"…ความลับเหรอ?" ปีเตอร์ถาม "ใช่แล้ว ในตอนแรกฉันเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน… ก่อนที่จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ฉันจะบอกให้เธอรู้ว่า นานมาแล้วที่ฉันรู้เรื่องสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของครอบครัวเธอ นั่นคือภาพวาดของดวงอาทิตย์ ไม่เพียงแต่มันสามารถทำนายสิ่งต่าง ๆ ได้เท่านั้น แต่มันยังเต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษในการฝึกฝนวิชาอีกด้วย! มันถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดท่ามกลางสมบัติทั้งมวลอย่างแท้จริง! ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงสันนิษฐานว่าเขาคงได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากมัน” “ท้ายที่สุด หลังจากที่เราทำร้ายเขา เราก็ต้องประหลาดใจที่ได้รู้ว่าเขาสามารถหนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด! แม้ว่าฉันจะพยายามติดต่อผู้มีฝีมือหลายคน และครอบครัวของพวกเขาเพื่อออกตามล่าตัวเขา แต่เราก็ไม่พบเขาอีกเลย ประมาณยี่สิบปีต่อมา จู่ๆ ครอบครัวคลอฟอร์ดก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และเมื่อพวกเขาปรากฏขึ้นคราวนี้ พวกเขาก็กลายเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติกว่าครึ่งบนโลกใบนี้อย่างน่าตกใจ! คลอฟอร์ดได้ควบคุมเศรษฐกิจของโลกใบนี้ไปแล้ว!” “ถึงกระนั้น พวกเราหลายคนก็ยังสงสัยว่าพวกคลอฟอร์ดที่ปรากฏตัวอีกครั้งนั้นอาจจะถูกก่อตั้งโดยแดริล อย่างไรก็ตาม แดริลยังคงหายตัวไป และหลัง
หลังจากที่ตระหนักได้ว่าศพของพ่อเขาไม่ได้อยู่ท่ามกลางศพของคนอื่น ๆ ในที่สุด ปีเตอร์ก็เริ่มเข้าใจอะไรได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่เขายังคงสงสัย ทำไมพ่อของเขาถึงใจร้ายนัก อะไรกระตุ้นให้เขาทำเช่นนั้น? "ว่ายังไงล่ะ? ฉันชักจะสงสัยว่าตอนนี้แกรู้สึกอย่างไร ที่ในที่สุดแกก็รู้ว่าพ่อของแกเป็นคนแบบไหน! ดูจากการแสดงออกของแกแล้ว ฉันเดาว่าแกคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมานานแล้ว ถูกต้องไหมล่ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า!” อีเร็ตกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “…ฉันยอมรับว่าฉันรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น ถึงกระนั้น ก็ยังมีอย่างอื่นที่ฉันยังไม่เข้าใจ พวกกันเทอร์เองก็วางแผนการไว้มากมายเช่นกัน พวกแกทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร? นอกจากนี้ อย่าลืมสิว่าผู้บริสุทธิ์หลายคนต้องจบชีวิตลงจากแผนการใหญ่ที่พวกแกคิดขึ้นมา! ทำไมแกถึงเล่นกับความเป็นความตายของคนและบงการชีวิตของพวกเขาแบบนั้นล่ะ?” ปีเตอร์โต้กลับด้วยความขุ่นเคือง ท้ายที่สุด เขาก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของแผนการใหญ่เหล่านั้นเช่นกัน “นอกจากนี้ เรื่องที่แกบอกว่าแกไม่รู้ความลับเกี่ยวกับตัวเจอรัลด์มากนัก… ฉันสงสัยว่าสิ่งที่แกพูดคือเรื่องจริงหรือไม่… เพราะฉันเคยได้ยินจากคุณ
“…แล้วครอบครัวคลอฟอร์ดอีกครอบครัวหนึ่งอยู่ที่ไหน…? นอกจากนี้ ที่แกพูดบางอย่างเกี่ยวกับกองกำลังอื่น ๆ ก่อนหน้านี้… แกหมายถึงกองกำลังของใคร?” ปีเตอร์ถาม ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ เหตุการณ์ดูจะซับซ้อนกว่าที่คิด… “ไม่มีใครรู้ว่าคลอฟอร์ดอีกครอบครัวหนึ่งอยู่ที่ไหน ฉันรู้แค่ว่าครอบครัวของฉันคงจะถูกกำจัดไปนานแล้ว หากราชาแห่งประตูมิติแห่งการพิพากษาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเรา อย่างไรก็ตาม ฉันรู้แค่ว่าคลอฟอร์ดอีกครอบครัวหนึ่งนั้นแข็งแกร่งมาก… แข็งแกร่งเกินกว่าที่แกจะจินตนาการได้…! และสำหรับกองกำลัง… ไหนลองบอกฉันทีสิ แกคิดว่าใครคือคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก” อีเร็ตตอบ ขณะที่เธอหันไปมองปีเตอร์ "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ฉันแน่ใจว่าตำแหน่งดังกล่าวไม่ได้สงวนไว้สำหรับตระกูลลึกลับเช่นแกแน่นอน! ฉันโชคดีพอที่จะได้พบกับผู้ทรงอิทธิพลหลายคนบนโลกนี้ และฉันแน่ใจว่าพวกคนเหล่านั้นมีพลังแข็งแกร่งไม่แพ้พวกแก! ฉันคิดว่าหลายคนที่ฉันเจอนั้นแข็งแกร่งกว่าคนที่มาจากตระกูลลึกลับอย่างแกหลายเท่านัก ให้ตายสิ พวกเขามีพลังมากกว่าตระกูลนักรบที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษเสียอีก! ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่ถึงแม้
“…เจอรัลด์…!” อีเร็ตคำราม ดวงตาของเธอแดงก่ำขณะที่เธอจ้องมองเขาด้วยความตกใจ ‘มัน… มันจะเป็นไปได้อย่างไร…?! ไม่คิดเลยว่าฉันจะรับมือเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ!' อีเร็ตคิดกับตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ “ฉันได้ยินมาว่าแกกำลังรอให้ฉันปรากฏตัวอยู่เหรอ อีเร็ต?! ฉันอยู่นี่แล้วไง!” เจอรัลด์ตอบ “แกแข็งแกร่งขึ้นแล้วใช่ไหม เจอรัลด์… ดีจัง…! นั่นเป็นข้อพิสูจน์ที่จะแสดงให้เห็นว่าพลังในร่างกายของแกมันน่ากลัวแค่ไหน…!” อีเน็ตพูดเสริม ขณะที่เธอหัวเราะเสียงดังลั่น แม้จะยังเดือดดาลด้วยความโกรธก็ตาม “ระวังลูกปัดในมือเธอ เจอรัลด์! มันคืออาวุธ!” ปีเตอร์ตะโกน ขณะที่อีเร็ตเริ่มเปิดใช้งานลูกปัด! ด้วยความเร็วและความแม่นยำอย่างน่าเหลือเชื่อ อีเร็ตโยนลูกปัดไปบริเวณเหนือหัวเจอรัลด์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับตะโกนว่า “เร็วเข้า มาให้ฆ่าเสียดี ๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาต่อสู้กันให้เหนื่อยเปล่า!” ในขณะเดียวกัน ลูกปัดเหล่านั้นเริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็วอยู่เหนือหัวเจอรัลด์ และภาพต่อมาที่เกิดขึ้นก็ทำให้ใบหน้าที่กำลังตื่นเต้นของอีเร็ต กลายเป็นใบหน้าที่ดูบิดเบี้ยวและน่าหวาดกลัวทันที! อย่างไรก็ตาม ความตื่นเต้นของเธอลดลงทันทีในวินาทีที่เธ
หลังจากนั้น เมทริกซ์ที่ก่อตัวขึ้นก็เริ่มห่อหุ้มทุกคนในตระกูลกันเทอร์ และใครก็ตามที่ติดอยู่ภายในก็ต้องสัมผัสถึงความตายในทันที แม้เขาจะรู้ว่าพวกกันเทอร์ต่างก็รู้สึกตกใจ สำนึกผิด และอาจจะโกรธแค้นเขา แต่เจอรัลด์ก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ถ้าเขาไม่ฆ่าพวกเขาทั้งหมดในวันนี้ พวกเขาก็จะต้องกลับมาสร้างความเดือดร้อนให้เขาไม่ช้าก็เร็ว ด้วยเหตุนี้ เจอรัลด์จึงไม่ใจอ่อนกับพวกเขาอีกต่อไป ภายในไม่กี่วินาทีหลังจากถูกกักขังในเมทริกซ์ที่ก่อตัวขึ้น ดวงตาสีทองของเจอรัลด์ก็เปล่งแสงออกมา จากนั้นพวกกันเทอร์ทั้งหมดก็กลายเป็นเพียงฝุ่นผง ปีเตอร์เองยังรู้สึกสยดสยองเกินคำบรรยาย การเปลี่ยนแปลงล่าสุดของเจอรัลด์… ช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน… หลังจากที่พวกเขาได้ช่วยเหลือจัสมิน ลีโอ และคนที่เหลือหมดแล้ว ปีเตอร์ก็เรียกเจอรัลด์ไปที่ห้องลับของคฤหาสน์ ปีเตอร์เล่าทุกสิ่งที่เขาได้รับรู้จากอีเร็ตก่อนหน้านี้ให้เจอรัลด์ฟัง ซึ่งทำให้เจอรัลด์รู้สึกตกใจอย่างมาก “งั้น… ก็หมายความว่าคุณปู่ยังไม่ตายเหรอครับ ลุงรอง…? ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขายังเป็นชายลึกลับที่เฝ้าติดตามผมมาตลอดอีกด้วย…?!” "ถูกต้องแล้ว! ตอนนั้นฉันยังไม่ได้บอกเรื่อง
หลังจากที่ควีนน่าเดินทางไปถึงที่นั่น เจอรัลด์ก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเซนนี่ยังอยู่หรือไม่... ไม่กี่วันต่อมา ในที่สุดเจอรัลด์ก็เดินทางมาถึงภูเขาแลงเวิร์น ในขณะที่เขาคาดการณ์ว่าสถานที่แห่งนั้นจะดูรกร้าง แต่เขากลับต้องแปลกใจเมื่อมีคนยืนเข้าคิวยาวเหยียดเพื่อขึ้นไปบนภูเขา! เจอรัลด์รู้สึกได้ว่าที่นี่คราคร่ำไปด้วยผู้คนไม่ต่างจากในอดีต ก่อนที่ผู้นำวิญญาณจะจากไป 'มันเกิดบ้าอะไรขึ้นที่นี่..? เจ้าแห่งวิญญาณกลับมาแล้วเหรอ…?’ เจอรัลด์ครุ่นคิด ขณะเดินขึ้นไปบนภูเขาด้วยความงุนงง ยิ่งเขาได้เห็นเขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ มีผู้คนมากมายยืนอยู่ทั่วทุกที่ด้วยท่าทางที่เคารพนบนอบ และมีคนจำนวนมากที่คุกเข่าหันหน้าไปทางโบสถ์แลงเวิร์นด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา พวกเขาจึงดูคล้ายกับผู้ติดตามที่ภักดีซึ่งผ่านพิธีศีลจุ่มมานับพันปี เจอรัลด์รู้สึกขบขันเล็กน้อย เขาส่ายหัวพร้อมกับยิ้มเหยเกกับภาพที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้า ก่อนที่เขาจะทำอะไรต่อ จู่ ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นมาว่า “นี่คุณ! หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!” เมื่อหันไปดูว่าใครเป็นคนเรียกเขา เจอรัลด์ก็ได้รับการต้อนรับทันทีด้วยสายตาของผู้หญิงในวัยยี่สิบซึ่งมัดผมหางม้า และมี
"อะไรกัน? นี่คุณคิดที่จะทำร้ายผมด้วยเหรอ?” เจอรัลด์ถามด้วยรอยยิ้ม ด้วยความช่วยเหลือของชายวัยกลางคน ชายชราจึงลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโค้งคำนับเล็กน้อยในขณะที่พูดว่า “เราไม่กล้าหรอกครับ ท่าน! คุณเป็นคนที่มีพลัง และคุณก็ซ่อนพลังที่แท้จริงของคุณเอาไว้เป็นอย่างดี… คนธรรมดาอย่างพวกเราจะกล้าไปมีเรื่องกับคุณได้อย่างไร?” แม้ว่าชายชราผมขาวจะมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ แต่เขาก็ดูเหมือนคนที่มีสถานะสูงส่งพอสมควร และการที่เขาพูดและแสดงท่าทีนอบน้อมต่อเจอรัลด์แบบนั้น ก็ทำให้ทุกคน รวมถึงหลานสาวของเขาด้วย หันมาจ้องมองเขาด้วยความไม่เชื่อ “…คุณปู่กำลังพูดอะไรคะ? ทำไมคุณปู่ถึงต้องสุภาพกับคนเลวคนนี้ด้วย? ไม่ว่าอย่างไร ถึงหมัดของหนูจะพลาดไปก่อนหน้านี้ แต่หมัดหมัดนี้จะต้องไม่พลาด และมันจะต้องทำลายใบหน้าของเขาจนยับเยินอย่างแน่นอน!” ผู้หญิงคนนั้นคำราม ความตกใจของเธอกลับกลายเป็นโกรธอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เธอกำลังจะโจมตีอีกครั้ง ชายชราก็ทำหน้าบึ้งทันที “หยุดอยู่ตรงนั้น เพอร์ลา! อย่าหยาบคาย!” แม้ว่า เพอร์ลา เชอร์วิน จะไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งนั้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ชายวัยกลางคนก่อนหน้านี้
หลังจากที่พูดแบบนั้น เจอรัลด์ก็เดินต่อไปโดยไม่สนใจที่จะหันกลับมามองพวกเขาอีก “คุณกำลัง… คุณวางแผนที่จะไปที่นั่นหรือเปล่า ครับ ท่านอาจารย์…?” ชายชราถาม "ใช่แล้ว!" “ถึงคุณจะเป็นคนที่ค่อนข้างน่าทึ่ง แต่มันก็มีกฎให้ปฏิบัติตามมากมายที่ภูเขาแลงเวิร์นแห่งนี้ … หากคุณยังต้องการที่จะไปที่นั่น ทำไมไม่รออยู่ที่นี่อีกสักพักล่ะ ท้ายที่สุด อีกไม่นานก็จะถึงตาครอบครัวเชอร์วินของผม ที่จะได้มุ่งหน้าไปที่นั่น! ทำไมคุณไม่ไปกับเราล่ะครับ” ชายชราแนะนำ เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็คิดในใจว่า 'มันก็ไม่ใช่คำแนะนำที่แย่นัก เนื่องจากพวกเขามีแผนที่จะไปเยี่ยม อาจารย์เจอรัลด์ คลอฟอร์ด อยู่แล้ว ฉันก็อาจจะตามพวกเขาไปด้วย ท้ายที่สุด มันจะง่ายกว่าที่จะทำอย่างนั้น เมื่อเทียบกับการที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อขึ้นไปบนนั้นด้วยตัวเอง ถึงกระนั้น ฉันก็ยังสงสัยว่าคนคนนั้นจะมีความสามารถสมคำล่ำลือจริงหรือไม่…' เมื่อเห็นเจอรัลด์พยักหน้าเห็นด้วย ชายชราจึงพูดว่า "งั้นก็ตามนี้นะครับ! ผม เทอร์แรนซ์ เชอร์วิน! ยินดีที่ได้รู้จักครับ ท่านอาจารย์!” หลังจากที่ได้พูดคุยอย่างเป็นกันเอง และพูดคุยเรื่องอื่นอีกเล็กน้อย เจอรัล