ดังนั้นคนส่วนใหญ่ในห้องจึงลุกขึ้นยืน และตัดสินใจเดินออกจากห้องทันที“พวกนายคิดจะทำอะไรกัน?! ถึงอย่างไรพวกนายทุกคนก็เป็นถึงนายน้อยที่มีอิทธิพลอย่างมาก ทำไมพวกนายถึงขี้ขลาดขนาดนี้ล่ะ?!”คุณไซม์ตะคอกอย่างเย้ยหยันทันทีที่เขาพูดขึ้นมา ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเดินออกจากห้องอีกเลย“ยังจะกลัวอะไรกันอีก? ฉันก็อยู่ที่นี่ด้วย!"“เรออน เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”คุณไซม์ถาม ขณะที่เขามองไปที่หัวหน้าบอดี้การ์ดทันใดนั้น ร่างของบอดี้การ์ดก็เริ่มสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนที่เขาจะล้มลงกับพื้น และเริ่มมีฟองทะลักออกมาจากปากของเขา เขาเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน!“อ๊า!”หญิงสาวที่อยู่ในห้องกรีดร้องออกมาด้วยความสยดสยองใบหน้าของคุณไซม์ในตอนนี้ก็ดูซีดลงเล็กน้อยเช่นกัน"ใคร? ใครที่กล้าทำแบบนี้?! พวกเรา! รีบเข้ามาในนี้เร็วเข้า!” เขาตะโกนด้วยความโกรธ“แกมันกล้ามาก! พวกแกเป็นเพียงครอบครัวเล็ก ๆ และสุดแสนจะธรรมดา แต่กลับไม่พอใจในสิ่งที่มี แล้วแกยังกล้าไขว่คว้าในสิ่งที่ไม่มีวันเป็นของแกอีกอย่างนั้นเหรอ? แค่นั้นก็แย่พออยู่แล้ว แกยังกล้าทำกับเพื่อนของฉันแบบนี้อีกเหรอ!”ทันใดนั้น เสียงที่คล้ายเสียงของปีศาจก็ด
ความมืดแผ่ปกคลุมไปทั่วห้องส่วนตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ทายาทผู้มั่งคั่งทุกคนหวาดกลัวอย่างมากจนถึงจุดที่พวกเขากรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ท้ายที่สุดแล้ว ใครก็ตามที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ต้องรู้สึกสิ้นหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ฉัน ฉันขอโทษ เจอรัลด์…! มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด…!” จัสมินคร่ำครวญ เจอรัลด์ดึงเธอไปยืนข้างหลัง แล้วปลอบใจเธอว่า “ไม่เป็นไร มาหลบอยู่ข้างหลังฉันก่อนนะ!” ไม่นานนัก ความมืดก็สลายไป ทิ้งลูกแก้วแสงสามดวงไว้แทน... จากนั้นทุกคนก็เฝ้าดูเมื่อดวงไฟเริ่มเพิ่มขนาดขึ้น จนในที่สุดพวกมันก็ก่อตัวเป็นเงาของมนุษย์ เมื่อถึงเวลาที่แสงสลัวลง ชายสองคนกับผู้หญิงหนึ่งคนก็ยืนประจัญหน้ากับเจอรัลด์ ชายคนหนึ่งเปล่งรัศมีที่ดูน่าทึ่งเป็นพิเศษออกมา และร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยชุดเกราะสีดำ ในทางกลับกัน ชายอีกคนมีเพียงเสื้อคลุมที่ปกปิดร่างผอมบางของเขาเอาไว้ สำหรับผู้หญิงคางแหลมที่มีรูปร่างที่ดูสง่างามมาก เสน่ห์ที่แปลกประหลาดดูเหมือนจะถูกปลดปล่อยออกมาจากทุกอณูของร่างกายเธอ เมื่อรวมกับผมยาวหยักศกและมีสีแดงของเธอแล้ว เธอดูเหมือนปีศาจอสรพิษมาก ทั้งสามคนมาจากกลุ่มประตูมิติแห่งการ
“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับเขาอีกแล้ว นายน้อยไซม์ ให้ผมจับมันมาหักแขนหักขาก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกันต่อ!” โฮแกนกล่าว ขณะที่รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวของเขาได้แผ่ขยายออกในไม่กี่วินาทีต่อมา! เขายกกรงเล็บเหล็กขึ้น แล้วพุ่งเข้าหาเจอรัลด์อย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ การเคลื่อนไหวของเขาได้สร้างพลังมหาศาลขึ้นภายในห้องห้องนั้น จนทำให้เฟอร์นิเจอร์โดยรอบแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย! เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้โฮแกนแข็งแกร่งขึ้นมาก เมื่อเทียบกับตอนที่เขาเจอเจอรัลด์ครั้งแรก! เมื่อฝ่ามือของโฮแกนยื่นเข้ามาใกล้ร่างของเจอรัลด์เพียงไม่กี่นิ้ว เสียงระเบิดก็ดังขึ้น...! อย่างไรก็ตาม เจอรัลด์กลับยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ความจริงแล้ว การจู่โจมของโฮแกนเมื่อสักครู่นี้ไม่สามารถทำอะไรเจอรัลด์ได้ด้วยซ้ำ! โฮแกนได้แต่หยุดชะงักและตกตะลึงอย่างมาก จากนั้นเขาก็อุทานกับตัวเองว่า “…อะไรกันเนี่ย?” เห็นได้ชัดว่าโฮแกนถูกตรึงไว้ด้วยแรงมหาศาล และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เปลือกตาของผู้หญิงในชุดดำและชายที่สวมเสื้อคลุมเริ่มกระตุกอย่างรวดเร็ว “ถึงตอนนั้นฉันจะสู้แกไม้ได้ แต่ตอนนี้แกเปรียบเสมือนมดสำหรับฉัน!” เจอรัลด์ตอบ ในขณะที่ลำแสงที่รุนแรงพ
ในขณะเดียวกัน ชายในเสื้อคลุมยังคงเหาะอยู่บนท้องฟ้า หัวใจของเขาเต้นแรง ในขณะที่เขาคิดว่า 'มันช่างน่ากลัวเกินไป...! ฉันต้องหนีให้ไกลจากเขาให้มากที่สุด...! ฉันไม่คาดคิดเลยว่าฝีมือของผู้ชายคนนั้นจะร้ายกาจยิ่งกว่าอาจารย์ของฉันเสียอีก! ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันยังถอยหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว!' วินาทีที่ความคิดของเขาสิ้นสุดลง เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างของเขากำลังถูกบางอย่างดึงรั้งเอาไว้! เมื่อหันกลับไปมอง เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าไม่เพียงแต่มีเชือกเรืองแสงที่แสบร้อนผูกติดอยู่ที่ตัวเขา จนทำให้เขาไม่สามารถไปต่อได้เท่านั้น แต่ยังมีคลื่นกระแทกที่มีพลังมหาศาลพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วสูงอีกด้วย! ตอนนี้ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างเต็มที่ ชายคนนั้นเริ่มกรีดร้องทันที ในขณะที่เขาพยายามอย่างสุดแรงที่จะปลดปล่อยตัวเอง น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย และหลังจากที่เสียงระเบิดดังขึ้น คลื่นกระแทกก็พุ่งทะลุร่างของเขา ทิ้งไว้เพียงฝุ่นผงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า...! ในที่สุด เจอรัลด์ที่ยังอยู่ที่โรงเตี๊ยมก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง และเมื่อดวงตาสีทองของเขาปิดลง ทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ หลังจากนั้น ควิกลีย์ ซึ่งตอนนี้กำลังปวดหัวอย
เสียงนั้นเป็นเสียงของปีเตอร์ และตอนนี้เขากำลังถูกแขวนไว้ที่จัตุรัส สมาชิกในครอบครัวกันเทอร์หลายคนที่ได้ยินคำด่าทอของเขากำลังจ้องมาที่เขา พวกเขาไม่สามารถแบกรับความอัปยศอดสูได้อีกต่อไป สาวกคนหนึ่งของตระกูลกันเทอร์จึงเย้ยหยันอย่างเยือกเย็น “ไม่คิดเลยว่าแกยังจะพูดจาหยาบคายเช่นนี้ได้อีก ทั้งที่อยู่ในสภาพที่น่าเวทนาขนาดนี้… ฉันตัดสินใจแล้ว! ฉันจะหักฟันของแกออกให้หมดในชั่วพริบตา! มาดูกันว่าแกยังจะหยิ่งผยองได้อีกไหม!” ขณะที่สาวกคนนั้นกำลังจะเคลื่อนไหว เขาก็ชะงักอยู่กับที่เมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างชัดเจนว่า “หยุดอยู่ตรงนั้น!” “คุณหญิงกันเทอร์!” สาวกหลายคนที่อยู่ตรงจัตุรัสประกาศด้วยความเคารพอย่างสูง "หลีกไป!" อีเร็ตสั่ง เธอกำลังเดินเข้าไปหาปีเตอร์โดยมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังเธอไปด้วย อีเร็ตกอดอกมองปีเตอร์ด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอพูดว่า “แกรู้ไหม ฉันเคยได้ยินมาว่ามีชายผู้ลึกลับและน่าทึ่งผู้หนึ่งปรากฏตัวเมื่อไม่กี่ปีก่อน… เขาว่ากันว่าชายผู้นี้มีทักษะการยิงธนูที่ยอดเยี่ยม และยังเป็นนักแม่นปืนลำดับแนวหน้าอีกด้วย… ในขณะที่ฉันคิดว่าบุคคลผู้นั้นมาจากตระกูลลึกลับใหม่ ฉันกลับไม่คาดคิดเลยว
"…ความลับเหรอ?" ปีเตอร์ถาม "ใช่แล้ว ในตอนแรกฉันเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน… ก่อนที่จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ฉันจะบอกให้เธอรู้ว่า นานมาแล้วที่ฉันรู้เรื่องสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของครอบครัวเธอ นั่นคือภาพวาดของดวงอาทิตย์ ไม่เพียงแต่มันสามารถทำนายสิ่งต่าง ๆ ได้เท่านั้น แต่มันยังเต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษในการฝึกฝนวิชาอีกด้วย! มันถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดท่ามกลางสมบัติทั้งมวลอย่างแท้จริง! ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงสันนิษฐานว่าเขาคงได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากมัน” “ท้ายที่สุด หลังจากที่เราทำร้ายเขา เราก็ต้องประหลาดใจที่ได้รู้ว่าเขาสามารถหนีรอดไปได้อย่างหวุดหวิด! แม้ว่าฉันจะพยายามติดต่อผู้มีฝีมือหลายคน และครอบครัวของพวกเขาเพื่อออกตามล่าตัวเขา แต่เราก็ไม่พบเขาอีกเลย ประมาณยี่สิบปีต่อมา จู่ๆ ครอบครัวคลอฟอร์ดก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และเมื่อพวกเขาปรากฏขึ้นคราวนี้ พวกเขาก็กลายเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติกว่าครึ่งบนโลกใบนี้อย่างน่าตกใจ! คลอฟอร์ดได้ควบคุมเศรษฐกิจของโลกใบนี้ไปแล้ว!” “ถึงกระนั้น พวกเราหลายคนก็ยังสงสัยว่าพวกคลอฟอร์ดที่ปรากฏตัวอีกครั้งนั้นอาจจะถูกก่อตั้งโดยแดริล อย่างไรก็ตาม แดริลยังคงหายตัวไป และหลัง
หลังจากที่ตระหนักได้ว่าศพของพ่อเขาไม่ได้อยู่ท่ามกลางศพของคนอื่น ๆ ในที่สุด ปีเตอร์ก็เริ่มเข้าใจอะไรได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่เขายังคงสงสัย ทำไมพ่อของเขาถึงใจร้ายนัก อะไรกระตุ้นให้เขาทำเช่นนั้น? "ว่ายังไงล่ะ? ฉันชักจะสงสัยว่าตอนนี้แกรู้สึกอย่างไร ที่ในที่สุดแกก็รู้ว่าพ่อของแกเป็นคนแบบไหน! ดูจากการแสดงออกของแกแล้ว ฉันเดาว่าแกคงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมานานแล้ว ถูกต้องไหมล่ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า!” อีเร็ตกล่าวพร้อมกับหัวเราะ “…ฉันยอมรับว่าฉันรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น ถึงกระนั้น ก็ยังมีอย่างอื่นที่ฉันยังไม่เข้าใจ พวกกันเทอร์เองก็วางแผนการไว้มากมายเช่นกัน พวกแกทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร? นอกจากนี้ อย่าลืมสิว่าผู้บริสุทธิ์หลายคนต้องจบชีวิตลงจากแผนการใหญ่ที่พวกแกคิดขึ้นมา! ทำไมแกถึงเล่นกับความเป็นความตายของคนและบงการชีวิตของพวกเขาแบบนั้นล่ะ?” ปีเตอร์โต้กลับด้วยความขุ่นเคือง ท้ายที่สุด เขาก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของแผนการใหญ่เหล่านั้นเช่นกัน “นอกจากนี้ เรื่องที่แกบอกว่าแกไม่รู้ความลับเกี่ยวกับตัวเจอรัลด์มากนัก… ฉันสงสัยว่าสิ่งที่แกพูดคือเรื่องจริงหรือไม่… เพราะฉันเคยได้ยินจากคุณ
“…แล้วครอบครัวคลอฟอร์ดอีกครอบครัวหนึ่งอยู่ที่ไหน…? นอกจากนี้ ที่แกพูดบางอย่างเกี่ยวกับกองกำลังอื่น ๆ ก่อนหน้านี้… แกหมายถึงกองกำลังของใคร?” ปีเตอร์ถาม ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ เหตุการณ์ดูจะซับซ้อนกว่าที่คิด… “ไม่มีใครรู้ว่าคลอฟอร์ดอีกครอบครัวหนึ่งอยู่ที่ไหน ฉันรู้แค่ว่าครอบครัวของฉันคงจะถูกกำจัดไปนานแล้ว หากราชาแห่งประตูมิติแห่งการพิพากษาไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเรา อย่างไรก็ตาม ฉันรู้แค่ว่าคลอฟอร์ดอีกครอบครัวหนึ่งนั้นแข็งแกร่งมาก… แข็งแกร่งเกินกว่าที่แกจะจินตนาการได้…! และสำหรับกองกำลัง… ไหนลองบอกฉันทีสิ แกคิดว่าใครคือคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก” อีเร็ตตอบ ขณะที่เธอหันไปมองปีเตอร์ "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ฉันแน่ใจว่าตำแหน่งดังกล่าวไม่ได้สงวนไว้สำหรับตระกูลลึกลับเช่นแกแน่นอน! ฉันโชคดีพอที่จะได้พบกับผู้ทรงอิทธิพลหลายคนบนโลกนี้ และฉันแน่ใจว่าพวกคนเหล่านั้นมีพลังแข็งแกร่งไม่แพ้พวกแก! ฉันคิดว่าหลายคนที่ฉันเจอนั้นแข็งแกร่งกว่าคนที่มาจากตระกูลลึกลับอย่างแกหลายเท่านัก ให้ตายสิ พวกเขามีพลังมากกว่าตระกูลนักรบที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษเสียอีก! ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกที่ถึงแม้
พวกเขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วในตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครหรือรถคันอื่นใดอยู่รอบ ๆ เลยแม้แต่คันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ยังอยู่ในรถเพียงลำพังด้วยนั่นหมายความว่าสถานการณ์ที่ผู้เฒ่าฟลินท์พบกับอุบัติเหตุนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่งในวิดีโอที่ได้จากกล้องวงจรปิดนั้นแสดงให้เห็นว่ารถของผู้เฒ่าฟลินท์ลื่นไถลและหลุดการควบคุมไปเองในทันทีเจอรัลด์และเรย์ได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่ายนั้นเองพวกเขานั่งแท็กซี่กลับไปที่สำนักงานระหว่างทางกลับ เรย์มองเจอรัลด์ด้วยสีหน้างุนงงอย่างหนักแล้วถามว่า “เจอรัลด์ คุณคิดเห็นยังไงกับการตายของผู้เฒ่าฟลินท์?เขาตายได้ยังไง?”ใบหน้าของเจอรัลด์เคร่งเครียดมาก เขาเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็มั่นใจว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน“นี่หมายความว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดยังไม่ตายเหรอ?”วินาทีต่อมา ความคิดอันบ้าบิ่นก็ผุดขึ้นในใจของเรย์เจอรัลด์รู้สึกว่าการคาดเดานี้เป็นไปได้น้อยมาก นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดตายไปต่อหน้าต่อตาเขาเอง แล้วเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?“เรากลับก่อนเถอะ บางทีมันอาจจะเป็นแค่อุบัติเหตุจริง ๆ ก็ได้!”เจอรัลด์บอก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่เจอรัลด์และเรย์ยังคงหลับอยู่ กริ่งที่ประตูก็ปลุกพวกเขาให้ตื่นเรย์เดินออกจากห้องไปที่ประตูในลักษณะกึ่งหลับกึ่งตื่นแล้วเปิดประตูออกเมื่อประตูถูกเปิดออก เขาก็ได้เห็นชายสองสามคนซึ่งกำลังสวมเครื่องแบบยืนอยู่ข้างนอก เมื่อเห็นตราบนเครื่องแบบของพวกเขา พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มาจากรัฐบาลกลาง“ขออภัย คุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ดและคุณเรย์ เลห์ตันอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาถามเรย์พยักหน้าและตอบว่า “ผมนี่แหละเรย์ มีอะไรเหรอ?""พาเขาออกไป!"เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเรย์ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็สั่งคนของเขา และทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็เข้ามาคว้าแขนของเรย์แล้วลากเขาออกไปข้างนอก"เฮ้ย! นี่มันอะไรกัน?!"เรย์ตะโกนทันทีความโกลาหลดังกล่าวทำให้เจอรัลด์ จูโน่ และโนริตื่นขึ้นพวกเขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว"คุณเป็นใคร?"เมื่อเจอรัลด์ออกมา เขาก็มองดูเจ้าหน้าที่พวกนั้นด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถามขึ้น“คุณคงเป็นคุณเจอรัลด์ คลอฟอร์ด เรากำลังสงสัยว่าคุณเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม สารวัตรเลค หรือที่รู้จักกันในชื่อผู้เฒ่าฟลินท์ ดังนั้นเราต้องการนำคุณไปสอบ
ในเวลาเดียวกัน หมอกควันสีทมิฬของเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ล้อมรอบกายของชายชราเอาไว้หลังจากนั้นไม่นาน หมอกควันสีทมิฬดังกล่าวก็ดูดกลืนวิญญาณและพลังงานของชายชราไป ทำให้ชายกลายเป็นศพแห้งกรังเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกสิ่งนี้ทำให้เอ็มเบอร์ลอร์ดตระหนกเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ยิ่งกว่านั้น เขาไม่คิดแล้วว่าชายชราจะมาสกัดกั้นการโจมตีจากเจอรัลด์แทนเขาแบบนี้“เอ็มเบอร์ลอร์ด คุณฆ่าคนบริสุทธิ์อีกแล้ว!”เจอรัลด์ตะโกนใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดด้วยความโกรธเมื่อพูดเช่นนั้น เจอรัลด์จึงตัดสินใจใช้ทักษะต้องห้ามของตัวเองเพื่อทำลายเอ็มเบอร์ลอร์ดให้สิ้นซากในขณะนี้เอ็มเบอร์ลอร์ดเสียสติไปแล้ว เขายืนนิ่งไม่ขยับ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไป “วิชาทลายสหัสภพ!”เจอรัลด์ตะโกนและขว้างดาบแอสตราบิซในมือใส่เอ็มเบอร์ลอร์ดเมื่อดาบแทงเข้าไปในร่างของเอ็มเบอร์ลอร์ด มันก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาและกลืนกินเอ็มเบอร์ลอร์ดไปจนสิ้น“อ๊าก!”เอ็มเบอร์ลอร์ดกรีดร้องวินาทีต่อมา เอ็มเบอร์ลอร์ดก็กลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด เจอรัลด์ก็กวาดล้างเอ็มเบอร์ลอร์ดลงได้แล้วเจอรัลด์ล้างแค้นให้ชาวบ้านในหมู่บ้านฟ้าทมิฬได้แล้ว
ทั้งสามรีบมองออกไปข้างนอก ก่อนจะเห็นว่าชายชราออกจากบ้านไปตามลำพังโดยถือตะกร้าติดตัวไปด้วยขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระท่อมไม้ของยามิเล็ต เฟซเมื่อเห็นสิ่งนี้ ทั้งสามก็สบตากันพวกเขาพบว่ามันค่อนข้างแปลกที่ชายชราคิดจะถือตะกร้าออกไปกลางดึกเช่นนี้ นี่จะต้องมีความลับบางอย่างที่ไม่มีใครล่วงรู้ซ่อนอยู่เป็นแน่ไม่นานหลังจากนั้น เจอรัลด์และทั้งสองก็ออกจากบ้านและติดตามชายชราไปอย่างเงียบ ๆพวกเขาติดตามชายชราไปจนถึงกระท่อมไม้ จากนั้นพวกเขาเห็นเขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเพื่อปลดล็อคประตูเมื่อประตูถูกปลดล็อค ชายชราผู้นั้นสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เขาก็ผลักประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปอย่างมั่นใจเจอรัลด์และอีกสองคนก็เดินไปที่กระท่อมไม้ทันทีและยืนอยู่ตรงหน้ากระท่อมหลังนั้น“เจอรัลด์ ดูเหมือนว่าชายชรากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับเรา เพราะเขามีกุญแจบ้านหลังนี้อยู่กับตัว!”เรย์กระซิบกับเจอรัลด์ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าชายชราไม่ใช่คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างที่คิด เขาต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเอ็มเบอร์ลอร์ดแน่“เรย์ ผู้เฒ่าฟลินท์ คุณสองคนไปซ่อนตัวก่อน เ
“เอ๋ นี่ก็ดึกแล้วนะ! ผมว่าคนที่คุณกำลังรออยู่คงไม่มาหรอก มาเถอะไปที่บ้านของผมและพักผ่อนกันจะดีกว่า!”ชายชราถอนหายใจและยื่นข้อเสนอให้ทั้งสามคนเมื่อผู้เฒ่าฟลินท์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หันกลับมาที่เจอรัลด์เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเขาเจอรัลด์เห็นปฏิกิริยาของเขาและพยักหน้าอย่างช้า ๆเนื่องจากพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงไปพักผ่อนที่บ้านของชายชราเท่านั้นนอกจากนี้ ท้องฟ้ามืดสนิท และไม่ปลอดภัยเลย ไม่รู้เลยว่าข้างนอกนี่มีอะไรรอพวกเขาอยู่?หลังจากพูดคุยกัน เจอรัลด์และคนอื่น ๆ ก็ติดตามชายชราออกจากกระท่อมไม้ไปชายชราพาเจอรัลด์และคนอื่น ๆ ไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูไม่เก่าเท่าไหร่ ราวกับเพิ่งถูกซ่อมแซมใหม่ก่อนหน้านี้“ผู้เฒ่า หมู่บ้านนี้เหลือคุณอยู่เพียงคนเดียวหรือเปล่า?”เมื่อพวกเขาอยู่ในบ้านของชายชรา ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ถามอย่างสงสัย"หึหึ!" ชายชราหัวเราะเบา ๆ"ใช่ คนอื่น ๆ ย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด ที่นี่เลยเหลือแค่ฉันคนเดียว!”หลังจากที่เขาหัวเราะแล้วเขาก็ตอบ“แล้วทำไมคุณไม่ย้ายเข้าเมืองด้วยล่ะ? อยู่ในเมืองไม่สบายกว่าเหรอ?”ผู้เฒ่าฟลินท์ยังคงถามต่อไป“อนิจจา ผมมันไร้ญา
“หึหึ เรย์ อย่าลืมสิว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว เขาน่ากลัวกว่าผีเสียอีก กับอีกแค่สถานที่แบบนี้นายคิดว่าเขาจะกลัวเหรอ”เจอรัลด์หัวเราะและเตือนเรย์เมื่อเรย์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดสมเหตุสมผล “สำรวจกันตามสบายเลย ผมคงต้องไปก่อน!”ชายชราพูดกับทั้งสามคน“ได้เลย ผู้เฒ่า ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณมากเลย!"ผู้เฒ่าฟลินท์ขอบคุณชายชราผู้นั้นอย่างรวดเร็ว“ไม่เป็นไรหรอก!”ชายชราตอบพลางโบกมือหลังจากที่ชายชราผู้นั้นจากไป เจอรัลด์และอีกสองคนก็ยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ จ้องมองออกไปอย่างว่างเปล่าพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไร พวกเขาไม่อาจเข้าไปในกระท่อมได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเข้าไปเช่นไร“พี่เจอรัลด์ ผู้เฒ่าฟลินท์ ทีนี้เราจะทำยังไงดี? เปิดประตูออกไปเลยดีไหม?”เรย์มองไปที่เจอรัลด์และผู้เฒ่าฟลินท์แล้วถาม“ไม่ นั่นไร้สาระมาก เราบุกรุกเข้าไปไม่ได้!”ผู้เฒ่าฟลินท์ปรามเรย์ทันทีแม้ว่ายามิเล็ต เฟซจะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว แต่กระท่อมหลังนี้ยังคงเป็นของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจทำตามอำเภอใจได้“แล้วเราควรทำยังไง? เราไม่มีกุญแจ”เรย์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“เ
ไม่มีทางที่ข้อเท็จจริงทั้งสองนี้จะเป็นเรื่องบังเอิญได้ เพราะฉะนั้นนั่นก็อาจหมายความได้ว่าเอ็มเบอร์ลอร์ดกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น แต่เพราะนี้คือคำใบ้ที่เอ็มเบอร์ลอร์ทิ้งไว้ให้พวกเขา จึงเป็นไปได้ว่าแทนที่จะไปพบเขาที่นั่น พวกเขาจะออกค้นหาตำแหน่งของเหยื่อรายต่อไปแทน หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฟลินท์ก็สตาร์ทรถและเหยียบคันเร่งไปทันที! พวกเขาจำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่บ้านของยามิเล็ต เฟซเดี๋ยวนี้! “คุณแน่ใจจริง ๆ เหรอว่า เอ็มเบอร์ลอร์ดจะซ่อนอยู่ที่นั่น พี่เจอรัลด์…?” เรย์ถามระหว่างทางไปที่นั่น เจอรัลด์ส่ายหน้าแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจังว่า “บอกตามตรง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน นั่นก็เพราะเอ็มเบอร์ลอร์ดเป็นคนจู้จี้จุกจิกและไม่เคยทำตามกฎเกณฑ์ ฉันเดาว่าเลขพวกนี้จะนำเราไปสู่เหยื่อรายต่อไป แต่ในการตามหาเหยื่อรายนั้น เราจะเข้าใกล้ที่กบดานของเอ็มเบอร์ลอร์ดอีกก้าวหนึ่งอย่างแน่นอน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เรย์ก็พยักหน้าเข้าใจ... หลังจากขับรถไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงบ้านคุณยายของเอ็มเบอร์ลอร์ด ยามิเล็ตอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ อันห่างไกล และไม่นานทั้งสามก็เดินอยู่ในถนนของหมู่บ้าน
"สวัสดี? เจอรัลด์มีอะไรหรือเปล่า?” ผู้เฒ่าฟลินท์ถามจากอีกฟากหนึ่งของสาย “ผู้เฒ่าฟลินท์ ถึงผมจะรู้ว่าคุณไม่อาจยอมให้เราเข้าร่วมการสืบสวนได้ แต่ผมก็หวังว่าคุณจะสามารถช่วยเราได้ นั่นก็แปลว่าหากคุณต้องการคลี่คลายคดีและจับเอ็มเบอร์ลอร์ดให้ได้ ก็ช่วยตั้งใจฟังผมและเชื่อผมด้วย ทุกสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งทีเดียว!” เจอรัลด์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้เฒ่าฟลินท์ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าในที่สุดเขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาสามารถไว้ใจเจอรัลด์ได้ ดังนั้นเขาจึงเต็มใจที่จะเสี่ยงเหนือสิ่งอื่นใด ทั้งเขาและเด็กหนุ่มต่างก็ต้องการให้คดีคลี่คลายลงและจับตัวเอ็มเบอร์ลอร์ดได้ในท้ายที่สุด “…เอาล่ะ บอกมาว่าฉันจะช่วยยังไงได้บ้าง!” “มุ่งหน้าไปที่สำนักงานเขตเดี๋ยวนี้เลย ผมเองก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน แล้วเมื่อเราพบกันที่นั่นผมจะบอกข้อมูลเพิ่มเติมกับคุณทีหลัง!” เจอรัลด์ตอบก่อนจะวางสาย ครึ่งชั่วโมงต่อมาเรย์และเจอรัลด์ได้พบกับผู้เฒ่าฟลินท์ ณ สถานที่ที่พวกเขานัดกัน “เรามาทำอะไรที่นี่ เจอรัลด์…?” ผู้เฒ่าฟลินท์เอ่ยถามอย่างสับสน “ฟังนะ ผมต้องการให้คุณตรวจสอบประวัต
เมื่อตระหนักว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เฒ่าฟลินท์ เจอรัลด์และเรย์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกผู้เฒ่าฟลินท์อดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อยในขณะที่เขาถามอย่างงุนงงว่า “…พวกนายสองคนเองเหรอ? มาทำอะไรกันที่นี่? แล้วเข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”หัวหน้าสารวัตรมีคำสั่งไม่ให้เขาติดต่อกับเจอรัลด์อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังได้รับแจ้งว่าเจอรัลด์ไม่ได้รับอนุญาตให้มาช่วยในการสืบสวนอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ผู้เฒ่าฟลินท์จึงทำได้เพียงเชื่อฟังผู้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น“เรามาตามหาเบาะแส!” เจอรัลด์ตอบ “ฟังนะ ฉันต้องขอโทษ ด้วย แต่นายสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้มายุ่งย่ามกับคดีนี้อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นได้โปรดออกไปเสีย! ถ้านายกลับมาที่นี่อีกครั้ง เราก็จำเป็นต้องจับพวกนายกลับไปกับเราด้วย!” ผู้เฒ่าฟลินท์เตือน เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ทำเพียงแค่พยักหน้า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างเรื่องยุ่งยากให้แก่ตาเฒ่าคนนี้ เจอรัลด์จึงตอบกลับไปว่า “รับทราบ!” ขณะที่เขากำลังจะจากไปพร้อมกับเรย์ เขาก็ได้ยินเสียงผู้เฒ่าฟลินท์ตะโกนว่า "เดี๋ยวก่อน! ตอนที่อยู่ที่นี่นายได้พบเบาะแสอะไรบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีล่ะก็ช่วยมอบมันให้เราด้วย!” เ