อาจารย์ของนาโคลได้ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปกป้องนาโคลในตอนนั้น ถึงขั้นสั่งให้เขาหนีไปที่คฤหาสน์ของพวกกันเทอร์ เพื่อขอหลบภัยและขอความช่วยเหลือจากพวกเขา!ในตอนนั้น ชายหนุ่มได้ฆ่าคนไปแล้วสิบแปดคนโดยที่เขาไม่เสียเหงื่อเลยแม้แต่น้อย นาโคลและอาจารย์ของเขาพบว่าเขารู้วิธีใช้มนต์ดำเช่นกัน! เวทมนตร์ของเขาดูเหมือนจะมาจากดอกไม้หน้าตาประหลาดที่เขาถืออยู่ในมือหลังจากที่นาโคลเริ่มวิ่งหนี ชายหนุ่มก็วิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และได้ประทับดอกไม้ประหลาดนั้นไว้บนอกของเขา! ทันทีที่เขาทำเช่นนั้น นาโคลก็รู้สึกราวกับว่า วิญญาณของเขากำลังจะแตกสลาย และเขาก็เกิดอาการวิงเวียนขึ้นมาทันทีถึงกระนั้น นาโคลก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองล้มลงได้ในขณะนั้น เพราะอาจารย์ของเขายังคงรอคอยความช่วยเหลือจากพวกกันเทอร์ที่เหลืออยู่ เมื่อคิดได้เช่นนั้น นาโคลก็กัดฟันและคลานไปข้างหน้าต่อ ในขณะที่เขาทนฟังเสียงกรีดร้องของผู้คนที่กำลังจะตายอยู่ข้างหลังเขาเขาช่างแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน… ไม่มีใครที่อยู่ตรงนั้น จะแข็งแกร่งพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย!หลังจากที่คลานไปเรื่อย ๆ อยู่พักใหญ่ ในที่สุดนา
เจอรัลด์รู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินเรื่องราวของอาจารย์นาโคลอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะมีเสียงที่คอยบอกเขาว่า มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่เบื้องหลังดอกเด้ด แอนนี่แต่ถึงอย่างนั้น เจอรัลด์ไม่ได้ตั้งใจที่จะเปิดเผยข้อสงสัยทั้งหมดที่เขามีต่ออาจารย์นาโคลท้ายที่สุดแล้ว อาจารย์นาโคลก็เป็นคนที่เรียบง่ายและสุภาพเรียบร้อยเนื่องจากเขาไม่ใช่คนหนุ่มสาว และไม่มีประสบการณ์เหมือนที่เขาเคยเป็นในตอนนั้นแล้ว เขาจึงละทิ้งความเกลียดชัง และความแค้นทั้งหมดที่มีในใจ ในปัจจุบัน เขาตั้งอกตั้งใจ และจดจ่ออยู่กับการทำสมาธิเท่านั้นเขาชื่นชมความจริงที่ว่า เจอรัลด์ได้ช่วยชีวิตเด็กทารกมากกว่าร้อยชีวิตเอาไว้ ดังนั้น อาจารย์นาโคลจึงเต็มใจที่จะตอบทุกคำถามที่เจอรัลด์ถามเขาท้ายที่สุด อาจารย์นาโคลได้เขียนจดหมายพิเศษฉบับหนึ่งขึ้นมา เพื่อแนะนำเจอรัลด์ให้รู้จักกับครอบครัวกันเทอร์เป็นการส่วนตัว!สิ่งนี้จะช่วยเจอรัลด์ให้ผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ ที่เขาต้องเผชิญได้มากมายแม้ว่าอาจารย์นาโคลจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับพวกเขา แต่เขาก็ยังมีสายสัมพันธ์บางอย่างกับครอบครัวกันเทอร์ เพราะเป็นอาจารย์ของเขาเจอรัลด์รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เ
อาการบาดเจ็บของเชสเตอร์เกือบจะหายดีแล้วดังนั้นเจอรัลด์จึงพาเชสเตอร์ออกเดินทางไปกับเขาด้วยพร้อมกับจดหมายฉบับนั้น และพวกเขาก็มาถึงเมืองเคอร์ตันในช่วงเวลาพลบค่ำของวันเดียวกัน“ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว เราควรมุ่งหน้าไปที่ภูเขาวันนี้เลยไหมครับ?” เชสเตอร์ถาม“เราจะหาโรงแรมที่จะพักสำหรับคืนนี้ก่อน แล้วพรุ่งนี้เราค่อยออกเดินทางไปที่ภูเขาแต่เช้า!” เจอรัลด์ตอบ ในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าจากนั้น เขาก็มองสำรวจไปรอบ ๆ เมืองเคอร์ตันมันเป็นเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูงตระหง่านนับไม่ถ้วนหลังจากนั้น เชสเตอร์ก็หาโรงแรมให้พวกเขาได้ ก่อนที่จะจองห้องพักสองห้องแยกกันหลังจากวางสัมภาระในห้องของตัวเองแล้ว ทั้งคู่ก็ออกไปทานอาหารที่ร้านอาหารเล็ก ๆ และเรียบง่ายพวกเขาสั่งอาหารท้องถิ่นสองสามอย่างมารับประทาน จากนั้นก็กลับไปที่โรงแรมหลังทานอาหารจนอิ่มอย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น จู่ ๆ พนักงานต้อนรับที่แผนกต้อนรับก็ตะโกนเรียกพวกเขา“คุณคะ! ต้องขอโทษคุณทั้งสองด้วยจริง ๆ!” พนักงานต้อนรับเดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า และรีบกล่าวขอโทษขอโพย"เกิดอะไรขึ้นเหรอ?" เชสเตอร์ถาม“คือ โรงแรมของเราถูกจองจน
“คุกเข่าต่อหน้าคุณหนูไซม์เดี๋ยวนี้! บางทีคุณหนูไซม์อาจจะยกโทษให้แก ถ้าเธอพอใจ!” บอดี้การ์ดพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“พี่ชาย อะไรที่ให้อภัยกันได้ก็ควรจะเลิกแล้วต่อกันเถอะนะครับ คุณไม่จำเป็นจะต้องทำถึงขนาดนี้หรอก เราไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณขุ่นเคืองแต่อย่างใด!” เจอรัลด์กล่าวหลังจากนั้น เขาก็เดินไปหยิบกระเป๋าที่บอดี้การ์ดเตะออกไป ก่อนจะเตรียมออกเดินทางอีกครั้ง“ชิ! ฉันอนุญาตให้แกออกไปตอนไหนเหรอ?! ใครกันที่บอกว่าเขาไม่สนใจว่าฉันจะเป็นคุณหนูไซม์ หรือคุณหนูซอมม์? เดฟ ฉันอยากให้เธอหักฟันของเขาออกให้หมด!” ในตอนนี้ หญิงสาวเองก็ยืนขึ้นด้วยท่าทีที่เย็นชาเช่นกันเชสเตอร์ไม่พอใจและโมโหมาก แต่เขาก็ทำได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้เมื่อบอดี้การ์ดคนหนึ่งได้ยินคำพูดของคุณหนูไซม์ เขาก็เตะกระเป๋าที่เจอรัลด์หยิบขึ้นมาอีกครั้ง“พวกแกกำลังรนหาที่ตายซะแล้ว!” บอดี้การ์ดทั้งสี่ตะโกนออกมาพร้อมกันขณะที่พวกเขาพูด พวกเขาก็หยิบกระบองเหล็กออกมา ก่อนที่จะพยายามใช้พวกมันตีเจอรัลด์และเชสเตอร์“หืม?”แม้ว่าเจอรัลด์จะไม่ต้องการมีปัญหากับพวกเขา แต่คนจากตระกูลไซม์ก็เอาแต่วางอำนาจ และทำตัวหยิ่งผยองจนเกินไปคนธรรมดาทั่วไป
เอเดนอยู่กับชายหญิงกลุ่มหนึ่งเจอรัลด์อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองพวกเขาอยู่หลายครั้ง เพราะเขาเห็นเหมือนมีกำลังภายในจาง ๆ ปกคลุมอยู่รอบ ๆ ตัวพวกเขาทุกคนเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้“ผมมาถึงที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้วครับ พี่ชาย! พวกคุณมาทำอะไรที่นี่? มาที่นี่เพื่อฝึกฝนเหมือนกันเหรอครับ?” เอเดนถามด้วยความประหลาดใจ“ฝึกอะไร” เจอรัลด์ถาม"อ่ะแฮ่ม! ฮึ!"ในเวลาเดียวกัน หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอเดนก็อดไม่ได้ที่จะกระแอมออกมาเล็กน้อย ขณะที่เธอส่งสัญญาณให้เอเดนหยุดพูดมาก“นี่คือพี่ชายของฉันเอง เราสองคนจะคุยกันอีกสักพัก พวกเธอไปกันก่อนก็ได้!” เอเดนพูด ขณะที่มองไปที่พวกเขาเดิมทีเจอรัลด์มีเจตนาที่จะพยักหน้าและกล่าวทักทายพวกเขาเพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็เป็นเพื่อนของเอเดนไม่ใช่หรอกหรือ?อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสนใจที่จะมองเจอรัลด์ หรือแม้แต่จะกล่าวทักทายเขาเลยพวกเขาเดินตรงเข้าไปในลิฟต์"พวกเขาเป็นใคร? พวกเขามาจากกรมทหารเหรอ?”เจอรัลด์อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสับสน ทันทีที่พวกเขามาถึงห้องของเจอรัลด์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องการฝึกฝนที่เอเดนได้กล่าวถ
"เฮ้! เอเดน พวกเราอยู่ตรงนี้!”หลังจากนั้นไม่นาน เจอรัลด์ เอเดน และเชสเตอร์ก็เดินลงมาข้างล่างเด็กสาวคนอื่น ๆ ก็เห็นพวกเขาเช่นกัน และพวกเธอก็ทักทายเอเดนในทันทีในบรรดาเด็กสาวเหล่านี้ ผู้นำของกลุ่มมีชื่อว่า ลีเจน ทั้งลีเจนและเอเดนจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยซันนี่เดลหลังจากสำเร็จการศึกษา ลีเจนได้กลับไปทำงานที่เมืองเคอร์ตัน บ้านเกิดของเธออย่างไรก็ตาม เธอได้ติดต่อพูดคุยกับเอเดนมาโดยตลอดในบรรดาสาว ๆ แม้ว่าพวกเธอทั้งหมดจะดูโดดเด่นมาก แต่พวกเธอก็ยังสามารถถูกจัดเป็นลำดับที่แตกต่างกันได้ลีเจนแทบจะไม่เป็นสองรองใครนั่นก็เป็นเพราะว่า เธอเป็นผู้หญิงที่ไว้ผมยาวที่สุดในหมู่สาว ๆ เธอมีรูปร่างที่สวยงามและสมบูรณ์แบบมาก เธอสูงโปร่ง และแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูน่ามองเมื่อใดก็ตามที่เธอยิ้ม มันดูเหมือนว่าอนุภาคที่อยู่ในอากาศรอบตัวเธอทั้งหมดนั้นได้เกิดการแข็งตัวไปชั่วขณะผู้ชายบางคนที่ยืนรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถเมล์ข้าง ๆ ต่างหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยเจตนาร้าย พวกเขาพากันถ่ายรูปสาวสูงโปร่งที่สวยงามจับตาอีกคนชื่อของเธอคือ โซลา และเธอเป็นเพื่อนสนิทของลีเจนวันนี้ทุกคนออกมาเที่ยวเล่นและสนุกด้วยกัน พวกเธอ
ดังนั้นพวกเขาจึงพากันไปนั่งที่โต๊ะที่อยู่ห่างไกลออกไปเจอรัลด์ไม่ได้สังเกตว่าการมาถึงของเขาจะดึงดูดความสนใจของเด็กเสิร์ฟคนหนึ่งที่อยู่ในบริเวณนั้น เด็กเสิร์ฟคนนั้นแอบชำเลืองมองเจอรัลด์อยู่หลายครั้งหลังจากที่เขามั่นว่าเจอรัลด์เป็นใครแล้ว เขาก็วางจานในมือลง ก่อนที่จะหันหลังกลับ และจากไป ในเวลาเดียวกัน เขาก็พูดบางอย่างกับเครื่องวิทยุสื่อสารของเขาด้วยในเวลาเดียวกัน หญิงสาวสวยที่แต่งตัวสง่างามคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในงาน และเธอก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายในทันทีเธอมีรอยยิ้มที่สวยงามบนใบหน้าของเธอ ที่ทำให้คนที่เห็นเป็นต้องละลาย ขณะที่เธอเดินตรงไปที่โต๊ะด้านหน้า ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนจากทีมฝึกอบรม“เฟอร์นันโด! คุณก็อยู่ที่นี่ด้วย!"เธอยิ้ม ขณะที่กำลังพูดกับชายซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะท่ามกลางกลุ่มคน และกำลังจ้องเธอตาเขม็ง จากนั้นเธอก็ทำท่าเขินอาย และใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แดงระเรื่อทันทีที่เห็นชายที่ชื่อเฟอร์นันโด“มาทิลดา ไม่เจอกันนานเลยนะ!”สำหรับเฟอร์นันโดนั้น เขาแค่เงยหน้าขึ้นมามองเธอ ก่อนจะฝืนยิ้มออกมาจากใบหน้าอันแสนเย็นชาของเขา“คุณมาทิลดา! คุณสัญญาว่าจะมาที่นี่กับเฟอร์นันโด และพวก
ในขณะเดียวกัน เฟอร์นันโดก็บังเอิญหันไปเห็นชายทั้งสอง หลังจากที่เขามองไปยังทิศทางที่บอดี้การ์ดชี้ไปพอดีมีบอดี้การ์ดหลายสิบคนล้อมรอบชายทั้งสองคนอยู่ในขณะนี้“ไอ้พวกสารเลว! พวกแกเสร็จฉันแน่คราวนี้! เฟอร์นันโด ฉันอยากให้คุณควักลูกตาและหักแขนขาทั้งหมดของพวกมันด้วย!” มาทิลดาพูดด้วยความโกรธ ขณะที่เธอกำหมัดแน่นเฟอร์นันโดพยักหน้ารับคำในฝั่งของเจอรัลด์ เชสเตอร์ และเอเดน พวกเขาต่างกำลังจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นภายในสังเวียนเห็นได้ชัดว่า นักสู้สองคนนี้ได้ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักมาเป็นเวลานาน ทักษะและความสามารถของพวกเขาจึงมีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ดังนั้นการต่อสู้ของพวกเขาจึงดุเดือด และประทับใจคนดูเป็นอย่างมาก"คุณคลอฟอร์ด ผมคิดว่ากำลังมีบางอย่างผิดปกติครับ ดูเหมือนบอดี้การ์ดพวกนั้นกำลังตามหาเราอยู่ และยิ่งไปกว่านั้น ผมยังเห็นหญิงสาวที่เราพบเมื่อตอนบ่ายวันนี้อีกด้วย!”เชสเตอร์พูด ในขณะที่เขากำลังดื่มน้ำผลไม้ และจับตามองการต่อสู้ที่ดำเนินขึ้นในสังเวียน“อืม ฉันก็สังเกตเห็นมานานแล้ว ฉันเห็นว่ามีคนจับตามองเราทันทีที่เราก้าวเข้ามาในงานเลี้ยงนี้ ฉันไม่คิดเลยว่าลูกสาวของตระกูลไซม์จะไร้เ