ในขณะที่เขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ความจริงยังคงแสดงให้เห็นว่าเขาพ่ายแพ้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถระเบิดความโกรธออกมาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขาโกรธมากจนเกินไป แซนรี่ก็กังวลว่าคนอื่น ๆ จะคิดว่าเขารวยไม่พอที่ฉันเล่นเกมพวกนี้ และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งความอัปยศอดสูที่เขาไม่เคยอยากจะพบเจอ เขาเพิ่งสูญเสียเงินไปสองร้อยยี่สิบห้าเหรียญ สำหรับเขามันไม่ได้มากมายอะไร ดังนั้นเขาจึงสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างแน่นอน…! ด้วยความเชื่อที่ว่าแซนรี่คงไม่อยากเล่นต่อหลังจากต้องพ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้ง เจอรัลด์จึงมองดูเขาก่อนจะถามว่า "คนอยากจะเล่นต่อไหมคุณประธานรุ่น" "ทำไมจะไม่ล่ะ! เรามาต่อกันเลย!” แซนรี่ประกาศก้อง เห็นได้ชัดว่าแซนรี่มีนิสัยตามแบบฉบับของนักพนัน หากเขาไม่สามารถเอาชนะเจอรัลด์ได้ คืนนี้เขาคงนอนไม่หลับ ไม่ใช่ว่าเจอรัลด์จะอิดออด แต่เขาแค่อยากรู้ว่าแซนรี่จะทนต่อไปได้อีกสักกี่น้ำ “เอาล่ะ เยี่ยมมาก คุณประธานรุ่น! แต่ในเมื่อคุณเป็นคนแนะนำเกมที่แล้ว ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผมจะเป็นฝ่ายแนะนำเกมของตัวเองบ้าง คุณเห็นด้วยไหมที่เราจะปรับเปลี่ยนเกมกันสักหน่อย” เจอรัลด์ถาม เมื่อได้ยินเช่นนั้น แซนรี่ซึ่
แซนรี่หัวเราะคิกคักตอบก่อนจะพูดว่า "ก่อนอื่น ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ!" “แน่นอน!” เจอรัลด์พยักหน้าตอบ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าแซนรี่กำลังพยายามหลบหนี แต่เจอรัลด์ก็ไม่คิดว่าจำเป็นจะต้องเปิดโปงเขา แซนรี่ลุกขึ้นและรีบไปเข้าห้องน้ำในทันที ตอนนี้ในที่สุดเขาก็สามารถหลบหนีจากเงื้อมมืออันชั่วร้ายของเจอรัลด์ได้แล้ว ไม่มีทางที่เขาจะลากตัวเองเข้ามายุ่งย่ามกับเจอรัลด์อีกต่อไป ไม่นานงานเลี้ยงรุ่นก็จบลงอย่างราบรื่น และเจอรัลด์ก็ขับรถกลับบ้านจูโน่... ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในบ้านของเธอ จูโน่ก็ยิ้มทันทีขณะที่เธอหันไปมองเจอรัลด์ก่อนจะพูดว่า "วันนี้คุณแกล้งแซนรี่หนักมากเลยนะเจอรัลด์!" เจอรัลด์หัวเราะอย่างไม่เก็บอาการแล้วตอบกลับไปว่า “เขาผิดที่คิดจะมาแกล้งผมก่อน! ในเมื่อเขาทำแบบนั้นแล้วจะให้ผมปล่อยเขาไปได้ยังไงล่ะ ถูกไหม? อีกอย่างคุณก็ดีใจที่ผมทำแบบนั้นกับเขาใช่หรือเปล่า” เมื่อได้ยินเช่นนั้น จูโน่ก็พยักหน้าก่อนจะพูดด้วยความยินดีว่า “แน่นอน ฉันดีใจมาก! ผู้ชายคนนั้นคอยกวนฉันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วรู้หรือเปล่า? ในที่สุดก็มีคนทำให้เขาอับอายได้เสียที!” เนื่องจากเจอรัลด์ทำให้เขาอับอายเป็นอย่
หลังจากได้ยินคำอธิบายของเจอรัลด์ ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด กลับกลายเป็นว่าถุงหอมเป็นสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่างจริง ๆ “…แล้วอย่างนั้น… 'เรื่องสำคัญ' ที่ว่าไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ?” เรย์ถาม เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบว่า “แย่หน่อยที่ไม่ใช่แบบนั้น ฉันเคยได้ยินเรื่องราวของกริมเฮล์มมาก่อนเหมือนกัน มันเป็นสถานที่ที่เลวร้ายมาก ดังนั้นการที่เขาไปที่นั่นคงแปลว่าเขาต้องเจอกับปัญหาบางอย่างแน่” เจอรัลด์ยังรู้ด้วยว่าผู้เฒ่าฟลินท์ฉลาดพอที่จะไม่ส่งถุงหอมมาเช่นนี้หากอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติ เขาจะทำเช่นนี้เฉพาะตอนที่เขาต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเท่านั้น... "…เข้าใจแล้ว! ถ้าอย่างนั้น…เราจะออกเดินทางเมื่อไหร่ดี?” “เราจะออกเดินทางกันในวันพรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้า!” เจอรัลด์ประกาศเนื่องจากรู้ว่าสถานการณ์เร่งด่วนเพียงใด หลังจากนั้น เขาจึงหันไปเผชิญหน้ากับเรย์และจูโน่ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า“เรย์ จูโน่ ไปปลุกโนริและเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ให้เธอฟัง เสร็จแล้วก็เริ่มเก็บข้าวของ ฉันอยากให้ทุกคนตามฉันไปที่นั่นด้วยกัน!” เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนับว่าร้ายแรงมาก เจอรัลด์จึงต้องการคว
คืนนั้นเป็นเวลาประมาณสิบเอ็ดโมงทุ่มขณะที่เจอรัลด์และคนอื่น ๆ มาถึงอาณาจักรเอ็มเมอรัลด์ในที่สุด อาณาเขตของแวมไพร์นั้นเป็นป่าเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนภูเขาโบราณ และตั้งแต่สมัยโบราณก็มีเพียงไม่กี่คนที่กล้าเสี่ยงเข้าไปในป่าแห่งนั้นเพื่อพบกับพวกมัน... แต่พวกเขายังพอมีโชค ที่นี่มีตั้งโรงแรมและบังกะโลที่เปิดดำเนินการอยู่บางแห่งในบริเวณใกล้เคียง ด้วยเหตุนี้ พวกเขาทั้งห้าจึงสามารถปักหลักและพักผ่อนได้อย่างไม่ลำบาก... หลังจากจองห้องพักได้แล้ว เขาก็อนุญาตให้ทุกคนไปที่ห้องของตนเพื่อนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะพวกเขาจำเป็นต้องพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนที่จะเข้าสู่ดินแดนแวมไพร์อย่างเป็นทางการในเช้าวันรุ่งขึ้น... ยามรุ่งสางมาถึง ทุกคนเช็คเอาท์ออกแต่เช้าและเริ่มขับรถไปยังป่าโบราณแห่งนั้นทันที... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที กระทั่งรถมาจอดอยู่ที่ตีนเขา เนื่องจากรถไม่สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้วิธีเดินเท้าต่อจากนี้ เมื่อจัดการเรื่องสัมภาระเสร็จแล้ว พวกเขาก็ออกเดินทางขึ้นภูเขาไป... ขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ เรย์ก็ประกาศขึ้นว่า “…ผมไม่แน่ใจนะว่าพวกคุณคิดยังไงกัน แ
เมื่อมองไปที่ชายท้องใหญ่ที่กำลังจ้องมองเจอรัลด์และกลุ่มของเขา เจอรัลด์ก็รู้อยู่แล้วว่าเขากำลังหาเรื่อง พูดให้ถูกคือ เขารู้สึกว่าชายอ้วนนั้นเป็นโจรและอันธพาลในหมู่บ้าน แม้ว่าเจอรัลด์จะไม่ค่อยอยากจะเสวนากับเขาหรือลูกน้องของเขามากนัก แต่เขาก็ยังคงยิ้มแย้มขณะที่เขาตอบบอกไปว่า "ก็มีแค่อาหารเล็กน้อยเท่านั้น แต่ชาวบ้านที่นี่ได้แลกเปลี่ยนและเอามันไปหมดแล้ว!" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายร่างท้วมก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะประกาศว่า “ฟังนะ! ฉันชื่อเฟน และฉันเป็นหัวหน้าของหมู่บ้านนี้! ในเมื่อนายมาถึงหมู่บ้านของฉัน นายก็ควรมอบของบางอย่างให้เราเป็นของฝาก! ไม่เช่นนั้นฉันคงจะปล่อยให้นายอยู่ที่นี่ง่าย ๆ ไม่ได้หรอก!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็รู้ทันทีว่าเฟนเป็นพวกอันธพาลที่พยายามขู่กรรโชกพวกเขาเพื่อเงิน แม้ว่าคำขู่พวกนี้จะหลอกคนใจปลาซิวได้ แต่เจอรัลด์ก็มีประสบการณ์กับคนอย่างเฟนมาก่อน เหตุนี้เขาจึงไม่ยอมให้เฟนใช้ประโยชน์จากพวกเขา ก่อนที่เจอรัลด์จะทันได้ตอบอะไรเฟนซึ่งจ้องมองไปที่จูโน่และโนริอยู่พักหนึ่งก็เผยรอยยิ้มที่น่ากลัวก่อนจะพูดว่า “โอ้ สาวงามสองคนที่อยู่ด้านหลังดูเข้าท่าทีเดียว!” เมื่อได้ยินเช่นนั้
ไม่นานนัก ก็ถึงเวลาค่ำคืนและพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกกลืนหายไปในความมืดมิด ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้น มีเพียงเสียงแตกของกองไฟ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เจอรัลด์และพรรคพวกของเขาล้อมวงกันกำลังนั่งอยู่รอบ ๆ สนามหญ้า บรรยากาศสว่างราวกับกลางวัน... นอกจากอาหารเย็นมื้อนี้มีเนื้อชิ้นใหญ่มากกำลังถูกปรุงอยู่บนกองไฟ เห็นได้ชัดว่าเจอรัลด์เก็บอาหารสำรองไว้เผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน เจอรัลด์พยายามเก็บอาหารบางส่วนไว้ในกระเป๋าของเขาเอง และคาดเดาไว้แล้วว่าชาวบ้านจะแลกอาหารทั้งหมดจากกระเป๋าเป้ของเรย์ เนื่องจากเนื้อมีขนาดใหญ่ พวกเขาทั้งห้าจึงกินกันอย่างอิ่มหนำสำราญสำหรับอาหารเย็นมื้อนี้ เมื่อพวกเขาอิ่มท้องแล้ว เรย์ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อยว่า “…คุณคิดว่าเฟนและพรรคพวกของเขาจะตามเอาเรื่องเราในคืนนี้อีกไหม พี่คลอฟอร์ด?” “ไม่ต้องคิดมาก คืนนี้เราจะผลัดกันเฝ้าระวัง นายนอนก่อนได้เลยแล้วพอครบสองชั่วโมงเราจะเปลี่ยนเวรกัน แบบนี้จะไม่มีใครแอบมาเล่นงานเราได้!” เจอรัลด์กล่าว ต่อให้จะไม่มีเรื่องของเฟนเข้ามาเกี่ยวด้วย แต่เจอรัลด์ก็ยังจะเสนอให้ทำสิ่งเดียวกันอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาอยู่ในพื้นที่อันไม่คุ้นเคย
“ฟังนะ ผมไม่ได้ออกจากที่พักด้วยซ้ำ! แล้วจะฆ่าเขาได้ยังไง” เจอรัลด์อธิบาย ถึงสิ่งที่เขาพูดจะเป็นความจริง แต่เขาก็รู้ดีว่าชาวบ้านจะจะไม่ยอมเชื่อมันง่าย ๆ เพราะเหตุนี้วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ต่างในสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือการตรวจสอบให้พบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของเฟน ถึงกระนั้น การเสียชีวิตของเฟนก็สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าเหตุใดเมื่อคืนนี้เขาและพรรคพวกไม่ได้มาก่อกวนเจอรัลด์และพรรคพวกของเขา แม้ว่าคนอย่างเฟนไม่ช้าก็เร็วก็สมควรจะต้องถูกเอาคืน แต่เจอรัลด์ก็ต้องยอมรับว่าเขาตายเร็วเกินไปสักหน่อย เจอรัลด์กล่าวเสริมขึ้นว่า “...ฟังนะ ก่อนจะมาปรักปรำกัน เรามาเอาศพเขาขึ้นมาดูเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงของเขาดีกว่า!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชาวบ้านก็ไม่สามารถโต้เถียงกับตรรกะของเจอรัลด์ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มดึงศพของเขาขึ้นมา วินาทีที่ศพอ้วน ๆ ออกมาอยู่ในที่โล่ง ทุกคนก็ได้เห็นว่าใบหน้าของเขาเสียรูปไปหมด ด้วยสภาพของใบหน้าในปัจจุบันเฟนแทบจะไม่เห็นถึงส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าของเขาเลย ขณะที่นั่งยอง ๆ เพื่อดูศพของเฟนอย่างละเอียด ในที่สุด เจอรัลด์ก็พบบาดแผลลึกที่คอของเฟน เจอรัลด์จึงอนุมานได้ว่
ไม่นานทั้งสามก็เดินทางมาถึงบ่อน้ำ เจอรัลด์ชี้ไปที่ศพของเฟนซึ่งตอนนี้นอนอยู่บนพื้นแล้วพูดว่า "โปรดตรวจสอบศพนี้หน่อย ผู้เฒ่าฟลินท์! มีบางอย่างโจมตีเขาเมื่อคืนนี้ก่อนจะโยนเขาลงบ่อ!” เมื่อเห็นศพ เรย์ที่ตกตะลึงก็ตะโกนด้วยความไม่เชื่อ “…พี่คลอฟอร์ด นั่นมันเฟนไม่ใช่หรือ? เราเพิ่งเจอเขาเมื่อวานนี้เอง! จู่ๆเขามาตายแบบนี้ได้ยังไง?” เจอรัลด์ไม่แม้แต่จะตอบคำถามของเรย์ แต่ยังคงจ้องมองไปที่ผู้เฒ่าฟลินท์ ผู้เฒ่าฟลินท์เองก็จ้องมองไปที่ศพและตรวจสอบมันอย่างหนัก หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า “…นี่คือฝีมือของแวมไพร์กระหายเลือด!” “แวมไพร์กระหายเลือด?” เจอรัลด์พูดซ้ำด้วยความประหลาดใจกับคำตอบของผู้เฒ่าฟลินท์ "ใช่แล้ว มีเพียงเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเท่านั้นที่จะมีกรงเล็บอันแหลมคมที่สามารถทำการฆ่าได้ง่ายแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้านายลองดูให้ละเอียดขึ้นกว่าเดิม นายจะเห็นรอยกัดที่คอของเขา! ซึ่งก็แปลว่าเขาถูกดูดเลือดไปแล้ว!” ผู้เฒ่าฟลินท์อธิบาย “นี่คุณกำลังจะหมายความว่ามีแวมไพร์กระหายเลือดอยู่ในป่าแถวนี้งั้นหรือ? แล้วทำไมเมื่อคืนนี้เราไม่ถูกโจมตีเลยล่ะ?” เจอรัลด์ถาม เมื่อเห็นว่าเจอรัลด์ค่อนข้างสง