“…ศาสตราจาร์ยชีเวลล์คะ? ศาสตราจารย์ชีเวลล์…?” มีล่าตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงเบา “หืมม? เป็นอะไรไป มีล่า?” ศาสตราจารย์ถาม ขณะที่เขามองเธอด้วยสายตาและรอยยิ้มที่อ่อนโยน “มี…สัญลักษณ์บางอย่างดูเหมือนจะปรากฏบนคอของคุณ…” ภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างไป มีล่าก็คงจะคาดเดาว่าสัญลักษณ์นี้เป็นแค่ผื่นคันจากการเกาของศาสตราจารย์ แต่อย่างไรก็ตาม สัญลักษณ์นั้นดูคุ้น ๆ เกินกว่าที่จะเป็นเพียงแค่ผื่น “…สัญลักษณ์เหรอ? เธอกำลังพูดถึงอะไรกัน มีล่า?” ศาตราจารย์ชีเวลล์ถาม ขณะที่รอยยิ้มขมขื่นปรากฏบนใบหน้าของเขา เป็นตอนนั้นเองที่มีล่ากลายเป็นมั่นใจขึ้นมาว่ามันไม่ได้เป็นเพียงแค่ผื่นคันบนคอของศาสตราจารย์เท่านั้น ถ้าจะพูดให้ถูก สัญลักษณ์บนคอของเขาเป็นสัญลักษณ์ที่เธอจำได้ มันดูเเหมือนกับสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์บนจี้ของเธอ! “มัน…มันดูเหมือนสัญลักษณ์บนจี้ที่พวกเราได้รับเลยค่ะ!” มีล่ากล่าว ตอนนี้เริ่มรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น เมื่อได้ยินแบบนั้น คนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั่นก็มองกันและกันก่อนที่แต่ละคนจะล้วงหาจี้ของตัวเองจากกระเป๋ากางเกงของพวกเขา จี้ทั้งหมดดูเหมือนกันมาก “งั้นกลายเป็นว่าทุกคนก็ได้รับมันสินะ!” มอลลี่กล่าว
คลื่นรุนแรงได้ซัดเข้าที่ด้านข้างของเรือ และเมื่อดูแล้ว คลื่นมากมายก็กำลังมาในไม่ช้านี้ คลื่นที่รุนแรงนั้นสูงมากจนพวกมันขนาดใหญ่เท่าทั้งเรือได้อย่างง่ายดาย ทุกคลื่นที่ผ่านไปตอนนี้จึงทำให้ดาดฟ้าเปีกชุ่มไปหมด ทุกคนที่อยู่บนเรือเริ่มกรีดร้องกัน ขณะที่เรือเดินมหาสมุทรค่อย ๆ เริ่มจมลงไปในกระแสน้ำวนนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเขาจะกรีดร้องกันมากแค่ไหน คลื่นที่ปั่นป่วนก็ดูเหมือนจะกลบเสียงของพวกเขาทั้งหมด ค่ำคืนนั้นมืด แต่มหาสมุทรยิ่งมืดกว่า… เมื่อในที่สุดทะเลกลับมาสงบอีกครั้ง วัตถุขนาดใหญ่ยักษ์ก็เห็นได้ว่าจมลงไปในความลึกนั้นแล้ว แม้มันจะเลือนลาง แต่สัญลักษณ์บนจี้ก็ปรากฏขึ้นชั่วครู่สั้น ๆ ก่อนจะหายไป ก็เหมือนกับที่มีเรือเดินมหาสมุทร “คุณคลอฟอร์ดตื่นหรือยัง?” ฟินน์ถาม ขณะที่เขารีบร้อนไปที่ห้องของเจอรัลด์พร้อมกับเอกสารไม่กี่อย่างในมือ มันเป็นวันถัดมาแล้วและในเวลานี้เจอรัลด์ก็อยู่ในบ้านบนเกาะที่เจสสิก้าได้เช่าไว้ “คุณคลอฟอร์ดตื่นแล้วค่ะ และเขาก็ดูเหมือนจะอารมณ์ดีในวันนี้ เขายังขอให้จัดเตรียมเรือเพื่อที่เขาจะได้ออกไปยังทะเลและสนุกด้วยซ้ำ!” สาวใช้กล่าวอย่างเคารพ และในขณะที่คำตอบของสา
“พาเธอมา!” เจอรัลด์กล่าว ขณะที่เขาลุกขึ้นยืน เมื่อได้รับการอนุญาตที่เขาต้องการ จากนั้นบอดี้การ์ดจึงออกไปพาเธอมา ครู่สั้น ๆ ต่อมา บอดี้การ์ดคนอื่นสองสามคนก็พาผู้หญิงคนนั้นมา ผู้หญิงคนนั้นเองก็ดูขี้อาย แม้มันจะเป็นปฏิกิริยาที่สมเหตุสมผลก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว ใครจะไม่กลัวที่ได้มายืนอยู่ในท่าเรือที่เต็มไปด้วยรถหรูเป็นร้อย ๆ คันกันเล่า? ราวกับว่านั่นยังไม่พอ บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำอย่างน้องพันคนก็กำลังยืนอยู่ทั่วทุกที่! ไม่มีคนธรรมดาคนไหนที่จะเข้าใกล้ที่เกิดเหตุนี้โดยไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม “ค คุณคือคุณคลอฟอร์ดใช่ไหม? แฟนของมีล่า…?” ผู้หญิงคนนั้นถามอย่างสุภาพ “ผมเอง” เจอรัลด์ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า “ฉ ฉันมีขื่อว่านาริซซ่า มาร์ติน…ฉันเป็นเพื่อนที่ดีของมีล่า…ฉันได้ยินว่าคุณกำลังสืบสวนเรื่องการหายไปของเรือเดินมหาสมุทร…แม้ฉันจะมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับมันจริง แต่ฉันก็ไม่มั่นใจเลยจริง ๆ ว่ามันจะช่วยคุณในการค้นหาได้หรือไม่…” “พูดต่อสิครับ มันอาจจะนำไปสู่เบาะแสต่อไปก็ได้!” เจอรัลด์ตอบกลับทันที “เอาล่ะ…คืนก่อน มีล่า มอลลี่ และวันด้าได้รับห่อพัสดุคนละชิ้น…ทั้งสามห่อมีจี้ที่หมือนกัน…แม้จี้
ในขณะที่เจอรัลด์ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยตลอดทุกวัน แต่ความพยายามของเขากลับไม่เป็นผล แม้สิบวันจะผ่านไปแล้ว เขาได้ใช้กลวิธีที่เขาคิดได้ไปทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่พบแม้แต่ร่องรอยของเรือเดินสมุทรว่าอยู่ที่ไหน “เธออยู่ไหนกันแน่ มีล่า…ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะจากฉันไปง่าย ๆ แบบนั้น!” เจอรัลด์กล่าว ขณะที่เขาดึงทึ้งผมของเขาด้วยความสิ้นหวัง ณ จุดนี้ เขากำลังคิดถึงความหลังในช่วงที่เขาใช้เวลาอยู่กับมีล่า ตอนนี้เขารู้มากขึ้นกว่าเดิมว่ามีล่าได้พยายามอย่างมากเพียงแค่จะได้อยู่กับเขา ในเช้าของวันที่สิบเอ็ด เจอรัลด์นั่งอยู่บนชายหาดด้วยความงุนงง ไม่แน่ใจว่าเขาจะทำอะไรได้อีกบ้างด้วยซ้ำในการตามหาเรือลำนั้น ขณะที่เขากำลังเค้นสมองต่อไป โทรศัพท์ของเขาก็เริ่มดังขึ้นมา เป็นสายเรียกจากเจสสิก้า “สวัสดีตอนเช้า เจ้าน้องชาย!” เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เจอรัลด์จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มจาง ๆ ขณะที่เขาตอบกลับ “สวัสดีตอนเช้า พี่สาว พี่กลับมานอร์เบย์อย่างปลอดภัยใช่ไหม? เป็นไงบ้างล่ะครับ?” สองวันก่อนเจสสิก้ากลับมาที่ฮ่องกงเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเจอรัลด์หลังจากรู้ถึงการหายตัวไปของมีล่า ในช่วงเวลานั้น เจสสิก้าก็ได้ใช้โอ
“เฮ้ นาย!” เบธานีตะโกนเรียกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่งการ เมื่อหายจากความงุนงง จากนั้นเจอรัลด์จึงมองไปที่เด็กสาวที่ตะโกนใส่เขาก่อนจะถามขึ้นมา “ต้องการอะไรล่ะ?” เด็กสาวที่กำลังชี้มาที่เขาดูเหมือนจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย และแม้เธอจะดูค่อนข้างแปลกประหลาด แต่เธอก็ค่อนข้างสวยเช่นกัน “นายอยู่ตามลำพังใช่ไหม?” เด็กสาวอีกคนถาม ขณะที่เธอเอามือเท้าสะเอว เป็นเด็กสาวคนที่บอกเรื่องเจอรัลด์ให้เบธานีฟังก่อนหน้านี้ “ฉันเดาว่าเธอสามารถพูดแบบนั้นได้!” เจอรัลด์ตอบกลับในขณะที่เขาพยักหน้า “นั่นค่อนข้างน่าเวทนาที่ได้ยิน! เอางี้ไหม เบธานีต้องการชวนนายให้มาเก็บลูกเทนนิสให้พวกเรา! อย่างน้อยนายก็จะไม่โดดเดี่ยวถ้านายทำเรื่องนั้นให้พวกเรา!” เด็กสาวคนนั้นกล่าวเพิ่มเติม เจอรัลด์จำได้ว่าพี่สาวของเขาบอกเขาว่าเนื่องจากตระกูลคลอฟอร์ดนั้นใหญ่โต พร้อมกับตระกูลสาขาที่ซับซ้อนมากมาย มันจึงเป็นเรื่องปกติที่คนเหล่านั้นภายในตระกูลจะไม่รู้ว่าใครเป็นใครในหมู่รุ่นเด็ก ๆ “ถ้ามีเรื่องบางอย่างให้ชั่งใจอยู่ มันจะยิ่งแย่ลงเท่านั้นถ้านายยังคงคิดมากเกี่ยวกับมันตามลำพัง! แต่เมื่อการมาเก็บลูกเทนนิสให้พวกเรา นายจะได้ลืมเรื่องที
ไวร่าถามคำถามนั้น ขณะที่เธอช่วยเจอรัลด์เช็ดหญ้าหนามออกจากใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน “ผม…ผม อืม…ก็ไม่มั่นใจว่าผมเป็นสมาชิกครอบครัวไหน!” เจอรัลด์ตอบกลับ เมื่อได้ยินแบบนั้นไวร่าจึงเพียงหัวเราะก่อนจะพูดขึ้นมา “ฉันจะเรียกหมอมาในภายหลัง และบอกพวกเขาให้รักษาแผลของนาย…พวกเราคงไม่อยากให้นายติดเชื้อในตอนนี้หรอก ใช่ไหม?” “ไม่ ไม่เป็นไรครับ…” ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่รู้ได้ ไวร่าเพียงรู้สึกอยากจะตามใจและดูแลเจอรัลด์ให้ดี ๆ ตั้งแต่วินาทีที่เธอพบเขาแล้ว มันช่างเป็นความรู้สึกแปลก ๆ อย่างแท้จริง “งานชุมนุมจะเริ่มขึ้นเร็ว ๆ นี้ นายหญิงน้อยคะ…มันจะดีที่สุดที่คุณมุ่งหน้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้นะคะ” คนที่ดูเหมือนจะเป็นสาวใช้ของไวร่าพูดขึ้นมา ขณะที่เธอเดินมาหา “ดีมาก” ไวร่ากล่าว ขณะที่เธอพยักหน้าให้เจอรัลด์ก่อนจะจากไปพร้อมกับสาวใช้ของเธอ “นายหญิงน้อยเหรอ? เช่นนั้นเธอเป็นใครบางคนที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลคลอฟอร์ดสินะ!” เจอรัลด์พึมพำกับตัวเอง ขณะที่เขาเช็ดใบหน้าของเขาให้สะอาดเสร็จแล้ว ในใจของเขา เขากำลังคิดว่าช่างเป็นเรื่องโชคดีอะไรอย่างงี้สำหรับคนที่ได้แต่งงานกับภรรยาที่อ่อนโยน และมีเสน่ห์ดึงดูดเช่นนี
“ตายแล้ว! ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่งานชุมนุมตระกูลคลอฟอร์ดกลายมาเป็นหละหลวมขนาดนี้? แท้จริงแล้วใคร ๆ ก็สามารถเข้าร่วมและนั่งที่ไหนก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการงั้นเหรอ? ดูคนที่ดูน่ากระอักกระอ่วนเช่นนี้สิว่าน่าสมเพชแค่ไหน!” เจอรัลด์เพิ่งส่งข้อความหาพี่สาวของเขาเสร็จ เขาได้ยินน้ำเสียงของผู้หญิงที่กำลังเยาะเย้ยเขาอยู่ เมื่อเขาหันไปมองผู้หญิงคนนั้นข้าง ๆ เขาที่แต่งหน้าหนาจัด เธอก็เพียงกรอกตาใส่เขา “ฮึ่ม! ในที่นี้ฉันคิดว่าฉันจะได้พบกับบุคคลที่มีชื่อเสียงเท่านั้นหลังจากแต่งงานเข้ามาในตระกูลคลอฟอร์ด! ฉันไม่เคยจะคิดเลยว่าต้องมานั่งโต๊ะที่นี่กับคนเช่นนี้ได้!” ผู้หญิงคนนั้นบ่นเสียงดัง เพียงเพื่อให้เจอรัลด์ได้ยินเธอ ผู้หญิงคนนั้นดูถูกเจอรัลด์มาก จนเธอดูเหมือนจะอับอายเพียงแค่ต้องนั่งข้างเขา “พอได้แล้วน่า! ระวังปากของคุณด้วย แม้ทุกคนในตระกูลจะมั่งคั่งกัน แต่บางคนก็ยังคงมีความรู้และฉลาดแหลมคมน้อยกว่าคนอื่น ๆ อยู่! นอกจากนี้ พวกเราบางคนยังเป็นเศรษฐีใหม่อีกด้วย ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก!” สามีของเธออธิบาย มันชัดเจนว่าสามีของผู้หญิงที่หยาบคายคนนั้นก็รู้สึกอับอายเล็กน้อยที่ต้องร่วมโต๊ะกับเจอรัลด์ เพราะคำพ
คนที่ลุกยืนขึ้นทันทีและตะโกนใส่ผู้หญิงบ้าคนนั้นคือเบธานี “ฉันหยาบคายแล้วยังไงล่ะ? เธอจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้?” แซนดร้าโต้ตอบ โดยไม่ต้องการจะยอมแพ้ ทั้งสองคนดูเหมือนจะลืมไปว่าพวกเธออยู่ที่ไหนกัน ขณะที่พวกเธอยังคงโต้เถียงกันและกันต่อไป สิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนเพราะคนอื่น ๆ ก็ถึงกับนิ่งเงียบกันไปนานแล้ว “น้องชาย!” เสียงตะโกนที่คมชัดดังขึ้นมาซึ่งทำให้ผู้หญิงที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ถึงกับเงียบลง ท้ายที่สุดแล้ว พวกเธอก็รู้ว่าน้ำเสียงนั้นเป็นของใคร จากนั้นพวกเธอทั้งคู่ก็หันไปมองเจสสิก้าที่รีบร้อนเดินมาหาพวกเขากัน “พี่สาว!” เจอรัลด์ตอบกลับ ขณะที่เขาพยายามเช็ดคราบชาออกจากตัวของเขา “…พี่สาวเหรอ?” ทุกคนที่นั่นถึงกับตกตะลึงกันไปทันที เขาเรียกเจสสิก้าว่าพี่สาวของเขางั้นเหรอ? เขาเป็น… “ใครทำสิ่งนี้กัน? ใครกล้าดีมาทำให้นายน้อยของตระกูลคลอฟอร์ดต้องขายหน้า? คน ๆ นั้นต้องอยากตายแน่ ๆ!” เจสสิก้าด่าว่าด้วยความน้ำเสียงเย็นชา ซึ่งทำให้สมาชิกตระกูลคลอฟอร์ดคนอื่น ๆ ถึงกับเย็นสันหลังวาบด้วยความกลัวกัน แซนดร้าและเบธานีเองก็ถึงกับกรามค้างกว้าง พวกเธอทั้งคู่แค่ไม่อาจเชื่อหูของตัวเองได้ ‘…อะไร