“คุณหนูสาม คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปจริง ๆ ครับ! คำสั่งนี้นายท่านเป็นคนออกปากโดยเฉพาะ!” บอดี้การ์ดกล่าว โดยพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะป้องกันไม่ให้เด็กสาว ที่ดูอายุประมาณยี่สิบปีเข้าไปได้ “อืม งั้นก็เยี่ยมไปเลย! นายกำลังบอกฉันว่าตอนนี้มีสถานที่ภายในคฤหาสน์เฟนเดอร์สันที่ฉัน ควินซี่ไม่สามารถเข้าไปได้ใช่ไหม? ทั้งพี่ใหญ่และพี่รองของฉันก็ไม่ชอบฉันอยู่แล้ว นายกำลังพูดว่าคุณปู่ก็ไม่ชอบฉันเหมือนกันแล้วตอนนี้ใช่หรือเปล่า? ยิ่งนายขัดขวางฉันจากการเข้าไปมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งอยากเข้าไปและดูด้วยตัวเองมากขึ้นเท่านั้นแหละ! หลีกไปซะ!” ควินซี่ตะโกน ขณะที่เธอผลักบอดี้การ์ดออกไปและรีบเข้าไปข้างใน ภายในห้องที่ดูหรูหราและมีเฟอร์นิเจอร์โบราณ ดูเหมือนจะอยู่ในสไตล์ของขุนนางยุโรปในยุค 1960 ซึ่งถูกจัดวางอยู่ในทุก ๆ มุมห้อง นอกเหนือจากห้องของปู่ของเธอแล้ว ห้องนี้เป็นอีกห้องอื่นเดียวเท่านั้นที่หรูหราขนาดนี้ ในคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอไม่มีอะไรให้ทำ ควินซี่ก็มักจะมาที่ห้องนี้เพื่อดูอยู่บ่อย ๆ ก็เหมือนกับเฟนเดอร์สันคนอื่นส่วนใหญ่ ควินซี่มักใฝ่ฝันที่จะได้ย้ายเข้ามาในห้องพิเศษห้องนี้ ไม่ว่าจะอย่าง
แม้ตั้งแต่ตอนที่เธอยังคงเป็นเด็กน้อย แจสมินมักจะเกลียดการเข้าใจผิวเผินอยู่เสมอ ไม่ว่าจะหัวข้อไหนก็ตาม เพราะเช่นนั้น ตอนแรกเธอจึงวางแผนที่จะเข้าไปในห้องของคุณอาเพื่อพยายามค้นหาผู้มาใหม่ด้วยกันกับมินดี้ การบังเอิญพบกับควินซี่ของเธอนั้นจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ตอนนี้ที่รู้ว่าใครบางคนได้ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องนั้น ความอยากรู้อยากเห็นของเธอจึงทำให้ตื่นเต้นขึ้นมา ใครที่จะมีสิทธิ์เพียงพอที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นั่นกันนะ?“ทำไมพวกเราไม่แอบเข้าไปดูภายในห้องกันล่ะ แจสมิน?” มินดี้แนะนำ ตอนนี้เริ่มรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้นเช่นกัน “อย่าบุ่มบ่ามไป สำหรับตอนนี้พวกเราควรจะไปกันก่อน ไม่นานก็เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่แล้ว และฉันไม่ต้องการที่จะทำให้เขาโกรธในช่วงเวลาเช่นนี้!” แจสมินตอบกลับ ขณะที่เธอเริ่มเดินจากไป แม้เธอจะพูดไปแบบนั้น แต่เอาตามตรงเธอก็ยิ่งสงสัยมากว่ามินดี้เสียอีก ประมาณสองวันต่อมา… “นายได้สิ่งของทั้งหมดที่ฉันบอกนายให้หามาหรือยัง? โปรดตรวจสอบอีกครั้งในภายหลังแล้วกัน พวกเราไม่อาจขาดสิ่งของพวกนี้ได้เพราะพวกเราจะต้องใช้พวกมันในการตกแต่งและจัดตั้งสถานที่จัดง
คนที่ว่านั้นก็คือ อลิซนั่นเอง! เขาไม่ได้พบเธอมานานขนาดนี้แล้ว หลังจากเรื่องทั้งหมดนั้นเกิดขึ้น เจอรัลด์ก็ได้ยินมาว่าอลิซไปนอร์เบย์ เนื่องจากเธอมาจากภาควิชาวิทยุกระจายเสียงและโฮสติ้ง มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะไปฝึกงานที่นั่น อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าจะบังเอิญพบเธอที่นี่! “เมื่อพูดแล้วนายก็ช่วยทำความสะอาดพื้นในขณะที่นายอยู่ที่นี่ได้ไหม? ขอบคุณนะ!” หญิงสาวอีกคนกล่าว โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขาด้วยซ้ำ “รับทราบครับ!” เซร่าได้ทำการจัดเตรียมทั้งหมดไว้ด้วยเหตุผมผลบางอย่าง ทั้งเดรกและไทสันถูกทิ้งให้อยู่เฉย ๆ ในขณะที่เจอรัลด์ได้รับมอบหมายให้เป็นคนรับจ้างที่ต้องทำงานหยุมหยิมทุกประเภท! มันเป็นเพียงโชคชะตาของเขาที่จะต้องทำธุระใช่ไหม? โดยไม่ทันได้คิด มันก็ไม่ได้สำคัญต่อเจอรัลด์มากขนาดนั้นจริง ๆ เพราะเขาชินกับมันไปแล้ว “คิดซะว่านี่เป็นการพักผ่อนเล็ก ๆ จากปัญหา และความคับข้องใจทั้งหมดของเธอ อลิซไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในที่สุด เธอก็ออกจากเมย์เบอร์รี่มาแล้ว ที่ที่เธอประสบกับความทรงจำที่ทำให้กลัดกลุ้มมากมาย และเริ่มใหม่อีกครั้งในนอร์เบย์! ถึงอย่างนั้นใครจะไปคาดคิดว่าเรื่องบางอ
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอีโก้สูงเช่นนั้นอย่างอลิซ นั่นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการพลาดโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับเธอ เจอรัลด์เพียงไม่สามารถเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่า เขาเป็นคนผิดอย่างแท้จริงในตอนนั้น เขาส่ายหัวของเขา จากนั้นก็มุ่งหน้าออกไปเอาไวน์แดงสองขวดที่พวกเธอขอ ด้วยความประหลาดใจ เมื่อพวกเธอทั้งคู่ได้เครื่องดื่มและเริ่มดื่มไวน์ ฮิลลารีจึงบอกให้เจอรัลด์ช่วยพวกเธอเก็บกระเป๋าของพวกเธอเช่นกัน ราวกับว่าเขาทำงานให้พวกเธอเป็นการส่วนตัวหรืออะไรบางอย่าง โชคดีอลิซมีสิ่งอื่นอยู่ในใจของเธอ ดังนั้นสายตาของเธอจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับเขาเลย เมื่อเขาเก็บของทุกอย่างให้พวกเธอเสร็จแล้ว ไวน์แดงทั้งสองขวดก็ว่างเปล่า แม้อลิซจะมึนเมาอย่างชัดเจนในเวลานี้ แต่เธอก็ยังคงยืนกรานที่จะดื่มไวน์แดงอีก เจอรัลด์ไม่มีทางเลือกนอกจากฟังคำสั่งของเธอ และในขณะที่เจอรัลด์เตรียมที่จะจากไปในที่สุด อย่างไรก็ตามอลิซก็เริ่มอาเจียนก่อนจะล้มลงกับพื้นไป! เห็นได้ชัดว่าเธอดื่มมากเกินไปและเร็วเกินไป ฮิลลารีเองก็เข้านอนไปแล้วเมื่อหมดขวดที่สอง และตอนนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างหมดสติไป “ดื่ม! ฉันยังอยากดื่มอยู่!” อลิซพูดระหว่
มันเช้าตรู่วันต่อมา เมื่ออลิซตื่นขึ้นมาในที่สุด แม้เธอดื่มไวน์แดงในคืนก่อนไปมาก แต่หัวใจของเธอกลับเต้นแรงแทนที่จะหัวของเธอ เธอสลัดมันออกไปแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เธอพยายามที่จะลุกขึ้น ก่อนที่เธอจะสามารถทำแบบนั้น อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกได้ทีนทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อดึงผ้าห่มออกไป เธอตะโกนขึ้นนมาทันที รู้สึกตื่นตระหนกกับสิ่งที่เธอกำลังเห็น! “ฮิลลารี! ฮิลลารี!” “เป็นอะไรไป อลิซ…?” ฮิลลารีตอบกลับอย่างค่อนข้างมึนงง เมื่อถูกเสียงตะโกนของอลิซปลุก “ฉันสวมเสื้อผ้าชุดอื่นเมื่อพวกเราดื่มกันคืนที่แล้ว ใช่ไหม? ดูสิ! ทำไมฉันถึงอยู่ในชุดนอนตอนนี้ล่ะ? เธอเป็นคนสวมพวกมันให้ฉันหรือเปล่า?” อลิซถาม “…ไม่ ฉันไม่คิดว่างั้นนะ…ฉันไม่รู้สึกตัวหลังจากดื่มไปมากขนาดนั้นเมื่อคืน…เธอยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่หรือเปล่า…? ใครจะไปสวมชุดนอนให้เธ…เดี๋ยวนะ ถ้ามีคนช่วยเธอเปลี่ยนชุดนอนจริง ๆ ล่ะก็ งั้นพวกเขาก็ต้องถอดเสื้อผ้าเก่าทั้งหมดของเธอก่อนสิ ใช่ไหม?” ฮิลลารีกล่าว ตอนนี้กำลังเริ่มรู้สึกประหม่า ขณะที่เธอรีบร้อนบอกอลิซให้ตรวจดูว่าเธอรู้สึกว่ามีอะไรแปลกหรือผิดปกติกับร่างกายของเธอบ้างไหม “เอาล่ะ ตอนนี้
ตามปกติแล้วโนอาไม่เคยมีความมุทะลุและกล้าหาญที่จะขอเฟนเดอร์สันเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการแต่งงานของลูกชายของเขาเลย ท้ายที่สุดแล้วเฟนเดอร์สันก็ยังคงเป็นตระกูลที่เกี่ยวข้องหลักของตระกูลชุยเลอร์อยู่ดี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงานใหญ่เช่นนี้ถูกจัดขึ้นในวันนี้ โนอาจึงตัดสินใจถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ในที่สุด เพียงเพื่อจะดูว่านายท่านผู้เฒ่าจะตอบกลับอย่างไร จากการตอบสนอง ไบรสันขมวดคิ้วด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ บนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “นายกำลังเสนอการแต่งงานระหว่างแจสมินกับยาเอลใช่ไหม?” “อืม ฉันเกรงว่าเรื่องนี้มีใจความอยู่ที่สิ่งที่แจสมินต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้วการแต่งงานก็เป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว! นายควรปล่อยให้เด็ก ๆ จัดการกับเรื่องนี้ด้วยตัวเขาเอง!” เมื่อได้ยินแบบนี้จึงทำให้โนอาหัวเสียเล็กน้อย เนื่องจากเขารู้ว่าข้อเสนอของเขาเพิ่งถูกปฏิเสธไปอย่างอ้อม ๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หลานสาวของไบรสันก็ไม่ได้ให้ความสนใจในตัวยาเอลเลย ทั้งนั้นอย่างเห็นได้ชัด “ในฐานะพ่อแม่ ตามปกติแล้วพวกเราก็เป็นพ่อสื่อแม่สื่อให้ลูก ๆ ของเราอยู่แล้ว ท่านเฟนเดอร์สัน ผมเชื่อจริง ๆ ว่าตรา
แม้ดาริลไม่ได้ปรากฏตัวมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสัญญาการแต่งงานจะสิ้นสุดลงไป ความจริงแล้วแม้ว่าดีแลนจะเป็นปรปักษ์ต่อเฟนเดอร์สันมาก แต่เขาก็ไม่ได้ส่งใครมายุติสัญญาอย่างเป็นทางการ ตราบใดที่สัญญาการแต่งงานไม่ได้ถูกยกเลิก งั้นมันก็เป็นกฏที่ยังคงใช้ได้จนถึงวันที่ตระกูลคลอฟอร์ดเลือกที่จะยอมรับมัน!” ไบรสันอธิบายก่อนจะมองไปที่โนอา “นายเข้าใจในสิ่งที่ฉันหมายถึงตอนนี้ใช่ไหม โนอา?” “…เมื่อคิดว่าตระกูลคลอฟอร์ดและเฟนเดอร์สันมีประวัติศาสตร์เช่นนี้ล่ะก็…อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งสองตระกูลยังคงขัดแย้งต่อกันและกันอยู่ งั้นสัญญาการแต่งงานก็ควรถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติหรือเปล่า ท่านเฟนเดอร์สัน?” โนอาตอบกลับอย่างค่อนข้างไม่เต็มใจ “แม้มันเป็นเรื่องจริงที่ทั้งดีแลนและแดริลมีการทะเลาะกันครั้งใหญ่ในตอนนั้น แต่ฉันไม่คิดว่าลูกชายของเขาจะมีความกล้า หรือมุทะลุที่จะแก้ไข หรือขัดต่อกฏที่พ่อของเขาตั้งขึ้นมาหรอกนะ!” “…ดีมาก ท่านเฟนเดอร์สัน ผมจะแค่แกล้งทำเป็นว่าผมไม่เคยนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูด แต่อย่างไรก็ตาม จำไว้นะครับว่าพวกเราต่อสู้กับคลอฟอร์ดมาหลายปีแล้ว พวกเราจะไม่มีวันเลิกแค้นตระกูลคลอฟอร์ด
ในชั่วพริบตา ผู้คนมากมายก็มาชุมนุมกันที่งานเลี้ยงแล้ว พี่น้องเฟนเดอร์สันทั้งสองคนรับผิดชอบกับการทักทายและให้ความบันเทิงแก่แขกด้านนอก “คุณมาที่นี่เร็วจังนะครับ คุณชุยเลอร์!” แขกส่วนใหญ่ที่ไปทักทายโนอากล่าวขึ้นมาทันทีที่พวกเขาเห็นเขา มันชัดเจนว่าสำหรับแขกทั้งหลาย พี่น้องเฟนเดอร์สันทั้งสองคนไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยเมื่อเทียบกับโนอา เมื่อเห็นแบบนั้นลูกชายคนที่สองของครอบครัวเฟนเดอร์สันจึงทำได้เพียงแค่โบกมือให้ด้วยความขุ่นเคืองเท่านั้น เป็นตอนนั้นเองเมื่อใครบางคนตะโกนขึ้นมาฉับพลัน “ตระกูลหลงจากยานเคนส่งรูปปั้นหยกขาวมาที่นี่!” “…ฮะ? ตระกูลหลงจากยานเคนงั้นเหรอ?” ทุกคนถึงกับประหลาดใจที่ได้ยินแบบนั้น ทำไมตระกูลหลงถึงจะมาที่นี่เพียงเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ด้วยล่ะ แม้สองตระกูลจะลงรอยกันดี ด้วยตระกูลหลงยังเคยช่วยเหลือตระกูลเฟนเดอร์สันมาก่อนด้วยซ้ำ แต่ทั้งสองตระกูลก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกันมานานมากแล้ว นายท่านผู้เฒ่าของเฟรเดอร์สันเองส่วนใหญ่ก็เชิญสมาชิกและผู้สืบทอดโดยตรงของตระกูลเฟนเดอร์สันมาที่งานเลี้ยงนี้เท่านั้น ตระกูลหลงจึงถือว่าเป็นการเกี่ยวดองจากต่างถิ่น ทุกคนรู้
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ