็ได้” เฟนด์พยักหน้าเห็นด้วยกับเธอ มันเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายหญิงน้อยที่สามแห่งตระกูลคาเบลโล และอย่างน้อย เขาก็น่าจะได้ข้อมูลของตระกูลคาเบลโลด้วย ... ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการล้วงข้อมูลของผู้อาวุโสลำดับหนึ่งของตระกูลคาเบลโลเพื่อที่เขาจะได้เอาตำราโบราณคืนจ
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเดินทางต่อไปบนหลังม้า โดยที่ไดอาเนียลล่ากำลังคิดอยากทานอาหารเย็นกับเฟนด์ด้วยกันสองคนนอกจากนี้แล้ว เธอยังค้นพบว่า การได้อยู่ข้าง ๆ เฟนด์ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย ถึงเขาจะแก่กว่าเธอหกถึงเจ็ดปี แต่ความเป็นผู้ใหญ่ของเขา ทำให้เธอหลงใหลเขามากกว่าเดิมหลังจากใช้เวลาอยู่กับเขาหลายต่อหลายวันเขาต่างจากนายน้อยคนอื่น ๆ ที่เอาแต่ให้กุหลาบ ช็อคโกแลต จี้หยก และหญ้าวิญญาณให้กับเธอ พวกเขาน่าเบื่อมากสำหรับเธอในที่สุด ทั้งคู่ก็มาถึงชานเมืองเล็ก ๆ ในขณะที่ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลงเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ดูค่อนข้างใหญ่ มีแสงสว่างเจิดจ้าในตอนนี้ ดูเหมือนเทศกาลอะไรบางอย่าง เพราะมีแผงขายของในตลากกลางคืนตั้งเรียงรายอยู่ตามท้องถนน“ไม่เลวเลย… เมืองเล็ก ๆ นี่ดูเหมือนกับเมืองโบราณที่ล่วงลับไปแล้ว ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจจริง ๆ !” ไดอาเนียลล่ายิ้ม พลางเดินบนถนนบลูสโตนอันกว้างขวาง พร้อมกับจูงม้ามังกรโลหิตตัวสูงใหญ่“อยากกินอะไรก็บอกนะ นายหญิงน้อยที่สามแห่งคาเบลโล ไม่ต้องเกรงใจ อยากกินอะไรเลือกเลย!”"ข้างหน้ามีโรงแรมที่ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย!" เฟนด์พูดกับไดอาเนียลล่า พลางดื่มด่ำกับวิวกลางคืน“อืม
เช่นเดียวกับผู้ฝึกยุทธทั่ว ๆ ไป คนอย่างพวกเขาไม่ได้มีหินวิญญาณอะไรมากมาย ถ้ามีหินวิญญาณหลายก้อน ก็นับเป็นเรื่องที่ดี ถึงพวกเขาจะใช้หินวิญญาณเพื่อฝึกฝนและพัฒนาตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ใช้แลกกับอาหารเนี่ยนะ?“ไร้สาระจริง! เบิกตาหมา ๆ ของนายดูซิ! หน้าฉันเหมือนคนไม่มีเงินจะจ่ายค่าอาหารรึไง?” เห็นได้ชัดเลยว่าไม่เคยมีใครปฎิบัติกับไดอาเนียลล่าแบบนี้มาก่อน เพราะเธอแทบจะระเบิดออกมาเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะโดนดูถูกขนาดนี้เมื่อเธอมาที่เมืองเล็ก ๆ เพื่อทานอาหาร“สาวน้อย เธอพล่ามอะไรน่ะ? เธอรู้ไหมว่าใครเป็นหัวหน้าร้านอาหารของเรา? กล้าดียังไงมาพูดคำว่า 'เบิกตาหมา ๆ ' กับเรา! ฮ่าฮ่า…! จะบอกอะไรให้นะ ถึงเราจะเป็นแค่ลูกจ้าง แต่เราก็ไม่ใช่คนที่เธอจะมายั่วโมโหได้!” ชายร่างกำยำโกรธจัดทันที ก่อนจะมองไดอาเนียลล่าอย่างดูถูกดูแคลน “เธอก็แค่คสวยคนนึง ก็แค่นั้น ไม่ได้มีเงินอะไร นอกจากความสวย เธอรู้เรื่องอะไรด้วยรึไง?”"ถูก!" ชายร่างกำยำอีกคนก็พูดแทรกขึ้นมาทันที “ฉันก็ว่าเธอก็แค่ผู้หญิงที่มีดีแค่สวยเหมือนกันนั่นแหละ ฮ่าฮ่า…! ถ้าไม่มีปัญญาจ่าย ก็ให้พ่อหนุ่มนี่เลี้ยงอะไรง่าย ๆ
เมื่อเห็นว่าใครมาเยือน ชายล่ำทั้งสองคนก็ลุกขึ้น พลางคร่ำครวญและพึมพำ “นายน้อย สาวน้อยคนนี้ทำมาก…มากเกินไปแล้ว…! เธออัดสมาชิกตระกูลเมอร์ฟี่ของเราครับ!”นายน้อยเมอร์ฟี่มองไปที่ทั้งด้วยความหงุดหงิด “พวกแกนี่มันไร้ประโยชน์จริง ๆ สู้กับผู้หญิงไม่ได้ด้วยซ้ำ!”“นายน้อย ผู้หญิงคนนี้มีพลังยุทธระดับกึ่งเทพ และเป็นเรื่องปกติที่ปรมาจารย์ขั้นสูงอย่างเราจสู้ไม่ไหว…!” หนึ่งในนั้นอธิบาย พลางจับท้องแล้วเงิยหน้าขึ้นด้วยความเจ็บปวด “เธอดูไม่เหมือนคนแถวนี้เลย เหมือนจะเป็นพวกผู้ฝึกยุทธทั่ว ๆ ไปมากกว่า!”“กึ่งเทพงั้นเหรอ?” นายน้อยเมอร์ฟี่หน้าหม่นลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น คนที่มีความสามารถในการต่อสู้ขนาดนี้ ถือว่าเป็นปรมาจารย์ได้เลยพ่อของเขาอยู่ขั้นสุดท้ายของระดับกึ่งเทพ และเขาก็เป็นผู้ทรงอำนาจที่น่าเกรงขามในเมืองนี้ ตระกูลของพวกเขายังมีปรมาจารย์อีกหลายคน แต่พวกเขาไม่สามารถสู้ปรมาจารย์ระดับกึ่งเทพบางคนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ขั้นสุดท้ายหรือขั้นสูงสุดเพราะงั้นเขาเลยไม่ทำท่าที่ฉุนเฉียว ถึงแม้ว่าจะมีพรรคพวกอยู่ด้วยก็ตามเฟนด์ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่แยแสก่อนจะพูดว่า “สมควรแล้วนี่ นี่คือนายหญิงน้อยที