เมื่อมองดูขณะที่เธอเผยยิ้มจาง ๆ หลังจากที่พูดแบบนั้น เจอรัลด์จึงหยิบจี้ออกมาก่อนจะพูดขึ้น “คุณ... อยากอยู่ในจี้นี้เหรอ?”“ใช่ เพื่อให้ท่านหาข้าเจอจริง ๆ ข้ารู้สึกว่าต้องมีคนบอกให้ท่านนำศพของข้าไปฝังร่วมกับลีมิสใช่หรือไม่? จุดหมายของที่ฝังศพอยู่ในจี้หยกโลหิตมังกร ดูเอาเถิด มีพื้นที่บริสุทธ์และธรรมชาติเหมาะแก่ข้า เพื่อให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายในจี้ หรือกล่าวอีกนัยคือ ข้าฝึกตนในที่แห่งนั้นได้!” ไซล่าอธิบาย“...ผมเข้าใจแล้ว! จะว่าไป ไซล่า คุณรู้ไหมว่าบุคคลลึกลับนั่นเป็นใคร...?”“ข้ารู้ว่าเขาเป็นใคร แม้ว่าข้าจะไม่มั่นใจเรื่องนี้มากนัก ส่วนเรื่องที่เจาะจงยิ่งกว่านั้น ท่านจงต้องรอจนกว่าจะได้พบกับลีมิส เมื่อท่านทั้งสองผสานเข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์แล้ว โดยพึ่งพลังจากจี้หยกโลหิตมังกร คงใช้เวลาไม่นานนักเพื่อฟื้นพลังสุดยอดของท่าน” ไซล่าตอบ“ฟื้นพลังสุดยอดของผมงั้นเหรอ...?” เจอรัลด์ถามด้วยความรู้สึกสับสน แม้ว่าเขาพอจะเข้าใจในสิ่งที่เธอพยายามจะสื่อ‘เธอต้องการจะบอกว่า เธออยากให้ฉันกลับไปในยุคของลีมิส เทพเจ้าแห่งสงครามใช่ไหม...? ถ้าอย่างนั้น ฉันเป็นร่างจุติของเทพจริง ๆ ใช่ไหม...?’ เจอรัลด์คิดใ
"มีอะไรเหรอ?" เจอรัลด์ถาม “แม้ว่าฉันจะถูกกักขังไว้ในห้องลับของตระกูลกันเทอร์โดยราชาแห่งประตูมิติแห่งการพิพากษาอยู่ตลอดเวลา แต่ฉันก็มีสติสัมปชัญญะที่ดีตลอด ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงได้ยินแผนที่พวกกันเทอร์วางเอาไว้ทั้งหมด และจากสิ่งที่ฉันจำได้ พวกกันเทอร์ดูเหมือนจะจับเพื่อนของคุณสองคนไปเป็นเชลย หนึ่งในนั้นมีคนที่ใช้นามสกุลทินดอล ในขณะที่อีกคนหนึ่งใช้นามสกุลเบเกอร์ ทั้งคู่น่าจะถูกขังอยู่ในห้องลับใต้ดินของคฤหาสน์กันเทอร์!” “นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงหาเชสเตอร์ไม่เจอ! เจอรัลด์บอกให้ฉันตามหาเขา แต่มันน่าแปลกที่ฉันหาเขาไม่เจอสักที แม้จะสืบหาข้อมูลมาสองสามวันแล้วก็ตาม! ปรากฏว่าพวกกันเทอร์ได้ตัวเขาไปแล้วนั่นเอง!” ปีเตอร์พูดพร้อมกับส่ายหัว เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจอรัลด์ก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดได้กลายเป็นจริงอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อไม่นานมานี้ เขาเองก็เกือบจะตกหลุมพรางของพวกตระกูลกันเทอร์เช่นกัน หลุมพรางที่ทำให้โฮแกนเกือบจะฆ่าเขาได้สำเร็จ ในขณะที่เชสเตอร์ยังคงอยู่ในโรงแรมภายใต้คำสั่งของเจอรัลด์ และเป็นเวลาเดียวกันกับตอนที่โฮแกนยังโจมตีเขาอยู่ เจอรัลด์สัมผัสได้ว่าเชสเตอร์ก็ตกอยู่ในอัน
ในขณะที่พวกเขาแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ และช่วยกันค้นหาจนทั่วทั้งป่าทึบ โฮแกนเองก็กำลังนำทีมที่มีผู้ช่วยทั้งหมดห้าคนด้วยกัน และตอนที่พวกเขากำลังค้นหากันอย่างขะมักขะเม้นอยู่นั้น จู่ ๆ หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของโฮแกนก็ตะโกนว่า “มีคนอยู่ข้างหน้า โฮแกน!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น กลุ่มอื่น ๆ ที่เหลือก็พากันพุ่งไปข้างหน้าทันที และในไม่ช้าพวกเขาก็ไปยืนอยู่ข้างคน ๆ นั้น ขณะที่พวกเขากำลังวิ่งเข้าไป พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าคน ๆ นั้นไม่เพียงแต่เดินกะโผลกกะเผลกเท่านั้น แต่เขายังสวมเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น และมีรอยแผลทั่วทั้งร่างกายอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาก็ได้มายืนอยู่ข้างชายคนนั้นแล้ว ดวงตาของโฮแกนเบิกกว้างด้วยความตกใจ ในขณะที่เขาพูดว่า “… นาย… นายน้อยกันเทอร์…?” มีคนติดต่อเฟลตันได้เป็นคนสุดท้ายเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากที่เขาถูกส่งไปที่ดอร์ดเวลล์ ไฮท์ส เพื่อตามหาเจอรัลด์ จากนั้นก็ไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้อีกเลยจนกระทั่งตอนนี้อีเร็ตที่กำลังรู้สึกวิตกกังวลพบเบาะแสบางอย่าง เธอจึงตัดสินใจส่งคนหลายคนไปที่ภูเขาเพื่อตามหาเขา แม้ว่าจะไม่พบอะไรเลยก็ตาม พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเฟลตั
อีเร็ตไม่ได้ตำหนิการกระทำของหลานชายเธอ เพราะเธอรู้ดีว่าที่เขาทำเช่นนั้นลงไปก็เพราะเขาแค่คิดว่าเธอคือเจอรัลด์ หลังจากที่เขาได้ผ่านความทุกข์ทรมานมามากมาย ก็ไม่แปลกใจเลยที่อารมณ์ของเฟลตันจะพลุ่งพล่านถึงเพียงนี้ 'ทำไมเขาถึงได้บอบช้ำถึงเพียงนี้...? เป็นเพราะไอ้บ้าเจอรัลด์นั่น…! ฉันจะสับมันให้เป็นชิ้น ๆ ถ้านั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันทำ! ฉันจะต้องแก้แค้นแทนเขาแน่นอน…!’ อีเร็ตคิดกับตัวเอง ในขณะที่ความอาฆาตแค้นปรากฏให้เห็นชัดในดวงตาของเธอ แม้ว่าเธอจะโกรธอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับตระกูลกันเทอร์ ที่เฟลตันยังสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้ เนื่องจากทั้งสมาชิกของประตูมิติแห่งการพิพากษาและตระกูลกันเทอร์กำลังออกตามล่าเจอรัลด์อยู่ อีเร็ตจึงรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะจับตัวเขาอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ เธอจึงปล่อยให้เฟลตันพักฟื้นในคฤหาสน์กันเทอร์ ขณะที่เธอออกเดินทางไปตามล่าตัวเจอรัลด์ร่วมกับคนอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากทุกคนมุ่งเน้นไปที่การจับกุมเจอรัลด์ คฤหาสน์กันเทอร์จึงค่อนข้างที่จะเงี่ยบเหงาเมื่อถึงช่วงเวลาบ่าย ตอนนั้นเองที่เฟลตันตัดสินใจลงจากเตียงผู้ป่วยในที่สุด เฟลตันในส
“ได้โปรดเถอะ ฉันรู้ว่าทำไมเธอถึงอยากไปที่นั่นมากขนาดนี้… ฉันรู้ว่าย่าทวดจับเพื่อนสองคนของเจอรัลด์มาขังไว้ที่นั่น เธอแค่ต้องการระบายความโกรธด้วยการทำร้ายพวกเขาใช่ไหม?” ยูเมะพูดโดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง เพราะเธอเป็นคนที่เข้าใจถึงนิสัยใจคอของเฟลตันมากที่สุดในบรรดาทุกคน “พูดบ้าอะไรน่ะ! ฉันกำลังพยายามจะช่วยพวกเขา และพาพวกเขาไปยังที่ปลอดภัยต่างหากล่ะ!” เฟลตันตอบโต้ “…อะไรคือแรงจูงใจให้เธอคิดที่จะทำแบบนั้น…?” “ก็ดูสิ เจอรัลด์ฝังพิษที่ร้ายแรงไว้ในร่างกายของฉัน ถ้าฉันไม่ช่วยเพื่อนของเขา เขาจะฆ่าฉัน! เหตุผลนั้นดีพอสำหรับเธอหรือยัง?!” เฟลตันตอบ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความกลัว “… อย่างนี้นี่เอง! ไม่น่าแปลกใจเลยที่นิสัยใจคอของเธอดูเปลี่ยนไปมากตั้งแต่เธอกลับมา! ดีมาก! ในเมื่อมีเพียงคุณย่าทวดกับฉันเท่านั้นที่มีกุญแจสู่คุกใต้ดิน ฉันจะเป็นคนพาเธอไปที่นั่นเอง!” ยูเมะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเต็มใจ เพราะในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ยูเมะเองก็ได้ใช้สมองคิดอย่างหนักว่าเธอจะช่วยปลดปล่อยเพื่อน ๆ ของเจอรัลด์ออกจากที่นี่ได้อย่างไร วินาทีที่ยูเมะและเฟลตันเดินผ่านประตูหลักของคุกใต้ดินไป พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับทันทีด
“…นายท่านอยู่ที่นี่เหรอ?” เชสเตอร์ถามอย่างไม่แน่ใจนักว่าจะตอบโต้ต่อคำกล่าวของเขาอย่างไร “ฮ่าฮ่าฮ่า! อีกไม่นานเราก็จะรอดแล้ว! รอก่อนเถอะ ไอพวกกันเทอร์! เมื่อเราเป็นอิสระแล้ว ฉันจะเผาที่นี่ให้ราบคาบอย่างแน่นอน!” เอเดนคำรามด้วยความโกรธ หลังจากนั้นไม่นาน เฟลตันและยูเมะก็มาถึงที่ห้องของอีเร็ต เมื่อทั้งสองคนเดินเขาไปในห้อง พวกเขาก็พบว่าผังห้องไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมาก ความจริงแล้ว มันดูค่อนข้างจะเรียบง่ายด้วยซ้ำไป สิ่งเดียวที่ดูผิดปกติก็คือโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ด้านหนึ่งของห้อง และชั้นวางของที่อยู่ด้านหลังมัน “…ห้องลับน่าจะอยู่ตรงนี้หรือเปล่า…?” เฟลตันถาม “น่าจะใช่… แต่เท่าที่ฉันรู้ คุณย่าทวดมีห้องลับอยู่สองห้อง ฉันไม่แน่ใจว่าเธอรู้เรื่องนี้หรือไม่ แต่ย่าทวดมีห้องลับที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านห้องค้นคว้าพิเศษของเธอ มันเป็นสถานที่ที่เธอขังผู้หญิงในชุดขาวเอาไว้ สำหรับห้องนี้… ครั้งหนึ่งฉันเคยเห็นย่าทวดออกมาจากห้องผ่านทางลับหลังชั้นวางของตอนที่ฉันยังเด็กมาก… ด้วยเหตุนี้ ในห้องนี้น่าจะมีอุปกรณ์บางอย่างที่สามารถเปิดทางลับด้านหลังชั้นวางของนั่นได้ ถ้ามันเป็นวิธีเดียวกันกับที่เธอใช้เปิดห้องลับ
“…ค คุณเป็นใคร…? แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ในคฤหาสน์ของเรา…?” ยูเมะถามด้วยความประหลาดใจ “ฮ่าฮ่าฮ่า! คฤหาสน์ของเธอหรอ? นี่คือคฤหาสน์ของฉัน! ฉันเป็นคนที่ก่อตั้งตระกูลกันเทอร์ สาวน้อย! เธอทั้งสองคนไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าลูกหลานของฉัน!” แสงสีดำตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้อง ก่อนจะค่อย ๆ กลายร่างเป็นชายชรา การที่เขามีผมขาวเป็นกระจุกรอบศีรษะ และหนวดเคราที่ยาวลงมาถึงหน้าอก ทำให้ยากที่จะปฏิเสธได้ว่าชายชราคนนี้ดูเหมือนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ จากนั้นยูเมะที่กำลังตกใจจึงตอบกลับไปว่า “…ค คุณพูดว่าอะไรนะ…?” เจอรัลด์เองก็กำลังจ้องมองไปที่ชายชราด้วยความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จากสิ่งที่เจอรัลด์สามารถบอกได้ รูปแบบการดำรงอยู่ของชายชรานั้นค่อนข้างคล้ายกับจิตวิญญาณของผู้หญิงในชุดขาว อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างจิตวิญญาณของคนทั้งสอง นั่นก็คือพลังงานที่ชายชราปลดปล่อยออกมาจากตัวเขาเองนั้นแข็งแกร่งกว่าพลังของผู้หญิงในชุดขาว ในขณะที่ผู้ในชุดขาวไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าจิตวิญญาณธรรมดาทั่วไป ก่อนการหลอมรวมเป็นร่าง แต่ร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ท้ายที่ส
"ใช่แล้ว! เมื่อฉันได้ครอบครองร่างของเจอรัลด์ ฉันก็จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง! หลังจากนั้น ครอบครัวของเราจะได้มุ่งหน้าไปยังจาเอลตราด้วยกัน ซึ่งเป็นโลกที่สมบูรณ์แบบสำหรับตระกูลกันเทอร์ เพื่อที่จะได้ครองอำนาจสูงสุดในฐานะเจ้าเหนือหัว! เมื่อถึงตอนนั้น ตระกูลของเราจะเป็นผู้ควบคุมทั้งสวรรค์และโลกทั้งหมด!” ชายชรากล่าวเสริม ขณะที่เขาหัวเราะอย่างผู้มีชัย “…ว่าแต่ว่า… คุณพาเราทั้งคู่ลงมาที่นี่เพียงเพราะต้องการจะบอกเรื่องนี้กับเราหรือเปล่า…?” ยูเมะถาม “นั่นเป็นคำถามที่ดีนะ! คืออย่างนี้ แม้ว่าร่างกายของเจอรัลด์จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับฉันอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อีเร็ตและคนอื่น ๆ ก็โง่เขลาเกินไป หลังจากทนรออยู่ที่นี่อย่างใจจดใจจ่อมานาน ฉันก็ไม่อยากจะรออีกต่อไปแล้ว! บวกกับความจริงที่ว่า ฉันรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่าอีเร็ตจะลงเอยด้วยการทำลายร่างที่ฉันต้องการจะครอบครอง ฉันกำลังวางแผนที่จะกลับมาให้เร็วกว่านั้น! อย่างไรก็ตาม การที่จะทำเช่นนั้นได้ ก่อนอื่นฉันต้องมีร่างกายที่เหมาะสมเพื่อให้ฉันสิงสถิตเสียก่อน และร่างกายของเธอทั้งสองคนก็ดูเหมือนจะมีพลังที่เพียงพอ…” ชายชราตอบ เขาหันไปมองเจอรัลด์แล้วพูดเสริ