เซร่าเป็นลูกสาวที่มีอนาคตมากที่สุดของนายท่านเฟนเดอร์สัน และยังเป็นบุคคลที่โดดเด่นมากที่สุดอันดับสองภายในตระกูลเฟนเดอร์สัน ความจริงแล้ว ตำแหน่งของเธอยังสำคัญมากกว่าอีกด้วย เมื่อเทียบพ่อของแจสมิน เมื่อรู้ว่าเรื่องนี้อย่างเดียวก็เป็นการอธิบายอย่างชัดเจนให้เข้าใจแล้วว่า เซร่าเป็นคนที่มีไหวพริบและฉลาดมากแค่ไหน เพิ่มเติมด้วยการหยั่งรู้โดยสัญชาตญาณที่เหนือกว่าของเธอ เซร่าจึงมั่นใจว่าพ่อของเธอคือคนที่ลักพาตัวเควต้าไปแน่ แม้เธอไม่รู้ว่าเขาพบเธอตั้งแต่แรกได้ยังไงก็ตาม “ฉันรู้จักพวกเฟนเดอร์สันเป็นอย่างดี เจอรัลด์ ในขณะที่เรื่องภายในที่ซับซ้อนมากมายเกิดขึ้นภายในตระกูลเฟนเดอร์สัน หากพ่อของฉันเป็นคนที่ลักพาตัวเควต้าไปล่ะก็ งั้นฉันก็วางใจได้ว่าเขาจะไม่ทำเรื่องต่าง ๆ ให้ยากสำหรับเธอหรอก ปัญหาก็คือ ฉันไม่สามารถพูดได้แบบเดียวกันเกี่ยวกับสมาชิกเฟนเดอร์สันที่เหลือ…” “ฮ่าฮ่าฮ่า! กระนั้น…เมื่อคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีสาเหตุมาจากอารมณ์โกรธชั่วขณะที่ฉันมีต่อเขาเมื่อหลายปีก่อนล่ะก็! แม้ฉันมั่นใจว่าเขาเสียใจกับมัน แต่เห็นได้ชัดว่านิสัยของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย! เขายังคงคาดหวังที่จะให้ฉันก้าวออกไป และขอโ
“เด็กคนนี้…เธอช่างดื้อรั้นเหมือนกับแม่ของเธอไม่มีผิด! อืมม…แจสมินไม่ได้หาตัวเซเนียได้แล้วไม่ใช่เหรอ? สาวใช้ส่วนตัวคนนั้นของเซร่าใช่ไหม? พยายามให้เธอโน้มน้าวเควต้า อีกอย่าง ไม่มีใครควรจะรู้ว่าเควต้าอยู่ที่นี่ ไม่แม้แต่แจสมิน! ถ้าคำพูดหลุดออกไปล่ะก็ ฉันจะทำให้พวกนายแต่ละคนตายอย่างช้า ๆ แน่นอน! ตอนนี้ไปได้!” เมื่อได้ยินแบบนั้น หมอทั้งหลายก็ตัวสั่นขึ้นมาด้วยความกลัว ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเขาไปแล้ว ไบรสันจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นด้วยไม้เท้าในมือของเขา ก่อนจะจ้องมองอย่างว่างเปล่าไปที่ผนัง ในขณะที่เรื่องมากมายหลายอย่างอยู่ในใจของเขา ความทรงจำที่เด่นชัดที่สุดก็คือ ช่วงเวลาที่เขาตัดสัมพันธ์กับลูกสาวสุดที่รักของเขาต่อสาธารณชน เซร่า เขาไล่เธอออกไปจากตระกูลเฟนเดอร์สัน และแม้ว่าเขาจะเข้มงวดอย่างมาก เมื่อเป็นเรื่องของการใช้กฏบังคับของตระกูล แต่เขาก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำของเขาทันทีเมื่อเธอจากไป เขาพยายามทำทุกวิธีที่เป็นไปได้เพื่อหาที่อยู่ของเซร่า เขาไม่ต้องการที่จะให้เธอกลับมาอยู่เคียงข้างเขา แต่เขาเพียงต้องการที่จะรู้ว่าลูกสาวอันเป็นที่รักของเขายังคงมีขีวิตอยู่หรือไม่ และถ้าเธอยังคงมี
“คุณหนูสาม คุณไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปจริง ๆ ครับ! คำสั่งนี้นายท่านเป็นคนออกปากโดยเฉพาะ!” บอดี้การ์ดกล่าว โดยพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะป้องกันไม่ให้เด็กสาว ที่ดูอายุประมาณยี่สิบปีเข้าไปได้ “อืม งั้นก็เยี่ยมไปเลย! นายกำลังบอกฉันว่าตอนนี้มีสถานที่ภายในคฤหาสน์เฟนเดอร์สันที่ฉัน ควินซี่ไม่สามารถเข้าไปได้ใช่ไหม? ทั้งพี่ใหญ่และพี่รองของฉันก็ไม่ชอบฉันอยู่แล้ว นายกำลังพูดว่าคุณปู่ก็ไม่ชอบฉันเหมือนกันแล้วตอนนี้ใช่หรือเปล่า? ยิ่งนายขัดขวางฉันจากการเข้าไปมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งอยากเข้าไปและดูด้วยตัวเองมากขึ้นเท่านั้นแหละ! หลีกไปซะ!” ควินซี่ตะโกน ขณะที่เธอผลักบอดี้การ์ดออกไปและรีบเข้าไปข้างใน ภายในห้องที่ดูหรูหราและมีเฟอร์นิเจอร์โบราณ ดูเหมือนจะอยู่ในสไตล์ของขุนนางยุโรปในยุค 1960 ซึ่งถูกจัดวางอยู่ในทุก ๆ มุมห้อง นอกเหนือจากห้องของปู่ของเธอแล้ว ห้องนี้เป็นอีกห้องอื่นเดียวเท่านั้นที่หรูหราขนาดนี้ ในคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอไม่มีอะไรให้ทำ ควินซี่ก็มักจะมาที่ห้องนี้เพื่อดูอยู่บ่อย ๆ ก็เหมือนกับเฟนเดอร์สันคนอื่นส่วนใหญ่ ควินซี่มักใฝ่ฝันที่จะได้ย้ายเข้ามาในห้องพิเศษห้องนี้ ไม่ว่าจะอย่าง
แม้ตั้งแต่ตอนที่เธอยังคงเป็นเด็กน้อย แจสมินมักจะเกลียดการเข้าใจผิวเผินอยู่เสมอ ไม่ว่าจะหัวข้อไหนก็ตาม เพราะเช่นนั้น ตอนแรกเธอจึงวางแผนที่จะเข้าไปในห้องของคุณอาเพื่อพยายามค้นหาผู้มาใหม่ด้วยกันกับมินดี้ การบังเอิญพบกับควินซี่ของเธอนั้นจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น ตอนนี้ที่รู้ว่าใครบางคนได้ย้ายเข้ามาอยู่ในห้องนั้น ความอยากรู้อยากเห็นของเธอจึงทำให้ตื่นเต้นขึ้นมา ใครที่จะมีสิทธิ์เพียงพอที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นั่นกันนะ?“ทำไมพวกเราไม่แอบเข้าไปดูภายในห้องกันล่ะ แจสมิน?” มินดี้แนะนำ ตอนนี้เริ่มรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้นเช่นกัน “อย่าบุ่มบ่ามไป สำหรับตอนนี้พวกเราควรจะไปกันก่อน ไม่นานก็เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่แล้ว และฉันไม่ต้องการที่จะทำให้เขาโกรธในช่วงเวลาเช่นนี้!” แจสมินตอบกลับ ขณะที่เธอเริ่มเดินจากไป แม้เธอจะพูดไปแบบนั้น แต่เอาตามตรงเธอก็ยิ่งสงสัยมากว่ามินดี้เสียอีก ประมาณสองวันต่อมา… “นายได้สิ่งของทั้งหมดที่ฉันบอกนายให้หามาหรือยัง? โปรดตรวจสอบอีกครั้งในภายหลังแล้วกัน พวกเราไม่อาจขาดสิ่งของพวกนี้ได้เพราะพวกเราจะต้องใช้พวกมันในการตกแต่งและจัดตั้งสถานที่จัดง
คนที่ว่านั้นก็คือ อลิซนั่นเอง! เขาไม่ได้พบเธอมานานขนาดนี้แล้ว หลังจากเรื่องทั้งหมดนั้นเกิดขึ้น เจอรัลด์ก็ได้ยินมาว่าอลิซไปนอร์เบย์ เนื่องจากเธอมาจากภาควิชาวิทยุกระจายเสียงและโฮสติ้ง มันจึงเป็นเรื่องปกติที่เธอจะไปฝึกงานที่นั่น อย่างไรก็ตาม เขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าจะบังเอิญพบเธอที่นี่! “เมื่อพูดแล้วนายก็ช่วยทำความสะอาดพื้นในขณะที่นายอยู่ที่นี่ได้ไหม? ขอบคุณนะ!” หญิงสาวอีกคนกล่าว โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขาด้วยซ้ำ “รับทราบครับ!” เซร่าได้ทำการจัดเตรียมทั้งหมดไว้ด้วยเหตุผมผลบางอย่าง ทั้งเดรกและไทสันถูกทิ้งให้อยู่เฉย ๆ ในขณะที่เจอรัลด์ได้รับมอบหมายให้เป็นคนรับจ้างที่ต้องทำงานหยุมหยิมทุกประเภท! มันเป็นเพียงโชคชะตาของเขาที่จะต้องทำธุระใช่ไหม? โดยไม่ทันได้คิด มันก็ไม่ได้สำคัญต่อเจอรัลด์มากขนาดนั้นจริง ๆ เพราะเขาชินกับมันไปแล้ว “คิดซะว่านี่เป็นการพักผ่อนเล็ก ๆ จากปัญหา และความคับข้องใจทั้งหมดของเธอ อลิซไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในที่สุด เธอก็ออกจากเมย์เบอร์รี่มาแล้ว ที่ที่เธอประสบกับความทรงจำที่ทำให้กลัดกลุ้มมากมาย และเริ่มใหม่อีกครั้งในนอร์เบย์! ถึงอย่างนั้นใครจะไปคาดคิดว่าเรื่องบางอ
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีอีโก้สูงเช่นนั้นอย่างอลิซ นั่นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการพลาดโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับเธอ เจอรัลด์เพียงไม่สามารถเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่า เขาเป็นคนผิดอย่างแท้จริงในตอนนั้น เขาส่ายหัวของเขา จากนั้นก็มุ่งหน้าออกไปเอาไวน์แดงสองขวดที่พวกเธอขอ ด้วยความประหลาดใจ เมื่อพวกเธอทั้งคู่ได้เครื่องดื่มและเริ่มดื่มไวน์ ฮิลลารีจึงบอกให้เจอรัลด์ช่วยพวกเธอเก็บกระเป๋าของพวกเธอเช่นกัน ราวกับว่าเขาทำงานให้พวกเธอเป็นการส่วนตัวหรืออะไรบางอย่าง โชคดีอลิซมีสิ่งอื่นอยู่ในใจของเธอ ดังนั้นสายตาของเธอจึงไม่ได้ให้ความสนใจกับเขาเลย เมื่อเขาเก็บของทุกอย่างให้พวกเธอเสร็จแล้ว ไวน์แดงทั้งสองขวดก็ว่างเปล่า แม้อลิซจะมึนเมาอย่างชัดเจนในเวลานี้ แต่เธอก็ยังคงยืนกรานที่จะดื่มไวน์แดงอีก เจอรัลด์ไม่มีทางเลือกนอกจากฟังคำสั่งของเธอ และในขณะที่เจอรัลด์เตรียมที่จะจากไปในที่สุด อย่างไรก็ตามอลิซก็เริ่มอาเจียนก่อนจะล้มลงกับพื้นไป! เห็นได้ชัดว่าเธอดื่มมากเกินไปและเร็วเกินไป ฮิลลารีเองก็เข้านอนไปแล้วเมื่อหมดขวดที่สอง และตอนนี้กำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างหมดสติไป “ดื่ม! ฉันยังอยากดื่มอยู่!” อลิซพูดระหว่
มันเช้าตรู่วันต่อมา เมื่ออลิซตื่นขึ้นมาในที่สุด แม้เธอดื่มไวน์แดงในคืนก่อนไปมาก แต่หัวใจของเธอกลับเต้นแรงแทนที่จะหัวของเธอ เธอสลัดมันออกไปแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เธอพยายามที่จะลุกขึ้น ก่อนที่เธอจะสามารถทำแบบนั้น อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกได้ทีนทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อดึงผ้าห่มออกไป เธอตะโกนขึ้นนมาทันที รู้สึกตื่นตระหนกกับสิ่งที่เธอกำลังเห็น! “ฮิลลารี! ฮิลลารี!” “เป็นอะไรไป อลิซ…?” ฮิลลารีตอบกลับอย่างค่อนข้างมึนงง เมื่อถูกเสียงตะโกนของอลิซปลุก “ฉันสวมเสื้อผ้าชุดอื่นเมื่อพวกเราดื่มกันคืนที่แล้ว ใช่ไหม? ดูสิ! ทำไมฉันถึงอยู่ในชุดนอนตอนนี้ล่ะ? เธอเป็นคนสวมพวกมันให้ฉันหรือเปล่า?” อลิซถาม “…ไม่ ฉันไม่คิดว่างั้นนะ…ฉันไม่รู้สึกตัวหลังจากดื่มไปมากขนาดนั้นเมื่อคืน…เธอยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่หรือเปล่า…? ใครจะไปสวมชุดนอนให้เธ…เดี๋ยวนะ ถ้ามีคนช่วยเธอเปลี่ยนชุดนอนจริง ๆ ล่ะก็ งั้นพวกเขาก็ต้องถอดเสื้อผ้าเก่าทั้งหมดของเธอก่อนสิ ใช่ไหม?” ฮิลลารีกล่าว ตอนนี้กำลังเริ่มรู้สึกประหม่า ขณะที่เธอรีบร้อนบอกอลิซให้ตรวจดูว่าเธอรู้สึกว่ามีอะไรแปลกหรือผิดปกติกับร่างกายของเธอบ้างไหม “เอาล่ะ ตอนนี้
ตามปกติแล้วโนอาไม่เคยมีความมุทะลุและกล้าหาญที่จะขอเฟนเดอร์สันเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการแต่งงานของลูกชายของเขาเลย ท้ายที่สุดแล้วเฟนเดอร์สันก็ยังคงเป็นตระกูลที่เกี่ยวข้องหลักของตระกูลชุยเลอร์อยู่ดี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากงานใหญ่เช่นนี้ถูกจัดขึ้นในวันนี้ โนอาจึงตัดสินใจถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ในที่สุด เพียงเพื่อจะดูว่านายท่านผู้เฒ่าจะตอบกลับอย่างไร จากการตอบสนอง ไบรสันขมวดคิ้วด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ บนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “นายกำลังเสนอการแต่งงานระหว่างแจสมินกับยาเอลใช่ไหม?” “อืม ฉันเกรงว่าเรื่องนี้มีใจความอยู่ที่สิ่งที่แจสมินต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้วการแต่งงานก็เป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว! นายควรปล่อยให้เด็ก ๆ จัดการกับเรื่องนี้ด้วยตัวเขาเอง!” เมื่อได้ยินแบบนี้จึงทำให้โนอาหัวเสียเล็กน้อย เนื่องจากเขารู้ว่าข้อเสนอของเขาเพิ่งถูกปฏิเสธไปอย่างอ้อม ๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หลานสาวของไบรสันก็ไม่ได้ให้ความสนใจในตัวยาเอลเลย ทั้งนั้นอย่างเห็นได้ชัด “ในฐานะพ่อแม่ ตามปกติแล้วพวกเราก็เป็นพ่อสื่อแม่สื่อให้ลูก ๆ ของเราอยู่แล้ว ท่านเฟนเดอร์สัน ผมเชื่อจริง ๆ ว่าตรา